แชร์ประสบการณ์ผู้ป่วย โรคซึมเศร้า

          สวัสดีครับ หลายวันมานี้ มีคนพูดถึงโรคซึมเศร้ากันเยอะ จะด้วยการทำความรุนแรง ทำผิดกฏหมาย หรืออะไรต่าง ว่ามีสาเหตุมาจากโรคซึมเศร้า ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้เป็นโรคนี้ และเป็นคนที่เคยปรามาสคนที่เป็นด้วยว่า ก็หาอะไรทำไปสิ จะได้ไม่เหงาไม่ว่าง ไม่ซึมเศร้า ดังนั้น วันนี้ผมจะมาเล่าถึงอาการที่ผมเป็น รวมถึงแนวทางในการรักษานะครับ 

          อาการของผมเริ่มเมื่อปลายเดือน 5 ปี 2517 วันนั้นผมเริ่มเบื่ออาหาร ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร คิดว่าดีเหมือนกันจะได้ลดความอ้วนไปในตัว แต่อาการมันเริ่มรุนแรงขึ้น ผมเบื่อมากขึ้น มากขนาดที่ว่าผมไม่อยากกินเลย แม้แต่ของที่ชอบกินก็ไม่อยากกิน และที่แย่ที่สุดคือ ผมไม่รู้สึกถึงความอร่อยจากอาหารอีกเลย เพียงแต่ฝืนกินเพื่อให้ร่างกายพอมีแรงบ้าง ผมน้ำหนักหายไป 13 โล ในช่วง 1 เดือน อาการต่อมาคือ ผมเหมือนคนขี้เกียจ ผมไม่อยากตื่น อยากนอนทั้งวัน ไม่อยากทำอะไรเลย ร่างกายไม่สดชื่น ไม่ตื่นตัว นั่งโต๊ะทำงานแล้วก็ได้แต่เอนตัวนอน (ทำงานที่บ้าน) จนแม่ต้องมาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ซึ่งผมก็ตอบว่าไม่มีอะไร แต่จริงๆแล้วผมรู้สึกแย่มาก เพราะผมเริ่มซึม เริ่มทำอะไรช้าลง พูดก็เบาลง ยิ่งพยายามพูดเสียงก็ยิ่งเบา แต่อาการยังไม่หยุดแค่นี้นะครับ หลังจากนั้นผมจะเริ่มกลัว กลัวอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ากลัวมาก กลัวแบบใจมันหวิวไปหมด ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมไม่มีความสุขเลย ผมไม่รู้สึกถึงความสุข มันเป็นช่วงชีวิตที่หดหู่ไปหมด อาการสุดท้ายที่ตามมาก็คือ ผมรู้สึกว่าหน้าอกผมมันกลวงครับ อันนี้เป็นความรู้สึกที่ทรมานที่สุด ผมรู้สึกว่าข้างในอกผมมันหายไปครับ ผมต้องคอยเอามือทุบอกตัวเอง เพื่อบอกตัวเองว่า อกเรายังอยู่นะ เวลานอนก็ต้องเอาหมอนข้างมากอดแนบอกแน่นๆ ตอนนั้นทรมานมากๆ

          จนสุดท้ายความรู้สึกอยากตายก็มา ในตอนก็มาไม่บ่อยหรอกครับ แต่ยิ่งทียิ่งบ่อย บ่อยขนาดที่ผมอยากตายทั้งวัน ในช่วงแรก ผมยังใช้เหตุผลมาสู้กับความรู้สึกได้อยู่ ว่าเรายังตายไม่ได้นะ เรายังเรื่องต้องทำ เรายังมีแม่ที่ต้องดูแล ถ้าเราไม่อยู่แม่จะลำบากนะ ประมาณนี้ แต่เหตุผลก็สู้ความรู้สึกอยากตายได้ประมาณ 2 อาทิตย์ หลังจากนั้น ไม่เหตุผลอะไรสู้ได้อีกแล้ว ในตอนนั้นมันเหมือน ความตาย มาชวนผมไปอยู่ด้วย เหมือนความตายมาบอกว่า มาอยู่กับเราสิ อยู่กับเราแล้วจะสบาย ไม่ต้องทุกข์อีกแล้ว เหมือนว่าความตายมันสวยงาม มันเรียกหาผมตลอดเวลา จากที่ไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย ก็เริ่มคิด เริ่มจากเราจะตายแบบใหนดี ตอนแรกก็คิดว่า กรีดข้อมือแล้วกัน จะได้จบๆไป แต่มันก็คิดต่อว่า ถ้าเรากรีดข้อมือ เลือดต้องไหลเต็มห้อง แม่เห็นเข้าจะตกใจมาก คงเป็นภาพติดตาที่ไม่น่าจดจำสำหรับแม่ ก็เลยคิดว่า หรือเราจะกรีดตรงหน้าบ้าน ที่มีท่อน้ำทิ้งดี เลือดก็ไหลลงท่อไปเราก็ตายไป แต่ก็กลัวว่าจะเจ็บนาน เลยคิดว่าหรือเราจะขี่มอไซค์ไป+สิบล้อดี ทีเดียวตายไปเลย แต่ก็มีเสียงมาบอกว่า เราสบายจริงแต่คนขับสิบล้อเค้าจะเดือดร้อนนะ เพราะกลายเป็นว่าเค้าจะโดนข้อหาขับรถประมาททำให้คนเสียชีวิต ก็เลยไม่ได้ทำ ช่วงนี้เป็นช่วงที่คิดหาวิธีฆ่าตัวตายอย่างเดียวเลย จนวันนึง เหมือนผมยังพอมีบุญอยู่บ้าง (อันนี้น้องสาวเป็นคนพูด) อยู่ดีๆผมก็ถามตัวเองว่า เราเป็นอะไรเนี่ย ทำไมอยากตายขนาดนี้ หรือว่าเราเป็น โรคซึมเศร้า พอถึงตรงนี้มันเหมือนปิ๊งขึ้นในหัว ก็เลยลองหาข้อมูล จากในเน็ท ลองเช็คดูอาการเบื้องต้นหลายๆอย่างก็ตรง ก็เลยตัดสินใจไปหาหมอ

          ในตอนแรกเพื่อนๆแนะนำให้ไปหาหมอที่ รพ มโนรมย์ แต่มันไกลไปผมอยู่ฝั่งธนเลยตัดสินใจไปที่ รพสมเด็จเจ้าพระยา แถวท่าดินแดงแทน ซึ่งก็โอเคครับ แต่ก็จะใช้เวลาเยอะหน่อย เพราะเป็นโรงบาลรัฐ ผมได้พบกับหมอ ได้พูดคุย ได้รับคำอธิบาย และได้รับยามากิน ซึ่งมันดีมาก สำหรับผม ยาที่หมดจัดให้มันช่วยผมได้เยอะมาก ผมเริ่มกินได้ เริ่มรู้สึกถึงความอร่อย เริ่มมีความสุขจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ และอาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ อาการอยากตายก็หายไป ความกลัวก็ด้วย หน้าอกก็กลับมาเต็มเหมือนเดิม ผมเริ่มมีความสุขกับชีวิต ร่างกายเริ่มตื่นตัวมากขึ้น อาการซืมก็ลดน้อยไปเรื่อยๆ ความเศร้าหายไป ผมกินยาต่อเนื่องประมาณ 6 เดือน ผมถึงรู้สึกเหมือนเป็นปกติอีกครั้ง แต่ถึงตอนนี้ผมรักษาต่อเนื่องมาพอสมควร แต่ยังหยุดยาไม่ได้ เหตุเพราะสาเหตุของโรคยังไม่ได้ถูกแก้ไข ความเครียด ความวิตกกังวล สภาพแวดล้อม ที่ก่อให้เกิดโรค ยังไม่ได้ถูกแก้ไขทั้งหมด แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว ซึ่งผมเองคือโชคดีมากที่ได้รับการรักษาทันเวลา ไม่ได้ฆ่าตัวตายไปก่อน เพราะตอนนั้นผมไม่สามารถสู้ หรือฝืนความรู้สึกอยากตายได้เลย มันอยากตายตลอดเวลา มันเหมือนความตายมาคอยเรียกหาเรา คอยชวนเราไปอยู่ด้วย ต่อให้เป็นแค่เรื่องเล็ก แต่ถ้ามันกระทบจิตใจมันก็จะอยากตายทันที กรณีผมแค่หลานเถียงกัน ผมก็อยากตายแล้ว คนที่เป็นโรคนี้ต้องหาหมอครับ สู้เองไม่ไหว ส่วนการจะหายจากโรคก็ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ ซึ่งก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล อาการของคนเป็นโรคก็แตกต่างกัน แต่ก็รักษาได้ครับ

          ผมอยากขอให้คนที่ได้อ่านกระทู้นี้ ช่วยเข้าใจด้วยว่า การเป็นโรคนี้มันทรมาน ไม่มีใครอยากเป็น และการที่มีคนฆ่าตัวตายก็เพราะการทำงานของสารสื่อสมองม้นผิดปกติ อย่าไปโทษว่าเค้าอ่อนแอเลยครับ โรคนี้เป็นโรคที่น่ากลัว คนไม่เป็นคงไม่เข้าใจว่า อะไรมันจะอยากตายขนาดนั้น แต่เพราะว่าในช่วงเวลาที่อาการกำเริบ คุณจะไม่มีความสุขเลย มีแต่ทุกข์ ซึม เศร้า ท้อแท้ สิ้นหวัง ความรู้สึกแย่ๆทั้งหมด มันจะประดังเข้ามาจนคุณรู้สึกว่ารับไม่ไหว ไม่อยากอยู่อีกแล้ว เราสู้ไม่ไหวแล้วน่ะครับ แล้วก็อยากให้ช่วยกันดูแลคนในครอบครัว คนใกล้ชิดด้วยก็ดีครับ เพราะบางทีการละเลย ไม่ใส่ใจคนในครอบครัวเท่าที่ควร อาจจะทำให้เราเสียเค้าไปก็ได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่