ชื่อภาษาไทยคือ ‘
ปรมาจารย์ลัทธิมาร : ชีวิตแห่งความตาย’ นะคะ พิมพ์ผิดและแก้หัวกระทู้ไม่ได้แล้ว
เนื่องจาก The Living Dead ออกฉายวันนี้ ผ่านทางแอพ iQiyi เป็นวันแรกนะคะ เลยจะมารีวิว+ชวนดูแบบไม่สปอยล์เนื้อหาหลัก สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยู่หรือยังหาทางดูไม่ได้
ช่องทางการดู คือ แอพ iQiyi มีทั้งซับไทยและซับอังกฤษ ถ้าอยากดูซับไทยให้กดค้นหาด้วยคำว่า ‘ปรมาจารย์ลัทธิมาร’ นะคะ เพราะถ้ากดที่ชื่อเรื่อง The Living Dead ที่เป็นภาษาอังกฤษ จะเป็นซับอังกฤษและกดเปลี่ยนไม่ได้
ส่วนใครอยากรอ WeTV นี่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ดูตอนไหนนะคะ (เห็นลงตัวอย่างแล้วแต่ไม่รู้จะฉายจริงวันไหน ซึ่งน่าจะเป็นแบบเช่าดู) ถ้าจะให้แนะนำในเวลานี้คือไปดูที่ iQiyi เถอะ เพราะเราเองก็สมัคร VIP แบบดูฟรีเดือนแรกอยู่ ซึ่งแอพนี้สามารถยกเลิกได้ก่อนครบเดือน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อหา (จบในตอนเดียวเหมือนภาพยนตร์ทั่วไป)
เป็นการกล่าวถึงการมาเยือนเมืองฝูเฟิงของเวินหนิง ทำให้บังเอิญเจอกับเรื่องประหลาดเพราะในเมืองนี้ร้างมาก มีคนตายมากกว่าคนเป็นที่เหลืออยู่ และในเมืองก็มีข้อห้ามหนึ่งคือห้ามจุดไฟตอนกลางคืนเพราะผี(?)จะมา ซึ่งในระหว่างที่เวินหนิงต่อสู้กับผี(?)ที่เป็นต้นเหตุของการตายยกตระกูลของตระกูลเซียวและคร่าชีวิตผู้คนในเมืองฝูเฟิงนั้นก็ได้เจอกับหลายซือจุยที่มาล่าภูติผีพอดี ทำให้สองอา-หลาน (ที่อาไม่อยากให้เรียกว่าอา) ต้องช่วยกันปราบผี(?)และสืบหาความจริง
ในส่วนของเนื้อหาไม่ได้ซับซ้อนมาก บางคนน่าจะพอเดาเนื้อเรื่องได้หลังผ่านไปไม่นานนัก ก็เอาเป็นว่าดูได้เพลินๆ แบบไม่ต้องซีเรียส และเนื้อหาก็มีการผูกเรื่องเชื่อมโยงไปถึงตราพยัคฆ์ทมิฬด้วย
ฉากต่อสู้สนุกดี แม้ซีจีจะเนียนบ้างไม่เนียนบ้างแต่ก็โอเค พอไปวัดไปวาได้ เพราะความดีงามนั้นอยู่ที่แอคชั่นของอา-หลานในการต่อสู้มากกว่า คือภาคนี้เวินหนิงดูเท่ขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้นำขึ้น ถึงข้างตัวจะไม่มีเว่ยอิง แต่ในทุกห้วงความคิดของเวินหนิงจะมีเว่ยอิงโผล่มาเสมอ ซึ่งเทียบกับภาคซีรีส์คือน้องโตขึ้นเยอะจริงๆ ได้นิสัยและสกิลหลายอย่างมาจากเว่ยอิงด้วย ส่วนซือจุยก็เก่งขึ้นเยอะ สามารถออกมาล่าผีคนเดียวแบบไม่มีคู่ดูโอ้อย่างจิ่งอี๋นี่ก็น่าจะหลังเหตุการณ์ในซีรีส์หลายปีแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ฝีมือเล่นฉินคือแอดว๊านซ์ น่าจะไปให้หลานจ้านเทรนเพิ่มจากภาคซีรีส์เยอะอยู่
ส่วนเรื่องที่เป็นตัวปลดล็อกของเรื่องราวจริงๆ น่าจะเป็นการที่เวินหนิงสามารถก้าวข้ามปมของตัวเองได้ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่หนังต้องการให้คนดูได้เห็นและได้เข้าใจว่าชีวิตของเวินหนิงที่ไม่มีเว่ยอิงอยู่ข้างๆ มันจะออกมาแบบไหน เขาจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง จะอยู่บนโลกแบบโดดเดี่ยวไหม การเป็นหุ่นเชิดมันส่งผลกระทบอะไรบ้างหรือเปล่า และอาจจะมีอีกหลายคำถามที่ตามมา (ซึ่งถ้าใครมีคำถามนี้ในหัวก็ควรไปดูนะ มันคลายความสงสัยให้คนดูด้วย)
สำหรับการถ่ายทอดก็มีทั้งมุมหลอน มุมฮา มุมน่ารักปุ๊กปิ๊ก และมุมเกรี้ยวกราด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องไม่อยากให้เรียก ‘อา’ นี่มีย้ำอยู่บ่อยๆ ซึ่งถ้าใครไม่เข้าใจจะบอกก่อนว่าอายุของเวินหนิงกับซือจุยคือห่างกัน 13-15 ปี เพราะตอนที่อาเยวี่ยนเล็กๆและเวินหนิงกลายเป็นขุนพลผีนั้นคือเวินหนิงอายุราวๆ 15-17 ปีเท่านั้นเอง คือยังเป็นหนุ่มน้อยๆ ซึ่งก็สามารถนับเป็นพี่ได้นั่นแหละ แต่ถ้าตามศักดิ์จริงๆ แล้วถือว่าเวินหนิงเป็นอา เพราะเป็นญาติผู้น้องของพ่ออาเยวี่ยน
เอาเป็นว่าถ้าใครยังเดินวนอยู่ในกูซู ก็แวะมาเที่ยวที่ฝูเฟิงเป็นเพื่อนเวินหนิงและซือจุยได้นะคะ น้องๆ รออยู่
ชวนดู The Living Dead (ชีวิตหลังความตาย)
เนื่องจาก The Living Dead ออกฉายวันนี้ ผ่านทางแอพ iQiyi เป็นวันแรกนะคะ เลยจะมารีวิว+ชวนดูแบบไม่สปอยล์เนื้อหาหลัก สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยู่หรือยังหาทางดูไม่ได้
ช่องทางการดู คือ แอพ iQiyi มีทั้งซับไทยและซับอังกฤษ ถ้าอยากดูซับไทยให้กดค้นหาด้วยคำว่า ‘ปรมาจารย์ลัทธิมาร’ นะคะ เพราะถ้ากดที่ชื่อเรื่อง The Living Dead ที่เป็นภาษาอังกฤษ จะเป็นซับอังกฤษและกดเปลี่ยนไม่ได้
ส่วนใครอยากรอ WeTV นี่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ดูตอนไหนนะคะ (เห็นลงตัวอย่างแล้วแต่ไม่รู้จะฉายจริงวันไหน ซึ่งน่าจะเป็นแบบเช่าดู) ถ้าจะให้แนะนำในเวลานี้คือไปดูที่ iQiyi เถอะ เพราะเราเองก็สมัคร VIP แบบดูฟรีเดือนแรกอยู่ ซึ่งแอพนี้สามารถยกเลิกได้ก่อนครบเดือน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อหา (จบในตอนเดียวเหมือนภาพยนตร์ทั่วไป)
เป็นการกล่าวถึงการมาเยือนเมืองฝูเฟิงของเวินหนิง ทำให้บังเอิญเจอกับเรื่องประหลาดเพราะในเมืองนี้ร้างมาก มีคนตายมากกว่าคนเป็นที่เหลืออยู่ และในเมืองก็มีข้อห้ามหนึ่งคือห้ามจุดไฟตอนกลางคืนเพราะผี(?)จะมา ซึ่งในระหว่างที่เวินหนิงต่อสู้กับผี(?)ที่เป็นต้นเหตุของการตายยกตระกูลของตระกูลเซียวและคร่าชีวิตผู้คนในเมืองฝูเฟิงนั้นก็ได้เจอกับหลายซือจุยที่มาล่าภูติผีพอดี ทำให้สองอา-หลาน (ที่อาไม่อยากให้เรียกว่าอา) ต้องช่วยกันปราบผี(?)และสืบหาความจริง
ในส่วนของเนื้อหาไม่ได้ซับซ้อนมาก บางคนน่าจะพอเดาเนื้อเรื่องได้หลังผ่านไปไม่นานนัก ก็เอาเป็นว่าดูได้เพลินๆ แบบไม่ต้องซีเรียส และเนื้อหาก็มีการผูกเรื่องเชื่อมโยงไปถึงตราพยัคฆ์ทมิฬด้วย
ฉากต่อสู้สนุกดี แม้ซีจีจะเนียนบ้างไม่เนียนบ้างแต่ก็โอเค พอไปวัดไปวาได้ เพราะความดีงามนั้นอยู่ที่แอคชั่นของอา-หลานในการต่อสู้มากกว่า คือภาคนี้เวินหนิงดูเท่ขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้นำขึ้น ถึงข้างตัวจะไม่มีเว่ยอิง แต่ในทุกห้วงความคิดของเวินหนิงจะมีเว่ยอิงโผล่มาเสมอ ซึ่งเทียบกับภาคซีรีส์คือน้องโตขึ้นเยอะจริงๆ ได้นิสัยและสกิลหลายอย่างมาจากเว่ยอิงด้วย ส่วนซือจุยก็เก่งขึ้นเยอะ สามารถออกมาล่าผีคนเดียวแบบไม่มีคู่ดูโอ้อย่างจิ่งอี๋นี่ก็น่าจะหลังเหตุการณ์ในซีรีส์หลายปีแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ฝีมือเล่นฉินคือแอดว๊านซ์ น่าจะไปให้หลานจ้านเทรนเพิ่มจากภาคซีรีส์เยอะอยู่
ส่วนเรื่องที่เป็นตัวปลดล็อกของเรื่องราวจริงๆ น่าจะเป็นการที่เวินหนิงสามารถก้าวข้ามปมของตัวเองได้ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่หนังต้องการให้คนดูได้เห็นและได้เข้าใจว่าชีวิตของเวินหนิงที่ไม่มีเว่ยอิงอยู่ข้างๆ มันจะออกมาแบบไหน เขาจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง จะอยู่บนโลกแบบโดดเดี่ยวไหม การเป็นหุ่นเชิดมันส่งผลกระทบอะไรบ้างหรือเปล่า และอาจจะมีอีกหลายคำถามที่ตามมา (ซึ่งถ้าใครมีคำถามนี้ในหัวก็ควรไปดูนะ มันคลายความสงสัยให้คนดูด้วย)
สำหรับการถ่ายทอดก็มีทั้งมุมหลอน มุมฮา มุมน่ารักปุ๊กปิ๊ก และมุมเกรี้ยวกราด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องไม่อยากให้เรียก ‘อา’ นี่มีย้ำอยู่บ่อยๆ ซึ่งถ้าใครไม่เข้าใจจะบอกก่อนว่าอายุของเวินหนิงกับซือจุยคือห่างกัน 13-15 ปี เพราะตอนที่อาเยวี่ยนเล็กๆและเวินหนิงกลายเป็นขุนพลผีนั้นคือเวินหนิงอายุราวๆ 15-17 ปีเท่านั้นเอง คือยังเป็นหนุ่มน้อยๆ ซึ่งก็สามารถนับเป็นพี่ได้นั่นแหละ แต่ถ้าตามศักดิ์จริงๆ แล้วถือว่าเวินหนิงเป็นอา เพราะเป็นญาติผู้น้องของพ่ออาเยวี่ยน
เอาเป็นว่าถ้าใครยังเดินวนอยู่ในกูซู ก็แวะมาเที่ยวที่ฝูเฟิงเป็นเพื่อนเวินหนิงและซือจุยได้นะคะ น้องๆ รออยู่