รีวิว วิธี การเอาชนะโรค กลัวความสกปรก

ออกตัวก่อนว่า ตัวเองไม่ใช่หมอ และยังรักษาไม่หายขาด แต่อาการดีขึ้นเลยอยากโพสไว้ให้เพื่อนสมาชิกที่คิดว่ามีอาการ ได้มีแนวทางรักษาครับ

อาการเริ่มแรก
โรคนี้มันจะเป็นโรคทางจิต ในส่วนของ ย้ำคิดย้ำทำ เริ่มแรกเลย ผมก็เป็นคนปกติทั่วไปนี้แหละ มีการเอามือจับนู้นนี้นั้นแล้วหยิบขนมกินบ้าง มีการเอาช้อนพลาสติกที่แถมๆมาโดนถุงพลาสติกมากินข้าวบ้าง กินของที่เค้าใช้มือทำมือหยิบเป็นเรื่องปกติ 
แต่แล้ว......วันนึง ก็เริ่มที่จะเกิดอาการ ย้ำคิดย้ำทำ เริ่มสังเกตุแม่ค้าทำอาหาร ทำไมใช้มือหยิบผักชี ทำไมใช้มือถือหยิบของให้เรากิน แล้วมือเค้าจะไปเกาหัว ทำนู้นทำนี้มาก่อนหรือเปล่า (เริ่มคิดแหละ) ก็จะเริ่ม Step ต่อมา ก็บอกตัวเองจะไม่กินของที่แม่ค้าใช้มือหยิบเลยเด็ดขาด เหมือนดีใช่ไหมครับ แต่ส่วนตัวผมเป็นตัว โรค Perfect ด้วย พอเริ่มคิดก็เริ่มตั้งกฎในชีวิตไปเรื่อยๆ จาก แค่หยิบนิดหน่อยได้ ก็มาเป็นต้องห้ามหยิบเลย เอาจะอี้มาก แล้วก็พัฒนาต่อมาเป็น ช้อนพลาสติกไม่ควรโดนถุงพลาสติกหรืออะไรเลย

อาการระยะต่อมา
หลังจากตั้งกฎเราก็จะทำไปนานๆ จะเกิดความเคยชิน แล้วมันก็จะหนักไปเรื่อยๆ จากเรื่องการกิน จะมาเป็นเช่น ที่ตักน้ำแข็ง ต่อให้วางสะอาดแค่ไหน เราก็จะสามารถคิดได้เช่น อันนี้มันโดนมือคนอื่นแล้วนิดนึง แล้วทำให้น้ำแข็งโดนมือคนอื่นด้วย (อารมณ์ คล้ายๆจับมือทางอ้อม ที่แซวๆกัน) อย่าพึ่งด่าว่า เจ้าของกระทู้เยอะ ก็เยอะจริง ฮ่าๆ 

อาการระยะต่อมาที่หนักขึ้น
หลังจากนั้นพอเราคิดตรงนี้ เราก็จะเริ่มอบบไม่เอาแหละ ต่อไปจะไม่ใช่ร่วมกับของที่มันจะสัมผัสทางอ้อม ร่างกายก็จะค่อยๆปรับพฤติกรรมให้ชิน แล้วเยอะขึ้น จากต่อมา เราก็จะเริ่มคิดว่า คนอื่นไปจับนู้นนี้นั้นมา เราควรล้างมือจะได้สะอาด เช่น.....กลับมาก็เริ่มล้างมือด้วยสบู่ เพราะไปจับลูกบิดประตูร่วมกับคนอื่น มันต้องสกปรกแน่เลย เอาสะอาดๆ ล้างมือทุกครั้งที่กลับมาเลยแล้วกัน หรือ ทุกครั้งที่จับสิ่งของร่วมกับคนอื่นเลยแล้วกัน 

อาการระยะต่อมาที่หนักขึ้นยกกำลังสอง
หลังจากนั้นเราก็จะเริ่มล้างมือบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จับนิดจับหน่อยก็จะล้างมือแหละ เพราะคิดมโนต่างๆนานๆว่า คนอื่นจับสิ่งนั้นสิ่งนี้มา แล้วมากินขนมร่วมกับเราอี้ สกปรกหว่ะ แล้วจากอี้คนอื่น จะเริ่มมาอี้ตัวเองแล้ว เช่น กลอนประตูที่เราจับประจำมีแค่เราจับ เราก็ควรไปล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดทุกครั้งก่อนมาจับไรกิน แล้วมันก็จะหนักเรื่อยๆ เริ่มล้างมือบ่อยขึ้น 

อาการระยะต่อมาต่อมา
มันก็จะเริ่มเยอะ ขึ้นเรื่อยๆ จากล้างมือบ่อยขึ้นกลัวไม่สะอาด ก็จะมาแบบล้างมือทุกครั้งก่อนนอน เพราะเรากลัวความสกปรกจากการพิมพ์คีย์บอร์ด แล้วเชื้อโรคจะไปติดกับที่นอนก่อนนอน เริ่มมีอาการย้ำคิดย้ำทำเริ่มเข้ามาแล้ว กลัวความสกปรกไปหมด เยอะขึ้นคือ กลัว Boxer ที่เราใส่ทั้งวัน เราถอดออก หรือจับโดน มันสกปรกกลัวมือเราจะไปจับ Boxer ตัวนี้แล้วไปจับอย่างอื่นจะสกปรกไปด้วย 
แล้วมันก็จะเริ่มเยอะไปเรื่อยๆ เช่น ผมอยู่หอใช้เครื่องซักผ้าร่วม โอเค มันก็แอบอี้แต่เนื่องจากที่เราใช้มานานก็ก่อนเป็นโรคก็จะพยายามไม่คิดอะไร แต่พอเอาผ้าออกมาแล้ว เจอก้อนขี้หมา ซึ่งต้องเดินผ้าเพื่อเอาผ้าขึ้นห้อง เราก็จะแบบอี้ ความสกปรกในก้อนขี้หมา จะมันติดผ้า ผ้าต้องไม่สะอาดแน่เลย ซักใหม่ดีกว่า มาแหละ อาการ ย้ำคิดย้ำทำเรื่องความสกปรก แล้วถ้าสมมุติเอาผ้าออกมา แล้วเกิดเจอฝุ่นมีรถมาจอดแล้วเจอควันรถก็จะเริ่มคิดวิธีการให้ผ้าคลีนขึ้น โดยหากล่องใส่ผ้าแบบปิดดีไหม

ระยะสุดท้าย ถ้ามีอาการพวกนี้ควรลองมองดูสิจะไปปรึกษาแพทย์ดีไหม หรือควรเริ่มรักษาแบบจริงจัง
-ล้างมือฟอกสบู่แบบบ่อยๆ สุดๆ มโนว่าเสื้อผ้าตัวเองที่จับมันสกปรก ทุกครั้งที่ถอดควรล้างมือฟอกสบู่ก่อนจับอย่างอื่น
-มโนว่า ฝุ่นความสกปรก หรือทางเดินผ่านมีถังขยะ ต่อให้ห่างแค่ไหน ต่อให้เอาผ้าซักเสร็จก็รู้สึกสกปรก ทนไม่ได้ต้องซักใหม่
-มโนว่า ไม้แขวนเสื้อมันไม่เคยล้าง แล้วบ้างทีมันสัมผัสกับเสื้อเก่าๆต้องสกปรกแน่เลย ล้างยิ้มเลย 555
-มโนว่า ไม้แขวนเสื้อโดนพื้นแล้ว แล้วมาแขวนเสื้อมันต้องสกปรก ก็เลยต้องล้างใหม่
-มโนว่า เอาเสื้อผ้าพึ่งใช้แบบไม่สกปรกมาก ไปใส่ในตู้เสื้อผ้า ร่วมกับผ้าใหม่มันต้องมีเชื้อโรคบินมาติดเสื้อผ้าใหม่แน่เลย
-มโนว่า เสื้อที่จ้างเค้าซัก ถ้าแบบโดนพลาสติกนิดนึง ถือว่าสกปรกมาก ทนไม่ได้บางทีต้องเอาไปลงตะกร้าเลยทั้งๆที่ยังไม่เคยใส่
-มโนว่า การใช้สิ่งของร่วมกับคนอื่น เป็นไรที่สกปรกแบบรับไม่ได้ เช่นใช้คีย์การ์ดบัตรร่วม กรณีลืมบัตร มันสกปรกเพราะไม่รู้มือคนอื่นจับไรมาไหม ต้องล้างมือดีกว่า แล้วล้างแบบฟอกสบู่ด้วยให้สะอาดๆ
-มโนว่า การเอามือไปเกาไรนิดๆหน่อยในร่างกาย เป็นไรที่สกปรกมาก ทำใจไม่ได้ต้องเดินไปล้างมือ เช่นเกาแขนรู้สึกสกปรก ต้องล้างมือฟอกสบู่ก่อน แล้วจะสบายใจ
-มโนว่า ตรงส่วนที่แม่ค้าสัมผัสภาชนะตักข้าวนั้นสกปรก สมมุติ แม่ค้าขายเกาเหลา แล้วตอนหยิบชามมือไปโดนตรงก้นๆก่อนที่จะเริ่ม เอาหมู เอาผักใส่ แล้วตักให้น้ำซุปใส่เป็นร้านสกปรก 
-มโนว่า จานที่แม่ค้าใส่อาหาร เค้าเอาผ้ามาเช็ด แล้วก็ไม่รู้ผ้านั้นสกปรกแค่ไหน มโนไปไกลแล้วรับไม่ค่อย ได้ แบบกินนิดๆแล้วทิ้งเลย 
-มโนว่า ราวตากผ้า ที่ซื้อมา พอเราเอาผ้าเก่าที่เคยใส่แล้วมาตาก มันต้องสกปรกส่วนนั้นต้องเอากระดาษชุบน้ำเช็ดแล้วจะสบายใจ
-มโนว่า กระดาษทิชชูแบบม้วน มันสำหรับใช้ในห้องน้ำเท่านั้น ไม่สามารถใช้เช็ดอย่างอื่นได้เลย เช่นเช็ดมือ ต้องใช้กระดาษแบบเช็ดหน้าเท่านั้น
-มโนว่า ขากางเกงที่แอบใช้ซ้ำเช่นกางเกงยีนส์ มันสกปรกถ้ามือไปโดนควรล้างมือฟอกสบู่ก่อนหยิบอย่างอื่น
-มโนว่า รองเท้าที่ใช้ประจำสกปรก สมมุติตอนใส่รองเท้ามือไปโดนบริเวณที่คิดว่าสกปรกของรองเท้าต้องล้างมือฟอกสบู่ทันทีก่อนทำอย่างอื่น

ถ้าคุณรู้สึกเป็นพวกนี้บ่อยๆแล้วย้ำคิดย้ำทำ คือ ย้ำคิดแล้ว พอได้ Reaction กับที่คิดแล้วมีความสุข เช่นล้างมือบ่อยๆ, ทิ้งข้าวยิ้มเลยเปลี่ยนร้านใหม่ ทั้งทีแม่ค้าเอามือจับไปโดนนิดนึง, ผ้าสกปรกเหรอ มันอาจจะมีไรมาติด งั้นซักใหม่ยิ้มเลย 3-4 รอบจนพอใจ, รู้สึกผ้าโดนนิดนึงมันสกปรกแน่เลยทั้งๆที่ไม่ได้ใส่อาจจะโดนไรสกปรกนิดหน่อยเช่น ละอองน้ำการน้ำที่มาจากก๊อกแล้วกระเด็นมาใส่เสื้อ รับไม่ได้ต้องเอาล้างนั้นลงตะกร้าแล้วรอซักใหม่

ถ้ามีอาการแบบนี้แสดงว่าเริ่มเป็นโรคกลัวความสกปรกแล้ว และมันจะหนักคิดเรื่อยๆ ถ้าไม่พบจิตแพทย์ หรือแก้ไขเนิ่นๆ

มาแนวทางการรักษาของเจ้าของกระทู้
ผมไปดูคลิปนึงพระที่ท่านจบหมอแล้วบวชมานานมากๆ เกิน 10 ปี ท่านสอนว่า โรคจิตต่างๆจะเกิดจากตอนร่างกายเราอ่อนแอ เช่นทำงานหนัก อดนอน ใช้ชีวิตแบบหนักๆ ทำให้สมดุลชีวิตเสียจะเริ่มมีโอกาสเป็นโรคจิตต่างๆ แล้วพอมันมีอาการแล้วมันจะเริ่มเป็นขึ้นเรื่อยๆ (อันนี้ผมไม่ใช่อ้างอิงแล้วกัน เพราะท่านบวชไปแล้ว ถึงจะจบหมอ แต่ท่านไม่ได้รักษาโรคโดยตรง) ก็โอเคส่วนนี้เนื่องจากเคารพท่านอยู่แล้ว และมองกลับมาก็โอเค งั้นเราต้องรักษาสุขภาพสุขภาพด้วยดีกว่า ออกกำลังกาย กินของมีประโยชน์บ้างไรว่าไป

ต่อมา ทางการแพทย์ จากที่ศึกษามา คือผมเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆแล้วมาดู สงสัยต้องหาหมอแล้ว แต่โชคดีได้เจอคลิปวิดีโอ แพทย์ที่เป็นอ.หมอ ด้านจิตแพทย์ ท่านบอกวิธีการรักษาไว้คือ
1.กรณีเป็นหนักๆจริงๆคือ ต้องใช้ยาช่วย
2.แล้วกินยาไปสักระยะ สัก 1-2 ปีก็จะค่อยๆหยุดยาลง แล้วดูว่าคนไข้มีอาการไหม
3.ถ้าหนักสุดๆหนักกว่านั้น ใช้ การกินยาไม่ได้ผล อาจจะมีผ่าตัดใช้เครื่องมือช่วยควบคุม

วิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แบบไม่ใช้ยาช่วยคือ
หนามยอกเอาหนามบก คือต้องฝืนร่างกาย โดยผู้ป่วยต้องให้ความร่วมมือ ในการฝืดความรู้สึกตัวเอง แล้วพิธีกร ถามไปว่า แล้วแบบนี้เค้าจะมีความสุขเหรอครับที่ทำแบบนี้ อาจารย์หมอพูดประโยคเด็ดมาคำนึง

"ถ้าการที่คุณล้างมือบ่อยๆ มันทำให้คุณรู้สึกดี ณ ขณะนั้น แล้วสุดท้ายคุณมีความสุขไหมในชีวิต"

จากที่ฟังข้อมูลและมานั่งคิดทั้งหมด 
สุดท้าย แล้วมันอยู่ที่ตัวเราเองต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้เกิดความเคยชินใหม่หมด เพราะดูแล้วต่อให้กินยา สุดท้ายเราเท่านั้นที่ต้องสู้กับความรู้สึกของตัวเราเอง ต้องฝืนและชนะมันให้ได้

สุดท้ายผมมานั่งคิดก่อนว่า จะไปพบหมอและกินยาดีไหม หรือจะลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแบบฝืนจนเกิดความเคยชินดูก่อน 
ผมจึงรู้สึกว่าโอเคยังบอกไหวน๊า พอเกิดอาการเราแค่ Reaction บ่อยๆแต่ไม่ถึงกับแพทนิค เครียด อ้วก เป็นไข้ งั้นคงไม่ต้องใช้ยา ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดู ยังไม่ไปพบแพทย์ (แต่ถ้าใครไม่ไหวเลย แนะนำไปพบจิตแพทย์ดูครับ)

สุดท้ายยยยยยยยเลย เริ่มเปลี่ยนตัวเองใหม่คือ
เอาคำพูดของแพทย์ท่านนั้นมาใช้คือ ถ้าเราตอบสนองกับย้ำคิดทันทีก็คงไม่หายสักที เราอยากหาย เราอยากเป็นคนปกติ 
ก็เริ่มเลย 
-จากต้องล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งก็คิดว่า แต่ก่อนเราไม่ต้องฟอกทุกครั้งก็อยู่ได้ ก็เริ่มค่อยๆลดละเลิก คล้ายๆเลิกบุหรี่ คือ เริ่มจาก ต้องล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้ง ก็ค่อยๆเป็นล้างมือน้ำเปล่าธรรมดา แทน และตั้งกฎเลยแบบไหนจะล้างเฉพาะฟอกสบู่ เช่นหยิบขนม, เข้าห้องน้ำถ่ายหนัก-เบา เป็นต้น ถ้าแค่สัมผัสเสื้อจะล้างแค่น้ำธรรมดาพอ สอนตัวเองใหม่ว่า แบบนี้ไม่ตาย เราอยู่ได้ ก็มีฝืนบ้างทีไม่ไหวก็ฟอกสบู่บ้าง แต่พยายามลดให้น้อยลง
-ฝืนความรู้สึก เวลาเสื้อผ้าใหม่โดนไรนิดๆหน่อยๆ ก็ช่างยิ้ม ไม่ตาย เราต้องหาย เราต้องไม่ตอบสนองกับการย้ำคิดที่เกิดขึ้น แต่ก่อนเรายังอยู่ได้ สกปรกกว่านี้ก็เคยมาแล้ว 
-ฝีนความรู้สึก และมองคนทั่วไปว่า โอเคเค้ายังอยู่ได้ได้ ไม่ตายไม่ตาย ถ้าสมมุติเค้าจะเอาไม้แขวนเสื้อกลับมาหมุนเวียนโดยไม่ล้างทุกครั้ง
-ฝืนความรู้สึก เช่นเจอของที่ไม่ได้สกปรกแบบสุดๆ ก็ยั่วๆลองกินดู แค่แม่ค้าเอามือโดนจานช่างมัน ไม่ตายไม่ตายร่างกายเราแข็งแรงอยู่
-ออกกำลัง รักษาสุขภาพ

ผลคือ อาการของโรคดีขึ้นมากๆเลย และบอกกลับตัวเองว่าจะโพสลงพันทิปให้เพื่อนๆที่เป็นโรคได้รู้ที่มา และวิธีการต่อสู้ เพราะหาข้อมูลรีวิวการสู้โรคนี้ได้น้อยมาก เพราะบางคนคิดว่า เราคงไม่เป็น จะมีจริงเหรอคนที่กลัวความสกปรกแบบนี้

สรุปคือ
-ถ้ามีโอกาสไปหาจิตแพทย์ดีที่สุด
-โรคนี้มันเกิดจากความเคยชิน แล้วเราก็ Reaction ตอบสนองกับสิ่งที่เราย้ำคิด พอย้ำคิด คิดว่ามันสกปรกไม่ไหวแหละ ต้องล้างมือฟอกสบู่ เราต้องทำกลับคือ ค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กลับมาแบบคนปกติ ค่อยๆปรับเปลี่ยนทีละนิด ให้ร่างการเรารู้ว่า เออทำแบบนี้ไม่เป็นไรนิ
-โรคนี้คล้ายๆการเลิกบุหรี่ (จริงผมไม่เคยสูบบุหรี่นะ แต่คงคิดว่าคล้ายๆกัน) มันต้องค่อยๆปรับจาก เป็นหนักมาเป็นหนักน้อย แล้วมาเป็นเบา 
-เวลาเกิดอาการมันเหมือนแผลที่ยิ่งเกายิ่งเป็นไม่หาย พอย้ำคิดเกิด เราต้องไม่ Reaction ย้ำทำทันทีค่อยลดลง ทีละ Step อย่างที่ผมยกตัวอย่าง จากฟอกสบู่ทุกครั้งก็มาน้ำเปล่าสลับกับฟอกสบู่
-ต้องมาจากใจของตัวเองที่แท้จริง เหมือนอยากผอม คือ เราอยากหาย อยากเป็นคนปกติ ต้องสู้กับโรคนี้ด้วยจิตใจของตัวเองครับ ยาหมออาจจะช่วยได้บ้าง แต่สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่ใจของในขั้นสุดท้ายว่า เราต้องสู้กับโรคนี้ไปด้วย ไม่ใช่พึ่งยาหมออย่างเดียว แล้วคิดว่ากินตามหมอสั่งแล้วไม่สู้เลยมันจะหาย ต่อให้กินยาทุกครั้งแต่คุณยังอี้ตัวเองล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งมันก็ไม่มีทางดีขึ้นครับ(ความคิดเห็นส่วนตัวนะ)
 

น่าจะประมาณนี้มั้งครับ ขอให้เพื่อนที่เป็นโรคนี้อยู่พอแล้วนำไปลองใช้เป็นหนึ่งในแนวทางดูนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่