พิพิธภัณฑ์อัญมณีฯ สีลม... ในความรู้สึก

              ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีความรู้เรื่องอัญมณีและเครื่องประดับเอาเสียเลย... ถ้าจะพูดให้ถูก ผมกับเรื่องอัญมณีนี่ดูจะเป็นเหมือนเส้นขนานกันเสียด้วยซ้ำ
              แต่ทว่า... เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ประตูพิพิธภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงมีความรู้สึกอย่างนี้... รู้สึกเหมือนว่าได้ก้าวเข้ามาในโลกอีกใบหนึ่ง... โลกที่เต็มไปด้วยความงาม... ความงามอันแสนจะวิเศษลึกซึ้ง ที่มนุษย์ตัวน้อยๆคนหนึ่งจะสามารถเข้าถึงและสัมผัสได้...
 
              ตามตำนานอินเดียโบราณกล่าวไว้ว่า... อัญมณีทั้งหลายเกิดจากอวัยวะส่วนต่างๆบนร่างกายของพลาสูร ผู้มีจิตบริสุทธิ์... ฟังดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อนะครับ ถ้าเราจะตัดสินจากความเป็นเหตุเป็นผล...
              แต่คงไม่ผิดเลย ถ้าผมหรือคุณจะเชื่ออย่างนั้น... เมื่อภาพที่เห็นเบื้องหน้าคืออัญมณีสีม่วงก้อนใหญ่ ในนาม ‘อเมทิสต์’ กำลังเล่นล้อกับแสงไฟเป็นประกายระยิบระยับวับไหว... งามราวกับเป็นการรังสรรค์ปั้นแต่งของมหาเทพพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง
              แต่นั่นมันก็เป็นเพียงความเชื่อของคนสมัยก่อนที่ได้รับการถ่ายทอดสืบต่อกันมาน่ะครับ... 
              เพราะป้ายนิทรรศการรอบข้างกำลังเล่าให้ผมฟังถึงการกำเนิดของอัญมณีในแง่มุมของ ‘วิทยาศาสตร์’ ตั้งแต่การกำเนิดอัญมณีร่วมกับหินอัคนี หินตะกอน หินแปร(ตามวัฏจักรของหินที่เราเคยเรียนมาตั้งแต่ยังเด็กยังไงล่ะครับ) ไปจนถึงการทำเหมือง การเจียระไน การออกแบบ และการปรับปรุงคุณภาพอัญมณี 
              นอกจากนี้ ยังชี้ให้เราเห็นถึง ‘การเติบโต’ ของงานอัญมณี ตั้งแต่ในสมัยก่อน ที่เป็นเพียงเครื่องประดับเฉพาะกลุ่มสำหรับเชื้อพระวงศ์และชนชั้นสูง จนถึง ปัจจุบัน ที่อัญมณีได้กลายเป็นธุรกิจอุตสาหกรรมสำคัญที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นจำนวนเงินมหาศาล !
 
               เซเลสไทต์ ฟลูออไรต์ อะพาไทต์ มัสโคไวท์ เฟลด์สปาร์ อะความารีน อาเกต ฯลฯ… ผมพยายามกวาดสายตาไล่อ่านรายชื่ออัญมณี-หิน-แร่ต่างๆที่จัดแสดงอยู่ในตู้กระจกทีละชนิดๆจนตาลายเลยล่ะครับ... หลายชื่อเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูคุ้นตานัก หลายชื่อเป็นชื่อที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย แต่มีอัญมณีอยู่ชนิดหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้จักและมั่นใจว่าผมจะไม่มีวันลืมมันแน่ๆ... สีขอบนอกของมันเป็นสีเขียวเย็น ถัดเข้าไปข้างในเป็นสีแดงสดใส...          ใช่ครับ ! สีของมันช่างเหมือนแตงโมเนื้อแดงฉ่ำสมกับชื่อ ‘Watermelon Tourmaline’ ไม่มีผิด 
               แล้วไหนจะมีทั้งไข่มุก ทองคำ อำพัน ปะการัง เพชร พลอย แก้ว คริสตัลสวารอฟสกี้...และอื่นๆอีกมากมายที่บรรยายไม่หมด... สองข้าง ซ้าย-ขวาของผมล้วนเต็มไปด้วยป้ายนิทรรศการและตัวอย่างของอัญมณีชนิดต่างๆ ที่ชวนให้คนอย่างผมอดตื่นตาตื่นใจ(และอยากเก็บกลับไปสักเม็ด)ไม่ได้
 
               ‘ไฮไลต์’ ของที่นี่ ที่ผมอยากจะนำเสนอ... นอกจากอเมทิสต์ก้อน ‘เบ้อเร่อเท่อ เบ้อเริ่มเทิ่ม’ ที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีอัญมณีที่เปลี่ยนสีได้เมื่ออยู่ภายใต้แหล่งกำเนิดแสงที่ต่างกัน และอัญมณีที่เรืองแสงสวยงามเมื่ออยู่ภายใต้ความมืดอีกด้วยนะครับ... บางก้อนก็มาจากแคนาดา บางก้อนก็มาจากสหรัฐอเมริกา หรือบางก้อนก็มาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศพม่า...ผมว่า เราคงหาโอกาสชมได้ไม่ง่ายนักนะครับ ถ้าไม่ได้มาที่นี่
 
                นาฬิกาบอกเวลาว่าหลายชั่วโมงได้ล่วงเลยผ่านไป... แต่กลับดูเหมือนว่าเวลาช่างเดินว่องไวนักในความรู้สึก...
                ก่อนจะออกจากพิพิธภัณฑ์... ผมหันกลับเข้าไปและกวาดสายตามองรอบตัวอีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างบอกผมว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต... ไม่จำเป็นเลยสักนิดว่าจะต้องมีสื่อเคลื่อนไหวหรือเครื่องเล่นอะไรที่วิลิศมาหรา ก็พาให้ผู้ชมรู้สึกสนุกและหลงใหลอยู่ใน ‘โลกใบนี้’ ได้ราวกับต้องมนตร์สะกด... ไม่ว่าใครมา ก็คงจะต้องคิดเหมือนกับผมแน่ ว่า ‘จะต้องกลับมาเยือนใหม่อีกสัก(หลายๆ)ครั้งให้ได้ !’
 
                 แต่...ไม่ว่าจะมีตัวอักษรอีกกี่ร้อยตัว คำพูดอีกกี่พันคำ ก็คงไม่อาจนำมาบรรยายความประทับใจและความรู้สึกของผมที่ได้รับกลับมาจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้หมดหรอกครับ... ทั้งจากเนื้อหาสาระที่เข้มข้น ทั้งจากความงดงามของอัญมณี และทั้งจากความเป็นมิตรไมตรีของพี่ๆภัณฑารักษ์... 
                 ผมอยากให้ทุกท่านได้มาลองสัมผัสความรู้สึกนี้ด้วยตัวเองสักครั้งนะครับ  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่