อดีตรัฐมนตรี จวก ประยุทธ์-สมคิด หยุดหลอกว่าเศรษฐกิจดี ทั้งที่ความจริงสวนทาง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3045402
วันที่ 10 พ.ย.
นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดี ฝ่าฝืนเงื่อนไข ท้ายคำสั่ง คสช.ที่ 39/2557 ที่ คสช. โดย
พ.อ.วิจารณ์ จดแตง เป็นผู้รับมอบอำนาจ เเจ้งความดำเนินคดี กับ
นายพิชัย กรณีเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยให้สัมภาษณ์สื่อและแสดงความเห็นทางเฟซบุ๊ก ในช่วงปี 2558 ว่า
เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนพร้อมคณะทำงาน
นายยอดชาย ศีลนำสุข ทนายความ เดินทางไป สน.ดุสิต เข้าพบ ร.ต.อ.ชวะฤทธิ์ จันทร์เกิ้น พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน เพื่อหารือชี้แจงข้อกฎหมายกับพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของนายพิชัย
เนื่องจากภายหลัง คสช.มีคำสั่ง ที่ 22/2561 (ปลดล็อคทางการเมือง) ให้ประชาชนและการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ซึ่งยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่39/2557 ตามข้อกล่าวหาในคดีนี้แล้ว จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ให้การกระทำตามข้อกล่าวหาไม่เป็นความผิดอีกต่อไปขอให้พนักงานสอบสวนยุติการดำเนินคดี ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนรับทราบและจะสรุปสำนวนเพื่อมีคำสั่งทางคดีต่อไป
ด้าน นาย
พิชัย กล่าวว่า การปิดกั้นความเห็น และพยายามใช้คดีความ ปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลด้วยข้อมูลความจริง โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ทางเศรษฐกิจ จะต้องหมดไปและจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่หวังจะพัฒนาจะต้องเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น
การที่สภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างมากในปัจจุบัน
แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจกลับพยายามบอกประชาชนว่าเศรษฐกิจยังดีสวนทางกับความเป็นจริง จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
เพราะดูเหมือนรัฐบาลจะหลงทางและไม่ยอมรับความจริง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะถดถอยจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย แต่นายสมคิด กลับบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้น ซึ่งสวนกับตรรกะของความเป็นจริงที่เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งเศรษฐกิจโลก
แต่ 5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกดีแต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิด กลับไม่สามารถบริหารเศรษฐกิจให้ดีได้ เศรษฐกิจไทยโตต่ำเตี้ยเฉลี่ยเพียงปีละ 3% เท่านั้น พอเศรษฐกิจแย่หนักก็คิดได้แค่แจกเงินเพื่อปิดปากคนยากจน แต่ประเทศไม่ได้พัฒนาขึ้น
ขนาดไอเอ็มเอฟยังเตือนไทยเรื่องการแจกเงินสะเปะสะปะ แต่ไม่ได้พัฒนาความสามารถในการแข่งขัน พล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิด ต้องหันกลับมาพิจารณาว่าสาเหตุใดที่การบริหารเศรษฐกิจที่ผ่านมาถึงได้ล้มเหลวอย่างมาก ต่างกับการบริหารเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของประเทศเวียดนามอย่างสิ้นเชิง หลายปัจจัยน่าจะมาจากวิสัยทัศน์ของผู้นำ และการยอมรับของประชาคมโลกต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่สื่อหลักของโลกยังคงวิจารณ์รัฐบาลในด้านลบมาโดยตลอด ซึ่งหากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ รัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ประชาชนจำนวนมากที่เชื่อคำพูดของ
พล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิดที่บอกว่าเศรษฐกิจไทยยังดีมาตลอดหลายปี และไม่ได้เตรียมรับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ต่างพากันประสบปัญหาทางเศรษฐกิจกันอย่างมาก ในขณะที่มีหลายคนได้มาขอบคุณตนที่ได้เตือนให้ระวังภาวะเศรษฐกิจที่จะย่ำแย่เลยทำให้สามารถประคองตัวอยู่ได้ในปัจจุบัน
อนค.ส่ง ‘ปิยบุตร’ ตัวหลักนั่งกมธ.ศึกษารธน. อัด คนปล่อยข่าวยุบพรรค หวังผลการเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1747575
“ธนาธร” ชวนร่วมงาน “อยู่ไม่เป็น” 16 พ.ย.นี้ ลั่น “ปิยบุตร” ร่วมนั่งกมธ.ศึกษาแก้รธน.แน่นอน เชื่อ คนพูดเรื่องยุบพรรค มีเป้าประสงค์ทางการเมืองต้องการให้คนไม่กล้ามาร่วมงานกับ อนค.
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรี ย่านบางแค นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า สำหรับแคมเปญกิจกรรม “
อยู่ไม่เป็น” เป็นกิจกรรมของพรรคอนาคตใหม่ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ขอเชิญชวนผู้ที่สนับสนุนพรรคอนค.ไปร่วมงานในวันดังกล่าว
เมื่อถามว่า กิจกรรมที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 พ.ย.จะมีนัยยะต่อคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในวันที่ 20 พฤศจิกายนหรือไม่ นาย
ธนาธร กล่าวว่า คงเป็นกิจกรรมของพรรคที่เราจัดประจำ ตนต้องเรียนตรงๆว่า พรรคอนค.ไม่มีอำนาจปืน ไม่มีอำนาจรถถัง ไม่มีอำนาจยุติธรรม ไม่มีอำนาจตำรวจ เราไม่มีอำนาจเงินทุน ดังนั้น เรื่องของกระบวนการตัดสินในศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรเราคงไม่อาจไปก้าวก่ายได้ เราไม่มีอำนาจจะไปทำอย่างนั้น
เมื่อถามว่า ส่วนตัวมีความสนใจกับตำแหน่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจาณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นาย
ธนาธร กล่าวว่า ภายในพรรคกำลังศึกษากันอยู่ คณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว พรรคจะวางตัวนาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค เป็นตัวหลักแน่นอน แต่สำหรับตนเองนั้นขณะนี้มี ภารกิจในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ดังนั้น การทำงานจากตอนนี้ถึงสิ้นปีคงจะมีเวลาออกไปทำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญน้อยลง เพราะเวลาส่วนใหญ่จะอยู่ในคณะกรรมาธิารการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ
เมื่อถามว่า หลังวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ไม่ว่าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร จะยังคงทำงานการเมืองในสภาต่อไปใช่หรือไม่ นาย
ธนาธร กล่าวว่า แน่นอน เพราะตนต้องเรียนทุกท่านว่า พรรคอนค.ตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลง การได้เป็นส.ส.หรือไม่ได้เป็นส.ส.ไม่ได้หยุดยั้งให้พวกเราไม่ก้าวเดินไปข้างหน้า เรายังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและแน่วแน่ เพื่อสร้างความฝันของเราให้เป็นจริง
เมื่อถามว่า หากผลคดีวันที่ 20 พฤศจิกายน ทำให้ไม่ได้เป็นส.ส.จะทำให้สถานะของพรรคมีผลกระทบอย่างไรบ้าง นาย
ธนาธร กล่าวว่า ไม่มีหรอก ทุกคนตีความกันไปต่างๆนาๆว่าจะยุบพรรค ตนต้องเรียนว่าคนที่พูดว่าพรรคเราจะโดนยุบทั้งหมด เคยศึกษาบ้างหรือไม่ว่าพรรคอนค. โดนคดี โดนข้อร้องเรียนอะไรบ้างที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้ เรื่องการถือหุ้นสื่อไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับการยุบพรรค เป็นแค่
ธนาธรมีคุณสมบัติเป็นส.ส.หรือไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับการยุบพรรค แล้วคดีที่มีอยู่ทั้งหมดจะนำไปสู่การยุบพรรคได้ก็ยากมาก เพราะการยุบพรรคจะเขียนไว้ชัดเจนว่าจะต้องมีกรณีใดบ้าง
ดังนั้น เราเชื่อมั่นว่าคนที่พูดเรื่องยุบพรรค สื่อมวลชน หรือคนไม่หวังดีพูดเรื่องยุบพรรค มีเป้าประสงค์ทางการเมืองเพื่อทำให้คนไม่กล้ามาร่วมงานกับพรรคอนค. เพื่อที่จะทำให้ส.ส.ของเราหวั่นไหวลังเลจะได้มีการซื้อกันได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้น ต้องบอกว่าคนที่พูดถึงเรื่องยุบพรรคทั้งหมดต้องกลับไปดูจริงๆว่าตกลงที่เราโดนทั้งหมดมีกรณีใดที่นำไปสู่ยุบพรรคได้บ้าง ซึ่งพรรคอนค.ยืนยันในความบริสุทธิ์ของพวกเรา โดยไม่ได้ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่เราตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างความเท่าเทียมเสมอภาคและสร้างสังคมที่ทุกคนมีเสรีภาพและสร้างสังคมที่เป็นประชาธิปไตยและดอกผลของการพัฒนาแจกจ่ายและกระจายให้ถึงคนทุกคนเท่ากัน นั่นคือสังคมที่เราฝัน
ภูมิใจไทย สับ การข่าวรัฐทุกฝ่ายด้อยประสิทธิภาพ จนเกิดเหตุสลดชายแดนใต้
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3045278
ภูมิใจไทย สับ การข่าวรัฐทุกฝ่ายด้อยประสิทธิภาพ จนเกิดเหตุสลดชายแดนใต้
ภูมิใจไทย – วันที่ 10 พ.ย. นาย
ณัฏฐ์ชนนท์ ศรีก่อเกื้อ ส.ส.เขต 7 จ.สงขลา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงเหตุการณ์ยิงถล่มป้อม ชรบ.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา จนทำให้อาสาสมัครเสียชีวิต 15 ศพ และบาดเจ็บ 5 รายว่า
นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ สะท้อนให้เห็นว่า การข่าวของทุกฝ่ายรัฐไร้ประสิทธิภาพ รัฐบาลต้องมีการยกเครื่องการข่าว คนร้าย 30 คน ซึ่งมาจากหลายพื้นที่ออกปฏิบัติการณ์ น่าจะมีการข่าวแจ้งเตือนจุดตรวจภาคประชาชน เพื่อให้มีการเตรียมรับมือจะได้เกิดการสูญเสียน้อยลง
“ผมจะนำเข้าที่ประชุม ส.ส.พรรค เพื่อจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาต่อไป ให้เปลี่ยนเสียงปืนเสียงระเบิดมาเป็นเสียงรถเทคเตอร์และเสียงตกเสาเข็มในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อให้พื้นที่ชายแดนใต้มีการพัฒนาทุกด้าน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนอุตสาหกรรม”
ส.ส.ภูมิใจไทย กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เป็นอย่างมาก และยิ่งมีกระแสข่าวว่าคนร้ายที่ก่อเหตุยิงป้อม ชรบ. ตรวจสอบปลอกกระสุนปืนแล้ว อาวุธปืนเคยก่อเหตุใน อ.เทพาและ อ.นาทวี จ.สงขลา อีก ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้กับประชาชนขึ้นกว่าเดิม
JJNY : 5in1 อดีตรมต.จวกประยุทธ์-สมคิด/อนค.ส่งปิยบุตรนั่งกมธ./ภท.สับการข่าวรัฐ/เทพไทสับสิระ/ส.ส.ปชป.จัดหนักวันชัย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3045402
วันที่ 10 พ.ย. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดี ฝ่าฝืนเงื่อนไข ท้ายคำสั่ง คสช.ที่ 39/2557 ที่ คสช. โดย พ.อ.วิจารณ์ จดแตง เป็นผู้รับมอบอำนาจ เเจ้งความดำเนินคดี กับ นายพิชัย กรณีเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยให้สัมภาษณ์สื่อและแสดงความเห็นทางเฟซบุ๊ก ในช่วงปี 2558 ว่า
เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนพร้อมคณะทำงาน นายยอดชาย ศีลนำสุข ทนายความ เดินทางไป สน.ดุสิต เข้าพบ ร.ต.อ.ชวะฤทธิ์ จันทร์เกิ้น พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน เพื่อหารือชี้แจงข้อกฎหมายกับพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของนายพิชัย
เนื่องจากภายหลัง คสช.มีคำสั่ง ที่ 22/2561 (ปลดล็อคทางการเมือง) ให้ประชาชนและการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ซึ่งยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่39/2557 ตามข้อกล่าวหาในคดีนี้แล้ว จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ให้การกระทำตามข้อกล่าวหาไม่เป็นความผิดอีกต่อไปขอให้พนักงานสอบสวนยุติการดำเนินคดี ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนรับทราบและจะสรุปสำนวนเพื่อมีคำสั่งทางคดีต่อไป
ด้าน นายพิชัย กล่าวว่า การปิดกั้นความเห็น และพยายามใช้คดีความ ปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลด้วยข้อมูลความจริง โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ทางเศรษฐกิจ จะต้องหมดไปและจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่หวังจะพัฒนาจะต้องเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น
การที่สภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างมากในปัจจุบัน แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจกลับพยายามบอกประชาชนว่าเศรษฐกิจยังดีสวนทางกับความเป็นจริง จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
เพราะดูเหมือนรัฐบาลจะหลงทางและไม่ยอมรับความจริง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะถดถอยจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย แต่นายสมคิด กลับบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้น ซึ่งสวนกับตรรกะของความเป็นจริงที่เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งเศรษฐกิจโลก
แต่ 5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกดีแต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิด กลับไม่สามารถบริหารเศรษฐกิจให้ดีได้ เศรษฐกิจไทยโตต่ำเตี้ยเฉลี่ยเพียงปีละ 3% เท่านั้น พอเศรษฐกิจแย่หนักก็คิดได้แค่แจกเงินเพื่อปิดปากคนยากจน แต่ประเทศไม่ได้พัฒนาขึ้น
ขนาดไอเอ็มเอฟยังเตือนไทยเรื่องการแจกเงินสะเปะสะปะ แต่ไม่ได้พัฒนาความสามารถในการแข่งขัน พล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิด ต้องหันกลับมาพิจารณาว่าสาเหตุใดที่การบริหารเศรษฐกิจที่ผ่านมาถึงได้ล้มเหลวอย่างมาก ต่างกับการบริหารเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของประเทศเวียดนามอย่างสิ้นเชิง หลายปัจจัยน่าจะมาจากวิสัยทัศน์ของผู้นำ และการยอมรับของประชาคมโลกต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่สื่อหลักของโลกยังคงวิจารณ์รัฐบาลในด้านลบมาโดยตลอด ซึ่งหากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ รัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ประชาชนจำนวนมากที่เชื่อคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิดที่บอกว่าเศรษฐกิจไทยยังดีมาตลอดหลายปี และไม่ได้เตรียมรับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ต่างพากันประสบปัญหาทางเศรษฐกิจกันอย่างมาก ในขณะที่มีหลายคนได้มาขอบคุณตนที่ได้เตือนให้ระวังภาวะเศรษฐกิจที่จะย่ำแย่เลยทำให้สามารถประคองตัวอยู่ได้ในปัจจุบัน
อนค.ส่ง ‘ปิยบุตร’ ตัวหลักนั่งกมธ.ศึกษารธน. อัด คนปล่อยข่าวยุบพรรค หวังผลการเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1747575
“ธนาธร” ชวนร่วมงาน “อยู่ไม่เป็น” 16 พ.ย.นี้ ลั่น “ปิยบุตร” ร่วมนั่งกมธ.ศึกษาแก้รธน.แน่นอน เชื่อ คนพูดเรื่องยุบพรรค มีเป้าประสงค์ทางการเมืองต้องการให้คนไม่กล้ามาร่วมงานกับ อนค.
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรี ย่านบางแค นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า สำหรับแคมเปญกิจกรรม “อยู่ไม่เป็น” เป็นกิจกรรมของพรรคอนาคตใหม่ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ขอเชิญชวนผู้ที่สนับสนุนพรรคอนค.ไปร่วมงานในวันดังกล่าว
เมื่อถามว่า กิจกรรมที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 พ.ย.จะมีนัยยะต่อคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในวันที่ 20 พฤศจิกายนหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า คงเป็นกิจกรรมของพรรคที่เราจัดประจำ ตนต้องเรียนตรงๆว่า พรรคอนค.ไม่มีอำนาจปืน ไม่มีอำนาจรถถัง ไม่มีอำนาจยุติธรรม ไม่มีอำนาจตำรวจ เราไม่มีอำนาจเงินทุน ดังนั้น เรื่องของกระบวนการตัดสินในศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรเราคงไม่อาจไปก้าวก่ายได้ เราไม่มีอำนาจจะไปทำอย่างนั้น
เมื่อถามว่า ส่วนตัวมีความสนใจกับตำแหน่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจาณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ภายในพรรคกำลังศึกษากันอยู่ คณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว พรรคจะวางตัวนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค เป็นตัวหลักแน่นอน แต่สำหรับตนเองนั้นขณะนี้มี ภารกิจในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ดังนั้น การทำงานจากตอนนี้ถึงสิ้นปีคงจะมีเวลาออกไปทำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญน้อยลง เพราะเวลาส่วนใหญ่จะอยู่ในคณะกรรมาธิารการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ
เมื่อถามว่า หลังวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ไม่ว่าผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร จะยังคงทำงานการเมืองในสภาต่อไปใช่หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอน เพราะตนต้องเรียนทุกท่านว่า พรรคอนค.ตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลง การได้เป็นส.ส.หรือไม่ได้เป็นส.ส.ไม่ได้หยุดยั้งให้พวกเราไม่ก้าวเดินไปข้างหน้า เรายังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและแน่วแน่ เพื่อสร้างความฝันของเราให้เป็นจริง
เมื่อถามว่า หากผลคดีวันที่ 20 พฤศจิกายน ทำให้ไม่ได้เป็นส.ส.จะทำให้สถานะของพรรคมีผลกระทบอย่างไรบ้าง นายธนาธร กล่าวว่า ไม่มีหรอก ทุกคนตีความกันไปต่างๆนาๆว่าจะยุบพรรค ตนต้องเรียนว่าคนที่พูดว่าพรรคเราจะโดนยุบทั้งหมด เคยศึกษาบ้างหรือไม่ว่าพรรคอนค. โดนคดี โดนข้อร้องเรียนอะไรบ้างที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้ เรื่องการถือหุ้นสื่อไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับการยุบพรรค เป็นแค่ธนาธรมีคุณสมบัติเป็นส.ส.หรือไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับการยุบพรรค แล้วคดีที่มีอยู่ทั้งหมดจะนำไปสู่การยุบพรรคได้ก็ยากมาก เพราะการยุบพรรคจะเขียนไว้ชัดเจนว่าจะต้องมีกรณีใดบ้าง
ดังนั้น เราเชื่อมั่นว่าคนที่พูดเรื่องยุบพรรค สื่อมวลชน หรือคนไม่หวังดีพูดเรื่องยุบพรรค มีเป้าประสงค์ทางการเมืองเพื่อทำให้คนไม่กล้ามาร่วมงานกับพรรคอนค. เพื่อที่จะทำให้ส.ส.ของเราหวั่นไหวลังเลจะได้มีการซื้อกันได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้น ต้องบอกว่าคนที่พูดถึงเรื่องยุบพรรคทั้งหมดต้องกลับไปดูจริงๆว่าตกลงที่เราโดนทั้งหมดมีกรณีใดที่นำไปสู่ยุบพรรคได้บ้าง ซึ่งพรรคอนค.ยืนยันในความบริสุทธิ์ของพวกเรา โดยไม่ได้ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่เราตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างความเท่าเทียมเสมอภาคและสร้างสังคมที่ทุกคนมีเสรีภาพและสร้างสังคมที่เป็นประชาธิปไตยและดอกผลของการพัฒนาแจกจ่ายและกระจายให้ถึงคนทุกคนเท่ากัน นั่นคือสังคมที่เราฝัน
ภูมิใจไทย สับ การข่าวรัฐทุกฝ่ายด้อยประสิทธิภาพ จนเกิดเหตุสลดชายแดนใต้
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3045278
ภูมิใจไทย – วันที่ 10 พ.ย. นายณัฏฐ์ชนนท์ ศรีก่อเกื้อ ส.ส.เขต 7 จ.สงขลา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงเหตุการณ์ยิงถล่มป้อม ชรบ.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา จนทำให้อาสาสมัครเสียชีวิต 15 ศพ และบาดเจ็บ 5 รายว่า
นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ สะท้อนให้เห็นว่า การข่าวของทุกฝ่ายรัฐไร้ประสิทธิภาพ รัฐบาลต้องมีการยกเครื่องการข่าว คนร้าย 30 คน ซึ่งมาจากหลายพื้นที่ออกปฏิบัติการณ์ น่าจะมีการข่าวแจ้งเตือนจุดตรวจภาคประชาชน เพื่อให้มีการเตรียมรับมือจะได้เกิดการสูญเสียน้อยลง
“ผมจะนำเข้าที่ประชุม ส.ส.พรรค เพื่อจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาต่อไป ให้เปลี่ยนเสียงปืนเสียงระเบิดมาเป็นเสียงรถเทคเตอร์และเสียงตกเสาเข็มในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อให้พื้นที่ชายแดนใต้มีการพัฒนาทุกด้าน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนอุตสาหกรรม”
ส.ส.ภูมิใจไทย กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เป็นอย่างมาก และยิ่งมีกระแสข่าวว่าคนร้ายที่ก่อเหตุยิงป้อม ชรบ. ตรวจสอบปลอกกระสุนปืนแล้ว อาวุธปืนเคยก่อเหตุใน อ.เทพาและ อ.นาทวี จ.สงขลา อีก ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้กับประชาชนขึ้นกว่าเดิม