ดีท็อกซ์ชีวิต - ด้วยการเดินทาง

ยุคนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องข้อมูลและข่าวสารที่ล้นทะลักจนลูกกะตาแทบถลนปลิ้นออกจากเบ้า การรูดๆ ปัดๆ กลายเป็นพฤติกรรมโดยไม่รู้ตัว ถามว่าแล้วได้อะไรบ้างมั้ย ก็ได้ ‘รูด’ และได้ ‘ปัด’ ไง แล้วรู้อะไรเพิ่มขึ้นมั้ย ก็รู้นะ รู้ว่าชีวิตคนอื่นเขาเป็นยังไงบ้าง

มีงานวิจัยบอกว่า การรับข้อมูลในปริมาณมากต่อวันไม่ช่วยให้เราฉลาดขึ้น เทคโนโลยีทำให้ทักษะการจดจำเริ่มถดถอย เราจะจำอะไรไม่ค่อยได้ เบอร์โทรศัพท์ ตารางนัดหมาย วันสำคัญ ลิสสิ่งที่ต้องทำ แม้กระทั่งความรู้บางอย่างบวกลบง่อยๆ ในระดับป.4  ไม่มีความจำเป็นต้องมีทักษะใดมากไปกว่าทักษะการค้นหาและคิดคำคีย์เวิร์ด เมื่อเราอยากรู้อะไร ก็กดถามกูเกิลไปดิ หรือถ้าอยากทำกับข้าว ซ่อมแซมบ้าน ก็เพียงป้อนคำค้นหาลงในยูทูป และบ่อยครั้งพบว่ามันเป็นคำถามเดิมที่เคยถามไปแล้ว


เราควรโทษโลกาภิวัตน์ที่ปรนเปรอความสะดวกสบายหรือโทษพฤติกรรมตัวเองดี เรากลายเป็นคนหยิบโหย่ง ทำอะไรได้ไม่นาน ใจร้อน วอกแวก ขาดสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำโดยไม่รู้ตัว  

“เดี๋ยวนี้โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน เราต้องตามให้ทัน” ผมไม่รู้ว่าประโยคนี้ได้จากองค์กรนาซ่าหรือวิศวกรจากเอมไอที แต่ตอนนี้ผมแค่รู้สึกอยากหลุดจากวงโคจรของโลกที่เป็นอยู่ไปชั่วขณะ ผมลบเฟสบุ๊ก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์จากมือถือ และออกเดินทางเพื่อดีท็อกซ์ตัวเอง เชื่อมต่อกับตัวเอง อยู่กับตัวเอง ให้ประสาทสัมผัสทั้งหกได้ทำงานอย่างเต็มที่

เราต่างให้นิยาม 'ความสุข' ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับผม ณ ตอนนี้ ความสุขคือ 'การได้ใช้ชีวิต' ค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าด้วยความระลึกรู้ กำลังไปทางไหน เพื่ออะไร ไม่ละสายตาจากเป้าหมาย แต่ก็ไม่ลืมดอมดมมวลหมู่ไม้ เอาเท้าจุ่มน้ำ ชื่มชมส่วนเว้าโค้ง ภิรมย์กับความงามของสรรพสิ่ง ประคับประคองความผ่อนคลายตลอดเส้นทาง แม้จะทำได้ไม่ตลอดก็ตามที 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่