เราขอให้ทุกคนตั้งสติกันก่อน คือกลายเป็นประเด็นลุกลามไปใหญ่โตเลย เราเองถึงไม่ใช่สายเปย์ แต่รอบนี้ตอนแรกว่าจะไม่ตั้งกระทู้
แต่มันทำให้เราซึ่งเป็นคนทั่วไปแต่คนอื่นมองว่าเราเป็นโอตะรู้สึกไม่ดีเลย คือกลายเป็นว่าตอนนี้ภาพพจน์โอตะที่เราเคยสร้างกันมาดี ๆ ตั้งแต่สมัยคุกกี้ จะเริ่มกลายเป็นภาพพจน์การคุกคามการะละเมิดสิทธิพื้นฐานกันไปแล้ว คนเข้าใจผิดเยอะมากเลย เราตามเสพข่าวและคอมเม้นท์เริ่มไม่สบายจริง ๆ
ขอไล่ไทม์ไลนก่อนตั้งแต่แรกเลย
1.ต้องเข้าใจก่อนว่า การมีแฟน ไม่ใช่เรื่องที่โอตะจะเดือดอันดับ1 เขาไม่ได้เดือดเรื่องคนรักกันชอบกัน แต่เขาเดือดเรื่อง "ความไว้เนื้อเชื่อใจ" เพราะอาชีพไอดอลคืออาชีพที่จะต้องใช้ใจซื้อใจ มันไม่ใช่พวกดีเจกาเรน่า พวกสตรีมเมอร์ พวกกพริตตี้ที่มีคนฟอลโลว์เยอะ ๆ
เพราะอาชีพไอดอลมีกฎการเข้าหา แฟนคลับชัดเจน การจับมือ การถ่ายรูป คือดารานักร้องดัง ๆ บ้านเราหลาย ๆ คนอาจจะถ่ายรูปคู่ฟรีหรือตามแต่โอกาส แต่สำหรับวงการไอดอลแล้ว การ2-shot จะต้องเข้าตามตรอก ออกทางประตูชัดเจน
มันไม่ใช่กฎการหาเงิน สำหรับเรา มันคือกฎการให้ทุกคนเสมอและเท่าเทียมกัน ทำให้"ไอดอล"มอบใจและรักทุกคนเท่ากัน
สำหรับเรา การมีแฟนคือเรื่องคอขาดบาดตายไหม เราว่าคงตอบไม่ได้ แต่คุณต้องเข้าใจ มันไม่มีใครอยากจับมือหรือถ่ายรูปคู่กับคนที่เป็นแฟนคนอื่น
ในด้านมารยาทและมืออาชีพ ถ้าตัวไอดอลไม่มีพันธะ มันคือสถานะที่ดีที่สุดต่อตัวไอดอลและแฟนคลับ จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย
ไอ้ความคิดว่า โอตะแฟนคลับ ไม่อยากให้มีแฟนเพราะต้องการครอบครองตัวไอดอล เลิกเหอะ ไอ้แนวคิดไร้สาระพวกนี้ โอตะหลายคนมีกำลังเปย์มีแฟนมีเมีย เขาแยกแยะได้ดี ไม่ใช่โอตะสายมโนกาจิโค่ยเลเวล1 เรารู้ดีว่าลึก ๆ เรารู้ดีว่าโอตะแต่ละคนมีสติและตาม ๆ น้อง ๆ เพราะอะไร
มันไม่ใช่ความรักแบบไร้สติอะไรแบบนั้น ส่วนมากแฟนคลับมีสติกันอยู่แล้ว ถ้าคุณออกไปตามงานจะรู้ดี ทุกคนมาตามไอดอลเพราะใจรักทั้งนั้น เอาจริง ๆ มันเป็นสังคมที่ดีระดับหนึ่งเลย ไปแล้วอยากไปอีก เป็นเหมือนงานอดิเรกอย่างหนึ่งในการแลกเปลี่ยนของสังคม ไม่ใช่ว่านั่งหน้าคอมหรือเล่นมือถือไปวัน ๆ
แล้วการที่มีเรื่องราวไอดอลกับการถ่ายหรือไปเที่ยวคู่กับผู้ชายมีประเด็นตรงไหน อันนี้ขอทดไว้ในข้อนี้ก่อน
มาถึงเรื่องไอดอลคือคนที่มีเรื่องว่าไปเที่ยวกับบุคคลที่ 3 แล้วมีประเด็นมี 3 คน
1.คนแรกเมษา เราจำได้ว่าเจอพักงาน ความนิยมตก
2.คนที่สอง แคนแคน อันนี้น้องชัดเจนมาก เจอพักงานเหมือนกัน ตอนกำลังติดเซมและโปรโมทชิโนจิด้วย
3.คนที่3 เค้ก รู้สึกว่าเหมือนว่าน้องจะเกรตไปเลย แต่เคสนี้ ถ้าจำไม่ผิด ไม่ได้มีการประกาศอะไร น้องอำลากลางสเตจ (ไอ้ประเด็นอะไร ที่ไม่ได้ชัดเจนหรือมาจาก อฟช. หรือดราม่าของเค้กทั้งหลายแหล่ เราขอไม่กล่าวถึงนะ เพราะดู ๆ ไป มันไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไร และแนะนำว่าอย่ากล่าวดีกว่าเพราะ น้องเขาฟ้องไปแล้ว รอการดำเนินคดี)
คือเอาจริง ๆ น้องสามคนนี้จบไป แต่ไม่ได้มีประเด็นดราม่าอะไรเท่าไรเลย เสียงหรือข่าวโอตะยังไม่ได้มองว่าแย่เท่าไร คือเราเข้าใจและเคารพความคิดของน้อง ๆ และทั้งสามคนนี้ ชาวโอตะต่างอวยพรได้ด้วยดี ทั้งสามคนจะมีประเด็นอย่างเดียวคือความนิยมที่ชาวโอตะมอบให้น้อยลงมากพอมีเรื่องทำนองนี้ แต่ไม่นับน้องเมษานะ คือสองคนหลัง กำลังจะมีกระแสมาแรงแต่สุดท้ายเจอข่าวหรือการลงโทษทำให้ความนิยมสะดุดไปและต้องอำลาพวกเราไป
เราจำได้ดี วันเสาร์ก่อนวันสุดท้ายที่แคน ๆ จับมือ เราไปจับมือแถวยาวมาก เราต่อแถว2ชม.กว่า ในการไปส่งน้อง เราจำได้ดี
แต่น้องคนที่เกรตแล้วมีประเด็นกลับเป็นน้องดีนี่ ในการไลฟ์ครั้งสุดท้าย อันนี้เสียงไม่ค่อยแตกนะ คือเหมือนน้องมาระบายอะไรที่ตนเองไม่ชอบในการเข้ามาอยู่วงการไอดอล คือเหมือนบ่นว่าการเอาใจชาวโอตะเป็นเรื่องลำบากใจ อันนี้เหมือนเป็นการไม่ค่อยเห็นน้ำใจที่พวกพี่ ๆ โอตะมอบให้ เหมือนน้องอึดอัดหลาย ๆ อย่าง
รอบนี้น้องดีนี่เจอเสียงตำหนิแบบดัง ๆ แต่ไม่ได้ต่อว่าแรง ๆ นะ แต่เป็นการกล่าวเตือนเล็กน้อยไป อาจจะฟังดู จบไม่สวยเท่าไร แต่การที่มีภาพน้องดีนี่ล่าสุด เสียงชาวโอตะก็ตอบรับเป็นอย่างดี อวยพรให้น้องไปสู่ฝันของวงการเดินแบบ ซึ่งเหมาะกับน้องจริง ๆ
จะเห็นได้ว่า สามคนแรกที่มีประเด็นเกี่ยวกับบุคคลที่3 สุดท้ายแล้วโอตะก็ยอมรับการตัดสินใจและอวยพรให้ไปดีหมด ส่วนคนที่4 ที่อิดออดกับการทำงานของการเป็นไอดอล มีประเด็นนิดหน่อย แต่ก็จบไป
4เคสที่ผ่านมา เราบอกตรง ๆ โอตะยังมีเสียงไม่ค่อยแตกกันเท่าไร แตกแต่ไม่ได้แตกต่างหรือซัดกันเละเทะเหมือนยุคนี้ ไม่รู้ว่าเพราะยุคก่อนการเลือกตั้ง บ้านแต่ละบ้านยังสามัคคี ไอ้วลีการคีปเมมไม่คีปวงยังไม่ฮิต หรือการทำงานของอฟช. ที่ยังไม่เละในงานกีฬาสี ก็มิทราบได้ แต่ทุกคนยังรักกันดี
ส่วนตัวเรายังมองว่าสังคมโอตะยังไปในทิศทางเดียวกัน คือ
1.อยากให้น้องมีความสุข
2.อยากให้วงดังเยอะ ๆ ปังเยอะ ๆ จะได้มอบความสุขให้เรานาน ๆ
3.ช่วยกันแปรเปลี่ยนและทำให้สังคมโอตะดีขึ้น
4.สร้างภาพพจน์ของเหล่าโอตะให้คนนอกมองว่ามีสาระ และดูดีขึ้น
แต่มาวันนี้ สิ่งเหล่านี้ค่อย ๆ ทยอยละลายหายไปบ้าง แต่ละคนแต่ละความคิดกลายเป็นความคิดสุดโต่งกันไปเลย ใครมาถึงตั้งกระทู้ไม่ถูกใจ กลายเป็นไอดีปั่น ไอดีโม่ง โอตะดี ๆ พอคอมเม้นท์อีกทิศทางหนึ่งกลายเป็นแอนตี้ชะงั้น บางคนก็ไม่สนใจใครเลยปกป้องเมมจนเกินเบอร์ไปลากคนอื่นมาให้ทะเลาะกันอีก จำได้เลยเคยมีทวิตบางคนไปลากBP มาเฉยเลย
คือตอนนี้มรสุมวงมาหนักมาก เราคิดว่ามันต้องเป็นเวลาที่พวกโอตะทั้งหลายจะต้องสามัคคีกันและปล่อยผ่านดราม่าและข่าวบ้า ๆ บอ ๆ ไปให้ได้ ถึงจะดีกว่า
เอาล่ะ จากที่ทดไว้ข้อหนึ่ง ก็ขอกลับมาเข้ามาในประเด็นตอนนี้คือน้องมัยร่า
เริ่มต้นน้องมัยร่าเปิดตัวมาโอเคมากเลยนะ ในด้านความนิยมต่าง ๆ พารามิเตอร์ไม่เลวเลย
แต่ทำไมความนิยมที่ดีมาก ๆ ตอนแรก กลับกลายมาเป็นแบบนี้
เรามาไล่ไทม์ไลน์ของน้องมัยร่าเพื่อหาสาเหตุถึงความขัดแย้งกันดีกว่า
รอบที่1.มีภาพไปเดินกับ ผกก. เจออฟช.เจอตักเตือนนิดหน่อย
รอบที่2.มีข่าวว่าไปกับแรเปอร์คนหนึ่ง อฟช.ตรวจสอบและลงโทษพักงานไป 2เดือน
รอบที่3.รอบนี้มีภาพสื่อหลายเจ้าลง น้องไม่ขอยอมรับ แต่น้องกล่าวว่าถูกคุกคามและรังควาน +บลูลี่ทางsocial
ประเด็นเรื่องภาพ ถ้าน้องบอกว่าไม่ก็คือไม่ ให้จบไป เพราะน้องแจ้งความแล้วเป็นหน้าที่ตำรวจไปหาผู้ที่หมิ่นประมาท เราจะไม่ตัดสินว่าภาพจริงหรือภาพปลอม ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรา
1.การบลูลี่ทางSocial อันนี้ชัดเจนมาก ผู้ที่กระทำผิดมีครบทุกฝ่าย เราเคยเปิดอ่านคอมเมนท์ เรามั่นใจว่ามีทุกฝ่าย เราเปิดอ่านตลอด
ฝ่ายแอนตี้ ,ฝ่ายคนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่อง, ฝ่ายโอตะที่เคร่งกฎ48 ,ฝ่ายโอตะเลเวล1 ที่ไม่สนใจใคร ,ฝ่ายรอซ้ำเติม
ในเคสนี้เราว่าสมควรรับผิดชอบทุกฝ่ายเลย ถ้าน้องเกิดอาการซึมเศร้าจากเหตุการณ์นี้
คือมันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย ถ้าเทียบกับตอนแรกที่น้องได้รับความนิยมดีมาก ในการถ่ายรูป2-shot
เรามองว่าเคสนี้มันคล้ายกับการเกิดขึ้นของ ซอลลี่F(x)มาก ซอลลี่ต้องการเป็นตัวของตัวเอง แต่การเป็นตัวของตัวเองกลับไม่ถูกใจเนติเซน ทำให้น้องกลายเป็นคนที่มีหัวใจที่แหลกสลายไป
3."การรังควาน" ประเด็นนี้ล่ะคือจุดชวนความแตกแยกในช่วงเวลานี้ที่ทำให้เหล่าโอตะ เกิดCivil War
ถามเรา เราเชื่อจริง100% ว่าน้องโดนรังควาน หรือคุกคามไปหน้าบ้าน
แต่สุดท้ายเราหรือพวกเราก็คงไม่รู้และไม่มีทางรู้เรื่องการรังควานว่ามาจากใครหรือกลุ่มไหน หรือจะเป็นพวกแอนตี้ พวกจัสติสทางโซเซี่ยล แบบกรณีตาแว่นที่ถูกปิดล้อมโรงพัก เราไม่มีทางรู้ได้ เพราะเรื่องมันเคยเกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว
ขอสมมุตินะ สมมุติเป็นโอตะ ถ้าใช่กลุ่มโอตะเลเวล1 จริง ๆ
สังคมโอตะทั้งหมด จะต้องมายอมรับ มาเหมารวมการกระทำของพวกที่ไม่รู้ความหรอ
ตอนนี้ เรามองว่าเหยื่อมีสองฝ่าย ฝ่ายไอดอล และฝ่ายกลุ่มโอตะที่ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมระบบ48
ฝ่ายไอดอลคือเหยื่อในฐานะผู้หญิงอย่างแน่นอน การที่น้องเข้ามาในวงการนี้จะต้องแลกไปกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เสียไป
ภาวะทางจิตใจที่ถูกเหยียบย่ำรังแกและคำดูถูก น้องอาจจะไม่กลับมาได้เหมือนเดิม และน้องมีบาดแผลทางจิตใจ
แต่ถ้าในมุมมองของคนที่ติดตามไอดอล เราจะต้องถามว่าน้องในฐานะไอดอล น้องมีความพร้อมพอหรือยัง
น้องได้ขวนขวายหรือพยายามให้เหมาะสมกับการที่เข้ามาอยู่ในวงขนาดไหน น้องมีความพยายามหรือการมีระเบียบวินัยพอหรือยัง
เพราะว่าสำหรับเราแล้วน้อง ยังมีสิ่งที่ขาดอีกเยอะมาก และพัฒนาเกี่ยวกับหรือสาระที่มอบให้แฟน ๆ มีประมาณไหน
คือต้องขอบอกว่า กรรมดีก็คือกรรมดี กรรมบาป ก็คือกรรมบาป คุณจะเอาความดีมากลบความไม่ดีไป มันไม่ได้
ต้องยอมรับว่าน้องทำให้แฟน ๆ ในระบบ48 ผิดหวังในตัวพอสมควร เราไม่ได้มโนไปเอง เราซาวน์เสียงจากคนที่ติดตามน้อง ๆ มา
เช่นในคอนรุ่น2 ก็ยังมีข่าวไม่ดีมากลบเรื่องราวดี ๆ มันคือความผิดหวังซ้ำซ้อนซ้ำซาก ที่แฟน ๆ เขามองเห็นตลอด
คือบางทีจะต้องเข้าใจว่าไอดอลก็เหมือนอาชีพ เราเองก็อยากมาดูมืออาชีพ คือไม่ต้องเก่งกาจเหมือนปีศาจอย่างสายK-Popหรอก แต่เราก็อยากเห็นอะไรที่พัฒนาขึ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นบ้าง เป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ติดตามทั้งใหม่หรือเก่ามากก็พอแล้ว ไม่ใช่หยุดนิ่งเหมือนเจอเดอะ เวิลด์หยุดเวลาไป
แต่เอาจริง ๆ ในคอนรุ่น2 น้องก็ทำได้ดีนะ เราขอชม
และมองในฐานะเด็กผู้หญิงสาวน้อยคนหนึ่ง น้องเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เป็นดอกไม้แสนสวยท่ามกลางโลกอันน่าเบื่อใบนี้ได้เลยเชียวล่ะ แต่น้องอาจจะเกือบสอบตกหรือยังไม่พร้อมในขั้นการเป็นไอดอลมืออาชีพ เพราะการทำผิดสองครั้ง เรามองว่าน้องยังขาดการเอาใจใส่บริษัทหรือเพื่อนร่วมทีมมากไป เหมือนความตั้งใจที่เคยมาออรุ่นแรกมันหดหายไปหมด
สรุปแล้ว โอตะเลิกโทษกันเอง เลิกเขียนบทความมัยร่าเพื่อมาด่าโอตะหรือด่าแอนตี้บ้า ๆ บอ ๆ เหอะ เรื่องมันจบแล้ว น้องเริ่มต้นใหม่แล้ว จะมาหาคนรังควาน หาคนสุงรูป หาเพจแอนตี้ที่โพทนา มันหาไม่เจอหรอก มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา มันหน้าที่ของตำรวจและกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับไซเบอร์
เพราะเราทุกคนล้วนมีส่วนผิดกับเหตุการณ์ครั้งนี้ล่ะ ไม่ใช่จะโทษแต่ส่วนคนหนึ่งคนหนึ่ง ไม่อยากผลักภาระให้โอตะกลายเป็นเหยื่อฝ่ายเดียวหรือน้องผิดฝ่ายเดียว
เรามองว่ามันผิดไปทั้งระบบละ
ระบบไอดอล=ห้ามมีแฟน ห้ามไปไหนสองต่อสองกับคนอื่น เอาจริง ๆ มันก็คือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคุลในระดับหนึ่งละ ยอมรับตรง ๆ แต่โลกย่อมมีกฎเกณฑ์และการคัดสรรต่าง ๆ อยู่ ถ้าสังคมยอมให้มีการจ่ายการเปย์ผ่านระบบของวง และตราบใดที่ทุกคนยังต้องการมีส่วนร่วมในความฝันหรือความรักจากไอดอลอยู่ ระบบต่าง ๆ มันก็อยู่ต่อไป มีเกิดย่อมมีเสื่อม มีรุ่งย่อมมีเสื่อม เป็นไปตามวัฏจักร
ตัวไอดอล=ผิดที่อาจจะยังขาดความรับผิดชอบต่อการกระทำของส่วนรวม แต่น้องทำได้ดีในฐานะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ในการมอบรอบยิ้มให้กับแฟนคลับทุก ๆ คน
กลุ่มโอตะ=อาจจะถูกในการยึดมั่นในระบบเป็นหลักเป็นฐาน อาจจะผิดในการใส่ใจหรือทำความเข้าใจกับตัวไอดอลน้อยไป อาจจะผิดกับการหัวร้อนไปวอร์กับพวกปั่น พวกแอนตี้มากไป อาจจะถูกกับการออกมาปกป้องน้องและให้กำลังใจน้อง และอาจจะผิดกับการปกป้องจนเกิดความเหตุ ปกป้องจนไม่สนใจว่าระบบเป็นอย่างไร ทั้ง ๆ ที่สมาชิกที่เหลือก็ยังตามกฎได้
กลุ่มแอนตี้= ถือว่าไม่เปิดใจ ผิดในฐานะตำรวจโซเซียล และคอยซ้ำเติมผู้อื่น อยากให้หยุด และไตร่ตรองว่าข่าวไหนจริงหรือไม่จริงและการแอนตี้มันก็เหมือนการติดตามเขาอยู่ดี ถ้าเลิกแอนตี้ได้ก็สมควรเลิก
เราอยากให้ดราม่านี้เป็นดราม่าสุดท้าย อยากให้วงมีแต่ข่าวเรื่องราวกับเพลง สตอรี่ขอวงน้อง ๆ มีข่าวการให้ความบันเทิง ๆ อื่น ๆ ให้ความสุขแก่โอตะ แฟนคลับหรือคนอื่นเยอะ ๆ
เหรียญมีสองด้านเสมอ การที่คุณรู้สึกรักตัวไอดอลเหมือนคุณตาบอดหนึ่งข้าง แต่ถ้าคุณยึดมั่นกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกินไปก็เหมือนคนตาบอดสองข้าง
อยากลองให้ลืมตาแล้วมองคนรอบข้าง มอบความรักให้คนรอบ ๆ ก่อนแล้วเราค่อยกลับมาให้กำลังใจไอดอลที่เราตาม
ขอให้ทุกคนโชคดีในการติดตามน้อง ๆ วงไอดอล
สวัสดี
จากกรณีน้องมัยร่า ทำให้เรารู้สึกว่าสังคมโอตะแตกแยกหนักมาก อยากให้มีสติ เรามาทำความเข้าใจกันของแต่ละฝ่ายดีกว่าไหม
แต่มันทำให้เราซึ่งเป็นคนทั่วไปแต่คนอื่นมองว่าเราเป็นโอตะรู้สึกไม่ดีเลย คือกลายเป็นว่าตอนนี้ภาพพจน์โอตะที่เราเคยสร้างกันมาดี ๆ ตั้งแต่สมัยคุกกี้ จะเริ่มกลายเป็นภาพพจน์การคุกคามการะละเมิดสิทธิพื้นฐานกันไปแล้ว คนเข้าใจผิดเยอะมากเลย เราตามเสพข่าวและคอมเม้นท์เริ่มไม่สบายจริง ๆ
ขอไล่ไทม์ไลนก่อนตั้งแต่แรกเลย
1.ต้องเข้าใจก่อนว่า การมีแฟน ไม่ใช่เรื่องที่โอตะจะเดือดอันดับ1 เขาไม่ได้เดือดเรื่องคนรักกันชอบกัน แต่เขาเดือดเรื่อง "ความไว้เนื้อเชื่อใจ" เพราะอาชีพไอดอลคืออาชีพที่จะต้องใช้ใจซื้อใจ มันไม่ใช่พวกดีเจกาเรน่า พวกสตรีมเมอร์ พวกกพริตตี้ที่มีคนฟอลโลว์เยอะ ๆ
เพราะอาชีพไอดอลมีกฎการเข้าหา แฟนคลับชัดเจน การจับมือ การถ่ายรูป คือดารานักร้องดัง ๆ บ้านเราหลาย ๆ คนอาจจะถ่ายรูปคู่ฟรีหรือตามแต่โอกาส แต่สำหรับวงการไอดอลแล้ว การ2-shot จะต้องเข้าตามตรอก ออกทางประตูชัดเจน
มันไม่ใช่กฎการหาเงิน สำหรับเรา มันคือกฎการให้ทุกคนเสมอและเท่าเทียมกัน ทำให้"ไอดอล"มอบใจและรักทุกคนเท่ากัน
สำหรับเรา การมีแฟนคือเรื่องคอขาดบาดตายไหม เราว่าคงตอบไม่ได้ แต่คุณต้องเข้าใจ มันไม่มีใครอยากจับมือหรือถ่ายรูปคู่กับคนที่เป็นแฟนคนอื่น
ในด้านมารยาทและมืออาชีพ ถ้าตัวไอดอลไม่มีพันธะ มันคือสถานะที่ดีที่สุดต่อตัวไอดอลและแฟนคลับ จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย
ไอ้ความคิดว่า โอตะแฟนคลับ ไม่อยากให้มีแฟนเพราะต้องการครอบครองตัวไอดอล เลิกเหอะ ไอ้แนวคิดไร้สาระพวกนี้ โอตะหลายคนมีกำลังเปย์มีแฟนมีเมีย เขาแยกแยะได้ดี ไม่ใช่โอตะสายมโนกาจิโค่ยเลเวล1 เรารู้ดีว่าลึก ๆ เรารู้ดีว่าโอตะแต่ละคนมีสติและตาม ๆ น้อง ๆ เพราะอะไร
มันไม่ใช่ความรักแบบไร้สติอะไรแบบนั้น ส่วนมากแฟนคลับมีสติกันอยู่แล้ว ถ้าคุณออกไปตามงานจะรู้ดี ทุกคนมาตามไอดอลเพราะใจรักทั้งนั้น เอาจริง ๆ มันเป็นสังคมที่ดีระดับหนึ่งเลย ไปแล้วอยากไปอีก เป็นเหมือนงานอดิเรกอย่างหนึ่งในการแลกเปลี่ยนของสังคม ไม่ใช่ว่านั่งหน้าคอมหรือเล่นมือถือไปวัน ๆ
แล้วการที่มีเรื่องราวไอดอลกับการถ่ายหรือไปเที่ยวคู่กับผู้ชายมีประเด็นตรงไหน อันนี้ขอทดไว้ในข้อนี้ก่อน
มาถึงเรื่องไอดอลคือคนที่มีเรื่องว่าไปเที่ยวกับบุคคลที่ 3 แล้วมีประเด็นมี 3 คน
1.คนแรกเมษา เราจำได้ว่าเจอพักงาน ความนิยมตก
2.คนที่สอง แคนแคน อันนี้น้องชัดเจนมาก เจอพักงานเหมือนกัน ตอนกำลังติดเซมและโปรโมทชิโนจิด้วย
3.คนที่3 เค้ก รู้สึกว่าเหมือนว่าน้องจะเกรตไปเลย แต่เคสนี้ ถ้าจำไม่ผิด ไม่ได้มีการประกาศอะไร น้องอำลากลางสเตจ (ไอ้ประเด็นอะไร ที่ไม่ได้ชัดเจนหรือมาจาก อฟช. หรือดราม่าของเค้กทั้งหลายแหล่ เราขอไม่กล่าวถึงนะ เพราะดู ๆ ไป มันไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไร และแนะนำว่าอย่ากล่าวดีกว่าเพราะ น้องเขาฟ้องไปแล้ว รอการดำเนินคดี)
คือเอาจริง ๆ น้องสามคนนี้จบไป แต่ไม่ได้มีประเด็นดราม่าอะไรเท่าไรเลย เสียงหรือข่าวโอตะยังไม่ได้มองว่าแย่เท่าไร คือเราเข้าใจและเคารพความคิดของน้อง ๆ และทั้งสามคนนี้ ชาวโอตะต่างอวยพรได้ด้วยดี ทั้งสามคนจะมีประเด็นอย่างเดียวคือความนิยมที่ชาวโอตะมอบให้น้อยลงมากพอมีเรื่องทำนองนี้ แต่ไม่นับน้องเมษานะ คือสองคนหลัง กำลังจะมีกระแสมาแรงแต่สุดท้ายเจอข่าวหรือการลงโทษทำให้ความนิยมสะดุดไปและต้องอำลาพวกเราไป
เราจำได้ดี วันเสาร์ก่อนวันสุดท้ายที่แคน ๆ จับมือ เราไปจับมือแถวยาวมาก เราต่อแถว2ชม.กว่า ในการไปส่งน้อง เราจำได้ดี
แต่น้องคนที่เกรตแล้วมีประเด็นกลับเป็นน้องดีนี่ ในการไลฟ์ครั้งสุดท้าย อันนี้เสียงไม่ค่อยแตกนะ คือเหมือนน้องมาระบายอะไรที่ตนเองไม่ชอบในการเข้ามาอยู่วงการไอดอล คือเหมือนบ่นว่าการเอาใจชาวโอตะเป็นเรื่องลำบากใจ อันนี้เหมือนเป็นการไม่ค่อยเห็นน้ำใจที่พวกพี่ ๆ โอตะมอบให้ เหมือนน้องอึดอัดหลาย ๆ อย่าง
รอบนี้น้องดีนี่เจอเสียงตำหนิแบบดัง ๆ แต่ไม่ได้ต่อว่าแรง ๆ นะ แต่เป็นการกล่าวเตือนเล็กน้อยไป อาจจะฟังดู จบไม่สวยเท่าไร แต่การที่มีภาพน้องดีนี่ล่าสุด เสียงชาวโอตะก็ตอบรับเป็นอย่างดี อวยพรให้น้องไปสู่ฝันของวงการเดินแบบ ซึ่งเหมาะกับน้องจริง ๆ
จะเห็นได้ว่า สามคนแรกที่มีประเด็นเกี่ยวกับบุคคลที่3 สุดท้ายแล้วโอตะก็ยอมรับการตัดสินใจและอวยพรให้ไปดีหมด ส่วนคนที่4 ที่อิดออดกับการทำงานของการเป็นไอดอล มีประเด็นนิดหน่อย แต่ก็จบไป
4เคสที่ผ่านมา เราบอกตรง ๆ โอตะยังมีเสียงไม่ค่อยแตกกันเท่าไร แตกแต่ไม่ได้แตกต่างหรือซัดกันเละเทะเหมือนยุคนี้ ไม่รู้ว่าเพราะยุคก่อนการเลือกตั้ง บ้านแต่ละบ้านยังสามัคคี ไอ้วลีการคีปเมมไม่คีปวงยังไม่ฮิต หรือการทำงานของอฟช. ที่ยังไม่เละในงานกีฬาสี ก็มิทราบได้ แต่ทุกคนยังรักกันดี
ส่วนตัวเรายังมองว่าสังคมโอตะยังไปในทิศทางเดียวกัน คือ
1.อยากให้น้องมีความสุข
2.อยากให้วงดังเยอะ ๆ ปังเยอะ ๆ จะได้มอบความสุขให้เรานาน ๆ
3.ช่วยกันแปรเปลี่ยนและทำให้สังคมโอตะดีขึ้น
4.สร้างภาพพจน์ของเหล่าโอตะให้คนนอกมองว่ามีสาระ และดูดีขึ้น
แต่มาวันนี้ สิ่งเหล่านี้ค่อย ๆ ทยอยละลายหายไปบ้าง แต่ละคนแต่ละความคิดกลายเป็นความคิดสุดโต่งกันไปเลย ใครมาถึงตั้งกระทู้ไม่ถูกใจ กลายเป็นไอดีปั่น ไอดีโม่ง โอตะดี ๆ พอคอมเม้นท์อีกทิศทางหนึ่งกลายเป็นแอนตี้ชะงั้น บางคนก็ไม่สนใจใครเลยปกป้องเมมจนเกินเบอร์ไปลากคนอื่นมาให้ทะเลาะกันอีก จำได้เลยเคยมีทวิตบางคนไปลากBP มาเฉยเลย
คือตอนนี้มรสุมวงมาหนักมาก เราคิดว่ามันต้องเป็นเวลาที่พวกโอตะทั้งหลายจะต้องสามัคคีกันและปล่อยผ่านดราม่าและข่าวบ้า ๆ บอ ๆ ไปให้ได้ ถึงจะดีกว่า
เอาล่ะ จากที่ทดไว้ข้อหนึ่ง ก็ขอกลับมาเข้ามาในประเด็นตอนนี้คือน้องมัยร่า
เริ่มต้นน้องมัยร่าเปิดตัวมาโอเคมากเลยนะ ในด้านความนิยมต่าง ๆ พารามิเตอร์ไม่เลวเลย
แต่ทำไมความนิยมที่ดีมาก ๆ ตอนแรก กลับกลายมาเป็นแบบนี้
เรามาไล่ไทม์ไลน์ของน้องมัยร่าเพื่อหาสาเหตุถึงความขัดแย้งกันดีกว่า
รอบที่1.มีภาพไปเดินกับ ผกก. เจออฟช.เจอตักเตือนนิดหน่อย
รอบที่2.มีข่าวว่าไปกับแรเปอร์คนหนึ่ง อฟช.ตรวจสอบและลงโทษพักงานไป 2เดือน
รอบที่3.รอบนี้มีภาพสื่อหลายเจ้าลง น้องไม่ขอยอมรับ แต่น้องกล่าวว่าถูกคุกคามและรังควาน +บลูลี่ทางsocial
ประเด็นเรื่องภาพ ถ้าน้องบอกว่าไม่ก็คือไม่ ให้จบไป เพราะน้องแจ้งความแล้วเป็นหน้าที่ตำรวจไปหาผู้ที่หมิ่นประมาท เราจะไม่ตัดสินว่าภาพจริงหรือภาพปลอม ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรา
1.การบลูลี่ทางSocial อันนี้ชัดเจนมาก ผู้ที่กระทำผิดมีครบทุกฝ่าย เราเคยเปิดอ่านคอมเมนท์ เรามั่นใจว่ามีทุกฝ่าย เราเปิดอ่านตลอด
ฝ่ายแอนตี้ ,ฝ่ายคนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่อง, ฝ่ายโอตะที่เคร่งกฎ48 ,ฝ่ายโอตะเลเวล1 ที่ไม่สนใจใคร ,ฝ่ายรอซ้ำเติม
ในเคสนี้เราว่าสมควรรับผิดชอบทุกฝ่ายเลย ถ้าน้องเกิดอาการซึมเศร้าจากเหตุการณ์นี้
คือมันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย ถ้าเทียบกับตอนแรกที่น้องได้รับความนิยมดีมาก ในการถ่ายรูป2-shot
เรามองว่าเคสนี้มันคล้ายกับการเกิดขึ้นของ ซอลลี่F(x)มาก ซอลลี่ต้องการเป็นตัวของตัวเอง แต่การเป็นตัวของตัวเองกลับไม่ถูกใจเนติเซน ทำให้น้องกลายเป็นคนที่มีหัวใจที่แหลกสลายไป
3."การรังควาน" ประเด็นนี้ล่ะคือจุดชวนความแตกแยกในช่วงเวลานี้ที่ทำให้เหล่าโอตะ เกิดCivil War
ถามเรา เราเชื่อจริง100% ว่าน้องโดนรังควาน หรือคุกคามไปหน้าบ้าน
แต่สุดท้ายเราหรือพวกเราก็คงไม่รู้และไม่มีทางรู้เรื่องการรังควานว่ามาจากใครหรือกลุ่มไหน หรือจะเป็นพวกแอนตี้ พวกจัสติสทางโซเซี่ยล แบบกรณีตาแว่นที่ถูกปิดล้อมโรงพัก เราไม่มีทางรู้ได้ เพราะเรื่องมันเคยเกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว
ขอสมมุตินะ สมมุติเป็นโอตะ ถ้าใช่กลุ่มโอตะเลเวล1 จริง ๆ
สังคมโอตะทั้งหมด จะต้องมายอมรับ มาเหมารวมการกระทำของพวกที่ไม่รู้ความหรอ
ตอนนี้ เรามองว่าเหยื่อมีสองฝ่าย ฝ่ายไอดอล และฝ่ายกลุ่มโอตะที่ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมระบบ48
ฝ่ายไอดอลคือเหยื่อในฐานะผู้หญิงอย่างแน่นอน การที่น้องเข้ามาในวงการนี้จะต้องแลกไปกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เสียไป
ภาวะทางจิตใจที่ถูกเหยียบย่ำรังแกและคำดูถูก น้องอาจจะไม่กลับมาได้เหมือนเดิม และน้องมีบาดแผลทางจิตใจ
แต่ถ้าในมุมมองของคนที่ติดตามไอดอล เราจะต้องถามว่าน้องในฐานะไอดอล น้องมีความพร้อมพอหรือยัง
น้องได้ขวนขวายหรือพยายามให้เหมาะสมกับการที่เข้ามาอยู่ในวงขนาดไหน น้องมีความพยายามหรือการมีระเบียบวินัยพอหรือยัง
เพราะว่าสำหรับเราแล้วน้อง ยังมีสิ่งที่ขาดอีกเยอะมาก และพัฒนาเกี่ยวกับหรือสาระที่มอบให้แฟน ๆ มีประมาณไหน
คือต้องขอบอกว่า กรรมดีก็คือกรรมดี กรรมบาป ก็คือกรรมบาป คุณจะเอาความดีมากลบความไม่ดีไป มันไม่ได้
ต้องยอมรับว่าน้องทำให้แฟน ๆ ในระบบ48 ผิดหวังในตัวพอสมควร เราไม่ได้มโนไปเอง เราซาวน์เสียงจากคนที่ติดตามน้อง ๆ มา
เช่นในคอนรุ่น2 ก็ยังมีข่าวไม่ดีมากลบเรื่องราวดี ๆ มันคือความผิดหวังซ้ำซ้อนซ้ำซาก ที่แฟน ๆ เขามองเห็นตลอด
คือบางทีจะต้องเข้าใจว่าไอดอลก็เหมือนอาชีพ เราเองก็อยากมาดูมืออาชีพ คือไม่ต้องเก่งกาจเหมือนปีศาจอย่างสายK-Popหรอก แต่เราก็อยากเห็นอะไรที่พัฒนาขึ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นบ้าง เป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ติดตามทั้งใหม่หรือเก่ามากก็พอแล้ว ไม่ใช่หยุดนิ่งเหมือนเจอเดอะ เวิลด์หยุดเวลาไป
แต่เอาจริง ๆ ในคอนรุ่น2 น้องก็ทำได้ดีนะ เราขอชม
และมองในฐานะเด็กผู้หญิงสาวน้อยคนหนึ่ง น้องเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เป็นดอกไม้แสนสวยท่ามกลางโลกอันน่าเบื่อใบนี้ได้เลยเชียวล่ะ แต่น้องอาจจะเกือบสอบตกหรือยังไม่พร้อมในขั้นการเป็นไอดอลมืออาชีพ เพราะการทำผิดสองครั้ง เรามองว่าน้องยังขาดการเอาใจใส่บริษัทหรือเพื่อนร่วมทีมมากไป เหมือนความตั้งใจที่เคยมาออรุ่นแรกมันหดหายไปหมด
สรุปแล้ว โอตะเลิกโทษกันเอง เลิกเขียนบทความมัยร่าเพื่อมาด่าโอตะหรือด่าแอนตี้บ้า ๆ บอ ๆ เหอะ เรื่องมันจบแล้ว น้องเริ่มต้นใหม่แล้ว จะมาหาคนรังควาน หาคนสุงรูป หาเพจแอนตี้ที่โพทนา มันหาไม่เจอหรอก มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา มันหน้าที่ของตำรวจและกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับไซเบอร์
เพราะเราทุกคนล้วนมีส่วนผิดกับเหตุการณ์ครั้งนี้ล่ะ ไม่ใช่จะโทษแต่ส่วนคนหนึ่งคนหนึ่ง ไม่อยากผลักภาระให้โอตะกลายเป็นเหยื่อฝ่ายเดียวหรือน้องผิดฝ่ายเดียว
เรามองว่ามันผิดไปทั้งระบบละ
ระบบไอดอล=ห้ามมีแฟน ห้ามไปไหนสองต่อสองกับคนอื่น เอาจริง ๆ มันก็คือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคุลในระดับหนึ่งละ ยอมรับตรง ๆ แต่โลกย่อมมีกฎเกณฑ์และการคัดสรรต่าง ๆ อยู่ ถ้าสังคมยอมให้มีการจ่ายการเปย์ผ่านระบบของวง และตราบใดที่ทุกคนยังต้องการมีส่วนร่วมในความฝันหรือความรักจากไอดอลอยู่ ระบบต่าง ๆ มันก็อยู่ต่อไป มีเกิดย่อมมีเสื่อม มีรุ่งย่อมมีเสื่อม เป็นไปตามวัฏจักร
ตัวไอดอล=ผิดที่อาจจะยังขาดความรับผิดชอบต่อการกระทำของส่วนรวม แต่น้องทำได้ดีในฐานะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ในการมอบรอบยิ้มให้กับแฟนคลับทุก ๆ คน
กลุ่มโอตะ=อาจจะถูกในการยึดมั่นในระบบเป็นหลักเป็นฐาน อาจจะผิดในการใส่ใจหรือทำความเข้าใจกับตัวไอดอลน้อยไป อาจจะผิดกับการหัวร้อนไปวอร์กับพวกปั่น พวกแอนตี้มากไป อาจจะถูกกับการออกมาปกป้องน้องและให้กำลังใจน้อง และอาจจะผิดกับการปกป้องจนเกิดความเหตุ ปกป้องจนไม่สนใจว่าระบบเป็นอย่างไร ทั้ง ๆ ที่สมาชิกที่เหลือก็ยังตามกฎได้
กลุ่มแอนตี้= ถือว่าไม่เปิดใจ ผิดในฐานะตำรวจโซเซียล และคอยซ้ำเติมผู้อื่น อยากให้หยุด และไตร่ตรองว่าข่าวไหนจริงหรือไม่จริงและการแอนตี้มันก็เหมือนการติดตามเขาอยู่ดี ถ้าเลิกแอนตี้ได้ก็สมควรเลิก
เราอยากให้ดราม่านี้เป็นดราม่าสุดท้าย อยากให้วงมีแต่ข่าวเรื่องราวกับเพลง สตอรี่ขอวงน้อง ๆ มีข่าวการให้ความบันเทิง ๆ อื่น ๆ ให้ความสุขแก่โอตะ แฟนคลับหรือคนอื่นเยอะ ๆ
เหรียญมีสองด้านเสมอ การที่คุณรู้สึกรักตัวไอดอลเหมือนคุณตาบอดหนึ่งข้าง แต่ถ้าคุณยึดมั่นกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกินไปก็เหมือนคนตาบอดสองข้าง
อยากลองให้ลืมตาแล้วมองคนรอบข้าง มอบความรักให้คนรอบ ๆ ก่อนแล้วเราค่อยกลับมาให้กำลังใจไอดอลที่เราตาม
ขอให้ทุกคนโชคดีในการติดตามน้อง ๆ วงไอดอล
สวัสดี