ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มอญที่อพยพหนีพม่าเข้ามาพักที่เมืองไทรโยคได้เข้ามาสวามิภักดิ์
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเจ้านายเมืองมอญเมืองเมาะลำเลิง ที่เหลือชีวิตอยู่ 7 คน ให้เป็นนายด่านป้องกันพม่า 7 เมือง
คือ เมืองไทรโยค เมืองท่าขนุน เมืองท่ากระดาน เมืองท่าตะกั่ว เมืองลุ่มสุ่ม เมืองสิงห์ และเมืองทองผาภูมิ
ชนชาติมอญทราบว่าญาติของตนได้เป็นเจ้าเมือง ด่านทั้ง 7 จึงได้อพยพตามเข้ามาอีก
พระบามสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระยามอญทั้ง 7 เลือกที่ทำมาหากินเอาเองโดยพระราชทานท้องตรามาให้ด้วย
พระยามอญทั้ง 7 จึงได้พาสมัครพรรคพวกล่องมาตามลำน้ำแม่กลอง มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่หมู่บ้านวัดคงคามราม ร่วมกันตั้งวัดขึ้นเรียกว่า เภี้ยโต้ (วัดทรัพย์กลาง)
ในสมัยรัชกาลที่ 4 วัดคงคารามได้รับการอุปถัมภ์โดยเจ้าจอมมารดากลิ่น และทูลเกล้าฯ ถวายให้เป็นพระอารามหลวง
ได้รับพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดคงคาราม
รอบอุโบสถ มีเจดีย์มอญ 7 องค์ เป็นตัวแทนของพระยามอญทั้ง 7
จิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างสกุลกรุงเทพช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 3
ได้แต่บรรยายว่ารูปอะไร งามขนาดไหนต้องชมกันเองนะคะ
ขอเริ่มจากเพดาน
น่าจะหมายถึงท้องฟ้าหรือสวรรค์มีดวงดาว มีเทพในปราสาทสองหลัง สีแดงและสีเหลือง ... เดาว่า พระอาทิตย์และพระจันทร์
ภาพไตรภูมิ ... ถ่ายมาได้แค่นี้เพราะที่แตบมาก
มีเขาพระสุเมรุตั้งอยู่ตรงกลาง บนยอดเขาพระสุเมรุ คือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีนครไตรตรึงษ์เป็นนครแห่งเทพ มีพระอินทร์เป็นผู้ปกครอง และเป็นผู้อภิบาลโลก
ขนาบข้างด้วยเขา 7 ลูก คือสัตตบริภัณฑ์
ตอนล่างเป็นภาพของสีทันดรมหาสมุทร ที่แวดล้อมภูเขาพระสุเมรุ และภูเขาสัตตบริภัณฑ์ มีปลา 7 ตัวอาศัยอยู่ พร้อมทั้งเงือก สัตว์น้ำอื่น ๆ
ด้านหน้าพระประธาน
ท้าววสวัตตี (ซึ่งเป็นผู้ที่ทำความดีเท่ากับความชั่ว)
จอมเทพแห่งสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี (สวรรค์ที่ปรารถนาสิ่งใดก็ไม่ต้องเนรมิตขึ้นเอง แต่จะมีเทวดาองค์อื่นมาเนรมิตให้ )
กลัวว่าพระพุทธเจ้าจะสอนคนจะทำให้คนสำเร็จมรรคผลเข้าสู่พระนิพพานกันหมด ไม่เหลือวิญญาณไปขึ้นสวรรค์ จึงไปขัดขวาง
ในคืนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ท้าววสวัตตีได้ยกกองทัพ เข้ารบกวนโดยอ้างว่าบัลลังก์ที่พระพุทธเจ้าประทับเป็นของตน
ด้านซ้ายของพระประธาน เป็นภาพท้าววสวัตตี ... ยักษ์ตัวสีเขียว 10 กร เถือ จักร ธนู ตรี กระบอง บนหลังช้างสีดำชูหอก และไพร่พลจะมาทวงบัลลังก์
ทรงใช้นิ้วชี้ลงแผ่นดิน (เกิดเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย) อ้างถึงคุณความดีที่พระองค์ได้ทำในอดีตชาติ มารก็พ่ายแพ้ไป
แผ่นดิน หรือ พระแม่ธรณี บีบมวยผม
ด้านขวาของพระประธานเป็นท้าววสวัตตี ... ยักษ์ตัวสีเขียวมือคู่หนึ่งพนมไหว้ มืออื่น ๆ ถือดอกบัว ... บนหลังช้างสีดำชูดอกบัว และไพร่พล ยอมพ่ายแพ้และสักการะพระพุทธเจ้า
ด้านบนสุดเป็นอดีตพระพุทธเจ้า
ถัดลงมาเป็นพระพุทธประวัติ
พระอินทร์องค์สีเขียวทูลขอให้ลงมาจุติ
พระนางสิริมหามายาทรงเหนี่ยวกิ่งสาละ ... ประสูติ
พระอัญญาโกณฑัญญะมาทำนายพระพุทธเจ้า
พระเจ้าสุทโธทนะแรกนาเจ้าชายสิทธัตถะปลีกวิเวกจนได้ปฐมญาณ
แข่งยิงธนู
คนเกิดแก่เจ็บตาย
ทรงออกผนวช
บนขวามีเหล่าเทวดาพาเหาะมาพระอินทร์องค์สีเขียวนำมา มีท้าววสวัตตีเหาะมาพยายามทัดทาน
ถัดลงมาทรงตัดพระเมาลี
พระอินทร์นำไปไว้ยังพระธาตุเจดีย์เกษแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ บนขวาสุด
ปัญจวัคคีมาขอเห็นสาวก ล่างขวา
พระอินทร์ดีดพิณ ... ดำเนินทางสายกลาง
ซ้ายนางวิสาขาเมื่อได้บุตรชายตามที่อธิษฐานขอรุกขเทวดา
กลางบน นางจึงกวนข้าวมธุปายาส มีพระอินทร์ได้นำทิพยอาหารมาโปรยลงในกะทะ
นางเข้าไปในป่าพร้อมบ่าวเห็น พระมหาบุรุษประทับอยู่ จึงเลื่อมใสศรัทธา สำคัญว่า เป็นรุกขเทวดาจึงถวายข้าวมธุปายาส
ทรงเสียงทายลอยถาด
โสตถิยพราหมณ์ ได้ถวายหญ้ากุสะรองโพธิบัลลังก์
หลังจากตรัสรู้ ... สัญญลักษณ์คือมีเกตุมาลา
ประทับเสวยวิมุตติสุข ... สัตตมหาสถาน
มีกวาง ... ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ปฐมเทศนา
มีวิถีชีวิตที่ใช้เรือเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ
เสด็จไปเมืองของพระเจ้าสุทโธทนะ ... เดานะคะ
ภาพนี้พระนางพิมพาสยายผมเช็ดพระบาทพระพุทธเจ้า เรียก พิมพาพิลาป
อีกภาพเป็นยมปาฏิหาริย์ เนรมิตพระรูปปางต่าง ๆเป็นคู่ บนต้นมะม่วง
ระหว่างบานหน้าต่างเป็นชาดก
เตมีย์ใบ้
พระเตมีย์โอรสพระเจ้ากาสิกราช เมืองพาราณาสี เห็นพระราชบิดาตัดสินลงโทษนักโทษอย่างทารุณ จึงแกล้งทำเป็นใบ้ หูหนวก และเป็นง่อย
หมอรักษาก็ไม่หาย โหรทำนายว่าเป็นกาลกิณี จึงรับสั่งให้นายสุนันทะพาไปฝังเสียในป่า
ขณะกำลังขุดหลุมพระเตมีย์ก็แสดงให้นายสุนันทะเห็นว่าพระองค์มีร่างกายแข็งแรงดี ได้ทรงสอนนายสุนันทะว่าการกระทำนี้เป็นการกระทำที่ไม่ควร
แล้วพระเตมีย์ก็ทรงไปบำเพ็ญพรตในป่า ใครมาเชิญก็ไม่กลับเมือง
ในภาพ
ล่างขวาพระเตมีย์ประทับบนตักพระบิดา ดูพระบิดาตัดสินโทษในขื่อคา
ด้านซ้ายโหรทำนายว่าเป็นกาลกิณี พระบิดาจึงให้นำไปผังทั้งเป็น
บนตรงกลางพระเตมีย์ทรงยกรถแสดงถึงทรงมีพละกำลัง ไม่ได้พิการ **
บนขวา ได้ทรงสอนนายสุนันทะ
เนกขัมมะบารมี หมายถึง บารมีในการการละเหย้าเรือนออกไปบวชเป็นพระเป็นนักบวช
พระมหาชนก วิริยะบารมี
พระมหาชนก(ปู่) เสวยราชสมบัติในเมืองมิถิลา มีโอรสสองพระองค์ คือ อริฎฐชนก และโปลชนก
เมื่อพระมหาชนก(ปู่)สวรรคต อริฎฐชนกขึ้นครองราชย์ ก็ระแวง โปลชนกผู้เป็นอุปราชจึงจับคุมขัง
โปลชนกหนีออกไปได้จึงแต่งทัพมารบพระอริฎฐชนก
พระอริฎฐชนกแพ้สิ้นพระชนม์ พระเทวีจึงหนีเอาตัวรอด โดยพระอินทร์พาไป
ได้พราหมณ์ใจดีรับอุปการะเป็นน้องสาว และคลอดออกมาเป็นพระมหาชนก
ในภาพมุมล่างซ้าย พระมหาชนก ลามารดามีพราหมณ์ที่ช่วยอุปการะ ไปค้าขาย
เมื่อรู้ว่าพระบิดาถูกลุงฆ่าจึงคิดไปค้าขายหาทุนสร้างทัพไปต่อสู้
แล้วเรือแตก ว่ายน้ำอยู่ด้วยวิริยะ นางเมกขลาช่วยพาไปยังเมืองมิถิลา ... ในภาพ **
พอดีพระโปลชนกสวรรคตแล้ว และได้พระธิดาชื่อนางสีวลีเป็นภรรยา
สุดท้ายได้แยกทางกับนางสิวลีโดยเปรียบเทียบกับ
ลูกธนูจะตรงได้ ต้องเล็งด้วยตาเดียว คนจะบำเพ็ญธรรมสำเร็จได้ต้องอยู่คนเดียว
อัมพชาดก ... อย่าลบหลู่ครูอาจารย์
อัมพ แปลว่ามะม่วง
เกี่ยวกับความกตัญญูกตเวที ความรู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณ
เป็นอดีตของพระเทวทัตที่เกิดเป็นพราหมณ์ ได้ไปเรียนมนต์เสกมะม่วงจากอาจารย์วรรณจัณฑาล
อาจารย์สั่งไว้ว่าถ้าใครถามว่าเรียนมาจากใครให้ตอบไปตามจรืง ไม่งั้นมนต์จะเสื่อม
พราหมณ์ก็ได้ใช้มนต์นี้หาเลี้ยงชีพ จนวันหนึ่งคนรักษาพระราชอุทยานได้ซื้อไปถวายพระเจ้ากรุงพาราณสี
ในภาพพราหมณ์เกล้ามวยแบบนักบวชถือมะม่วงกำลังเสกมะม่วง กับพระเจ้าพาราณาสี
ต่อจากนี้คือ
พระเจ้ากรุงพาราณสีติดใจจึงถามว่าเรียนมนต์มาจากไหน พราหมณ์ตอบว่าจากสำนักทิศาปาโมกข์แห่งกรุงตักศิลา
จึงเสกมะม่วงไม่ได้อีกต่อไปเพราะโกหกมนต์จึงเสื่อม จึงถูกเฆี่ยนและขับไล่ออกจากเมือง
ไปขออาจารย์สอนอีก อาจารย์ก็ไม่สอนให้
กลางภาพ เห็นคนสอยมะม่วง จึงเดาว่าเรื่องนี้
เนมิราชาดก (อธิษฐานบารมี)
พระราชาเมืองมิถิลา มีพระโอรสนามว่า เนมิกุมาร
มีพระทัยฝักใฝ่ในการบำเพ็ญทานและรักษาศีลอุโบสถ อย่างเคร่งครัด
เมื่อพระบิดาทอดพระเนตรเห็นเส้นพระเกศาหงอก จึงทรงมอบเมืองมิถิลาให้พระเนมิราช
ทรงโปรดให้สร้างโรงทานและ ทรงรักษาศีล บ้านเมืองก็ร่มเย็นเป็นสุข
พระอินทร์เชิญพระเนมิราชไปแสดงธรรมบนสวรรค์
พรหมนารถชาดก
พระเจ้าอังคติราชเป็นกษัตริย์ซึ่งทรงทศพิธราชธรรมแห่งเมืองมิถิลา
ไปหลงเชื่อคุณาชีวกกัสสปโคตร ว่าไม่มีบุญมีบาป
สัตว์คน เสมอกัน จะได้ดีได้ชั่วก็มาเอง เวียนว่ายตายเกิด 84 กัปป์ก็บริสุทธิ์เอง
พระนางรุจาราชธิดาจึงไปกราบไหว้เทวดาขอให้ปลดเปลื้องพระชนกนาถจากมิจฉาทิฏฐิ
พระพรหม ... ใครที่อยู่สวรรค์ชั้นพรหม ก็เรียกพรหมทั้งหมด ... ชื่อนารทะ จึง
แต่งกายแบบฤาษ๊ ใส่ชฏา ปักปิ่นทอง
คานหาบทอง สาแหรกทอง คณโฑแก้วประพาฬ เหาะลงมาสู่ปราสาท ดังภาพ
ต่อไปคือ
พระเจ้าอังคติราช ซักถามว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมา
พระพรหมนารท ตอบว่ามาจากพรหมโลก ชื่อนารทะ
พระเจ้าอังคติราชถามว่าทำไมมีฤทธิ์ยืนบนอากาศได้
พระพรหมนารท ตอบว่า ภพก่อนได้ประพฤติคุณธรรม 4 ประการนี้คือ สัจจะ ธรรมะ ทมะ จาคะ จึงไปไหนได้ตามความปรารถนา
พระเจ้าอังคติราชก็ยังไม่เชื่อเรื่องบุญ เทวดา มารดาบิดา ปรโลก ว่ามีอยู่จริง ถึงกับ
ขอยืมทรัพย์ 500 ตำลึงและจะคืนให้ 1000 ตำลึงในปรโลก
พระพรหมนารท ตอบว่า ถ้ารู้ว่ามหาบพิตรทรงมีศีล ก็จะให้มหาบพิตรทรงยืมสัก 500 ตำลึง
แต่มหาบพิตรหยาบช้า เมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว จะต้องไปอยู่ในนรก
ใครจะไปได้ทรัพย์คืน เพราะคงเบี้ยวหนี้
และขู่ต่อว่า
ใครจะไปทวงทรัพย์ถ้า
ผู้ตกอยู่ในนรก ถูกฝูงกา ฝูงแร้ง ฝูงสุนัข รุมกัดกิน ตัวขาด กระจัดกระจาย เลือดไหลโทรม อยู่ในสถานที่ที่มีแต่ความมืดมิด
สุดท้ายพระเจ้าอังคราชก็ละมิจฉาทิฏฐิ
ภาพสำคัญ พระพรหมนาถคานหาบทอง สาแหรกทอง คณโฑแก้วประพาฬ เหาะลงมาสู่ปราสาท**
ยังมีต่อค่ะ
จิตรกรรมฝาผนัง วัดคงคาราม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเจ้านายเมืองมอญเมืองเมาะลำเลิง ที่เหลือชีวิตอยู่ 7 คน ให้เป็นนายด่านป้องกันพม่า 7 เมือง
คือ เมืองไทรโยค เมืองท่าขนุน เมืองท่ากระดาน เมืองท่าตะกั่ว เมืองลุ่มสุ่ม เมืองสิงห์ และเมืองทองผาภูมิ
ชนชาติมอญทราบว่าญาติของตนได้เป็นเจ้าเมือง ด่านทั้ง 7 จึงได้อพยพตามเข้ามาอีก
พระบามสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระยามอญทั้ง 7 เลือกที่ทำมาหากินเอาเองโดยพระราชทานท้องตรามาให้ด้วย
พระยามอญทั้ง 7 จึงได้พาสมัครพรรคพวกล่องมาตามลำน้ำแม่กลอง มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่หมู่บ้านวัดคงคามราม ร่วมกันตั้งวัดขึ้นเรียกว่า เภี้ยโต้ (วัดทรัพย์กลาง)
ในสมัยรัชกาลที่ 4 วัดคงคารามได้รับการอุปถัมภ์โดยเจ้าจอมมารดากลิ่น และทูลเกล้าฯ ถวายให้เป็นพระอารามหลวง
ได้รับพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดคงคาราม
รอบอุโบสถ มีเจดีย์มอญ 7 องค์ เป็นตัวแทนของพระยามอญทั้ง 7
ได้แต่บรรยายว่ารูปอะไร งามขนาดไหนต้องชมกันเองนะคะ
ขอเริ่มจากเพดาน
น่าจะหมายถึงท้องฟ้าหรือสวรรค์มีดวงดาว มีเทพในปราสาทสองหลัง สีแดงและสีเหลือง ... เดาว่า พระอาทิตย์และพระจันทร์
มีเขาพระสุเมรุตั้งอยู่ตรงกลาง บนยอดเขาพระสุเมรุ คือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีนครไตรตรึงษ์เป็นนครแห่งเทพ มีพระอินทร์เป็นผู้ปกครอง และเป็นผู้อภิบาลโลก
ขนาบข้างด้วยเขา 7 ลูก คือสัตตบริภัณฑ์
ตอนล่างเป็นภาพของสีทันดรมหาสมุทร ที่แวดล้อมภูเขาพระสุเมรุ และภูเขาสัตตบริภัณฑ์ มีปลา 7 ตัวอาศัยอยู่ พร้อมทั้งเงือก สัตว์น้ำอื่น ๆ
ท้าววสวัตตี (ซึ่งเป็นผู้ที่ทำความดีเท่ากับความชั่ว)
จอมเทพแห่งสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี (สวรรค์ที่ปรารถนาสิ่งใดก็ไม่ต้องเนรมิตขึ้นเอง แต่จะมีเทวดาองค์อื่นมาเนรมิตให้ )
กลัวว่าพระพุทธเจ้าจะสอนคนจะทำให้คนสำเร็จมรรคผลเข้าสู่พระนิพพานกันหมด ไม่เหลือวิญญาณไปขึ้นสวรรค์ จึงไปขัดขวาง
ในคืนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ท้าววสวัตตีได้ยกกองทัพ เข้ารบกวนโดยอ้างว่าบัลลังก์ที่พระพุทธเจ้าประทับเป็นของตน
แผ่นดิน หรือ พระแม่ธรณี บีบมวยผม
ถัดลงมาเป็นพระพุทธประวัติ
พระอินทร์องค์สีเขียวทูลขอให้ลงมาจุติ
พระนางสิริมหามายาทรงเหนี่ยวกิ่งสาละ ... ประสูติ
พระอัญญาโกณฑัญญะมาทำนายพระพุทธเจ้า
พระเจ้าสุทโธทนะแรกนาเจ้าชายสิทธัตถะปลีกวิเวกจนได้ปฐมญาณ
แข่งยิงธนู
คนเกิดแก่เจ็บตาย
บนขวามีเหล่าเทวดาพาเหาะมาพระอินทร์องค์สีเขียวนำมา มีท้าววสวัตตีเหาะมาพยายามทัดทาน
ถัดลงมาทรงตัดพระเมาลี
พระอินทร์นำไปไว้ยังพระธาตุเจดีย์เกษแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ บนขวาสุด
ปัญจวัคคีมาขอเห็นสาวก ล่างขวา
พระอินทร์ดีดพิณ ... ดำเนินทางสายกลาง
กลางบน นางจึงกวนข้าวมธุปายาส มีพระอินทร์ได้นำทิพยอาหารมาโปรยลงในกะทะ
นางเข้าไปในป่าพร้อมบ่าวเห็น พระมหาบุรุษประทับอยู่ จึงเลื่อมใสศรัทธา สำคัญว่า เป็นรุกขเทวดาจึงถวายข้าวมธุปายาส
ทรงเสียงทายลอยถาด
โสตถิยพราหมณ์ ได้ถวายหญ้ากุสะรองโพธิบัลลังก์
ประทับเสวยวิมุตติสุข ... สัตตมหาสถาน
มีกวาง ... ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
มีวิถีชีวิตที่ใช้เรือเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ
อีกภาพเป็นยมปาฏิหาริย์ เนรมิตพระรูปปางต่าง ๆเป็นคู่ บนต้นมะม่วง
เตมีย์ใบ้
พระเตมีย์โอรสพระเจ้ากาสิกราช เมืองพาราณาสี เห็นพระราชบิดาตัดสินลงโทษนักโทษอย่างทารุณ จึงแกล้งทำเป็นใบ้ หูหนวก และเป็นง่อย
หมอรักษาก็ไม่หาย โหรทำนายว่าเป็นกาลกิณี จึงรับสั่งให้นายสุนันทะพาไปฝังเสียในป่า
ขณะกำลังขุดหลุมพระเตมีย์ก็แสดงให้นายสุนันทะเห็นว่าพระองค์มีร่างกายแข็งแรงดี ได้ทรงสอนนายสุนันทะว่าการกระทำนี้เป็นการกระทำที่ไม่ควร
แล้วพระเตมีย์ก็ทรงไปบำเพ็ญพรตในป่า ใครมาเชิญก็ไม่กลับเมือง
ในภาพ
ล่างขวาพระเตมีย์ประทับบนตักพระบิดา ดูพระบิดาตัดสินโทษในขื่อคา
ด้านซ้ายโหรทำนายว่าเป็นกาลกิณี พระบิดาจึงให้นำไปผังทั้งเป็น
บนตรงกลางพระเตมีย์ทรงยกรถแสดงถึงทรงมีพละกำลัง ไม่ได้พิการ **
บนขวา ได้ทรงสอนนายสุนันทะ
เนกขัมมะบารมี หมายถึง บารมีในการการละเหย้าเรือนออกไปบวชเป็นพระเป็นนักบวช
พระมหาชนก(ปู่) เสวยราชสมบัติในเมืองมิถิลา มีโอรสสองพระองค์ คือ อริฎฐชนก และโปลชนก
เมื่อพระมหาชนก(ปู่)สวรรคต อริฎฐชนกขึ้นครองราชย์ ก็ระแวง โปลชนกผู้เป็นอุปราชจึงจับคุมขัง
โปลชนกหนีออกไปได้จึงแต่งทัพมารบพระอริฎฐชนก
พระอริฎฐชนกแพ้สิ้นพระชนม์ พระเทวีจึงหนีเอาตัวรอด โดยพระอินทร์พาไป
ได้พราหมณ์ใจดีรับอุปการะเป็นน้องสาว และคลอดออกมาเป็นพระมหาชนก
ในภาพมุมล่างซ้าย พระมหาชนก ลามารดามีพราหมณ์ที่ช่วยอุปการะ ไปค้าขาย
เมื่อรู้ว่าพระบิดาถูกลุงฆ่าจึงคิดไปค้าขายหาทุนสร้างทัพไปต่อสู้
แล้วเรือแตก ว่ายน้ำอยู่ด้วยวิริยะ นางเมกขลาช่วยพาไปยังเมืองมิถิลา ... ในภาพ **
พอดีพระโปลชนกสวรรคตแล้ว และได้พระธิดาชื่อนางสีวลีเป็นภรรยา
สุดท้ายได้แยกทางกับนางสิวลีโดยเปรียบเทียบกับ
ลูกธนูจะตรงได้ ต้องเล็งด้วยตาเดียว คนจะบำเพ็ญธรรมสำเร็จได้ต้องอยู่คนเดียว
อัมพ แปลว่ามะม่วง
เกี่ยวกับความกตัญญูกตเวที ความรู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณ
เป็นอดีตของพระเทวทัตที่เกิดเป็นพราหมณ์ ได้ไปเรียนมนต์เสกมะม่วงจากอาจารย์วรรณจัณฑาล
อาจารย์สั่งไว้ว่าถ้าใครถามว่าเรียนมาจากใครให้ตอบไปตามจรืง ไม่งั้นมนต์จะเสื่อม
พราหมณ์ก็ได้ใช้มนต์นี้หาเลี้ยงชีพ จนวันหนึ่งคนรักษาพระราชอุทยานได้ซื้อไปถวายพระเจ้ากรุงพาราณสี
ในภาพพราหมณ์เกล้ามวยแบบนักบวชถือมะม่วงกำลังเสกมะม่วง กับพระเจ้าพาราณาสี
ต่อจากนี้คือ
พระเจ้ากรุงพาราณสีติดใจจึงถามว่าเรียนมนต์มาจากไหน พราหมณ์ตอบว่าจากสำนักทิศาปาโมกข์แห่งกรุงตักศิลา
จึงเสกมะม่วงไม่ได้อีกต่อไปเพราะโกหกมนต์จึงเสื่อม จึงถูกเฆี่ยนและขับไล่ออกจากเมือง
ไปขออาจารย์สอนอีก อาจารย์ก็ไม่สอนให้
กลางภาพ เห็นคนสอยมะม่วง จึงเดาว่าเรื่องนี้
พระราชาเมืองมิถิลา มีพระโอรสนามว่า เนมิกุมาร
มีพระทัยฝักใฝ่ในการบำเพ็ญทานและรักษาศีลอุโบสถ อย่างเคร่งครัด
เมื่อพระบิดาทอดพระเนตรเห็นเส้นพระเกศาหงอก จึงทรงมอบเมืองมิถิลาให้พระเนมิราช
ทรงโปรดให้สร้างโรงทานและ ทรงรักษาศีล บ้านเมืองก็ร่มเย็นเป็นสุข
พระอินทร์เชิญพระเนมิราชไปแสดงธรรมบนสวรรค์
พระเจ้าอังคติราชเป็นกษัตริย์ซึ่งทรงทศพิธราชธรรมแห่งเมืองมิถิลา
ไปหลงเชื่อคุณาชีวกกัสสปโคตร ว่าไม่มีบุญมีบาป
สัตว์คน เสมอกัน จะได้ดีได้ชั่วก็มาเอง เวียนว่ายตายเกิด 84 กัปป์ก็บริสุทธิ์เอง
พระนางรุจาราชธิดาจึงไปกราบไหว้เทวดาขอให้ปลดเปลื้องพระชนกนาถจากมิจฉาทิฏฐิ
พระพรหม ... ใครที่อยู่สวรรค์ชั้นพรหม ก็เรียกพรหมทั้งหมด ... ชื่อนารทะ จึง
แต่งกายแบบฤาษ๊ ใส่ชฏา ปักปิ่นทอง
คานหาบทอง สาแหรกทอง คณโฑแก้วประพาฬ เหาะลงมาสู่ปราสาท ดังภาพ
ต่อไปคือ
พระเจ้าอังคติราช ซักถามว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมา
พระพรหมนารท ตอบว่ามาจากพรหมโลก ชื่อนารทะ
พระเจ้าอังคติราชถามว่าทำไมมีฤทธิ์ยืนบนอากาศได้
พระพรหมนารท ตอบว่า ภพก่อนได้ประพฤติคุณธรรม 4 ประการนี้คือ สัจจะ ธรรมะ ทมะ จาคะ จึงไปไหนได้ตามความปรารถนา
พระเจ้าอังคติราชก็ยังไม่เชื่อเรื่องบุญ เทวดา มารดาบิดา ปรโลก ว่ามีอยู่จริง ถึงกับ
ขอยืมทรัพย์ 500 ตำลึงและจะคืนให้ 1000 ตำลึงในปรโลก
พระพรหมนารท ตอบว่า ถ้ารู้ว่ามหาบพิตรทรงมีศีล ก็จะให้มหาบพิตรทรงยืมสัก 500 ตำลึง
แต่มหาบพิตรหยาบช้า เมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว จะต้องไปอยู่ในนรก
ใครจะไปได้ทรัพย์คืน เพราะคงเบี้ยวหนี้
และขู่ต่อว่า
ใครจะไปทวงทรัพย์ถ้า
ผู้ตกอยู่ในนรก ถูกฝูงกา ฝูงแร้ง ฝูงสุนัข รุมกัดกิน ตัวขาด กระจัดกระจาย เลือดไหลโทรม อยู่ในสถานที่ที่มีแต่ความมืดมิด
สุดท้ายพระเจ้าอังคราชก็ละมิจฉาทิฏฐิ
ภาพสำคัญ พระพรหมนาถคานหาบทอง สาแหรกทอง คณโฑแก้วประพาฬ เหาะลงมาสู่ปราสาท**