ชีวิตม.ปลายอันห่วยแตก ในโรงเรียนสาธิตปทุมวัน

โรงเรียนสาธิตปทุมวันย่ำแย่ขึ้นสำหรับผมทุกๆปี........
จริงๆก็ตั้งแต่หลักสูตรไปจนถึงอาจารย์ แต่ขอพูดถึงประเด็นสำคัญที่ผมอัดอั้นมานานก่อนนะครับ
(ตอนผมพิมพ์เรื่องนี้จะพยายามระงับอารมณ์ไว้ เดี๋ยวเรื่องแดงแล้วตาย)
(ยาวหน่อยนะครับ)
 
โรงเรียนสาธิตปทุมวัน ผมคิดว่าคงมีชื่อเสียงไม่น้อยเมื่อมองจากภายนอกเข้ามา ในฐานะโรงเรียนมัธยมต้นชั้นนำของประเทศ ผมเองตอนแรกสอบได้ที่โรงเรียนอื่นแต่เมื่อประกาศผลแล้วพบว่าติด ก็เลือกมาเรียนที่นี่แทน และนั่นทำให้ผมได้รู้จักและซึมซับความเป็นสาธิตปทุมวัน.... โดยรวมแล้วเป็นโรงเรียนที่ดีและวิชาการเข้มข้นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สังคมนักเรียนอบอุ่นดี มีอาจารย์ที่นิสัยน่ารัก และหวังดีกับลูกศิษย์มากมาย
 
แต่ทุกอย่างเริ่มแย่ลงหลังจากขึ้นม.ปลายครับ
 
อาจารย์บางคนในโรงเรียนนี้นะครับ ทำตัวไม่เหมาะกับสถานะความเป็นครูสักนิด... ครูผู้รู้ผู้สอนตามความคิดผม ต้องประกอบด้วย ความรู้ที่จะมอบให้ศิษย์ และ การประพฤติตนที่ดี นั่นคือ ถ้ามีฉันทะมีใจรักในการสอน มีความมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดความรู้ นักเรียนก็อยากเรียนใช่มั้ยครับ แต่บางท่านนั้นเหมือนทางโรงเรียนจ้างมาเพื่อบังคับให้ยืนเป็นเส้นเลือดขอด อ่านจากสไลด์เหมือนหุ่นกระบอก หรือขี้เกียจหน่อยก็นั่งพัก โหลยโท่ยหน่อยก็เปิดคลิป ตัวเองเล่นมือถือ / ยืนถ่ายMVอยู่ริมหน้าต่าง
 
เต่าเอือม
ที่กล่าวถึงไปยังไม่เท่าไหร่ ว่าแย่แล้วยังมีแย่กว่า มันจะมีบางกลุ่มสาระที่คิดว่านักเรียนเป็นเครื่องจักร หรือเป็นฟรีแลนซ์ที่ว่างแบบตบยุงเล่นและไม่ต้องทบทวนหนังสืออะไรทั้งสิ้น และประโคมงานทั้งหมดลงมาจากฟากฟ้าราวกับนิบิรูพุ่งชนผิวโลก...
 
กลุ่มสาระศิลปะครับ
และนี่ก็เป็นประเด็นหลักของโพสต์นี้ด้วย
วิชานี้เป็นที่สุดของความต่ำตม (ขออภัย มันอดไม่ได้) ที่สุดที่ผมเคยสัมผัสมาตั้งแต่เข้าโรงเรียนแห่งนี้
ในชั้นม.6นั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักเรียนจะต้องเจอกับคุณครูชื่อย่อ "ว." ซึ่งบังคับขู่เข็นให้นักเรียนทำงานศิลปะร่วมสมัยชิ้นหนึ่งลงบนเฟรมผ้าใบ... ซึ่งฟังดูง่าย แต่กลับมีขั้นตอนยิบย่อยละเอียดจนนึกว่าโปรเจ็คต์ขนาดย่อม ขั้นตอนเหล่านั้นก็ประกอบด้วย

-การบันทึกลัทธิศิลปะ10กว่าลัทธิ
-สืบค้นลัทธิที่สนใจเพิ่ม
-การหาภาพต้นแบบของศิลปิน+ภาพของตัวเองที่นำมาแปลง
-อธิบายแนวคิดให้อาจารย์ฟัง
-ร่างลงA5
-ลงสีไม้
-ลงกระดาษร้อยปอนด์
-ลงสี
-ให้อาจารย์พิจารณาเป็นขั้นๆ
-ให้ลงลายเซ็นต์ แล้วจึงได้รับเฟรม
-ทำเฟรมโดยลงสีอะคริลิกส์ ระหว่างทำอัดคลิปวิดิโอให้เหลือ3~5นาที
-จองวันพรีเซนต์ผลงาน เตรียมนำเสนอผ่านppt...
 
และนี่คือประเด็นหลักของกระทู้นี้ครับ

ผมซาบซึ้งอย่างยิ่งเมื่อได้ทราบเหตุผลที่ว่า ทำไมนักเรียนชั้นม.6 ซึ่งมีทั้งแผนวิทย์แผนศิลป์ต้องสละเวลา ครึ่งเทอม มาเทอุทิศให้แก่การพัฒนาทักษะทางด้านศิลปะ ซึ่งก็คงได้ใช้ประโยชน์ในอนาคตในภายภาคหน้าเป็นอย่างแน่นอนเนอะ
คุณครูว.กล่าวว่า "ไม่ได้ต้องการให้ผลงานสวยเหมือนศิลปินดังๆ แต่อยากฝึกทักษะการทำงานเป็นขั้นตอน การพรีเซนต์ ฝึกความอดทนต่อความกดดันที่ต้องเจอกับอาจารย์ในมหา'ลัย จริงๆครูจะปล่อยคะแนนไปเหมือนบางวิชาก็ได้ แต่ครูไม่ใช่แบบนั้น ที่ครูลำบากนี่เพื่อตัวเองรึเปล่าก็ไม่ใช่ มันเพื่อพวกเธอ" .........ซึ่งจริงๆผมควรจะเห็นด้วย  แต่มีอยู่หลายปัจจัยที่ทำให้ผมฉุนเฉียวขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก
 
1.งานแบบนี้ไม่ควรมาอัดแน่นอยู่ที่ม.6ซึ่งเป็นปีแห่งการเตรียมสอบเข้าสำหรับใครหลายคน (ผมด้วย ถึงได้บ่น)
2.ที่บอกว่าไม่ต้องการทักษะให้สวยเหมือนศิลปิน อันนี้ไม่ถูกเสียทีเดียวเลย เพราะมีการตีงานกลับไปแก้ชนิดที่ว่าเด็กบางส่วนน้ำตาซึมน้ำตาตกในไปแล้ว บางคนถูกตีกลับตอนลงสีบนกระดาษร้อยปอนด์ จนต้องกลับไปทำใหม่แต่แรกก็มี
ถ้าคุณบอกว่าไม่หวังในด้าน"ศิลปะ"มาก ก็ควรมุ่งเน้นที่ขั้นตอนการทำงาน ไม่ใช่ nitpicking ไปเสียทุกจุด
3.เป็นครูที่ไม่มีความใส่ใจหรือสิ่งที่แสดงถึงความหวังดี จนหมดเครดิตไปแล้ว มาพูดว่าทำทุกอย่างเพื่อนักเรียนให้มีหัวคิด ส่วนตัวผมมองว่ามันคือการแถอย่างไร้หลักการ มันเป็นแค่การสนองนี้ดว่า ตนนั้นเป็นแม่พิมพ์ในอุดมคติที่กำลังหล่อหลอมความเก่งกล้าให้เด็กอยู่
 
แน่นอนว่าการทำงานชิ้นนี้ได้รับประโยชน์อยู่บ้าง โดยเฉพาะขั้นตอนการพรีเซนต์ ขั้นนี้อาจารย์นิสิตจะคอยบอกจุดที่ควรปรับปรุงแก้ไข ทั้งสไลด์และลักษณะท่าทาง ผม appreciate ในจุดๆนี้มาก แต่มันไม่ได้คุ้มค่าเลยกับเวลาที่เสียไปนับแต่เริ่มทำโปรเจคต์ย่อมๆนี้ มันไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว แต่เทียบกันแล้ว ค่าเสียโอกาสมันมากมายมหาศาลครับ ....ผมเขียนรวบรัดไป แต่ที่จริงนั้น ยังมีอีกหลายส่วนของคุณครูท่านนี้ที่ทำให้ผมเกลียดเข้าไส้ (ถือว่าประกอบคำให้การนะครับ)
 
พูดจาไม่ให้เกียรตินักเรียนจนเกินไป
ผมเข้าใจได้ว่าครูจะพูดแบบกระด้างหน่อย อันนี้ปรกติดี แต่สำหรับคนๆนี้นั้น ยิ่งกว่าที่ผมคาดไว้เสียอีก พูดมาได้ว่าสนุกกับการได้เห็นเด็กนักเรียนร้องไห้ ตบผู้หญิงได้ไม่เว้น นี่เป็นส่วนหนึ่งเลยที่ทำให้ผมมีความรู้สึกด้านลบกับครูคนนี้ และมองว่าทุกอย่างที่เขาพูดว่าต้องการเห็นคนได้ดีเป็นแค่ excuse ที่พ่นออกมาเอาหน้ารอด
 
การไม่ปรับปรุงตัว
มีการรายงานไปยังผู้อำนวยการหลายครั้งหลายหนแล้วเรื่องงานนรกตอนม.6 ที่ดำเนินมาหลายปี แต่ก็ไม่ได้มีการแก้ไขอะไรเลยสักนิด ปีนี้เองก็เช่นกัน มีคนร้องเรียนท่านผอ.ชัยศักดิ์ ลีลาจรัสกุล แต่ก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น ผอ.ทำได้เพียงแค่ตักเตือน(?)ครูท่านนั้น แล้วก็จบเงียบ มิหนำซ้ำครูท่านนั้นยังเที่ยวตระเวนหาตัวคนที่ไปฟ้องผอ.เสียอีก (คนที่ไปร้องเรียนเป็นผู้ปกครองของคนที่ผมรู้จัก)
 
....และอีกมากมาย แต่มัน personal เกินไป ผมและเพื่อนอาจแตกได้
 
จะเห็นว่า ปัญหามันเรื้อรังและไร้วี่แววว่าจะคลี่คลายลง แม้ครูท่านนี้จะบอกว่าเพลาลงจากปีก่อน แต่มันก็ยังอยู่ในระดับหนักหน่วงอยู่ดี ถามว่าดีขึ้นมากไหม ผมไม่ได้เรียนปีก่อนเลยตอบไม่ได้ แต่ในปีการศึกษาของผม ก็ยังต้องผ่าด่านนรก38ขุมอยู่ ผมไม่ได้เรียนพิเศษแต่เพื่อนของผมจำนวนมากนั้น ต้องสละเวลาตอนเย็น (หรือบางครั้งก็วันหยุด) เพื่อนั่งทำงานชิ้นนี้ให้สำเร็จ โดยลุ้นจนตัวโก่งไปด้วยว่าจะโดนตีกลับหรือไม่
ที่ผมบอกว่ากินเวลามาก มันคือเรื่องจริงแท้แน่นอนไม่มีเท็จไปกว่านี้ กินเวลาถึงขนาดที่นักเรียน "เกินครึ่ง" ต้องโดดคาบเรียนวิชาหลักเพื่อไปห้องศิลปะและทำงานกัน และไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งด้วย การเรียนการสอนของกลุ่มสาระอื่นโดนกระทบเป็นวงกระเพื่อมไปหมด แต่ก็ยังไม่มีแรงผลักดันไปสู่ทางออกใดๆ (ซึ่งทางแก้มันก็ง่ายมาก ก็แค่เปลี่ยนงานไง แต่ครูท่านนี้เขาไม่ยอมครับ เวลาผอ.หรือครูคนอื่นมาคุยกับเขา เขากลับด่าผอ.ด้วยซ้ำว่าจัดตารางไม่ดี) (แต่ตัวเองก็ยังดันทุรัง) อาจารย์หมวดเลขและวิทยาศาสตร์ที่ค่อนข้างไม่พอใจเรื่องนี้บอกกับผมว่าจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม แต่ผมไม่ได้รับข่าวสารอะไรกับเรื่องนี้กลับมาเลย ...และอาจารย์ที่เข้ามาแล้วไม่สอนที่ผมแอบๆเกริ่นไปเมื่อต้นกระทู้ ผมก็รายงานกับอาจารย์หลายท่านไป โดยเฉพาะอาจารย์อาวุโสหมวดเลขที่ผมคิดว่าพึ่งได้แน่ๆ แต่ผมกลับได้รับคำตอบว่า "ให้ทนๆกับอาจารย์ไปนะ"
 
....หะ จริงดิ แค่นี่อะ??? ....โรงเรียนคุณภาพจริงๆครับ....

โรงเรียนที่ตั้งมั่นว่าจะเป็นผู้นำร่อง เป็นผู้สาธิต ก้าวไกลทางด้านวิชาการและคุณธรรม กลับมีตอไม้ผุพังแบบนี้อยู่ข้างใน
สิ่งเหล่านี้มันไม่น่าเกิดขึ้นกับชั้นมัธยมศึกษาปีที่6แล้ว สาธิตปทุมวันทำอะไรอยู่? ฝ่ายวิชาการ? ฝ่ายพัฒนาหลักสูตร? ท่านผอ.? นั่งรอนักเรียนตายหรือ?
 
นี่ยังไม่หมายรวมถึงอาจารย์อีกหลายๆท่านที่ผมไม่กล่าวถึง หรือแม่แต่เรื่องกิจกรรมมากมายในโรงเรียนที่สุดจะบรรยาย ผมไม่อยากพูดออกจากปากตัวเองเลยว่ามันแย่ เพราะผมคิดว่าเป็นโรงเรียนที่ดีนะ รักอาจารย์หลายท่าน แต่มันก็ด้อยคุณภาพลงเรื่อยๆ
 
ตอนนี้หมดเทอม1แล้ว ผมจึงได้มาเล่าเรื่องนี้เสียที ด้วยความกลัวที่ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเกรด
ส่วนตัวผมไม่อยากคิดนะว่าเรื่องภายนอกมันจะส่งผลถึงคะแนนได้ แต่ผมไม่ไว้ใจเลย อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ ผมคิดว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว
 
ใครอยากรู้อะไรถามเพิ่มได้ครับ (เรื่องในโรงเรียนนะ ผมจะตอบถ้าสามารถ)
ขอบคุณครับที่สละเวลามาอ่าน
เม่าฝึกจิต
 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่