อีกมุมของคนขับแท็กซี่

ผมมีความคิดที่จะขับแท็กซี่เวลาว่างๆเพื่อหารายได้เสริม
ได้มีโอกาสไปปรึกษาขอความรู้กับผู้มีประสบการณ์ระดับนึง ซึ่งถ้างานหลักเขาไม่มี เขาก็ขับแท็กซี่

คำถามก็ง่ายๆพื้นฐานทั่วไป

ขับแล้วรายได้ดีไหม พอไหม?
-คำตอบก็คือทั่วๆไป ในพันทิพพอจะหาอ่านได้ พอประมาณ ส่งรถแล้ว ก็พอตัว 400-500 บาทโดยเฉลี่ย
คุ้มไหม สำหรับเขาไม่น่าจะคุ้มเพราะ 500 บาท ยังไม่ถึงครึ่งนึงของค่าแรงของเขาเลย

ผมกริ่นไว้ก่อนเลยว่าคนขับคนนี้ นิสัยใจเย็น ไม่รีบร้อน ทำงานละเอียด ดูจากการทำงานหลักของเขา
เขาเล่าว่ารับทุกผู้โดยสารไม่ว่าจะไปที่ไหนไปหมด ทั่วกรุงเทพ ต่างจังหวัดก็ไป กดมิเตอร์อย่างเดียว
เพราะเขาคิดว่ายังไงมิเตอร์ก็ขึ้น ซึ่งแท็กซี่บางคนก็อาจจะมองว่าไม่คุ้มกับเวลา
แต่เขาก็ถือว่าพอได้โดยเฉลี่ยก็พออยู่ได้ดีกว่าไม่มีรายได้

แต่มันมีปัญหาอย่างนึงที่เขาบอกแล้วทำผมฉุกคิดไปเลย

ปัญหาที่ผมคนนอก คนนั่งไม่เคยคิด และเคยทำด้วย

แต่แท็กซี่ต้องเคยเจอ ปัญหานี้ผมคิดไม่ถึงจริงๆ

ในกรณีที่ลูกค้าเรียกไปสถานที่รถติดแล้วลงก่อนเพราะไม่อยากรถติด

คำถามคือ แท็กซี่ไม่ได้เงินต่อจากนี้แล้ว มิเตอร์ไม่ขึ้นแล้ว และ หาลูกค้าไม่ได้เพราะรถก็ติดอยู่อย่างนั้น ลูกค้าไม่เรียก

ถ้าเจอกรณีนี้ คนขับผู้เล่าประสบการณ์บอกว่าวันนั้นคือวิ่งฟรี ไม่ได้ค่าแรงเลย เผลอๆอาจจะเข้าเนื้อถ้าติดหนักมากๆ

เป็นคำบอกเล่าที่ทำให้ผมคิดมากๆว่า แบบนี้ใครจะรับผิดชอบ

มันน่าจะมีกฏหมายอะไรที่มาควบคุมไหม ว่าลูกค้าต้องการไปที่ไหนแล้วต้องลงที่นั่น เช่น
ไปเซ็นทรัลลาดพร้าว ถ้ายังไม่ถึงหน้าประตูเซ็นทรัลลาดพร้าวพอดี ก็ไม่หยุดคิดเงินถ้าจะลงก่อนอาจจะมีค่าปรับก็ว่าไป
เพราะในเมื่อแท็กซี่ไม่ใช่การบริการซื้อขายเสรี แท็กซี่ปฏิเสธรับงานผิด ลูกค้าที่ลงก่อนก็น่าจะผิดเช่นกัน

ปล.ผมเองไม่ใช่คนขับแท็กซี่ ไม่มีใจเอนเอียงไปทางใด มองอย่างเป็นกลาง
ปล2.ผมเองเวลาจะไปไหนก็ถามก่อนว่าไปไหม เขาไม่อยากไปก็ไม่ฝืน และ ไม่หัวเสียด้วย
ปล3.ผมเคยขึ้น แท็กซี่จะขึ้นทางด่วน(บอกหลังขับมาได้สักระยะแล้ว) ผมไม่ยอม เขาไล่ผมลง อันนี้ผมหัวเสีย

หวังว่าสังคมจะรับรู้และช่วยหาทางแก้ไข ไม่อย่างนั้น ก็น่าจะเลิกบ่นและด่าแท็กซี่เสียที