ทางเลือกสำหรับทาสหมาแมว ดูแลกันได้ไม่ต้องจ่ายหนัก

หากใครเป็นคนรักสัตว์เลี้ยง คงจะเข้าใจคำว่า “Love Me Love My Dog” เป็นอย่างดีใช่ไหมล่ะครับ ก็แหม เจ้าตัวแสบของเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาหรือน้องแมว ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์เรามายาวนานหลายยุคหลายสมัย ประโยชน์ก็มากมี เลี้ยงแล้วสุขภาพจิตดี ไม่ว่าจะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา หรือบางคนก็เลี้ยงดูเหมือนลูกเลยทีเดียว

ฟิน
 
           แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีครับว่า การเลี้ยงน้องหมาน้องแมวนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์การเลี้ยงดูต่างๆ สารพัดครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า เราเป็นทาสสายไหนด้วยใช่ไหมล่ะครับ 

มาม่าเงิบหิว
ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยของทาสสายสตรีท เลี้ยงบ้านๆ ทั่วไปหน่อย อาจอยู่ที่ 1,000 - 2,000 บาท/เดือน แต่ถ้าเป็นทาสสายพรีเมียมล่ะ อาจจะมากกว่า 5,000 บาท ขึ้นไปเลยด้วยซ้ำ ยังไม่รวมค่าอาบน้ำตัดขน ทำสปา เสริมหล่อเสริมสวยต่างๆ โดยเฉพาะในยามเจ็บป่วย บรรดาเจ้าของน้องหมาน้องแมวก็ยินยอมพร้อมที่จะทุ่มไม่อั้น ซึ่งในส่วนของค่ารักษาในสมัยนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมครับ

เปย์สิคะพร้อมเปย์

          วันนี้ครับ ทาง K-Expert มีทางเลือกดีๆ ที่เป็นตัวช่วยหนึ่งในการวางแผนสุขภาพและควบคุมค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสัตว์ มาแนะนำสำหรับชาวทาสหมาทาสแมวอย่างเราๆ โดยเฉพาะครับ ว่าการทำประกันสัตว์เลี้ยง มีอะไรที่เราต้องพิจารณาบ้าง เรามาทำความรู้จักกันครับ
 
1. รู้จักเงื่อนไขพื้นฐานในการทำประกัน
          แน่นอนครับ การทำประกันสำหรับสัตว์เลี้ยง ก็ต้องมีเงื่อนไขด้านอายุและสุขภาพเหมือนๆกับคนเรานี่แหละ เพราะต้องทำประกันก่อนเป็นโรค และต้องทำตอนสุขภาพดีถึงจะคุ้มครองครบถ้วน สำหรับสัตว์เลี้ยงที่รับทำประกัน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่อายุ 3 เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปีครับ ต้องตรวจสุขภาพก่อนด้วย เพื่อให้หมอยืนยันว่า เจ้าหมาน้อยหรือเจ้าแมวเหมียวของเรานั้นมีประวัติฉีดวัคซีนครบตามกำหนด มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่พิการ ไม่เจ็บป่วย และที่สำคัญสัตว์เลี้ยงของเรานั้นต้องถูกเลี้ยงอยู่ในประเทศไทยเท่านั้นนะครับ ถ้าครบเงื่อนไขตามนี้ ก็ทำประกันได้เลย
 
2. ฝัง microchip หรือ ไม่ฝัง microchip ดีนะ?
          2.1  แบบฝัง microchip
          ข้อดีคือ สามารถตามสัตว์เลี้ยงได้ง่ายกว่าเมื่อสูญหาย จึงทำให้ค่าเบี้ยประกันรายปีมักจะถูกกว่า เพราะมองว่ามีการป้องกันมากกว่าครับ ซึ่งหากเลือกแบบฝังไมโครชิพ สัตว์เลี้ยงจะต้องได้รับการฝังไมโครชิพมาแล้ว ไม่เกินกว่า 30 วัน ก่อนทำประกันภัยนะครับ
          2.2   แบบไม่ฝัง microchip 
          ส่วนถ้าใครไม่อยากให้น้องหมาน้องแมวของเราโดนเจาะหูละก็ สามารถเลือกแบบไม่ฝัง microchip ได้ บางบริษัทก็รับประกันครับ แต่ค่าเบี้ยประกันรายปีก็จะสูงกว่าครับ
  
3. รายละเอียดความคุ้มครองที่เลือกได้
          มาถึงไฮไลท์ครับ เลือกความคุ้มครองที่อยากได้ สอดคล้องกับเงินในกระเป๋าทาสอย่างเราๆ ที่สามารถจ่ายไหว อยากคุ้มครองมากจ่ายมาก คุ้มครองน้อยจ่ายน้อย ซึ่งหลักๆความคุ้มครองพื้นฐานที่ให้ก็มี กรณีสัตว์เลี้ยงของเราเสียชีวิต ค่ารักษาพยาบาลเวลาอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ทั้ง OPD / IPD และค่ารับผิดชอบต่อชีวิตและร่างกายบุคคลภายนอก (เวลาที่น้องหมาน้องแมวเราไปทำร้ายคนอื่น)
ส่วนความคุ้มครองอื่นๆ นั้น ขึ้นอยู่กับค่าเบี้ยรายปีที่เราจ่าย ถ้าจ่ายเพิ่มขึ้นก็ได้ความคุ้มครองเพิ่มขึ้น เช่น ค่าวัคซีน ค่าโฆษณาประกาศตามหาสัตว์เลี้ยงเมื่อหายไป ตลอดจนค่าฝากเลี้ยงเมื่อเจ้าของเดินทางไปต่างประเทศ แถมในบางบริษัท มีแบบประกันครอบคลุมถึงค่าทำศพ ยามน้องหมาน้องแมวเราจากไป เรียกได้ว่าคุ้มครองกันตั้งแต่เกิดยันตายเลยครับ
 
4. ข้อยกเว้นที่ต้องรู้
          ขึ้นชื่อว่าประกัน ต้องมีข้อยกเว้นที่จะไม่ได้รับความคุ้มครองที่ผมกล่าวมาข้างต้นด้วย พูดง่ายๆ คือ ถ้าเข้าเงื่อนไขด้านล่างนี้ ต่อให้เจ็บจริงจ่ายจริง แต่แอนตาซินไม่จ่ายครับ
          4.1   เสียชีวิตหรือเจ็บป่วย ภายใน 60 วัน นับจากวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับเป็นครั้งแรก
(Waiting Period ลักษณะเดียวกับประกันสุขภาพของคน)
          4.2  เสียชีวิตหรือเจ็บป่วย สาเหตุจาก พยาธิ เห็บ หมัด ไร เล็น โรคเรื้อน หรือ โรคผิวหนังทุกชนิด (ทางประกันมองว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยงนั้น เลี้ยงแบบปล่อยปะละเลยครับ)
          4.3  ถูกฆ่า ถูกวางยาพิษ ถูกกลั่นแกล้ง
          4.4  โรคระบาด หรืออยู่ในภาวะสงคราม
          4.5  โรคขาดอาหาร หรือเกิดจากการจัดเก็บอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
          4.6  การเลี้ยงแบบอยู่รวมกันแออัด ขาดอากาศหายใจจากคลื่นความร้อน 
*บางบริษัทจะมีเงื่อนไขพิเศษ เช่น สิ้นสุดความคุ้มครอง เมื่อขายหรือยกสัตว์เลี้ยงให้กับผู้อื่นด้วยครับ
 
          เป็นอย่างไรกันบ้างครับอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว การทำประกันสัตว์เลี้ยงก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการวางแผนการมีสัตว์เลี้ยง หรือเป็นตัวช่วยวางแผนการเงิน ไม่ต้องจ่ายหนักยามสัตว์เลี้ยงเจ็บไข้ได้ป่วย ตลอดจนแทนความห่วงใยให้สัตว์เลี้ยงแสนรักของเราได้ใช่ไหมล่ะครับ สรุปง่ายๆ ก็คือ การทำประกันให้สัตว์เลี้ยงนั้นต้องดูเงื่อนไขของสัตว์เลี้ยงเรา เลือกความคุ้มครองที่อยากได้ แล้วการเลือกวงเงินคุ้มครอง แผนสูงขึ้น ความคุ้มครองก็มากขึ้น ค่าเบี้ยรายปีที่ต้องจ่ายก็สูงขึ้นตามไปด้วยครับ
 
          ข้อมูลข้างตนที่ผมให้ คงเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจให้ทาสหมาทาสแมวทั้งหลายได้ไม่มากก็น้อยนะครับ และที่สำคัญเทคนิคง่ายๆ อีกข้อในการดูแลสัตว์เลี้ยงของเรา คือการให้เวลากับเขา ดูแลสุขภาพโดยการพาไปออกกำลังกายด้วยกัน วิ่งจ๊อกกิ้งสักวันละ 15 – 20 นาที สุขภาพดีทั้งเจ้าของทั้งสัตว์เลี้ยงเลยครับ

ปอมเมอเรเนียนไซบีเรียนฮัสกี้ชิวาว่าชิสุเซนต์เบอร์นาร์ด
   
          เพื่อนๆ คนไหนมีเทคนิคดูแลสุขภาพน้องหมาน้องแมวดีๆ แชร์กันมาได้เลยครับ สำหรับวันนี้ ทาสอย่างผมขอตัวพาเจ้าตัวแสบของผมไปตรวจสุขภาพเพื่อทำประกันก่อนคร๊าบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่