ผมมีโอกาสได้ไปชมละครเวทีเรื่อง “ชายกลางเดอะมิวสิคัล” รอบสื่อฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เมื่อได้ดูได้ชมแล้วเกิดความประทับใจจนอยากจะเขียนอยากเล่าความรู้สึกหลังจากได้ชมละครเวทีเรื่องนี้ให้ท่านฟังกัน คือก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าตัวผมไม่ใช่ขาประจำในการชมละครเวที คือที่ผ่านมามีโอกาสได้ชมละครเวทีมาบ้างแต่ก็ไม่มากนัก และก่อนหน้าที่ผมจะเข้าชมละครเวทีเรื่อง “ชายกลางเดอะมิวสิคัล” นี้ผมก็ห่างหายจาการเข้าโรงละครไปนานนับปี
สำหรับตัวผมแล้วละครเวทีเป็นสื่อบันเทิงที่ผมไม่ถนัดเลย ตัวไม่เคยเรียนทางด้านการละครด้วย ความรู้ด้านการละครก็มีเพียงแค่เล็กน้อยผ่านการอ่านจากหนังสือเท่านั้น อีกทั้งละครโทรทัศน์ที่ฉายฮิตๆ กันหลังข่าวในพระราชสำนักนั้นผมก็แทบจะไมได้ดูเลย อาจจะบอกได้ว่าตัวผมไม่ใช่ “สายดราม่า” แต่น่าจะเป็น “สายข่าว” และ “สายกีฬา” เสียมากกว่า รายการทีวีผมก็ดูบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางด้านดูข่าวและดูการถ่ายทอดสดกีฬามากกว่า ส่วนการชมภาพยนตร์นั้นผมก็ชอบอยู่เหมือนกันแต่ช่วงหลังๆ นี้ก็เลือกชมเฉพาะเรื่องที่อยากดูเท่านั้น ไม่ได้ดูตามกระแส และไม่ได้เข้าโรงหนังไปชมภาพยนตร์ทุกรอบทุกสัปดาห์เหมือนคอหนังทั่วไป

แต่เมื่อผมได้ชมละครเวทีเรื่อง “ชายกลางเดอะมิวสิคัล” นี้แล้ว ผมเกิดความประทับใจอยู่ 2 ประเด็นหลักๆ คือหนึ่งตัวบทที่เป็นเนื้อเรื่อง และสองคือความตั้งใจของทีมงานละครเวทีเรื่องนี้ สำหรับเรื่องตัวบทหรือเนื้อเรื่องนั้นต้องยอมรับว่าผู้เขียนบทเขียนบทละครเวทีเรื่องนี้ได้เก่งมาก มีการผสมผสานเรื่องราวต่างๆ เข้ากับการแสดงได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเพลงประกอบก็เพราะจนน่าประทับใจ เรียกว่าถ้าท่านเข้าโรงได้ไม่ทันแล้วต้องยืนรออยู่นอกโรงละครก่อน เมื่อท่านได้ยินเสียงเพลงที่ไพเราะก็ทำให้ท่านเร้าใจจนอยากจะเดินเข้าโรงไปนั่งชมในทันที แต่ช้าก่อนครับ เพราะท่านมาสายท่านจึงยังไม่สามารถเดินเข้าโรงละครได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในระหว่างที่ฉากแรกของละครเวทีเพิ่งเริ่มแสดงเพราะการเดินหาที่นั่งจะเป็นการรบกวนผู้ชมท่านอื่นที่กำลังตั้งใจชมละครเวทีอยู่ ท่านต้องรอจังหวะที่ดีที่เจ้าหน้าที่อนุญาตก่อนท่านจึงจะเดินเข้าโรงละครได้ ผมคิดว่าวิธีการนี้เป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยสร้างวินัยในการตรงต่อเวลาให้เกิดแก่ผู้ชมละครเวทีได้ด้วย
สำหรับเนื้อเรื่องนั้นนักแสดงเล่นกันได้ตลกสมคำรำลือจริงๆ ตัวพระเอกของเรื่องมีอาชีพเป็นนักเขียนไส้แห้ง ซึ่งเสียดสีอาชีพนักประพันธ์ได้อย่างแนบเนียนมาก ตัวเรื่องสร้างความขัดแย้งหลักขึ้นมาเป็นประเด็นที่ว่า นักเขียนที่ดีควรจะเลือกเขียนเรื่องที่ดีที่จรรโลงสังคมหรือจะเลือกเขียนนิยายพาฝันน้ำเน่าซ้ำซาก ตัวพระเอกของเรื่องจึงต้องเลือกระหว่างอุดมการณ์หรือเรื่องปากท้องของตัวเอง ทำให้ผู้ชมที่เป็นนักเขียนอย่างผมต้องสะอึกขึ้นมาในทันที และต้องฉุกคิดตามเรื่องราวที่ตัวพระเอกต้องทำไปตลอดเรื่องด้วย
ส่วนเรื่องความประทับใจทีมงานที่สรรสร้างละครเวทีเรื่อง “ชายกลางเดอะมิวสิคัล” นี้ก็คือ ผมเชื่อว่านักแสดงทุกคนต้องซ้อมกันหนักมากแน่ๆ กว่าที่จะแสดงออกมาได้กลมกลืนและลื่นไหลขนาดนี้ ทีมผู้สร้างที่เป็นผู้เขียนบทต้องทำงานวิจัยด้านการแสดงที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนบทกันตลอดแน่ๆ คือเขาคงคิดมาแล้วว่ามุกใดจะเรียกเสียงหัวเราะจากก็ชมได้ หรือมุกใดจะเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้ หรือมุกใดจะสร้างปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้นระหว่างนักแสดงกับผู้ชมได้ สำหรับปฏิกิริยาตอบโต้ระหว่างนักแสดงกับผู้ชมนี้ผมขออนุญาตยกตัวอย่าง ในช่วงหนึ่งที่มีนักแสดงท่านหนึ่งออกมาร้องเพลงแบบโซโล่เดี่ยว ฉากนี้เหมือนนักแสดงเขาเล่นกับผู้ชมโดยตรง ด้วยการที่ผู้ชมปรบมือเชียร์ดังเท่าใดนักแสดงก็แอคติ้งจริตให้สูงตามเสียงเชียร์ของผู้ชมได้ตลอด เรียกว่าต้องปรบมือกันจนมือชาเลยครับกว่าที่ฉากนี้จะจบลง
ตัวผมเมื่อเดินออกจากโรงละครหลังการแสดงจบลงแล้ว ผมคิดได้เพียงอย่างเดียวว่า ที่ผมเห็นนั้นไม่ใช่เพียงการแสดงเท่านั้น แต่มันคือทีมเวิร์คอย่างแท้จริง เป็นทีมเวิร์คของคนที่อยู่หน้าฉากและคนที่อยู่หลังฉาก รวมทั้งนักดนตรีที่เล่นเพลงสดๆ อยู่หลังเวทีด้วย ทั้งสามส่วนนี้ประกอบสร้างและประกบร่างทำให้การแสดงละครเวทีในครั้งนี้สนุกสนานและกินใจผู้ชม และเมื่อพูดถึงผู้ชมแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชมทั้งหลายที่นั่งชมอยู่ในโรงละครก็คือกองเชียร์ที่ทรงพลัง ที่ช่วยกระตุ้นเร้าให้นักแสดงใส่แอ็คติ้งกันอย่างเต็มที่สุดๆ รวมแล้วเป็นทีมเวิร์คที่ใจประสานใจ เป็นการขับเคลื่อนการแสดงให้ออกมาน่าประทับใจที่สุด
แม้ว่าตอนนี้ผมจะเดินออกจากโรงละครสยามพิฆเนศ ที่สยามสแควร์วัน มานานหลายวันแล้วก็ตาม แต่ความประทับใจยังคงติดค้างอยู่ในใจผมตลอด ผมจึงอยากจะเป็นกองเชียร์ของละครเรื่องนี้อยู่ ด้วยการเชียร์อย่างออกหน้าออกตาแม้ว่าจะไม่ได้ปรบมือเชียร์อยู่ในโรงละครแล้วก็ตาม แต่ผมขอออกตัวมาเชียร์ละครเวทีเรื่อง “ชายกลางเดอะมิวสิคัล” ผ่านหน้ากระทู้นี้ด้วยครับ
ถ้ามีโอกาสอยากจะแนะนำให้ท่านซื้อบัตรไปชมการแสดงละครเวทีเรื่อง “ชายกลางเดอะมิวสิคัล” นี้ด้วยครับ เห็นในข้อมูลบอกว่าจะมีการแสดงต่อจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ก็มีการแสดงแค่ศุกร์เสาร์และอาทิตย์นี้เท่านั้นครับ
ขอให้ทุกท่านที่เข้ามาชมกระทู้นี้มีความสุขมากๆ นะครับ


[SR] ชายกลางเดอะมิวสิคัล
สำหรับตัวผมแล้วละครเวทีเป็นสื่อบันเทิงที่ผมไม่ถนัดเลย ตัวไม่เคยเรียนทางด้านการละครด้วย ความรู้ด้านการละครก็มีเพียงแค่เล็กน้อยผ่านการอ่านจากหนังสือเท่านั้น อีกทั้งละครโทรทัศน์ที่ฉายฮิตๆ กันหลังข่าวในพระราชสำนักนั้นผมก็แทบจะไมได้ดูเลย อาจจะบอกได้ว่าตัวผมไม่ใช่ “สายดราม่า” แต่น่าจะเป็น “สายข่าว” และ “สายกีฬา” เสียมากกว่า รายการทีวีผมก็ดูบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางด้านดูข่าวและดูการถ่ายทอดสดกีฬามากกว่า ส่วนการชมภาพยนตร์นั้นผมก็ชอบอยู่เหมือนกันแต่ช่วงหลังๆ นี้ก็เลือกชมเฉพาะเรื่องที่อยากดูเท่านั้น ไม่ได้ดูตามกระแส และไม่ได้เข้าโรงหนังไปชมภาพยนตร์ทุกรอบทุกสัปดาห์เหมือนคอหนังทั่วไป
สำหรับเนื้อเรื่องนั้นนักแสดงเล่นกันได้ตลกสมคำรำลือจริงๆ ตัวพระเอกของเรื่องมีอาชีพเป็นนักเขียนไส้แห้ง ซึ่งเสียดสีอาชีพนักประพันธ์ได้อย่างแนบเนียนมาก ตัวเรื่องสร้างความขัดแย้งหลักขึ้นมาเป็นประเด็นที่ว่า นักเขียนที่ดีควรจะเลือกเขียนเรื่องที่ดีที่จรรโลงสังคมหรือจะเลือกเขียนนิยายพาฝันน้ำเน่าซ้ำซาก ตัวพระเอกของเรื่องจึงต้องเลือกระหว่างอุดมการณ์หรือเรื่องปากท้องของตัวเอง ทำให้ผู้ชมที่เป็นนักเขียนอย่างผมต้องสะอึกขึ้นมาในทันที และต้องฉุกคิดตามเรื่องราวที่ตัวพระเอกต้องทำไปตลอดเรื่องด้วย
ส่วนเรื่องความประทับใจทีมงานที่สรรสร้างละครเวทีเรื่อง “ชายกลางเดอะมิวสิคัล” นี้ก็คือ ผมเชื่อว่านักแสดงทุกคนต้องซ้อมกันหนักมากแน่ๆ กว่าที่จะแสดงออกมาได้กลมกลืนและลื่นไหลขนาดนี้ ทีมผู้สร้างที่เป็นผู้เขียนบทต้องทำงานวิจัยด้านการแสดงที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนบทกันตลอดแน่ๆ คือเขาคงคิดมาแล้วว่ามุกใดจะเรียกเสียงหัวเราะจากก็ชมได้ หรือมุกใดจะเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้ หรือมุกใดจะสร้างปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้นระหว่างนักแสดงกับผู้ชมได้ สำหรับปฏิกิริยาตอบโต้ระหว่างนักแสดงกับผู้ชมนี้ผมขออนุญาตยกตัวอย่าง ในช่วงหนึ่งที่มีนักแสดงท่านหนึ่งออกมาร้องเพลงแบบโซโล่เดี่ยว ฉากนี้เหมือนนักแสดงเขาเล่นกับผู้ชมโดยตรง ด้วยการที่ผู้ชมปรบมือเชียร์ดังเท่าใดนักแสดงก็แอคติ้งจริตให้สูงตามเสียงเชียร์ของผู้ชมได้ตลอด เรียกว่าต้องปรบมือกันจนมือชาเลยครับกว่าที่ฉากนี้จะจบลง
ตัวผมเมื่อเดินออกจากโรงละครหลังการแสดงจบลงแล้ว ผมคิดได้เพียงอย่างเดียวว่า ที่ผมเห็นนั้นไม่ใช่เพียงการแสดงเท่านั้น แต่มันคือทีมเวิร์คอย่างแท้จริง เป็นทีมเวิร์คของคนที่อยู่หน้าฉากและคนที่อยู่หลังฉาก รวมทั้งนักดนตรีที่เล่นเพลงสดๆ อยู่หลังเวทีด้วย ทั้งสามส่วนนี้ประกอบสร้างและประกบร่างทำให้การแสดงละครเวทีในครั้งนี้สนุกสนานและกินใจผู้ชม และเมื่อพูดถึงผู้ชมแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชมทั้งหลายที่นั่งชมอยู่ในโรงละครก็คือกองเชียร์ที่ทรงพลัง ที่ช่วยกระตุ้นเร้าให้นักแสดงใส่แอ็คติ้งกันอย่างเต็มที่สุดๆ รวมแล้วเป็นทีมเวิร์คที่ใจประสานใจ เป็นการขับเคลื่อนการแสดงให้ออกมาน่าประทับใจที่สุด
ถ้ามีโอกาสอยากจะแนะนำให้ท่านซื้อบัตรไปชมการแสดงละครเวทีเรื่อง “ชายกลางเดอะมิวสิคัล” นี้ด้วยครับ เห็นในข้อมูลบอกว่าจะมีการแสดงต่อจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ก็มีการแสดงแค่ศุกร์เสาร์และอาทิตย์นี้เท่านั้นครับ
ขอให้ทุกท่านที่เข้ามาชมกระทู้นี้มีความสุขมากๆ นะครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้