เจาะลึกโค้ช 'ทุ่ม' ลิเวอร์พูล : เหตุผลที่คล็อปป์ต้องดึงมาร่วมงาน

เสียงหัวเราะและคำพูดจากกูรูฟุตบอลคนหนึ่งตอนที่ โธมัส โกรนเนอมาร์ค ผู้เชี่ยวชาญด้านการทุ่มบอล เข้ามาทำงานกับลิเวอร์พูล



แต่คำเหล่านั้นกลับไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรเท่าไหร่ โค้ชทุ่มคนนั้นยังยึดมั่นในการทำงานของตัวเองต่อไป และการที่ได้มาอยู่ที่นี่มันคือสิ่งล้ำค่าของชีวิตที่ตัวเองได้เจอกับเจอร์เก้น คล็อปป์ คนที่ยินดีให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานเบื้องหลัง (Backroom Staff)

จากสถิติพบว่าฝ่ายที่จะทำการทุ่มนั้น มีไม่ถึง 50% ที่พวกเขาจะได้ครอบครองบอลต่อ



พรสวรรค์ที่มีในตัว โกรนเนอมาร์ค นำมาใช้ในการทำงานจนเกิดเป็นมิติใหม่ของรูปแบบเกมฟุตบอล

ปรัชญาสามคำตามตำราทุ่มที่เขาคิดค้นขึ้น อักษรตัวข้างหน้ามันตรงกับตัวย่อสโมสรอย่างน่าอัศจรรย์

ต่อไปนี้คือเรื่องราวของ โธมัส โกรนเนอมาร์ค โค้ชทุ่มคนแรกและคนเดียวในโลกนี้ ซึ่งมันน่าสนใจและเมื่ออ่านจบแล้วแฟนๆน่าจะประทับใจในตัวเขารวมถึงเจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่มากก็น้อย

...

โธมัส โกรนเนอมาร์ค โตที่ฮอร์สเซ่นส์ ทางตะวันออกของประเทศเดนมาร์ก เคยมีดีกรีเป็นกองหน้าดาวรุ่งชุดอายุไม่เกิน 18 ปี รุ่นๆเดียวกับโธมัส กราเวอเซ่น อดีตแข้งดังที่เคยเล่นให้กับเอฟเวอร์ตัน, เรอัล มาดริด และเซลติก



พรสวรรค์ที่เขามีติดตัวคือการทุ่มไกล ซึ่งเขาเองเป็นเจ้าของสถิติทุ่มบอลไกลสุดในโลกที่ระยะ 51.33 เมตร และนอกจากเรื่องนี้ โกรนเนอมาร์ค ยังเป็นคนที่วิ่งได้เร็วมาก ความเร็วของเขาก็โดดเด่นไม่แพ้เรื่องการทุ่มไกล

อย่างไรก็ตาม โกรนเนอมาร์ค ไม่ได้เก่งพอที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาจึงผันตัวไปเอาดีด้านกรีฑาแทน

ปี 2002 โกรนเนอมาร์ค เป็นตัวแทนของเดนมาร์ก เข้าแข่งขันวิ่งรายการ 100, 200, 400 เมตร เขาเคยทำเวลาดีที่สุดในการวิ่ง 100 เมตร ที่ 10.61 วินาที และ 200 เมตร ที่ 21.42 วินาที

จากนั้น โกรนเนอมาร์ค เปลี่ยนไปเล่นกีฬาเลื่อนหิมะ(Bobsleigh) ที่เมือง สไกฟ์ แถบตะวันตกของเดนมาร์ก

"มันเหมาะมากนะเพราะผมสามารถใช้ทั้งความแข็งแกร่งและความเร็วที่มีได้"

กีฬาเลื่อนหิมะนี้ ทีมของเขาได้ไปแข่งขันทั่วทั้งยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ อันดับดีที่สุดที่เคยได้คือ ลำดับ 15 ส่วนระดับนานาชาติก็ติดอยู่ในท็อป 30

ดังนั้นทีมของโกรนเนอร์มาร์ค มีโอกาสที่จะได้ไปแข่งกีฬาโอลิมปิค ฤดูหนาว 2006

อย่างไรก็ตาม สหพันธ์กีฬาของเดนมาร์ก จำต้องคัดเลือกนักกีฬาเก่งพอจะมีโอกาสคว้าเหรียญกลับมาได้ และในเดนมาร์ก ก็มี 2 ทีมที่ติดท็อป 9

สุดท้ายแล้วทีมของโกรนเนอมาร์ค ก็ไม่ได้รับเลือกไปแข่งในรายการนั้น

...

โกรนเนอมาร์ค มักจะดูฟุตบอลคู่ใหญ่ๆเป็นประจำ เขาเชื่อว่าการทุ่มบอล มันเป็นอีกสิ่งที่นักกีฬาและโค้ชต้องให้ความสำคัญ

ปี 2004 โกรนเนอมาร์ค พยายามหาข้อมูลเรื่องทุ่มทั้งจากห้องสมุดและในอินเทอร์เน็ต แต่เขาไม่เจออะไรที่ต้องการเลย ฉะนั้นเขาจึงต้องทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

"ผมต้องทำตำราเรื่องการทุ่มขึ้นมาเองแล้วล่ะ ซึ่งผมก็ใช้เวลา 6 เดือนในการทำสิ่งนี้"

"ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเห็นผลมั้ย แต่ผมคิดว่าหากมันใช้งานได้ล่ะก็ มันจะเป็นเรื่องที่โคตรเจ๋งเลยทีเดียว"
  ...

โกรนเนอมาร์ค เข้าทำงานกับ วีบอร์ก ในซูเปอร์ ลีก เดนมาร์ก และในซีซั่นนั้น ทีมของโอฟ คริสเตนเซ่น ทำประตูได้เยอะมากจากลูกทุ่ม และจบอันดับดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่กับ มิดทิลแลนด์ และตลอด 4 ปีที่เขาทำงานที่นี่ ทีมได้ประตูจากลูกทุ่มไกล ถึง 35 ประตู รวมถึงเป็นแชมป์ลีกเดนมาร์กได้สองครั้งเลยทีเดียว

เริ่มแรก โกรนเนอมาร์ค แบ่งเวลาทำงานระหว่างการเป็นโค้ชด้านการทุ่มไกล และงานฟูล ไทม์กับเยาวชนที่ศึกษาด้านจิตวิทยา ควบคู่กันไป

แต่ยิ่งเขาศึกษาเทปฟุตบอลมากขึ้นเท่าไหร่ โกรนเนอมาร์ค ก็ยิ่งมั่นใจมากว่าตัวเองสามารถเสนอโอกาสแก้ไขเรื่องการทุ่มไกลให้กับทีมได้



โกรนเนอมาร์ค วิเคราะห์จากความได้เปรียบหรือเสียเปรียบ จากการทุ่มในแต่ละครั้ง เขาแบ่งเป็นการทุ่มแบบไม่มีความกดดันใดๆ กับการทุ่มที่ถูกคู่แข่งเข้ามากดดัน

จากการวิเคราะห์ของโกรนเนอมาร์ค เขาพบว่า หลายทีมจะรักษาการครองบอลได้ต่ำกว่า 50 % จากโอกาสการทุ่มแต่ละครั้งเมื่อถูกดดันจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่ต่ำเอามากๆ

โกรนเนอมาร์ค ออกรูปแบบการฝึกซ้อมคือ ทำอย่างไรให้เก็บบอลไว้ได้ และ ทำอย่างไรให้เกิดพื้นที่ว่างมากที่สุด

ตอนไหนควรทุ่มเร็ว หรือไม่ควรทุ่มเร็ว รวมถึง ตอนไหนที่ควรจะใจเย็นๆก่อนที่จะทุ่ม

ทั้งหมดคือสิ่งที่โกรนเนอมาร์ค ศึกษาและทำออกมาจนเป็นรูปแบบการฝึกซ้อม ที่มันไม่มีในตำราใดๆ

"ผมทำมันจากประสบการณ์ตอนยังเป็นนักกรีฑาและตอนเป็นนักเลื่อนหิมะ และผมก็ได้แรงดลใจจากกีฬาบาสเกตบอล ในส่วนของการหาพื้นที่ว่างเพื่อรับบอล"

เรื่องทางคณิตศาสตร์ เป็นอีกเรื่องที่ โกรนเนอมาร์ค ให้ความสำคัญ เขาต้องคำนวณมุมและพื้นที่ที่จะทุ่ม เพื่อการครอบครองบอลจากที่จะได้ทุ่ม ความสัมพันธ์ของผู้เล่นก็เป็นกุญแจหลัก เพราะฉะนั้นมันคือสิ่งจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเรื่องนี้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาโกรนเนอมาร์ค เป็นได้แค่โค้ชที่ฝึกแค่การทุ่มไกลเท่านั้น เพราะวิธีการของเขาไม่ได้การยอมรับจากเจ้านายมากนัก

...

จุดเปลี่ยนในชีวิตของโกรนเนอมาร์ค เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2018

เจอร์เก้น คล็อปป์ อ่านหนังสือพิมพ์บิลด์ แล้วเจอเรื่องราวของอันเดรส โพลเซ่น แข้งหน้าใหม่โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ที่พัฒนาการทุ่มของตัวเองจากที่เคยทุ่มได้ได้สุด 25 เมตร ไปเป็น 37.9 เมตร

ซึ่งสิ่งที่โพลเซ่น ทำได้นั้นเกิดจากการเรียนรู้กับ โกรนเนอมาร์ค ที่ทีมมิดทิลแลนด์

คล็อปป์ ไม่รอช้าต่อสายตรงหาโค้ชจอมทุ่มคนนั้นทันที แต่สายแรก ไม่ได้การตอบรับจากโกรนเนอมาร์ค

"ตอนนั้นผมอยู่ในรถกับครอบครัว ระหว่างไปร้านชอคโกแลต ผมปิดเสียงมือถือไว้" โกรนเนอมาร์ค เผยเหตุผลที่ไม่ได้รับสายจากกุนซือลิเวอร์พูลในคราวแรก

"แต่หลังจากจอดรถ ผมก็หยิบมือถือมาดู และเห็นมิสด์ คอลล์ จากหมายเลข +44 (รหัสเบอร์โทรศัพท์ของอังกฤษ) ผมได้ฟังข้อความเสียงที่ฝากไว้ และนั่นคือเสียงของเจอร์เก้น คล็อปป์! - ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยล่ะ แล้วผมก็พยายามจะโทรกลับหาเขาแต่เขาก็ไม่ได้รับสาย"

หลังจากนั้นโกรนเนอมาร์ค คิดว่าตัวเองควรกลับไปที่บ้าน เพื่อไปรับสายที่สำคัญที่สุดในชีวิตด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ

ขณะที่เขากำลังขับรถกลับพร้อมภรรยาที่นั่งข้างๆ และลูกๆที่นั่งอยู่ข้างหลัง ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ภรรยาของเขาเห็นเบอร์แล้วเธอก็พูดว่า"นี่มันสายของเจอร์เก้น"

โกรนเนอมาร์ค รีบบึ่งรถตรงไปที่ทุ่งหญ้าและกดรับสายนี้ทันที เสียงจากปลายสายที่พูดกับเขา จับใจความได้ว่า

"จริงอยู่นะที่เรามีซีซั่นที่ดีมากๆเมื่อปีที่แล้ว(2017-18) จบท็อปโฟร์ในพรีเมียร์ลีก และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่การทุ่มบอลของเรามันแย่มากๆ เราเสียบอลตอนทุ่มตลอดเวลา เราพยามที่จะทำอะไรบางอย่างแล้วแต่มันไม่ได้ผลเท่าไหร่"

คล็อปป์ เชิญโกรนเนอมาร์ค มาที่เมลวู้ด ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ซึ่งมันอาจเป็นแค่การนัดพบทั่วไปเพื่อพูดถึงข้อตกลงกันหลังจากนี้ แต่คล็อปป์ กลับพูดมาว่า "โอเค ผมต้องการคุณมาเป็นโค้ชให้กับนักเตะ พรุ่งนี้เลย!"

วันแรกที่ลิเวอร์พูล ยังไม่มีการเซ็นสัญญาใดๆ โกรนเนอมาร์ค ทำงานกับผู้เล่น 21 คนในทีมหงส์แดง ซึ่งเป็นพวกที่ไม่ได้มีอาการเจ็บและไม่ได้อยู่ในช่วงพักร้อนหลังจบศึกฟุตบอลโลก 2018

ไม่กี่วันถัดมา ราล์ฟ รังก์นิก เทรนเนอร์อาร์แบ ไลป์ซิก ก็ติดต่อมาหาโกรนเนอมาร์ค ในเรื่องเดียวกับที่คล็อปป์ โทรมาหาเขา แล้วโกรนเนอมาร์ค ก็ไปอยู่ที่เยอรมันเป็นเวลา 1 เดือนเพื่อไปทำงานที่นั่นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายเดือนสิงหาคม โกรนเนอมาร์ค ก็ได้สัญญาจ้างงานจากทีมลิเวอร์พูล แต่ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ตามหน้าหนังสือพิมพ์นั้น สโมสรตั้งใจเก็บเป็นความลับและตัวเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับใคร มีเพียงภรรยาและลูกๆเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

"ขนาดแม่และพี่น้องผมก็รู้เรื่องนี้ก็ตอนที่เห็นบนหนังสือพิมพ์นั่นแหล่ะ"

..

อย่างไรก็ตาม วันที่โกรเนอมาร์ค ได้รับการแต่งตั้งเป็นโค้ชทุ่มเต็มตัว เสียงจากกูรูลูกหนังคนหนึ่งพูดจาเย้ยหยันว่าทำไมลิเวอร์พูล ถึงขึ้นต้องจ้างโค้ชเพื่อมาเทรนเรื่องการทุ่มบอล

"ประทานโทษ, โค้ชทุ่มเนี่ยนะ? จับบอลด้วยมือสองข้าง แล้วก็ชูมันขึ้นเหนือศีรษะ เท้าสองข้างเหยียบพื้นแล้วก็ขว้างออกไป ผมจะเสนอให้อีกงานนะ ผมอยากจะเป็นโค้ชตอนเขี่ยบอลบ้าง" เสียงดูถูกปนเสียงหัวเราะจากปากแอนดี้ เกรย์



แต่ด้วยการที่โกรเนอมาร์ค เป็นคนมองโลกในแง่ดี อาจเพราะว่าเขาเป็นนักพูดให้กำลังใจผู้อื่นในบ้านเกิดตัวเอง และมีหนังสือที่ขายดีที่ชื่อว่า "Lazy Energy" จึงไม่ได้คิดอะไรมากจากคำพูดนั้น

"มันไม่ได้ส่งผลอะไรกับผมเท่าไหร่ จริงๆผมก็เห็นใจกับสิ่งที่แอนดี้ เกรย์พูดนะ”

"หากใครที่มองเห็นอะไรใหม่ๆและไม่เข้าใจมัน คุณก็จะมีตัวเลือกสองข้อคือ หัวเราะใส่หรือพยายามที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้น"

"ผมก็แค่หวังว่าเขาจะอยากรู้และถามหาเหตุผลว่า ทำไมโค้ชระดับโลกอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ถึงเชิญคนๆนั้น(หมายถึงตัวเอง)เข้ามา"

"ในทางกลับกัน มันค่อนข้างฟังเหมือนเป็นคำพูดที่เขาพูดในผับหลังซดเบียร์ไปได้ 10 ไพนต์ ผมคิดว่ามันดูไม่เป็นมือาชีพเท่าไหร่

"ส่วนใครที่คิดว่าผมจะโกรธ เหอะ ไม่เลย ในเน็ตมันมีคำตอบอยู่แล้วกับสิ่งที่เขาทำลงไป"

"ผมสามารถเราะให้กับความจริงที่ว่าผมคือโค้ชทุ่ม มันเป็นงานที่สนุก ซึ่งนั่นผมรู้ดี"

...

ปรัชญาตามตำราของเขาเกี่ยวกับการทุ่มคือ "ทุ่มไกล, ทุ่มเร็ว และทุ่มฉลาด" (Long, Fast, Clever)

โกรนเนอมาร์ค นำสิ่งนั้นมาใช้ที่ลิเวอร์พูล และได้รับการต้อนรับที่ดีจากบรรดาผู้เล่น เขาชี้แนวทางให้ทุกคนเห็นว่าเรื่องการทุ่มว่ามันสำคัญแค่ไหน โกรนเนอมาร์ค อธิบายว่า โดยเฉลี่ยเกมๆหนึ่งจะมีการทุ่มประมาณ 40-60 ครั้ง

เขายกตัวอย่างเกมกับเอฟเวอร์ตัน เมื่อซีซั่นก่อน ว่ามีการทุ่มถึง 63 ครั้ง ซึ่งนับว่าเยอะมาก ซึ่งหากคุณเก็บบอลไว้ได้ คุณก็จะสามารถพังประตูได้ แต่หากคุณเสียบอลไป พวกคุณก็จะเสียความสมดุลและอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทีม

"หากคุณเก็บบอลจากจังหวะทุ่มไว้ได้เมื่อตอนที่ถูกกดดัน คุณก็จะคุมเกมได้ดีขึ้นและมันเป็นหนึ่งในความต่างที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อซีซั่นที่แล้ว"

"การทุ่มมันก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรหรอก แต่รายละเอียดส่วนหนึ่งของการทุ่มต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ"

...

โกรนเนอมาร์ค ใช้เวลาที่เมอร์ซี่ย์ ไซด์ ประมาณ 1 สัปดาห์ต่อเดือน เพื่อฝึกซ้อมให้กับผู้เล่นลิเวอร์พูล



โดยทั่วไปคนที่ทำการทุ่มคือผู้เล่นตำแหน่งวิงแบ็กทั้งสองฝั่ง แน่นอนที่ลิเวอร์พูล คนที่คลุกคลีกับเรื่องนี้มากสุดก็หนีไม่พ้นแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่ไม่ใช่แค่สองคนนี้เท่านั้นที่ได้ประโยชน์ โจ โกเมซ ก็เป็นอีกคนที่นำเอาการทุ่มไกลเป็นอาวุธในการโจมตีคู่แข่ง ซึ่งโกเมซ ก็ทำให้เห็นในการสร้างโอกาสให้กับเจสซี่ย์ ลินการ์ด ในเกมที่อังกฤษ เจอกับโครเอเชีย ในศึกเนชั่นส์ ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018



(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่