ณชาพาเที่ยว Japan Season 2 ตอน ตะลุย Kansai

เก็บบันทึก เหตุการณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว 13-23 พ.ย. 2560 (พอดี facebook เด้งความทรงจำมาเตือน ทำให้คิดถึง) ประสบการณ์ในการพาลูกเที่ยวญี่ปุ่น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของเราสามคน พ่อแม่ลูก ตาม step ของคนเริ่มเที่ยวญี่ปุ่น ครั้งแรกต้องโตเกียว ครั้งต่อมาจะเป็นที่ไหนได้ ถ้าไม่ใช่ Osaka แต่จากประสบการณ์ในครั้งแรก สอนให้รู้ว่า เด็กไม่ได้ชอบย่านชอปปิ้งเหมือนคุณแม่น่ะคะ ดังนั้นโปรดจงคิดถึงลูกให้มากๆ

ครั้งนี้ พวกเราบินกับคาเธ่ย์ แปซิฟิค ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ แล้วแวะต่อเครื่อง 3 ชั่วโมงที่ฮ่องกง ออกจากกรุงเทพเวลา 19:10 น. ถึงญี่ปุ่นเวลา 6:20 น.

ถึงแว้วววว!!!
- ภารกิจแรก กำจัดภาระ โดยบริการ Jal อยู่สุดทางเดินฝั่ง west exit ฝากกระเป๋าใบใหญ่ไปโรงแรมซะ นน.กระเป๋าไม่เกิน 30 kg. ราคา ¥2,580 แล้วก็เดินตัวปลิวเที่ยวต่อได้เลย
- เนื่องจากเรามาถึงกัน 6 โมงเช้า Counter แลกพาสต่างๆ ยังไม่เปิด ระหว่างนี้สามารถใช้บัตรเครดิต JCB เข้า KIX lounge ที่ชั้น 2 ฝั่ง North ล้างหน้า แปรงฟัน มีเครื่องดื่ม บริการฟรี มีห้องส่วนตัวให้งีบหลับได้ด้วย มาเที่ยวญี่ปุ่นถือบัตร JCB สิทธิประโยชน์เพียบ
- ส่วนคุณณชานั้น ตั้งแต่ขึ้นเครื่องที่ฮ่องกง จนถึงป่านนี้ นางหลับตลอดทาง แล้วแต่ป๊ากะแม่จะพาหนูไป



Pass หลักๆ ที่ใช้ในทริปนี้
- Haruka + Icoca ใช้เดินทางไปกลับสนามบิน ถ้าซื้อคู่กันได้ส่วนลดคุ้มมาก ใช้บัตรคู่นี้ 3 วัน
- Kansai wide area pass เหมาะสำหรับนั่ง JR ออกไปเที่ยวไกลๆ สามารถใช้นั่งชินคันเซนได้ ต้องใช้ 5 วันติดกัน
- Osaka amazing pass 2 days ถ้าเที่ยวใน osaka มีพาสนี้ใบเดียว คุ้มที่สุด นั่ง subway + สถานที่ท่องเที่ยว ฟรี(บางแห่ง)
และจะมีพาสย่อยๆ ที่เอาไว้ใช้ในเมืองต่างๆอีกนิดหน่อย มาญี่ปุ่นยังไงก็ต้องใช้ ไม่งั้นโดนค่ารถไฟอ่วมแน่ แต่จะใช้พาสไหนบ้างนั้นต้องดูตามแพลนเราแล้วเอาไปเปรียบเทียบราคาใน hyperdia อีกที


หน้าตาของ Haruka
เราจะอยู่เกียวโตกัน 3 วัน ก็เลยนั่ง Haruka ตรงมาเกียวโตเลย ราคาค่าตั๋ว ¥1,880 แต่ถ้าซื้อคู่กับ Icoca หรือมี Icoca อยู่แล้วมาแสดง จะเหลือราคา ¥1,600



รีวิวที่พักมั่งดีกว่า Resi Stay Higashiyama sanjo
ตอนที่หาที่พักที่เกียวโต อ่านเวบไหน กระทู้ไหน ก็แนะนำเหมือนกัน ส่วนใหญ่ ก็จะเป็น hostel ซึ่งตัดไปได้เลย เค้าไม่ให้เด็กเข้าพัก ถ้าโรงแรมก็ต้องใกล้สถานีเกียวโต เช็คราคาแล้วก็ต้องถอย เพราะแพงมากจริงๆ ก็เลยลองจองที่นี่มามั่วๆนี่แระ ไม่มีรีวิวอะไรให้อ่าน การเช็คอินก็อย่างยาก ต้องไปออฟฟิศที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีเกียวโตก่อน เพื่อรับกุญแจจัดการเรื่องการ check in ซึ่งอยู่คนละที่กะที่พัก เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอมาถึง แบบเฮ้ยยย คือดี ใกล้สถานีรถไฟ ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ห้องใหญ่ อุปกรณ์ครบ มีทุกอย่างเหมือนอยู่คอนโด เครื่องซักผ้ายังมีให้เลย ค่าที่พักถ้าเทียบกับมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่นทั่วไป ถือว่าไม่แพงเลย ราคา ¥8,250/คืน



วันที่ไปถึงฝนตกปรอยๆ ทำให้อากาศเย็นมาก กว่าจะเข้าที่พักสำเร็จ และเหนื่อยกับการเดินทาง ตามแผนคือต้องไปวัดใกล้ๆที่พักสัก 2 แห่งก็เลยต้องยกเลิก เปลี่ยนไป Nishiki market แทน จากที่พักสามารถเดินไปตลาดได้เลย





วันที่สอง ณ เมืองเกียวโต
วันนี้ start 9 โมงกว่า ผิดจากกำหนดการชั่วโมงนึง เพราะเมื่อคืนเด็กแสบป่วนมาก ไม่ยอมหลับยอมนอน
🍁Tofukuji Temple🍁
วัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องใบไม้แดง เดินทางจากที่พักง่ายมาก นั่ง Keihan main line จาก Sanjo Sta. ลง Tobakaido Sta. เดินอีกนิดเดียวก็ถึง
ใบไม้ยังไม่พีค แดงประมาณ 60% แต่สวยคุ้มค่า วัดนี้ควรมาช่วงเช้า เพราะถ่ายรูปจะได้ไม่ย้อนแสง ค่าเข้า ¥400


⛩Fushimi inari⛩
ออกจาก tofukuji ให้เดินมาสถานี JR เพราะศาลเจ้า เสาแดงที่เราจะไปกันอยู่ตรงข้ามสถานีเลย ไม่ต้องเดินไกล มาที่นี่แนะนำว่า ไม่ต้องเดินให้ไกลมาก เจอแค่เสาแดงช่วงเดียวได้ถ่ายรูปก็กลับได้เลย ยิ่งเดินขึ้นไปวิวก็เหมือนกัน เหนื่อยซะเปล่าๆ ที่นี่ก็เลยใช้เวลาไม่นานมาก
ขากลับ ให้เปลี่ยนกลับมาขึ้นสถานี Keihan ระหว่างทางจะเจอร้านข้าวหน้าปลาไหลชื่อดัง แต่วันนี้มาช้าไปหน่อย ปลาไหลหมด อดแหลก



🍁Nanzenji temple🍁
- ในการเที่ยวเกียวโตรอบนี้ จะเดินทางโดยรถไฟทั้งหมด เพราะคราวก่อนเข็ดกับการนั่งบัสที่นี่มาก นึกว่าอยู่กรุงเทพฯ รถติดสุดๆ ทำให้เที่ยวได้น้อย
- จากสถานี Fushimi-inari นั่ง Keihan line ลงที่ Sanjo sta. เปลี่ยนสายเป็น subway Tozai line ลง Keage sta. Exit 1 เดินลอดอุโมงค์รถไฟเก่า เดินอีกนิดเดียวก็ถึง
- ภายในวัด Nanzenji เข้าไปจะเจอกับ Sanmon gate เป็นประตูไม้ใหญ่ๆและเก่าแก่มาก ภายในจะมี subtemple อีกเยอะมาก แต่ไม่อยากเข้าอ่ะ อยากไปอีกวัดนึงมากกว่า เลยถ่ายรูปแค่ sanmon gate แล้วไปต่อเลย

🍁Eikando Temple🍁
ชื่อของวัดนี้ แปลว่า “Temple of maple leaves” วัดนี้จึงขึ้นชื่อเรื่องใบไม้แดง เข้ามาแล้ว Wow จริง ขนาดยังไม่พีคสุด ยังสวยมาก ใครมาช่วงนี้ต้องจัดไว้ในลิสต์ ลำดับต้นๆเลย ราคาค่าเข้าก็จะโหดๆสักหน่อยน่ะ ก็เค้าสวยจริง ค่าเสียหาย ¥1,000 หลัง 5 โมงเย็น มี light up ต่อด้วย แต่ไม่ได้รอดู
- วัดนี้อยู่ใกล้ๆกับวัด Nanzenji เดินมาได้เลย ใกล้ๆกันก็จะมี Ginkakuji หรือวัดเงินที่โด่งดัง ,ทางเดินสายปรัชญา, Enkoji temple และ Shisendo temple ทั้งหมดนี้ ไม่ได้ไปสักที่ เพราะกว่าจะออกจากวัดก็ 5 โมงเย็น เริ่มมืดแล้ว

🍂Shoren-in Temple🍂
ปิดท้ายโปรแกรมวันนี้ ส่วนตัวก็เฉยๆกับ light up มาก แต่เห็นเค้าชอบพูดถึงกันเลยไปสักหน่อย แล้วก็ไม่ประทับใจจริงๆ ด้วยความที่เริ่มล้ามาก อุณหภูมิก็ลดลงเรื่อยๆ สงสารลูกด้วย ไม่ยอมใส่หมวก ไม่ใส่ถุงมือ เข้าไปก็มืดๆ ถ่ายรูปมาก็ไม่สวย โอ้ยยย ไม่ปลื้ม ค่าเข้า ¥800 เสียดายที่สุด
- การเดินทาง ตั้งแต่วัด Nanzenji - Eikando - Shoren in - ที่พัก ใช้วิธีเดินอย่างเดียว ระยะทางรวมประมาณ 3 km. ระหว่างทางผ่าน Kyoto zoo , รางรถไฟเก่า และ Shirakawa canel ที่เป็นแนวต้นหลิวสวยๆด้วย วิธีเที่ยวเกียวโต ถ้าเที่ยวในโซนเดียวกันแบบนี้ ก็จะไปได้หลายที่มาก แต่ด้วยความที่เรามีตัวป่วนมาด้วย ก็จะช้าบ้างอะไรบ้าง ตามประสาณชา


วันที่สาม ในเกียวโต

🚝⛰ Amanohashidate ⛰🚆
อ่านว่า “อะมาโนะฮาชิดาเตะ” ที่นี่เป็นสุดยอดวิวที่สวยที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น (เค้าโม้ไว้แบบนี้) อยู่ในจังหวัดเกียวโตก็จริง แต่อยู่ไกลออกไป 110 km. วันนี้จะเริ่มใช้ Kansai wide area pass วันแรก ถ้าไม่ใช้พาสค่าตั๋ว ¥2,260/เที่ยว (แพงงงงมากกกก) ใช้เวลาเดินทาง 2 hr.

- การเดินทาง เมื่อ check out แล้ว มาตั้งต้นที่สถานีเกียวโต ฝากกระเป๋าบางส่วนไว้ locker ซึ่งในสถานีใหญ่ๆจะมีอยู่เยอะมาก ไม่ต้องห่วง
เวลามีลูกเล็ก ต้องเผื่อเวลาของลูกด้วย วันนี้กว่าจะได้ออกมาช้ากว่ากำหนด เกือบไม่ทันรถไฟ ก็เลยไม่ได้กินอะไรกันเลย

~ เมืองนี้เงียบสงบ เมื่อมาถึงก็ซื้อ pass ประจำเมืองได้เลย ราคา ¥1,500 ใช้นั่งเรือข้ามฟากไป กลับ และ cable car ฟรี
~ วิวสวยสมคำล่ำลือ วิธีชมวิว คือต้องก้มมองลอดใต้หว่างขา จะเห็นเป็นมังกรกำลังขึ้นสู่สรวงสวรรค์ พู่นน่า!!!!
~ ระหว่างนั่งเรือ จะมีนกนางนวลมาบินโฉบรอบๆเรือเพื่อรอกินอาหาร ซึ่ง อาหารที่มันรอคอยก็คือ “คาลบี้” ประหนึ่งปลาสวายบ้านเราที่รอคอยขนมปัง ณชาสนุกสนานมาก แต่คาลบี้ถุงละ ¥100 นี่ดิ แม่เลยไม่สนุกด้วยเลย




วันที่สี่
🚄🚄 เมื่อคืนเราเปลี่ยนแหล่งกบดานใหม่ มาอยู่ที่โอซาก้า ร.ร. New osaka shinsaibashi ใกล้กับ subway แถวๆที่มีป้ายกุลิโกะสุดฮิตนั่นแระ ซึ่งจะอยู่ที่นี่จนจบทริป
🚄🚄วันนี้ เราจะต้องใช้ kansai wide area ต่อเนื่องวันที่ 2 ต้องออกนอกเมืองถึงจะคุ้ม
🚄🚄จุดหมายวันนี้ คือ Himeji และ Okayama เดินทางง่ายและเร็วมาก เพราะ วันนี้เรามานั่ง shinkansen กัน ซึ่งขบวนนี้ถือเป็น shinkansen ที่มีความเร็วสูงเป็นอันดับที่ 2 ของพวกเดียวกัน ใช้เวลาแค่ 29 นาที ระยะทาง 100 km.จากโอซาก้า ก็มาถึงจุดหมายแรก คือ Himeji แล้ว

🏯Himeji Castle🏯
ลงรถไฟไม่ต้องกลัวหลง เพราะจะเห็นปราสาทสีขาวตั้งตระหง่านตรงหน้าเลย เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ แป๊ปเดียวก็ถึงค่ะ

🏯Okayama🏯
ออกจาก himeji castle เดินกลับมาที่สถานี JR เพื่อต่อ shinkansen ไป Okayama ที่นี่มีปราสาทอีกาดำ
แต่ยังไม่แวะน่ะ ถ้าเวลาเหลือพอค่อยกลับมา เพราะจุดหมายของเราคือ....

🎌Kurashiki🎌
ที่นี่เป็นจัตุรัสเมืองเก่า เคยเป็นโกดังเก็บข้าวตั้งแต่สมัยยุคเอโดะ ทุกวันนี้ก็เป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ต่างๆ แต่ยังคงลักษณะแบบญี่ปุ่นโบราณไว้ มาที่นี่ถ้าใส่ชุดกิมะโน จะเข้ากับบรรยากาศมาก กลางโซนจะมีคลอง น้ำใสแจ๋ว ปลาคาร์ฟ ตัวเป้งๆทั้งนั้น

ก่อนกลับใกล้ๆกับสถานี มี Mitsui Outlet ให้ได้ช้อปด้วย เริ่ดตรงนี้

วันนี้ปิดจ็อบแบบคุ้มค่าพาสมาก นั่ง shinkansen ตลอดการเดินทาง บรรยากาศก็ดี happy


วันที่ห้า
🎡Expo city🎡
~ วันนี้ต้องปรับแผนกันใหม่อีกแล้ว เพราะฝนตกตั้งแต่เมื่อคืน ก็เลยต้องตัด น้ำตก Minoh ออก แม่ก็แอบเสียดายนิดหน่อย
~ ก็เลยเทคิวทั้งหมดมาให้คุณณชา มุ่งหน้ามาที่ Expo city ศูนย์รวมความบันเทิงแห่งใหม่ของเมืองโอซาก้า การเดินทางไม่ยาก แต่ใช้พาสไม่ได้ (ตัว Kansai wide area ต้องใช้ 5 วันติดกัน วันนี้ก็เลยไม่ได้ออกมาทำงานเลย) สุดสาย subway midosuji แล้วต่อ monorail ไปอีกนิดเดียวก็ถึง
~ Nifrel ที่นี่เป็นน้องแท้ๆของ ไคยูกัง ที่ใครๆก็รู้จัก ที่นี่ต่างจาก aquarium ทั่วไป มีการแบ่งโซนต่างๆ 7 โซน เหมาะสำหรับเด็ก ถูกใจณชามาก เจอเพื่อนเยอะเต็มไปหมด ค่าเข้า ¥1,900 ณชาฟรี
~ Red horse osaka wheel ชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และสูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก ค่าตั๋ว ¥1,000 ณชาฟรี
~ Anipo สวนสนุกเล็กๆสำหรับเด็กเล็ก
~ ในห้าง Lalaport เอาใจเด็กๆมาก มี Gundam cafe , kiddyland , akachan honpo อีกเยอะเลย


วันที่หก
🦌 NARA 🦌
~ วันนี้กลับมาเที่ยววัดกันต่อ ณชาก็จะหลับเยอะหน่อย ก็มันไม่ค่อยเร้าใจเธอ
~ เริ่มต้นที่ Tennoji Sta. ใช้ Kansai wide area กันต่อ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงนาราแล้ววว
~ สถานที่เที่ยวของนาราจะอยู่ใกล้ๆกัน จะซื้อ 1 day bus ก็ได้หรือเดินชมกวางชมสวนไปเรื่อยๆก็ได้
~ ออกจากสถานี เดินไปตามถนน Sanjo dori แวะที่แรก ร้าน Nakatanidou ร้านขนมโมจิที่ติดโพลของทุกสำนัก
~ Kofukuji Temple จุดเด่นอยู่ที่เจดีย์ไม้สูง 5 ชั้นซึ่งสูงเป็นอันดับสองของเจดีย์ในญี่ปุ่น
~ จากที่นี่จะเริ่มเข้าเขตอุทยานประวัติศาสตร์ของนารา น้องกวางก็จะเริ่มเข้ามาๆๆๆๆ โดยเฉพาะใครถือขนมแซมเบ้ไว้ โดนรุมแน่นอน ณชาขอถอยก่อนค่า ไม่ไหวๆ ระหว่างทางก็จะมีศาลเจ้าน้ำแข็ง กับ Museum ด้วยแต่ขอผ่านไม่ได้แวะ
~ Todaiji Temple วัดเก่าแก่ของนาราที่ทุกคนต้อง(ฝ่าด่านกวาง)เข้ามา
~ Kasuga Taisha Shrine เดินต่อมาประมาณ 800 ม. ศาลเจ้านี้มีจุดเด่น คือ ตะเกียงนับพัน เรียงรายตลอดสองข้างทาง
~ หลังจากนั้นก็เดินวนกลับมาสถานี JR ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3-4 ชม. ครึ่งวันก็เก็บได้ครบแล้ว ระยะทางที่เดินทั้งหมดประมาณ 6 km. เดี๋ยวไปเที่ยวโกเบต่อกัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่