กระทู้นี้อาจเขียนไม่ดีหรืออ่านยากไปขออภัยครับ ผมเป็นเกย์ท่าทางเหมือนผู้ชายปกติ แต่ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนแข็งแรงอะไร
เรื่องมันก็ผ่านไปเกือบจะ 4-5 ปี ที่ผมแอบชอบเค้า เค้าเป็นผู้ชายแท้ธรรมดาทั่วไปแต่มีเสน่ห์ เหมือนเค้าจะรู้นะว่าผมคงแอบชอบเค้าแต่เค้าก็ยังทำตัวปกติจนมาถึงวันนึงโลกก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่ผมคิดเริ่มทำตัวห่างๆอาจเป็นเพราะสังคมและเพื่อนๆของเค้า ผมก็ได้แต่ทำใจกลับบ้านแอบร้องไห้ ชั่งน้ำเน่าจัง จนมาในวันที่ผมและเค้าต้องแยกย้ายไปตามทาง เหมือนเค้าอยากจะพูดกับผม และผมก็อยากพูดกับเค้า สุดท้ายต่างคนต่างไม่พูดจากกันไปแบบเงียบๆ เป็นวันที่ผมไม่เจอเค้าอีกเลย เป็นวันที่ผมแย่และเสียใจที่สุดในชีวิต ผมมารู้ตัวอีกทีว่าผมคงชอบเค้าแบบจริงจังมากแต่ก็รู้ๆว่าเป็นไปไม่ได้ถึงวันนั้นเราจะไม่ได้แยกจากกันแต่ยังไงจุดจบก็คงไม่สวยงามเช่นเดิม ผมได้ทำการเลิกติดตามเค้าออกจาก facebook แต่ยังคงเป็นเพื่อนอยู่ แค่ไม่รับรู้เรื่องราวของเค้า เป็นการกระทำที่น้ำเน่าและโง่จริงๆ แรกๆผมโพสต์ไรไปเค้าก็มาเม้นท์กดถูกใจบ้าง แต่แล้วก็เริ่มหายไปเรื่อยๆจนเหมือนผมได้ลบเค้าออกไปจากชีวิต เลยมานั่งคิดว่าผมคงไม่โทษใคร เพราะตัวผมเองไม่ใช่หรอที่ต้องการลืมและลบชีวิตเค้าคนนั้นออกไปซึ่งมันก็ดีแล้ว แฟร์ๆดี ได้แต่ยิ้มแต่ก็เศร้าๆ พอมีหนังละครซีรีส์หรือฟังเพลงอ่านนิยาย อะไรที่มันเข้ากับสถานการณ์ตัวเองร้องไห้น้ำตาไหลเลย อยากจะระบายกับใครๆแต่ก็ไม่กล้า หลังจากวันนั้นที่ต้องแยกย้ายผมก็มาใช้ชีวิตกรุงเทพได้สักพัก ผมมักจะโกหกตัวเองว่าตัวผมเองนั้นมีความสุข มีเค้าคนนั้นอยู่ข้างๆ ไปเดินตลาดชิวๆ ห้างชิวๆ ก็จับมือทำตัวปกติ แต่พอช่วงไหนไม่มีไรทำหรือว่างๆก็มักท่องเสมอว่า เห้ย นี่คือความจริงนะเราจะมาโกหกหลอกตัวเองไปวันๆไม่ได้ แต่แล้วความคิดก็ไม่ตรงกับใจอีก พอหาดูละคร ซีรีส์ ภาพยนตร์ อ่านนิยาย ฟังเพลง ก็มักจะจินตนาการว่าเป็นผมเองและเค้าที่โลกทั้งใบนั้นมีความสุขเหลือเกิน แต่ก็นั้นแหละ วนลูบมาจุดเดิม คือบอกกับตัวเองว่าให้ยอมรับความจริงและเดินหน้าต่อ จนเวลาผ่านไปเกือบ 2ปี ทำใจได้ล่ะก็ใช้ชีวิตธรรมดาไปเรื่อยๆนั้นแแหละไม่ได้วิเศษไรมากมายเพื่อนชวนเที่ยวก็ไปชีวิตจะได้ไม่เครียด แต่ก็มีบางเวลาที่ความรู้สึกในสมองผมแอบโกหกตัวเองอยู่เช่นเดิม อยากจะระบายให้เพื่อนฟังก็ไม่กล้า สรุปเรื่องนี้ผมก็ยังคงเก็บเป็นความลับไว้ในใจตลอด จนเข้าสู่ 3ปีผ่านไป เรียกได้ว่าชินและเดินหน้าต่อไปคิดซะว่าผมและเค้าชาตินี้คงไม่ใช่เนื้อคู่ บางทีผมก็แอบคิดนะว่าว่าความรู้สึกนี้ผมคิดฝ่ายเดี่ยวรึป่าว อ๋อ แล้วอีกอย่างจิตใจของผมกับการมโนเพ้อฝันไรแบบนี้บางทีผมก็อยากจะไปพบจิตแพทย์นะกลัวอาการหนัก จนมาถึงเวลาก็ผ่านไป 4ปี ชีวิตก็เรื่อยๆแอบโกหกความรู้สึกตัวเองไปบ้างแต่ไม่บ่อย แต่ก็มีความรู้สึกว่าทำใจเถอะ แต่แล้วจนมาถึงวันที่ 9เดือน11 ปี2562 เป็นวันยามดีที่ใครหลายคนแต่งงาน และเป็นเค้าหนึ่งในนั้นที่ได้แต่งงานกับเนื้อคู่ของเค้า เจ้าสาวสวยมาก พึ่งมารู้ก็เพื่อนโพสแท็กๆกันมา แต่ไม่ได้แท็กมาถึงผมนะ แค่โผล่มาหน้า facebook เฉยๆ พอผมเห็นภาพถ่าย สมองผมทุกอย่างเป็นศูนย์เหมือนเริ่มทำใจใหม่ๆ แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมควรเลิกโกหกตัวเองซะที และยอมรับความจริงได้แล้ว คิดว่ามันคือสิ่งดีๆที่เคยมีให้ล่ะกัน ขอบใจนะที่เวลามีไรไม่สบายใจเค้าก็ไว้ใจมาเล่าให้ผมฟัง บอกว่าไม่เคยเล่าให้เพื่อนคนอื่นเลย มีแต่ผมเท่านั้น ขอบใจนะที่ช่วยเหลือ ให้รอยยิ้มกับเรา ไปไหนมาไหนก็ชวนเรา ถึงจะมีเรื่องไม่ดีบ้างแต่ผมก็ไม่อยากจะเก็บมาคิดล่ะ โตๆกันแล้วอะไรให้อภัยได้ก็ปล่อยๆไป มันเป็นวันที่ผมคงต้องยอมรับแล้วล่ะโกหกหลอกตัวเองก็ไม่ได้อะไร เจ้าสาวที่เค้าแต่งก็สวยนะคงสเปคเค้าแหละ แต่ก็ยินดีด้วยถึงแม้จะไม่ได้ชวนผมก็ตาม ขอบใจที่เคยให้ความรู้สึกดีๆ หรือบางทีเหตุการณ์ต่างๆที่ผมพิมพ์มาอาจคิดไปเองคนเดียวแต่ผมคงไม่เสียใจที่เคยปลื้มเค้า ก็ได้แต่ยอมรับในตัวเรา และตัวเค้า ผมคงเดินหน้าต่อไปไม่รู้ชีวิตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
ถ้าผมบอกเค้าไปว่าผมชอบเค้าผมก็คงไม่ต้องเก็บมาคิดไรให้มากมายถึงแม้คำตอบจะออกมาแบบไหนก็ยอมรับมันไป แต่สำหรับผมมันไม่ใช่แก้ไขอะไรไม่ได้ มันคงเลยมาไกลจุดนั้นล่ะ วันนี้คงเป็นวันที่ผมคงพอสักทีเหมือนชะตาลิขิตบอกให้ผมนั้นควรยอมรับความเป็นจริงแล้วเดินทางของตัวเอง ถึงแม้ปลายทางต่อไปนี้จะไม่สวยงามสักเท่าไหร่ก็ตาม
วันที่ 9 เดือน 11 เป็นวันแห่งสีชมพู แต่สำหรับผมเป็นวันที่คงต้องตัดสินใจและยอมรับความจริงไปตลอดชีวิต (เกย์)
เรื่องมันก็ผ่านไปเกือบจะ 4-5 ปี ที่ผมแอบชอบเค้า เค้าเป็นผู้ชายแท้ธรรมดาทั่วไปแต่มีเสน่ห์ เหมือนเค้าจะรู้นะว่าผมคงแอบชอบเค้าแต่เค้าก็ยังทำตัวปกติจนมาถึงวันนึงโลกก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่ผมคิดเริ่มทำตัวห่างๆอาจเป็นเพราะสังคมและเพื่อนๆของเค้า ผมก็ได้แต่ทำใจกลับบ้านแอบร้องไห้ ชั่งน้ำเน่าจัง จนมาในวันที่ผมและเค้าต้องแยกย้ายไปตามทาง เหมือนเค้าอยากจะพูดกับผม และผมก็อยากพูดกับเค้า สุดท้ายต่างคนต่างไม่พูดจากกันไปแบบเงียบๆ เป็นวันที่ผมไม่เจอเค้าอีกเลย เป็นวันที่ผมแย่และเสียใจที่สุดในชีวิต ผมมารู้ตัวอีกทีว่าผมคงชอบเค้าแบบจริงจังมากแต่ก็รู้ๆว่าเป็นไปไม่ได้ถึงวันนั้นเราจะไม่ได้แยกจากกันแต่ยังไงจุดจบก็คงไม่สวยงามเช่นเดิม ผมได้ทำการเลิกติดตามเค้าออกจาก facebook แต่ยังคงเป็นเพื่อนอยู่ แค่ไม่รับรู้เรื่องราวของเค้า เป็นการกระทำที่น้ำเน่าและโง่จริงๆ แรกๆผมโพสต์ไรไปเค้าก็มาเม้นท์กดถูกใจบ้าง แต่แล้วก็เริ่มหายไปเรื่อยๆจนเหมือนผมได้ลบเค้าออกไปจากชีวิต เลยมานั่งคิดว่าผมคงไม่โทษใคร เพราะตัวผมเองไม่ใช่หรอที่ต้องการลืมและลบชีวิตเค้าคนนั้นออกไปซึ่งมันก็ดีแล้ว แฟร์ๆดี ได้แต่ยิ้มแต่ก็เศร้าๆ พอมีหนังละครซีรีส์หรือฟังเพลงอ่านนิยาย อะไรที่มันเข้ากับสถานการณ์ตัวเองร้องไห้น้ำตาไหลเลย อยากจะระบายกับใครๆแต่ก็ไม่กล้า หลังจากวันนั้นที่ต้องแยกย้ายผมก็มาใช้ชีวิตกรุงเทพได้สักพัก ผมมักจะโกหกตัวเองว่าตัวผมเองนั้นมีความสุข มีเค้าคนนั้นอยู่ข้างๆ ไปเดินตลาดชิวๆ ห้างชิวๆ ก็จับมือทำตัวปกติ แต่พอช่วงไหนไม่มีไรทำหรือว่างๆก็มักท่องเสมอว่า เห้ย นี่คือความจริงนะเราจะมาโกหกหลอกตัวเองไปวันๆไม่ได้ แต่แล้วความคิดก็ไม่ตรงกับใจอีก พอหาดูละคร ซีรีส์ ภาพยนตร์ อ่านนิยาย ฟังเพลง ก็มักจะจินตนาการว่าเป็นผมเองและเค้าที่โลกทั้งใบนั้นมีความสุขเหลือเกิน แต่ก็นั้นแหละ วนลูบมาจุดเดิม คือบอกกับตัวเองว่าให้ยอมรับความจริงและเดินหน้าต่อ จนเวลาผ่านไปเกือบ 2ปี ทำใจได้ล่ะก็ใช้ชีวิตธรรมดาไปเรื่อยๆนั้นแแหละไม่ได้วิเศษไรมากมายเพื่อนชวนเที่ยวก็ไปชีวิตจะได้ไม่เครียด แต่ก็มีบางเวลาที่ความรู้สึกในสมองผมแอบโกหกตัวเองอยู่เช่นเดิม อยากจะระบายให้เพื่อนฟังก็ไม่กล้า สรุปเรื่องนี้ผมก็ยังคงเก็บเป็นความลับไว้ในใจตลอด จนเข้าสู่ 3ปีผ่านไป เรียกได้ว่าชินและเดินหน้าต่อไปคิดซะว่าผมและเค้าชาตินี้คงไม่ใช่เนื้อคู่ บางทีผมก็แอบคิดนะว่าว่าความรู้สึกนี้ผมคิดฝ่ายเดี่ยวรึป่าว อ๋อ แล้วอีกอย่างจิตใจของผมกับการมโนเพ้อฝันไรแบบนี้บางทีผมก็อยากจะไปพบจิตแพทย์นะกลัวอาการหนัก จนมาถึงเวลาก็ผ่านไป 4ปี ชีวิตก็เรื่อยๆแอบโกหกความรู้สึกตัวเองไปบ้างแต่ไม่บ่อย แต่ก็มีความรู้สึกว่าทำใจเถอะ แต่แล้วจนมาถึงวันที่ 9เดือน11 ปี2562 เป็นวันยามดีที่ใครหลายคนแต่งงาน และเป็นเค้าหนึ่งในนั้นที่ได้แต่งงานกับเนื้อคู่ของเค้า เจ้าสาวสวยมาก พึ่งมารู้ก็เพื่อนโพสแท็กๆกันมา แต่ไม่ได้แท็กมาถึงผมนะ แค่โผล่มาหน้า facebook เฉยๆ พอผมเห็นภาพถ่าย สมองผมทุกอย่างเป็นศูนย์เหมือนเริ่มทำใจใหม่ๆ แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมควรเลิกโกหกตัวเองซะที และยอมรับความจริงได้แล้ว คิดว่ามันคือสิ่งดีๆที่เคยมีให้ล่ะกัน ขอบใจนะที่เวลามีไรไม่สบายใจเค้าก็ไว้ใจมาเล่าให้ผมฟัง บอกว่าไม่เคยเล่าให้เพื่อนคนอื่นเลย มีแต่ผมเท่านั้น ขอบใจนะที่ช่วยเหลือ ให้รอยยิ้มกับเรา ไปไหนมาไหนก็ชวนเรา ถึงจะมีเรื่องไม่ดีบ้างแต่ผมก็ไม่อยากจะเก็บมาคิดล่ะ โตๆกันแล้วอะไรให้อภัยได้ก็ปล่อยๆไป มันเป็นวันที่ผมคงต้องยอมรับแล้วล่ะโกหกหลอกตัวเองก็ไม่ได้อะไร เจ้าสาวที่เค้าแต่งก็สวยนะคงสเปคเค้าแหละ แต่ก็ยินดีด้วยถึงแม้จะไม่ได้ชวนผมก็ตาม ขอบใจที่เคยให้ความรู้สึกดีๆ หรือบางทีเหตุการณ์ต่างๆที่ผมพิมพ์มาอาจคิดไปเองคนเดียวแต่ผมคงไม่เสียใจที่เคยปลื้มเค้า ก็ได้แต่ยอมรับในตัวเรา และตัวเค้า ผมคงเดินหน้าต่อไปไม่รู้ชีวิตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
ถ้าผมบอกเค้าไปว่าผมชอบเค้าผมก็คงไม่ต้องเก็บมาคิดไรให้มากมายถึงแม้คำตอบจะออกมาแบบไหนก็ยอมรับมันไป แต่สำหรับผมมันไม่ใช่แก้ไขอะไรไม่ได้ มันคงเลยมาไกลจุดนั้นล่ะ วันนี้คงเป็นวันที่ผมคงพอสักทีเหมือนชะตาลิขิตบอกให้ผมนั้นควรยอมรับความเป็นจริงแล้วเดินทางของตัวเอง ถึงแม้ปลายทางต่อไปนี้จะไม่สวยงามสักเท่าไหร่ก็ตาม