เพื่อชาติ ซัด ‘ประยุทธ์’ เลิกฟุ้งเศรษฐกิจดี เหมือนเดินในทุ่งลาเวนเดอร์ คนจะอดตายกันหมด
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3038086
เพื่อชาติ ฉะ ‘ประยุทธ์’ เลิกฟุ้งเศรษฐกิจดี เหมือนเดินในทุ่งลาเวนเดอร์
คนจะอดตายกันหมด
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. น.ส.
เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า ขอแนะนำ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่ามัวปลื้มกับข้อมูลด้านเดียวที่ได้รับถึงขั้นออกมากล่าวว่า มาตรการทางการเงินหลายอย่างเดินมาถูกทางแล้ว สถานะการเงินไทยจะเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย อยากให้ พล.อ.
ประยุทธ์ อย่ามัวฟังแต่ข่าวด้านเดียว แล้วคิดว่าเศรษฐกิจของประเทศดีประดุจเดินท่องในทุ่งลาเวนเดอร์ ช่วยหันมามองความจริงหลายๆ ด้าน เช่น ข่าวการจบชีวิตหนีหนี้ของประชาชนที่มีมาตลอดสองสามเดือนนี้ การปิดโรงงานเพราะยอดสั่งซื้อลดลงรายวันที่ยังมีข่าวทุกสัปดาห์บ้าง
โดยในสัปดาห์นี้มีการปิดโรงงาน 2 แห่ง คือ ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะลอยแพคนงาน 200 คน และโรงงานที่ศรีราชาปลดคนงานออก 1000 คน ทั้งนี้ ที่ พล.อ.
ประยุทธ์ออกมาปลื้มกับข้อมูลสถานะการเงินของประเทศ แล้วนำมาขยายต่อ แสดงว่า พล.อ.
ประยุทธ์เข้าใจว่า เศรษฐกิจดีตามข้อมูลที่ได้รับ เป็นข้อบ่งชี้ได้ว่าไม่มีวิสัยทัศน์ที่รอบด้าน ไม่เหมาะที่จะมาเป็นผู้บริหารประเทศ เพราะจะทำให้คนไทยอดตายกันเกือบหมดประเทศ ตอกย้ำให้สังคมมั่นใจว่า พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นบุคคลล้มละลายทางคำพูดเพิ่มขึ้น เพราะสิ่งที่พูดออกไปไม่ใช่เรื่องจริง สัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนก็คือสัญญาที่ว่างเปล่า
น.ส.เกศปรียา กล่าวต่อว่า พล.อ.
ประยุทธ์ ได้สร้างภาพลักษณ์ด้านนี้ไว้ตลอดห้าปีที่ผ่านมา และในปีที่หกก็ยังออกมาย้ำภาพลักษณ์นี้ การแก้ปัญหาใดๆ ต้องแก้ที่ต้นตอของปัญหาโดยมองปัญหาให้รอบด้านว่าปัจจัยกดดัน เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมีอะไรบ้าง เช่น การบริโภคของครัวเรือนระดับล่างอ่อนแอ ส่วนสำคัญมาจากรายได้ภาคเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำ เงินบาทไทยแข็ง ทำให้ผู้ส่งออกเสียความสามารถในการแข่งขัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังทำได้จำกัด ไม่ได้ผลตามเป้าหมาย
แม้ภาครัฐได้มีการออกมาตรการบัตรสวัสดิการให้แก่ผู้มีรายได้น้อย แต่ก็ทำได้เพียงประคองกำลังซื้อไว้ไม่ให้ทรุดตัวมากไปกว่านี้ หรือโครงการชิมช้อปใช้ที่เป้าหมายต้องการให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มในกระเป๋าสองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ข้อมูลล่าสุดมียอดการใช้จ่ายเพิ่มในกระเป๋าสองเพียง 10,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 60,000 ล้านบาทที่รัฐบาลตั้งไว้มาก การที่รัฐบาลทุ่มงบ 13,000 ล้านบาทแจกประชาชน 13 ล้านคนไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดังเป้าหมาย
“นี่เป็นเพียงตัวอย่างปัญหาที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขให้ได้ การจะเป็นผู้บริหารประเทศต้องศึกษาและแก้ปัญหาให้รอบด้านไม่ใช่บริหารประเทศโดยให้ผู้สนับสนุนมาสร้างกระแสข่าวว่าเศรษฐกิจดี หรือสร้างภาพโฆษณาชวนเชื่อแบบยุคสงครามเย็น จนโลกโซเชียลต้องออกมาตอบโต้ด้วยแฮชแท็กว่า #อย่ามาเถียงว่าเศรษฐกิจดีเจอมากับตัว ใครก็ตามถ้ารู้ตัวว่าไม่มีความสามารถก็ควรหลีกทางให้ผู้ที่มีความสามารถเข้ามาแก้ปัญหา ไม่ใช่ยึดประเทศไว้เป็นตัวประกัน เพื่อสนองความต้องการส่วนตน โดยสร้างความลำบากให้ประชาชนส่วนใหญ่” น.ส.
เกศปรียา กล่าว
'หมออ๋อง' สวน 'หมอวรงค์' หลังโพสต์ไล่ 'อยู่ไม่เป็น ก็ไม่ต้องอยู่'
https://www.matichon.co.th/politics/news_1744116
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ
อ๋อง ส.ส.พิษณุโลก พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความแสดงความเห็น
แลกเปลี่ยนความคิดเรื่อง อยู่ไม่เป็น สืบเนื่องจากกรณี “
หมอวรงค์” บอกว่า “
อยู่ไม่เป็นก็ไม่ต้องอยู่” โดยระบุว่า
สืบเนื่องจากกรณี “หมอวรงค์” บอกว่า “อยู่ไม่เป็นก็ไม่ต้องอยู่” ผมเคยคิดจะไปอยู่ต่างประเทศหลายต่อหลายครั้งครับ ตั้งแต่ไปเรียนและทำงานที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะตอนที่มีความขัดแย้งทางการเมือง นักการเมืองเล่นการเมืองแบบสกปรก ทหารแทรกแซงอำนาจทุกวงการ เศรษฐกิจผูกขาดจากกลุ่มทุนไม่กี่กลุ่ม ความยุติธรรมที่คนตัวเล็กตัวน้อยเรียกหาไม่เคยเกิด ประชาชนเป็นเพียงเบี้ยเพื่ออำนาจของอภิสิทธิ์ชนเหล่านั้น
แต่ผมตัดสินใจอยู่ และเข้ามาทำงานการเมือง เพื่อเปลี่ยนแปลงให้ประเทศนี้ดีขึ้น แม้จะหมายถึงการยืนขึ้นตรง ต่อสู้กับอำนาจที่อยุติธรรม และกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เผชิญความเสี่ยงในทุกแบบ แต่ก็ยังดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลย
นักการเมืองรุ่นใหม่จึง #อยู่ไม่เป็น คือ เราทำการเมืองแบบเดิมไม่ได้ การเมืองที่ไร้จุดยืน การเมืองที่ตระบัดสัตย์ให้รอดไปเป็นครั้งๆ เราจะปฏิเสธอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน เพราะเชื่อว่านี่เป็นทางที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจ วางใจ และเชื่อใจผู้แทนของพวกเขา ว่าจะต่อสู้เพื่อพวกเขาอย่างสัตย์ซื่อ แม้อำนาจที่ทั้งหอมหวานและน่ากลัว จะเล่นงานเราอย่างไม่ลดละ
วาทกรรมที่ยัดเยียดเข้ามาว่าเราชังชาติ ไล่เราออกนอกประเทศ บอกว่า “อยู่ไม่เป็นก็ไม่ต้องอยู่” ไม่ได้ทำให้เราท้อแท้ หวั่นไหว และเลิกราไปแบบที่พวกเขาต้องการ มันเป็นเพียงแค่ทัศนคติของการเมืองเก่าที่กำลังหมดสมัยไปครับ
https://www.facebook.com/OngPadipat/posts/426431504646093
JJNY : 4in1 เพื่อชาติซัดประยุทธ์เหมือนเดินทุ่งลาเวนเดอร์/หมออ๋องสวนหมอวรงค์/ลอยกระทงใช้จ่ายติดลบ/ธุรกิจหมื่นล.หาดใหญ่วูบ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3038086
คนจะอดตายกันหมด
โดยในสัปดาห์นี้มีการปิดโรงงาน 2 แห่ง คือ ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะลอยแพคนงาน 200 คน และโรงงานที่ศรีราชาปลดคนงานออก 1000 คน ทั้งนี้ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาปลื้มกับข้อมูลสถานะการเงินของประเทศ แล้วนำมาขยายต่อ แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจว่า เศรษฐกิจดีตามข้อมูลที่ได้รับ เป็นข้อบ่งชี้ได้ว่าไม่มีวิสัยทัศน์ที่รอบด้าน ไม่เหมาะที่จะมาเป็นผู้บริหารประเทศ เพราะจะทำให้คนไทยอดตายกันเกือบหมดประเทศ ตอกย้ำให้สังคมมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลล้มละลายทางคำพูดเพิ่มขึ้น เพราะสิ่งที่พูดออกไปไม่ใช่เรื่องจริง สัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนก็คือสัญญาที่ว่างเปล่า
น.ส.เกศปรียา กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้สร้างภาพลักษณ์ด้านนี้ไว้ตลอดห้าปีที่ผ่านมา และในปีที่หกก็ยังออกมาย้ำภาพลักษณ์นี้ การแก้ปัญหาใดๆ ต้องแก้ที่ต้นตอของปัญหาโดยมองปัญหาให้รอบด้านว่าปัจจัยกดดัน เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมีอะไรบ้าง เช่น การบริโภคของครัวเรือนระดับล่างอ่อนแอ ส่วนสำคัญมาจากรายได้ภาคเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำ เงินบาทไทยแข็ง ทำให้ผู้ส่งออกเสียความสามารถในการแข่งขัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังทำได้จำกัด ไม่ได้ผลตามเป้าหมาย
แม้ภาครัฐได้มีการออกมาตรการบัตรสวัสดิการให้แก่ผู้มีรายได้น้อย แต่ก็ทำได้เพียงประคองกำลังซื้อไว้ไม่ให้ทรุดตัวมากไปกว่านี้ หรือโครงการชิมช้อปใช้ที่เป้าหมายต้องการให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มในกระเป๋าสองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ข้อมูลล่าสุดมียอดการใช้จ่ายเพิ่มในกระเป๋าสองเพียง 10,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 60,000 ล้านบาทที่รัฐบาลตั้งไว้มาก การที่รัฐบาลทุ่มงบ 13,000 ล้านบาทแจกประชาชน 13 ล้านคนไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดังเป้าหมาย
“นี่เป็นเพียงตัวอย่างปัญหาที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขให้ได้ การจะเป็นผู้บริหารประเทศต้องศึกษาและแก้ปัญหาให้รอบด้านไม่ใช่บริหารประเทศโดยให้ผู้สนับสนุนมาสร้างกระแสข่าวว่าเศรษฐกิจดี หรือสร้างภาพโฆษณาชวนเชื่อแบบยุคสงครามเย็น จนโลกโซเชียลต้องออกมาตอบโต้ด้วยแฮชแท็กว่า #อย่ามาเถียงว่าเศรษฐกิจดีเจอมากับตัว ใครก็ตามถ้ารู้ตัวว่าไม่มีความสามารถก็ควรหลีกทางให้ผู้ที่มีความสามารถเข้ามาแก้ปัญหา ไม่ใช่ยึดประเทศไว้เป็นตัวประกัน เพื่อสนองความต้องการส่วนตน โดยสร้างความลำบากให้ประชาชนส่วนใหญ่” น.ส.เกศปรียา กล่าว
'หมออ๋อง' สวน 'หมอวรงค์' หลังโพสต์ไล่ 'อยู่ไม่เป็น ก็ไม่ต้องอยู่'
https://www.matichon.co.th/politics/news_1744116
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ อ๋อง ส.ส.พิษณุโลก พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความแสดงความเห็น แลกเปลี่ยนความคิดเรื่อง อยู่ไม่เป็น สืบเนื่องจากกรณี “หมอวรงค์” บอกว่า “อยู่ไม่เป็นก็ไม่ต้องอยู่” โดยระบุว่า
สืบเนื่องจากกรณี “หมอวรงค์” บอกว่า “อยู่ไม่เป็นก็ไม่ต้องอยู่” ผมเคยคิดจะไปอยู่ต่างประเทศหลายต่อหลายครั้งครับ ตั้งแต่ไปเรียนและทำงานที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะตอนที่มีความขัดแย้งทางการเมือง นักการเมืองเล่นการเมืองแบบสกปรก ทหารแทรกแซงอำนาจทุกวงการ เศรษฐกิจผูกขาดจากกลุ่มทุนไม่กี่กลุ่ม ความยุติธรรมที่คนตัวเล็กตัวน้อยเรียกหาไม่เคยเกิด ประชาชนเป็นเพียงเบี้ยเพื่ออำนาจของอภิสิทธิ์ชนเหล่านั้น
แต่ผมตัดสินใจอยู่ และเข้ามาทำงานการเมือง เพื่อเปลี่ยนแปลงให้ประเทศนี้ดีขึ้น แม้จะหมายถึงการยืนขึ้นตรง ต่อสู้กับอำนาจที่อยุติธรรม และกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว เผชิญความเสี่ยงในทุกแบบ แต่ก็ยังดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลย
นักการเมืองรุ่นใหม่จึง #อยู่ไม่เป็น คือ เราทำการเมืองแบบเดิมไม่ได้ การเมืองที่ไร้จุดยืน การเมืองที่ตระบัดสัตย์ให้รอดไปเป็นครั้งๆ เราจะปฏิเสธอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน เพราะเชื่อว่านี่เป็นทางที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจ วางใจ และเชื่อใจผู้แทนของพวกเขา ว่าจะต่อสู้เพื่อพวกเขาอย่างสัตย์ซื่อ แม้อำนาจที่ทั้งหอมหวานและน่ากลัว จะเล่นงานเราอย่างไม่ลดละ
วาทกรรมที่ยัดเยียดเข้ามาว่าเราชังชาติ ไล่เราออกนอกประเทศ บอกว่า “อยู่ไม่เป็นก็ไม่ต้องอยู่” ไม่ได้ทำให้เราท้อแท้ หวั่นไหว และเลิกราไปแบบที่พวกเขาต้องการ มันเป็นเพียงแค่ทัศนคติของการเมืองเก่าที่กำลังหมดสมัยไปครับ
https://www.facebook.com/OngPadipat/posts/426431504646093