แนวทางการสัมภาษณ์งาน

#แนวทางการสัมภาษณ์งาน 
ผมสัมภาษงาน เมื่อเดือน กค. ที่ผ่านมา ครับ 8 ที่ ผ่าน 7 ที่ไม่ผ่าน 1 ที่ 
ซึ่งข้อมูล ที่ผมนำมาส่วนมากมาจาก Internet ครับ และกระทู้หลายๆกระทู้

#เห็นคนตกงานกันเยอะครับเลยเอาแนวคิดมาฝาก
1.ประวัติการทำงาน (Resume) ควรเขียนให้ถูกต้องทั้งภาษาไทย
และภาษาอังกฤษโดยเฉพาะภาษาไทย พยายามหลีกเลี่ยงภาษาพูดและใช้
ภาษาเขียนอย่างเป็นทางการ ตรวจสอบความถูกต้องให้ดีก่อนที่จะส่งให้ HR
2.การแต่งกาย ควรแต่งกายสุภาพ เรียบร้อย ให้เกียรติสถานที่ และเหมาะสม
กับตำแหน่งงาน 
3.การไปถึงสถานที่สัมภาษณ์ก่อนเวลานัดหมาย ปกติผมจะไปถึงก่อนเวลา
ประมาณ 1 ชั่วโมง (สำหรับสถานที่ที่เรารู้จักและไปถูกแน่นอน แต่ถ้าบริษัท
หรือสถานที่ที่เราไม่รู้จัก ผมจะมาด้อมๆมองๆก่อนวันสัมภาษณ์ ป้องกันการ
หลงทาง หรือมาไม่ถูก) พอมาถึงก่อนเวลา เราก็มีเวลาเตรียมตัว ซึ่งอาจจะ
รอข้างนอกบริษัท หรือเข้าไปรอที่บริเวณโถงรับแขกของบริษัทก็ได้ครับ
การมารอก่อน ทำให้เรามีเวลาเตรียมตัวอีกนิดหน่อย (ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรา
เตรียมตัวมาอย่างดีทั้งคืนแล้ว อย่าลืมว่าคนที่เตรียมที่ดีเท่านั้น ถึงจะได้งาน)
เตรียมสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษอีกซักรอบ ซักซ้อมให้มั่นใจ และเข้าห้องน้ำให้
เรียบร้อย ดื่มน้ำใหัสดชื่น ช่วยลดความตื่นเต้นได้ (ปวดฉี่ในห้องสัมภาษณ์
ล่ะแย่เลย) หรือรับประทานอาหารมาให้เรียบร้อย แต่อย่ากินจนอิ่มมากนะ
เดี๋ยวจะง่วง
4.การตอบคำถามในการสัมภาษณ์ ตอบด้วยถ้อยคำที่ชัดเจน ช้าๆ ชัดๆ
แต่ไม่ช้ามากจนชวนหลับ หรือเร็วเกินไปจนฟังไม่ทัน ตั้งสติไว้ อย่าลนลาน
ตอบคำถามตามความเป็นจริงให้มากที่สุด (หรือมโนได้ แต่อย่าให้เวอร์)
มีประสบการณ์ด้านไหนมา ก็เล่าไปตามจริง ตอบคำถามตามความคิด
และความจริง (เพราะอะไรน่ะ หรอ ? เพราะเราไม่รู้หรอกว่าตอบแบบไหน
แล้วจะได้งาน อย่าคิดไปเองว่าตอบแบบมโนไปแล้วจะดี ดังนั้นตอบตาม
ความจริง ดีที่สุด แต่มโนสร้างภาพนิดหน่อยได้  
5.การนำเสนอตัวเอง ถ้าผู้สัมภาษณ์เปิดโอกาสให้เราพรีเซนต์ตัวเอง
เราต้องจับหลักให้ได้ ว่าหน้าที่หลักๆ ของตำแหน่งที่เรามาสัมภาษณ์
คืออะไร เอามาเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของเราให้ได้ (อันนี้สำคัญ)
เช่น สมัครตำแหน่ง as.manager wh  มีประสบการณ์ในการทำงาน การความควบคุมการทำงาน
มีประสบการณ์ในการวิเคราะห์งานการบริหารทีมงาน เป็นต้น

#ตัวอย่างการตอบคำถาามของผม
สมัครงานตำแหน่ง ผช.ผจก คลังสินค้า
1.เรื่องคุมคน ที่ ผจก.ถามจะดูแลคนยังไง 
อยากจะบอกว่า การคุมคนไม่มีอะไรตายตัวนะครับ เพราะทุกคนเติบโตมาจากต่างที่ นิสัย ทัศนคติ แตกต่างกัน
ไม่สามารถควบคุมใครได้ 100% ดังนั้น เรื่องงานเราคงต้องดูเป็นเคส by เคส ว่าใครทำอะไรได้ดี
ก็มอบหมายคนนั้นทำ โดยเปรียบเทียบกับอีกคนที่ทำงานหน้างานเดียวกัน
ส่วนการจะทำให้คุมคนอยู่ นอกจากอำนาจในมือเราแล้ว เราต้องมีอำนวยด้วย
เพื่อให้เค้าเต็มใจทำให้เรา แล้วเค้าจะทำได้ดี และต้องดูความสามารถ ของคนที่เราจะใช้ถนัดด้านไหนยกตัวอย่างให้เขาดูว่าเราใช้คนยังไง หลักสำคัญ ใช้คนให้ถูกกับงานใช้คนทำงานในสิ่งที่เขาถนัด (ข้อนี้เคยมีคนตั้งกระทู้ในพันทิปครับผมก็นำมาใช้ แล้วเสริมนิดหน่อย ขอบคุณครับ)
2. จะทำยังไงให้ลูกน้องเชื่อฟังคุณ ถ้ามาเริ่มงานที่นี่
เราตอบการทำงานรวมกับคนหมู่มากย่อมคนที่เชื่อฟังและดื้อรั้น แต่เรายึดจุดมุ่งหมายเดียวกันคือความสำเร็จขององค์กรณ์และทีมงาน การบริหารคนเราต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ ให้เขาได้ทำงานง่ายขึ้น และเต็มใจที่จะทำงานให้เรา
ยกตัวอย่าง ที่เคยเจอ หลาน ผจก. ไม่ทำงานตามที่สั่ง เวลาใช้งานแล้วเขาไม่ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย หลบๆอู้ๆ  เราบอกว่าไปคุยกับ ผจก.ว่าเขาเป็นแบบนี้นะเราใช้งานเขาแล้ว เขาไม่ยากทำ เราตอบว่าผมต้องการให้งานเดินได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อบริษัทเราจะเดินหน้าไปได้ ผจก.ควรเห็นยังไง ครับ เห็นตามผมไหม เรารับฟังมาก็ไปคุยกับหลาย ผจก. อีกที การใช้งานยกเหตุผล และก่อนมาบอกหลาน ผจก. ควรคุยกับ ผจก. ก่อนว่า ให้พูดแบบเดียวกับเรา เพราะไปคนละแนวจบ 
และการใช้งานคนสิ่งที่สำคัญคือใช้คนให้ถูกกับงาน 
4. เรื่องการควบคุมสินค้า กรณี ส่งผิด ส่งเกิน ส่งไม่ครบ เรื่องนี้ มีแนวทางสากล
ในการปฏิบัติอยู่แล้วค เราคาดว่า คุณทุกคนต้องรู้ เพราะทำมาหน้าที่ตัวเองมาหลายปี เหมื่อนกับงานที่คุณไปสัมภาษน์ต้องรู้หน้าที่ตัวเอง 
ซึ่งเรื่องสากล นี่แหละ ที่คุณต้องตอบเค้า ว่าคุณจะทำอย่างไร
เช่น ส่งมา 10 ตัน แต่ คลังรับได้ 8 ตัน ก็ต้องดู po ว่าสั่ง 10 ใช่มั้ย
ถ้าไม่ใช่ ตีกลับ หรือถ้าสั่งถูก คลังไม่มีที่เก็บ ก็ต้องไปดูหน้างาน ว่ามีการเบิก
รออยู่หรือไม่ ถ้ามี จัดส่ง fifo ไปก่อนเลย เพื่อเพิ่มพื้นที่ในคลัง
ถ้าไม่มีพื้นที่จริง ๆ ก็ต้องดูเป็นเคส ๆ ไป อะไรแบบนี้
แต่ทั้งนี้ หัวใจเรื่องนี้คือ ปัญหานี้ ไม่ควรเกิด การสั่งสินค้ามาเกินที่คลังรับได้
แสดงว่าคุณวางแผนไม่ดี บริหารไม่ดีพอ แบ่งเป็น 2 ทางเลือกคือ
เอาเป็นแผนในการป้องกัน ไม่ให้เกิดขึ้นอีก หรือ ปรับเป็นแผนในการขยายคลัง
ลดสินค้า dead stock อะไรก็ว่าไป (มีคนเคยให้ข้อมูลในพันทิป ผมเอาปตอบได้ครับ ตำแหน่งอื่นก็ปรับกันไปใช้ได้แน่นอนหลักการแก้ปัญหาแบบแนงทางสากล)
#คำถามทั่วๆไป
**1. ช่วยเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองหน่อยค่ะ**
- พยายามลิมิตคำตอบให้เกี่ยวกับเรื่องการทำงาน อย่าพูดถึงเรื่องส่วนตัวมากถ้าเกิดเค้าไม่ได้ถาม
**2. พูดถึงงานในฝันหน่อยสิ**
- ถ้าเกิดเราตอบชัดเจนเลยว่าอยากทำตำแหน่งอะไร มี job des อะไรบ้าง คนสัมภาษณ์เค้าจะเริ่มสแกนเธอทันทีว่าเธอเหมาะกับตำแหน่งในฝันที่เธอพูดออกมาหรือเปล่า เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้ตอบแบบคลีเช่ๆว่า งานในฝันคืออยากทำในที่ที่บรรยากาศเป็นมิตร รักใคร่กลมเกลียว สามัคคี นำประชาธิปไตย ไร้ยาเสพติด อะไรแบบนี้ และแนวทางการทำงานต้องไปในทางเดียวกับที่คุณสมัคร
**3. ทำไมถึงลาออกจากงานเก่าล่ะ?**
- พยายามตอบว่า ‘ออกมาเพื่อตามหาสิ่งที่ดีกว่า’ อะไรเทือกๆนั้นไป คืออย่าได้พูดเลยนะว่า ‘ออกเพราะเจ้านายเก่าที่นิสัยแย่มั่กๆ’ หรือเพื่อนรวมงานห่วยแตก พยายามสือเราไม่มีปัญหาที่ทำงานเดิน  ผมตอบว่าประมาณนี้และเสริมว่าการหนีปัญหาไม่ใช่ว่าจะไม่เจอปัญหา ทุกที่มีปัญหาหมด การที่เราออกจากที่เดิม ก็ต้องทำให้เขารัก เราและไม่ทิ้งปัญหาไว้ข้างหลัง
**4. อะไรคือจุดอ่อนของคุณคะ?**
- อย่าโพล่งนิสัยแปลกๆของคุณออกมาทันทีเลย พยายามหาจุดอ่อนที่แฝงความดีงามไว้ด้านในเช่น ‘เป็นคนต้องเตรียมตัวก่อนไปทำงานก็เลยจะต้องตั้งนาฬิกาปลุกไว้ล่วงหน้าสองชั่วโมง’ ไรเง้ ส่วนผมตอบเรื่องภาษคือจุดอ่อนของผม ซึ่งต้อนนี้กำลังเรียนเพิ่มอยู่ครับ อะไรประมาณนี้
**5. จุดแข็งของคุณล่ะ?**
- ยิ่งขายมาก ความต้องการก็จะยิ่งมากขึ้น เตรียมสถานการณ์ดูดีๆที่เคยเกิดขึ้นที่จะส่งเสริมจุดแข็งเหล่านั้นไปด้วยเผื่อเค้าถามหรือเราก็เล่าเองเพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ ผมตอบว่า เป็นคนอดทนขยันเรียนรู้ได้ไว แล้วก็เป็นคนน้ำไม่เต็มแก้ว (การเรียนรู้งานเป็นสิ่งสำคัญต่อให้มีประสบการณ์แค่ไหน ย้ายงานใหม่ก็ต้องเรียนรู้ใหม่เหมือนเดิม 
**6. คุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับงานที่เราทำ?**
- ทำการบ้านให้มากที่สุด เจาะลึกทุกซอกมุมของเว็บไซต์บริษัทนั้น เพราะมันจะเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดว่าบริษัทนี้ทำอะไร ถ้ามีคนรู้จักในบริษัทนี้ก็ลองพูดคุยกับเค้าดู เผื่อจะได้ข้อมูลอินไซด์อะไรเพิ่มเติมที่เอามาตอบได้
**7. ทำไมเราถึงต้องจ้างคุณ?**
- สำหรับข้อนี้ เราต้องตอบให้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาของทั้งสองฝ่าย สื่อสารแบบกลางๆว่าคุณต้องการงานนี้พอๆกันกับที่บริษัทนี้ต้องการคุณ อย่าไปเปรียบเทียบตัวเราเองกับผู้สัมภาษณ์คนอื่นเชียวนะ
**8. คุณคิดว่าคุณเป็นคนที่ประสบความสำเร็จไหม?**
- ตอบไปเลยว่าใช่ ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะการประสบความสำเร็จไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลกซะหน่อย เล่าให้เค้าฟังถึงความสำเร็จเจ๋งๆของคุณที่มีจนถึงช่วงที่สัมภาษณ์นั่นแหละ
**9. ทำไมคุณถึงว่างงานเป็นเวลานานล่ะ?**
- กลบเกลื่อนประเด็นนี้ด้วยการพูดถึงกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ที่เราทำในช่วงเวลาที่ตกงานเช่น ไปเข้าคอร์ส หรือเพิ่มพูนความรู้ด้วยวิธีต่างๆเช่น ทำฟรีแลนซ์หรือทำงานแบบเอาบุญไม่เอาเงินเป็นต้น หรือถ้าตอนนี้ตกงานอยู่ก็หาอะไรทำซะ เวลาไปสัมภาษณ์งานจะได้ไม่อ้ำอึ้งเวลาตอบนะจ๊ะ(ผมออกจากงานเดิม เขาถามว่าทำไมถึงลาออก เราตอบว่าอยากเจริญในหน้าที่การงานของเรา บริาัทมีความมั่นคง ถ้าเขาสงสัยว่าออกจากที่เดิมเพราะเราไม่อดทนรึเปล่า เราตอบไปเลยว่า เรามีความอดทนสูง ทุกที่มีปัญหาเหมือนกันหมด การหนีปัญหาไม่ใช่ว่าจะไม่เจอปัญหา การที่เราออกจากที่เดิมมาเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดให้ที่เดิมรัก และไม่ทิ้งปัญหาไว้ข้างหลัง 
**10. เพื่อนร่วมงานของคุณพูดถึงคุณว่ายังไงบ้าง**
- ก็เล่าไปตามนั้นแหละว่าเพื่อนที่ทำงานเธอเคยชมอะไรเธอไว้บ้าง ก็ดูๆไว้หน่อยนะคะว่าเราไม่ได้พูดเวอร์เกินไปงี้
**11. คุณคิดว่าจะทำงานที่นี่ไปนานแค่ไหน
**
- เลี่ยงคำตอบที่จะกำหนดช่วงเวลาอย่างแน่นอนว่าคุณจะอยู่ที่นี่ไปนานแค่ไหน ลองตอบประมาณว่า ‘ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายยังพอใจที่จะรักกัน’ 
**12. คุณคิดว่าคุณดีเกินไปสำหรับงานนี้หรือเปล่า**
- พยายามโน้มน้าวเค้าให้ได้ว่าคุณเหมาะสำหรับงานนี้ อย่าแสดงความกังขาในความสามารถหรือเครดิตของเราตัวเราให้เค้ารู้สึกด้วยการพูดจาคลุมเครือ บอกไปเลยว่าเรานี่แหละมั่นใจแน่จริง
**13. วิธีการบริหารจัดการของคุณเป็นอย่างไร**
- สำคัญมากที่คุณจะต้องทำให้ผู้สัมภาษณ์เข้าใจถึงแนวทางการสื่อสารกับลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานของคุณให้ได้ เล่าถึงวิธีที่คุณใช้นำทีมหรือทำงานร่วมกับทีมและในขณะเดียวกันทำให้คนอื่นสบายใจกับงานที่ทำเหมือนกัน เราต้องใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ ช่วยให้เขาทำงานง่ายขึ้นและถูกต้องตามระเบียบ ไม่ใส่อารมกับลูกน้อง ถ้าเขาอารมร้อนเราก็ควร อยู่พึ่งคุยตอนนั้นต้องรอเขาอารมเย็นก่อน เพราะร้อนใส่ร้อน = พัง การคุยใช้เหตุผล เสมอ
**14. คุณทำงานเป็นทีมได้หรือเปล่า**
- เป็นคำตอบบังคับเลยว่า ‘ใช่’ ‘แน่ซะยิ่งกว่าแช่แป้ง’ อะไรประมาณนี้ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่คุณทำงานทันเดดไลน์ได้แบบเป็นกลุ่มดู
**15. ปรัชญาในการทำงานของคุณล่ะ**
- ไม่ต้องเวิ่นมาก บอกไปตรงๆ ง่ายๆเลยว่าสไตล์การทำงานหรือค่านิยมของคุณในที่ทำงานเป็นยังไงและสิ่งที่คุณสามารถนำมาสู่ทีมได้
**16. ตำแหน่งที่คุณอยากจะทำเวลาทำงานเป็นทีมเพื่อทำโปรเจค**
- เน้นย้ำไปเลยให้เค้ารู้สึกว่าเราเป็นคนที่ยืดหยุ่นและไม่แคร์ที่จะต้องเป็นผู้ตามหรือผู้นำ
**17. อะไรที่บ้างที่ทำให้คุณรำคาญเพื่อนร่วมงาน**
- คือความรู้สึกมันเกิดจากการรับรู้ ก็บอกเค้าว่าเราโอเคกับเพื่อนร่วมงานทุกโดยการปรับตัวเข้ากับทุกคนโดยการรับมือทุกอย่างแบบชิลๆโดยคิดว่าเราทำตามหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด 
**18. ทำไมคุณถึงคิดว่าคุณจะทำงานนี้ได้ดี**
- เน้นย้ำสกิลและประสบการณ์ที่ได้มาจากที่ทำงานเก่ากับการรับมือ crisis ทั้งหลายให้เค้ารู้สึกว่าเรานี่แหละคือคนที่เค้าตามหามานานแสนนาน
**19. อะไรสำคัญกว่า เงินหรืองาน?**
- ตอบไปว่าทั้งสองอย่างสำคัญพอๆกัน แต่อย่าตอบกว้างเกินไปหรือแคบไปว่าอันนึงสำคัญกว่าอีกอันนึง บอกไปว่า ชั้นก็มองหาความพอใจในงานเหมือนกันนะคะ
**20. เจ้านายเก่าคุณคิดว่าข้อดีที่สุดของคุณคืออะไร**
- พูดยกตัวอย่างสถานการณ์ในที่ทำงานเก่าให้เห็นภาพชัดขึ้น อย่าเวิ่นเป็นคำๆออกมา ถ้ามีพวกจดหมายที่เป็นคำชมหรือจดหมายแนะนำก็อวดให้เค้าดูเลยเพื่อความน่าเชื่อถือ
**21. เล่าถึงการทำงานภายใต้ความกดดันหน่อย**
- คำถามแบบนี้ต้องตอบอย่างระมัดระวังนะคะ แนะนำว่าให้ยกตัวอย่างที่คุณทำได้ดีภายใต้ความกดดัน ทำให้เค้ารู้สึกว่าความกดดันนี่แหละที่ทำให้คุณดึงพลังแฝงออกมาได้
**22. คุณจะชดเชยความอ่อนประสบการณ์ของคุณด้วยอะไร**
- เน้นยำสกิลความสามารถและความสำเร็จที่เราได้มาเพื่อให้เค้ารู้สึกมั่นใจที่จะจ้างเรา ลองยกตัวอย่างตำแหน่งหรืองานที่เคยทำสมัยเรียนเพื่อให้เค้าเห็นภาพมากยิ่งขึ้นหรือประสปการณ์ปัญหาที่เคยเจอแล้วแก้ยังไง เตรียมตัวให้ดีครับ
**23. อะไรคือตัวกระตุ้นที่ทำให้คุณทำงานให้ดีที่สุดได้**
- ห้ามมมมมมมตอบว่า ‘เงินเดือน’ โดยเด็ดขาด พูดถึงเรื่องดีๆเช่น บรรยากาศที่ทำงาน ระเบียบวินัย หรือความสมบูรณ์แบบเป็นต้น
**24. คุณจะรู้สึกว่าคุณประ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่