Low Cost Present
- Intro –
The world is a book and those who do not travel read only one page. - St.Augustine
โลกเปรียบเสมือนหนังสือเล่มหนึ่ง และคนที่ไม่เคยออกเดินทาง ก็เหมือนอ่านหนังสือเพียงหน้าเดียว
นี่คือบันทึกการเดินทางไปประเทศลาวครั้งแรกของพวกเราทั้ง 7 คน ที่ต่างคนต่างความคิด ต่าง Life Style และได้มารวมตัวกัน กับโจทย์การท่องเที่ยวที่ได้รับมา เป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราเริ่มที่จะหยิบหนังสือเล่มนั้นมาอ่านอย่างจริงจัง เลือกหนังสือที่ตนเองสนใจ แน่นอนว่ามันต้องมีความคาดหวังเกิดขึ้นในหลายๆอย่างแน่นอน หนังสือเล่มนี้จะสนุกไหมนะ มีอะไรแปลกๆไหม เราจะอ่านมันจนจบรึเปล่า ความคาดหวังเหล่านั้นที่จะทำให้เราพลิกหน้ากระดาษแต่ละหน้าๆเพื่อดูว่าในนั้นมีอะไรที่น่าสนใจที่จะทำให้พวกเราได้เรียนรู้บ้างและติดตามบ้าง แน่นอนว่านี่ถือเป็นประสบการณ์ที่ใหม่สำหรับใครหลายคน ถึงการเดินทางนี้จะเป็นการทำตามโจทย์ที่ได้รับแต่พวกเราก็รับรู้ได้ว่านี่มันถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดแล้วกับการเดินทางออกท่องเที่ยวเพื่อที่จะเปิดโลกกว้างไปด้วยกัน สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองพลิกหน้ากระดาษของหนังสือสักเล่มหรือลังเลในการที่จะหยิบมามาอ่าน เราหวังว่าเรื่องราวการเดินทางของเราจะทำให้คุณอยากที่จะหยิบหนังสือมาพลิกหน้ากระดาษบ้างมาเหมือนกับพวกเรา บทความนี้เราจะมาแนะนำหนังสือที่พวกเราเลือกมาอ่านให้ทุกคนได้รู้จักกัน
- Chapter 1 –
" กรุงเทพ-เวียงจันทร์ 10 ชั่วโมงครึ่งกับชีวิตบนรถทัวร์ "
การเดินทางของพวกเราทั้ง 7 คนเริ่มต้นที่ หมอชิต พวกเรานัดรวมตัวกันประมาณ 5 โมงเย็น เพื่อเตรียมตัวและเตรียมของต่างๆ ให้พร้อม โดยวิธีการที่เราเลือกในการเดินทางนี้คือ รถโดยสารต่างประเทศ (Lao Thai International Bus) เส้นทาง เวียงจันทร์-กรุงเทพ โดยรถจะออกเวลา 20.00 น. แต่เราจะต้องมารอที่ชานชาลารถเวลา 19.00 น. เพื่อที่จะขึ้นรถ โดยตามกำหนดการของรถเราจะถึงเวียงจันทร์เวลา 07.00 น.
คนลาวเขาว่าใจดี พวกเราได้สัมผัสแล้วกับประโยคทักทายแรกที่ขึ้นรถมา ‘พวกหนูจะไปเที่ยวลาวกันหรอ?’ นั่นคือเสียงทักของคุณป้าที่นั่งข้างๆเรา คงเห็นว่าเราหอบของกันเยอะแยะแล้วมากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ และเพราะคุณป้าทักเราเลยทำให้ได้คุยกันบ้างแล้วก็ได้ข้อแนะนำเรื่องการแรกเงินและอาหารการกินต่างๆมาเยอะแยะ ความเป็นกันเองตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเริ่มเดินทางมันทำให้เราเกิดความรู้สึกดีๆในหลายๆด้านต่อประเทศ สปป.ลาว เลย
พอนั่งรอไปสักพักก่อนรถจะออกเจ้าหน้าที่ก็นำของที่ใช้รับประทานบนรถมาแจกให้กับผู้โดยสารและแจ้งเวลาที่เราจะเดินทางถึงเวียงจันทร์ มีการแจ้งเกี่ยวกับค่าล่วงเวลาเมื่อเราไปถึงด่าน เพราะปกติด่านจะเปิดเวลา 08.00 น. แต่รถของเราจะไปถึงก่อนหน้านั้นเลยมีการเก็บค่าล่วงเวลาเพิ่มคนล่ะ 5 บาท หลังจากนั้นเราก็เริ่มออกเดินทางมุ่งสู่เวียงจันทร์กันเลย
ขนมปัง 2 ชิ้น แก้วกาแฟ+กาแฟกึ่งสำเร็จรูป(ข้างล่างมีกาน้ำร้อนให้ชง) น้ำเปล่า 1 ขวด จัดเซทพร้อมทาน??
เวลาประมาณ 23.00 น. กว่าๆ
ที่นี่คือที่ไหน???? ลงจากรถมามองซ้ายมองขวาแบบงงๆแล้วส่งตั๋วให้เจ้าหน้าที่ก่อนจะได้ใบนี้มา
ถึงได้รู้ว่าเรามาถึงจุดพักรถที่ จ.นครราชสีมาแล้วและเขาให้เราไปกินข้าว ตอน 5 ทุ่ม เป็นมื้อดึกที่ขอบคุณมากนะคะ = =
’คนเยอะจนงง ต้องเดินหาที่ที่ให้แลกข้าวเอง คุณมีเวลา 30 นาที! ต้องทำทุกอย่างให้เสร็จ! เหลือเวลาไม่มาแล้ว เร่งมือค่ะ!/เสียงเชฟป้อม
หลังจากที่เดินวนไปทั่วโรงอาหารก็เจอโซนที่เขาให้แรกของกินสักที เราสามารถแลกได้ทั้งข้าวในโรงอาหารตามราคาคูปองหรือจะแรกที่โซนเฉพาะ(โซน VIP) ที่จัดไว้ให้สำหรับเราก็ได้ เมนูข้างบนคือได้มาตามราคาคูปอง มูลค่า 30 บาท ที่แลกจากโซน VIP และเริ่มออกเดินทางจากจุดพักรถที่นครราชสีมาเวลาประมาณ 00.00 น. มุ่งหน้าสู่เวียงจันทร์
07.00 น.
เดินทางถึง ตม. ฝั่งไทย ช่วงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้าพอดี
สิ่งที่ทำให้สายตาพร่ามัวนี่คือหมอก? ควัน? หรือขี้ตากันแน่
สะพานมิตรภาพไทยลาว เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงจากอำเภอเมืองหนองคายไปเมืองท่าเดื่อเป็นสะพานที่สร้าง ความสัมพันธ์ไทย-ลาว ให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม สะพานเปิดเวลา 05.00-20.00 น
ใบเข้าเมือง สปป.ลาว ที่กรอกผิดแล้วขอใบใหม่กันเป็นว่าเล่น เป็นครั้งแรกที่เจอตัวหนังสือลาวแบบพรึบพรับเลย
ขอบคุณที่ยังมีภาษาอังกฤษให้อ่านบ้าง T^T
ตลอด 2 ข้างทางหลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาแล้วนั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้และพื้นที่การเกษตร หลังจากนั่งมาสักพักถึงเริ่มที่จะมีบ้านคนมากขึ้น พวกเราเริ่มเข้าตัวเมืองในช่วงเกือบๆ 08.00 น. ทำให้เราได้เห็นน้องๆนักเรียนกำลังไปโรงเรียนกัน กำลังปั่นจักรยานกันอย่างสนุกสนานเลย ชุดเครื่องแบบของที่นี่แตกต่างจากไทยตรงที่นักเรียนหญิงจะใส่ผ้าซิ่นแทนกระโปรงนักเรียนบ้านเรา ทำให้ดูน่ารักไปอีกแบบ ระยะทางจากด่านไปตัวเมืองเวียงจันทร์รวมทั้งสิ้น 20 กิโลเมตร หลังจากนี้เราจะมาเข้าเมืองกันแล้วมาดูกันว่าจะโอ้โห้วจริงไหม
ที่ สปป.ลาว รถจะวิ่งสลับฝั่งกับที่ไทยและไม่ค่อยจะหยุดเท่าไหร่ เวลาข้ามถนนคือต้องมองซ้ายขวา แล้วก็ซ้ายขวาอีกทีถึงจะข้ามได้
พอรถมาถึงสถานีขนส่งแล้ว เราก็พบเจกกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงค่ะ คนเยอะมากๆๆที่ข้างประตูรถ สิ่งที่จะพบเห็นได้ทั่วไปเวลาเราลงจากรถขนส่งคือคนขับรถคันอื่นที่จะมาหาลูกค้าและจะมาดักรอเราคอยถามทางเสนอแนวทางการเดินทางให้ ถ้าคิดว่าที่ไทยว่าเยอะแล้ว เจอที่เวียงจันทร์เขาไปคือตกใจจนตั้งหลักแทบไม่ทัน “ประตูชัยๆ ไปประตูชัยไหม?” “ไปไหนไปวังเวียงหรอ?” เพิ่งลงรถมาคือทำตัวไม่ถูกได้แต่รีบจ้ำเดินเดินแล้วปฏิเสธพี่เขามาตลอดทางด้วยความที่เป็นนักท่องเที่ยวด้วยทำให้เขามาหาเราเร็วมา ตามติดมาตั้งแต่ขนส่งจนถึงร้านข้าวหน้าขนส่งเลยกันเลยทีเดียว เราสามารถไปกับเขาได้นะคะเพราะเขาก็พาเราทัวร์ตามที่บอกถ้าเราตกลงราคาได้ แต่ถ้าเรามีแพลนการเดินทางไว้แล้วก็สามารถปฏิเสธกับเขาได้เลย เขาเข้าใจเราค่ะ
ร้านค้าข้างทางที่ส่วนใหญ่จะขายผลไม้ ของตากแห้งและที่สำคัญคือขนมปังมีทุกร้านเลย!! สิ่งที่เป็นที่นิยมมากจริงๆของที่นี่คือแซนวิช แต่ๆๆๆ...หน้าตาไม่เหมือนแซนวิชบ้านเรา เดี้ยวเราจะมาพูดถึงกันอีกทีในตอนต่อไปนะคะ
หมวกทรงเวียดนามการแต่งกายของคนที่นี่เรียกว่ามีสไตล์ที่หลากหลายและมีการผสมผสานหลายๆ อย่างไว้ด้วยกัน
ร้านอาหารตามสั่ง อย่างบอกไว้ตอนแรกว่าพี่ๆท่ารถเดินตามมาส่งกันถึงร้านขายข้าวเลย พวกเราแวะร้านอาหารแถวนั้นและด้วยความที่พวกเรายังไม่มีใครแลกเงินเป็นเงินลาวสักคนเลยลองถามกับพี่ในร้านก่อน ปรากฏว่าจริงๆแล้วที่ลาวสามารถใช้เงินไทยได้สบายๆเลย แต่ถ้าเราจ่ายเงินไทยเขาจะทอนเราเป็นเงินลาว และที่ลาวจะไม่ใช้เหรียญกัน เงินที่มีค่าต่ำสุดที่ใช้กันบ่อยๆเลยก็คือ 1000 กีบ ( ประมาณ 3.42 บาท ) พวกเราเลือกที่จะสั่งข้าวง่ายๆเพื่อประหยัดเวลาต่อการไปที่อื่นต่อ เพราะพวกเราจะอยู่เวียงจันทร์กันแค่วันเดียวแล้วจะเดินทางไปวังเวียงต่อเลย อาหารที่เราสั่งมาคือ กระเพรา ข้าวผัก แล้วก็ข้าวเปียก ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้ได้มาแบบเยอะมากกกกก จานใหญ่มากจ่ะแม่ กินยังให้หมดดีเอ่ย ปกติที่ไทยคงไม่ได้ปริมาณนี้แน่นอน ที่น่างงมากๆอีกอย่างหนึ่งก็คือ ข้าวผัดของที่นี่ใส่ถั่วฝักยาวด้วย TT ทั้งหมดทั้งมวลเสียค่าเสียหายไปคนล่ะประมาณ 18000 กีบ ( ประมาณ 60 บาท) เพราะจ่ายเป็นเงินไทยกันทำให้มีปัญหาเรื่องการทอนเงินทำให้เสียเวลาไปมากกับส่วนนี้

มารอห้างเปิดหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เราจะมาแลกเงินกันที่ห้างแห่งนี้เพราะได้ข้อมูลมาจากคุณป้าที่คุยกันบนรถทัวร์ที่มาเวียงจันทร์ว่าถ้าหากแลกเงินที่ร้านทองจะไปเรทราคาที่ดีกว่าแลกกับธนาคาร ห้างที่นี่เปิดเวลา 10.00 น.พวกเราเดินมาถึงก่อนเวลาประมาณ 20 นาที หลังจากเสร็จภารกิจการแลกเงินและซื้อซิมที่นี้แล้วเราจะกลับเข้าสู่แผนการท่องเที่ยวของเรากันต่อไป
การเดินทางตลอด 10 ชั่วโมงของเราจากกรุงเทพถึงเวียงจันทร์เสร็จสิ้นลงแล้ว หลังจากนี้เราจะมีเที่ยวตามแพลนในเวียงจันทร์อของเรากันต่อนะคะ
- Chapter 2 -
“ ประตูไซ แลนด์มาร์คสำคัญ ”
เวลาประมาณ 11.30 น.
ภารกิจการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในลาวสำเร็จลุล่วงเราจะกลับเข้าแผนการเดินทางของเราต่อไป แผนต่อไปของเราก็คือการไปเยือนประตูชัย แหล่งแลนด์มาร์คสำคัญที่ทุกคนจะต้องมา เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เรารู้ว่า สปป.ลาว เคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราจะไปดูความยิ่งใหญ่ของที่นี่กัน
พวกเราจะโดยสารรถรับจ้างหรือที่เรียกว่ารถ sky lab โดยนั่งคันเดียวไปเลย 7 คนพร้อมกระเป๋าใบโตตนล่ะใบ เรียกได้ว่าอัดแน่นคุ้มราคา ต้องใช้เวลาต่อรองราคากับคุณลุงคนขับสักนิดเพราะราคาตอนแรกนั้นจะแพงกว่า ลุงคนขับคิดเป็นราคาสำหรับนักท่องเที่ยวเหมือนแท็กซี่บ้านเราเลย “ พวกหนูมากัน 7 คนนะคะ ลุงลดหน่อยได้ไหม? ” สกิลการต่อราคาของต่างๆเพิ่มขึ้นหลังจากมาที่นี่จริงๆ แล้วเราก็ได้ราคาที่พอเหมาะสำหรับระยะทางที่เดินก็ออกเดินทาง จริงๆคุณลุงใจดีมากเลย นอกจากจะพาไปส่งยังเล่าเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวให้ฟังเยอะมาก แต่ลุงแกพูดเร็วและพูดลาวด้วย ขอโทษนะคะที่จับใจความได้ไม่หมดเสียดายมาก
ประตูไซ (ປະຕູໄຊ) แห่งนครเวียงจันทน์ เป็นอนุสรณ์สถานสำหรับสดุดีแก่ทหารลาวที่เสียชีวิตในระหว่างการกอบกู้เอกราชจากประเทศฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งอยู่ท้ายสุดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของถนนล้านช้าง ใจกลางนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว ก่อสร้างในระหว่างปี ค.ศ. 1957 ถึงปี ค.ศ. 1968 เป็นการสร้างเลียนแบบ L’Arc De Triomphe ประตูชัยฝรั่งเศส
โดมตรงกลางประดับด้วยลายปูนปั้นเกี่ยวกับ เรื่องรามเกียรติ์ พระอินทร์ พระอิศวร ฯลฯ ซึ่งเป็นส่วนเดียวที่มีการแต่งแต้มสีสัน เรื่องรามเกียรติ์เป็นเรื่องเราที่มีในทุกๆศิลปะในที่นี้เลย สามารถบอกได้เลยว่าที่ไหนที่จะมีลายบนกำแพง ที่นั่นก็จะมีเรื่องเล่ารามเกียรติ์แฝงอยู่ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมมีเอกลักษณ์ของลาวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปศิลปะลาว ภาพเรื่องราวมหากาพย์รามายณะ แบบปูนปั้นใต้ซุ้มประตูโค้งของประตูชัย
[CR] [CR] รีวิว BACKPACKTRIP ลาวไปกัน 7 คน
พอนั่งรอไปสักพักก่อนรถจะออกเจ้าหน้าที่ก็นำของที่ใช้รับประทานบนรถมาแจกให้กับผู้โดยสารและแจ้งเวลาที่เราจะเดินทางถึงเวียงจันทร์ มีการแจ้งเกี่ยวกับค่าล่วงเวลาเมื่อเราไปถึงด่าน เพราะปกติด่านจะเปิดเวลา 08.00 น. แต่รถของเราจะไปถึงก่อนหน้านั้นเลยมีการเก็บค่าล่วงเวลาเพิ่มคนล่ะ 5 บาท หลังจากนั้นเราก็เริ่มออกเดินทางมุ่งสู่เวียงจันทร์กันเลย
07.00 น.
เดินทางถึง ตม. ฝั่งไทย ช่วงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้าพอดี
การเดินทางตลอด 10 ชั่วโมงของเราจากกรุงเทพถึงเวียงจันทร์เสร็จสิ้นลงแล้ว หลังจากนี้เราจะมีเที่ยวตามแพลนในเวียงจันทร์อของเรากันต่อนะคะ
ภารกิจการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในลาวสำเร็จลุล่วงเราจะกลับเข้าแผนการเดินทางของเราต่อไป แผนต่อไปของเราก็คือการไปเยือนประตูชัย แหล่งแลนด์มาร์คสำคัญที่ทุกคนจะต้องมา เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เรารู้ว่า สปป.ลาว เคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราจะไปดูความยิ่งใหญ่ของที่นี่กัน
พวกเราจะโดยสารรถรับจ้างหรือที่เรียกว่ารถ sky lab โดยนั่งคันเดียวไปเลย 7 คนพร้อมกระเป๋าใบโตตนล่ะใบ เรียกได้ว่าอัดแน่นคุ้มราคา ต้องใช้เวลาต่อรองราคากับคุณลุงคนขับสักนิดเพราะราคาตอนแรกนั้นจะแพงกว่า ลุงคนขับคิดเป็นราคาสำหรับนักท่องเที่ยวเหมือนแท็กซี่บ้านเราเลย “ พวกหนูมากัน 7 คนนะคะ ลุงลดหน่อยได้ไหม? ” สกิลการต่อราคาของต่างๆเพิ่มขึ้นหลังจากมาที่นี่จริงๆ แล้วเราก็ได้ราคาที่พอเหมาะสำหรับระยะทางที่เดินก็ออกเดินทาง จริงๆคุณลุงใจดีมากเลย นอกจากจะพาไปส่งยังเล่าเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวให้ฟังเยอะมาก แต่ลุงแกพูดเร็วและพูดลาวด้วย ขอโทษนะคะที่จับใจความได้ไม่หมดเสียดายมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้