คุณเคยรักใครชนิด กินไม่ได้นอนไม่หลับ หรือเปล่า?...แต่เป็นไปไม่ได้ เพราะเราเจอกันช้าไป

สวัสดีครับเรื่องนี้มันจะยาวใช้เวลาสัก15นาที
ในการอ่านเพราะผมอยากให้ทุกท่านเข้าใจความรู้สึก
ผมอายุ26ปี  ผมกับแฟนคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
จนถึงปัจุบันเป็นเวลา7ปีแล้ว

ตอนนี้ผมกับแฟนก็เข้าสู่วัยทำงานผมกับแฟนก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
เหมือนปกติมีการพบปะพ่อและแม่กันทั้ง2ฝ่ายมีการวางแผนอนาคต
ที่จะแต่งงาน  มีแผนที่จะมีบ้านของเรา2คน

แต่ย้อนไป2ปีก่อนในขณะที่ผมเริ่มทำงานออฟฟิศใหม่ๆผมพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอมาสมัครรับงานจากการชักชวนของเพื่อนของเธอที่ทำงานอยู่ก่อนแล้ว
ครั้งแรกที่ผมสบตาเธอผมรู้สึกทันทีถึงคำว่าหลงรักชอบคนนี้แหละที่ใฝ่ฝัน

จนผมก็ได้ร่วมงานกับเธอมาระยะหนึ่งโต๊ะทำงานของผมกับเธออยู่ตรงข้ามกัน
(หันหน้าเข้าหากัน) มีเพียงจอคอมพ์บังสายตาของผมไว้ผมแอบมองทุกครั้ง
ที่พอมีโอกาสจนวันหนึ่งเธอถูกย้ายมานั่งข้างผมเราก็ได้มีการปรึกษางานกัน
ให้การช่วยเหลือกันผมรู้สึกมีความสุขที่ได้ให้ความช่วยเหลือเธอ

จนมาถึงฤดูฝนวันหนึ่งเราทั้งคู่ติดฝนไม่สามารถกลับบ้านได้ค่ำวันนั้นเราเลยได้นั่งคุยเล่นกัน
ถึงวิธีการหาทางกลับบ้านน้ำก็ท่วมรถก็ไม่ขยับกินเวลากว่า2ชม.ที่ได้นั่งเล่นคุยกันในออฟฟิศ
ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านกลับที่พัก

แล้ววันที่ผมรู้สึกแย่ก็มาถึงเมื่อเธอต้องการลาออกเพราะเธอไม่สามารถแบกรับกับ
เวลาและค่าใช้จ่ายที่เดินทางไปกลับที่ทำงานได้

มันทำให้ผมทำงานและเหมือนขาดความสุขหมดแรงบันดาลใจหมดไฟในการทำงาน
รู้สึกมองโลกในแง่ลบโดยที่หาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้จนคิดจะลาออกบ้างไม่แน่ใจเพราะขาดเธอหรือเพราะผมหมดไฟ
มาตลอดเวลา1ปีหลังจากเธอหายไป
ผมคิดถึงเธอแทบทุกวันแอบมีฝันถึง

แล้วข่าวดีที่ผมฟังแล้วเหมือนผมได้เกิดใหม่จิตใจเบิกบานเป็นเทเลทับบี้ก็มา
เมื่อเพื่อนเธอจะลาออกแล้วต้องกลับบ้านไปแต่งงานแล้วบอกว่าจะให้เธอมาทำงานแทนที่
แล้วเธอโอเครเพราะเหตุผลว่าที่ทำงานใหม่เธอมันช่างโหดร้ายขูดเลือดขูดเนื้อ
ผมดีใจที่เธอกำลังจะกลับมา

แล้ววันที่เธอเดินเข้ามาก็มาถึงผมเห็นเธอเป็นคนแรกเพราะจังหวะนั้นผมเดินออกไปพักพอดี
เธอแต่งชุดเดรสทรงพองสีแดงลายดอกที่ผมไม่เคยเห็นพร้อมกับความดูดีขึ้น
เราจึงทักทายกันแต่เมื่อผมมองข้ามหลังไป....อ้าว! เธอมากับแฟน  แฟนเธอมาส่งครับ
ผมรู้สึกอกหักได้ไงก็ไม่รู้

ผมจึงไปคุยกับรุ่นพี่ที่ทำงานเล่นๆว่า
"น้องเขามาแล้วนะพี่เจอยัง.?แต่เขาพาแฟนมาด้วยผมนี่เศร้าเลย"
แล้วพี่ก็ชงให้ดี๊ดีดันไปบอกน้องเค้า

เธอได้ยินก็เลยยิ้มรอยยิ้มแสนสวยมีเสน่ห์
ทำให้ผมเขิลไม่พอเธอยังพูดว่า"อกหักหรอ
โอ๋วววไม่เศร้าน๊าา" พีก็มีแฟนอยู่แล้วใช่ครับน้องเขารู้ว่าผมมีแฟน
มันทำให้ผมนี่แทบจะคลั่งตาย(คือถ้าผมเป็นผู้หญิงคงกรี๊ดแตกไปแล้ว)
ด้วยความที่ผมผิวขาวหน้าจึงแดงอย่างเห็นได้ชัดจนคนอื่นแซวกันใหญ่>~<

แล้วเราก็ได้ร่วมงานกันอีกครั้งครั้งนี้เธอถูกจัดให้นั่งข้างผมขนาดที่ว่าใกล้กว่าเดิมเพียงเอื้อมมือ

วันแล้ววันเล่าผ่านไปเรามีการสนทนาเย้าแหย่หยอกล้อราวกับว่าเราคล้ายจะจีบกัน
อันมีผลมาจากการชงของเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงาน

มีพูดคุยเรื่องแฟนของผมและเธอแลกเปลี่ยนกัน
เธอถามผมว่า
"คบกับแฟนมานานแค่ไหนแล้ว"
ผมก็ตอบ"7ปี"
แต่เราทั้งคู่ก็ยังมีเย้าแหย่หยอกล้อกันตลอด
มีเล่นแอพถ่ายรูปด้วยกันมีคำพูดที่ว่า"แฟนเผลอแล้วเจอกัน" มีระลึกความหลังในวันที่ฝนตก
เธอว่า"นึกถึงวันนั้นที่เราติดฝนกันเลยนะ" >~<
(เธอยังจำวันนั้นได้)
มีหยิบลูกอมฮาร์ตบีทสื่อรักถึงกัน
ผมส่งให้เธอว่า"น่ารักจัง...แฟนใครเนี่ย?"
แล้วเธอส่งกลับมาว่า"เอาใจไปเลย

ช่วงเวลาเหล่านี้มันยิ่งทำให้ผมเอาใจลงไปเล่นลึกขึ้นจนกลับไม่ได้แล้วแล้วผมรู้สึกหวั่นไหวสับสนหัวใจ

ระหว่างแฟนผมที่คบมา7ปีที่กำลังจะสร้างอนาคตด้วยกันและเธอคนนี้

ผมเริ่มรู้สึกผิดที่เริ่มปันใจให้คนอื่นผมจึงอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า..."ถ้ารักนี้มันใช่ก็ขอให้มันเป็นไปอย่างราบลื่นแต่ถ้าไม่ใช่ก็ขอให้ผมและเธอต้องห่างกันคำขอของผมเป็นผลทันที
วันต่อมามีการต้องขยับขยายที่นั่งในออฟฟิศ
เธอกำลังถูกย้ายให้นั่งห่างจากผมไปอีกประมาณ
10เมตรเหลือแค่รอเซตอุปกรณ์ทำงาน

แล้วต่อมาผมก็ได้ข่าวว่าเธอจะลาออกอีกครั้งด้วยเหตุผลเดิมและเธอคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วพร้อมๆกันออฟฟิศมีแจ้งจะจัดสัมมนานอกสถานที่เมื่อสิ้นเดือนตุลาคม62 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นทะเลผมจึงมองเห็นโอกาสนี้
ถือจะบอกความในใจให้ชัดเจนไปเลยว่าผมรู้สึกยังไงกับเธอผมรอแล้วรอเล่ารอถึงวันนั้นฟังเพลงที่พอจะสื่อความหมายได้และฝึกร้องมันให้ดีที่สุดหวังจะร้องให้เธอฟังหลายเพลงเนื่องจากพี่ๆที่ทำงานชอบให้ผมขึ้นไปร้องkaraoke

1.บอกรักbedroom
2.กอดไม่ได้bedroom
3.ความลับพอส
4.ความลับมัมราโคนิค
5.มุมplayground
6.แพ้ทางลาบานูน
7.ผ่านมาให้แค่จำพีทพีระ
8.ปาฏิหาริย์กบทรงสิทธิ์

ประมาณนี้
จนถึงวันสัมมนาบนรถบัสผมได้นั่งเบาะหลังเธอ
ผมแอบมองเธอตลอดจนถึงที่หมายช่วงเช้าวันแรกก็มีกิจกรรมสานสัมพันธ์ทำกิจกรรมร่วมกันมันมีกิจกรรมที่ทำให้ผมได้จับมือได้ใกล้แบบแนบชิดอิงกายมันทำให้ผมหัวใจสั่นเกร็งหายใจลำบากมากๆในขณะนั้นก็ได้รับเสียงกรี๊ดเสียงแซวจากเหล่าพี่ๆเพื่อนๆที่ทำงานตลอดมันทำให้เราทั้งคู่เขิลกัน
(หรือผมเป็นคนเดียวไม่รู้>~<)

จนค่ำก็มีร่วมทานอาหารค่ำและปาตี้เครื่องดื่ม
เวลา1ทุ่มนิดๆผมจึงดื่มไปเหล้าบางๆไปแก้วนึง
พอย้อมใจ(ด้วยความที่ผมเลือดลมไม่ดีดื่มไม่ค่อยได้จะมีอาการแน่นหน้าอกและใจสั่น)แล้วพี่ที่ทำงานก็มาดึงตัวผมไปร้องเพลงเพลงแรกที่ผมร้องหัวหน้าขอมา:ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ: ผมตั้งใจร้องให้หัวหน้าแต่เมื่อผมร้องไปได้ไม่ถึงฮุกก็มีคนตะโกนว่าเพลงนี้ต้องมีผู้หญิงร้องอีกคน
เพื่อนของเธอก็ดึงตัวเธออกมาร้องเพลงให้คู่กับผมมันเป็นความสุขที่เหมือนฝันจนจบเพลงนั้นผมก็ต่อด้วยเพลง  :ความลับมัมราโคนิค: ในขณะที่ผมร้องก็ชำเลืองตามองว่าเธอจะรู้ตัวไหม
ตอนแรกยังไม่ได้สนใจผมแต่พอเริ่มมีคนสะกิดก็เริ่มให้ความสนใจผมจนจบเพลงผมกำลังเดินกลับไปนั่งผมก็ได้ถ่ายรูปข้างเธอ1รูปโดยฝีมือของพี่ๆแล้วผมขอ: เพลงมุม: ทิ้งไว้ผมจึงออกไปเตรียมร้องอีกครั้งร้องได้ครึ่งเพลงเธอก็ต้องเดินออกจากปาตี้เพราะว่าติดงานด่วนต้องกลับห้องพักและเพื่อนเธอบอกว่า"รอก่อนน่ะอย่าเพิ่งร้องเดี๊ยวกลับมาสายตาผมมองจนเธอเดินออกจากห้องไปผ่านบานกระจกเธอส่งบ๊าบบ่ายให้ผม1ครั้งก่อนลับตาไป  จบเพลงผมกลับมานั่งรอ
เพราะยังบอกความในใจไม่หมดผมหยุดดื่มทันทีด้วยความที่หมดอารมณ์ปาร์ตี้ที่แสนสนุกวันนั้นกับผมเป็นเหมือนคืนเหงาฮ่าๆตลกชะมัดน่าสมเพชจน4ทุ่มเธอก็ไม่กลับมาก็แยกย้ายกลับห้องพัก

เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนก็มานั่งรวมกันในห้องประชุมของโรงแรมทางซ้ายมือผมมีที่ว่างเหมือนฟ้าประทานกลุ่มเพื่อนเธอต้องมานั่งตรงนั้นพอดีเพราะไม่เหลือที่นั่งแล้วแต่เธอทำเกี่ยงเหมือนไม่อยากนั่งใกล้ผมผมเลยรู้สึกว่าที่ผมทำไปเมื่อคืน
มันทำให้ความสัมพันธ์เราแย่ลงหรือเปล่า
นั่งฟังประชุมมาสักพักใหญ่ผมและเธอไม่มีการสนทนากันผมจึงทำพูดกับเพื่อนเธอว่า

"ดูดิเพื่อนเธอไม่คุยกับเราเลยอ่ะ"

เมื่อเธอได้ยินที่ผมพูดรอยยิ้มสวยๆของเธอนั้นก็ออกมาให้ผมเห็นอีกครั้งพร้อมกับคำพูดปลอบโยนว่า
"ไม่ได้เป็นไรคิดมากไปเอง...ยังเหมือนเดิม"
ยิ้ม

หลังจากสิ้นสุดการประชุมก็มีการจับมือสามัคคีชุมนุมเพียงแต่เปิดเพลงอื่นสนุกๆแทน

เพื่อนเธอก็ไม่รอที่จะสลับที่ให้เธอได้มาอยู่ข้างผมและได้จับมือกัน>~<  เป็นเวลาเที่ยงพอดี
จึงได้ทานอาหารกลางวันของทางโรงแรมบรรยากาศริมทะเลผมเห็นเธอนั่งกินอยู่กับเพื่อน2คนผมจึงคิดว่าก่อนจากกันขอมีรูปไว้ระลึกไว้คิดถึงหน่อยแล้วกันผมจึงรีบกินข้าวซึ่งกินน้อยมากแล้วมานั่งรวบรวมความกล้าเพื่อจะเดินเข้าไปขอเธอถ่ายรูปแต่ขณะที่ผมกำลังจะเดินถึงโต๊ะ  ไอ้บ้าเอ้ยมีเพื่อนอีกคนนึงเดินมานั่ง
ปิดมุมผมที่โต๊ะเธอ  ผมนี่เลี้ยวกลับเลย=_='

แล้วหันไปขอร้องกับรุ่นพี่ที่ถ่ายภาพบรรยากาศสัมมนาโดนด่ากลับมาว่า
"ไอ้เห้..เดี๋ยวก็โดนแฟนเขาต่อยเอาหลอกบ้าแล้ว" "นี่จริงจังไหมเนี่ย" ผมก็เลยเงียบและเจื่อนไปคิดว่ามันจบแล้ว

จนกำลังจะขึ้นรถบัสกลับกทม. ก็มีการให้เวลาถ่ายภาพเก็บความประทับใจตามอัธยาศัย
แล้วรุ่นพี่ผมก็เดินเรื่องให้โดยการเข้าไปขอเธอถ่ายรูปกับผมและเรียกผมมาถ่ายแบบงงๆ
จังหวะนั้นคือผมไม่คิดอย่างอื่นแล้วผมแค่ต้องการเก็บความทรงจำดีๆนี้ไว้เราได้ถ่ายรูปด้วยกัน2-3รูปจากกล้องรุ่นพี่และเธอได้ถ่ายไว้ในโทรศัพท์เธออีก4-5รูปผมก็เอ่ยขอบคุณเธอไปที่ยินดีถ่ายรูปกับผม  หลังจากนั้นเราได้ขึ้นรถกลับออฟฟิศกันที่นั่งเหมือนเดิมผมได้นั่งเบาะหลังเธอรถออกได้สักพักที่นั่งมีการขยับกันเพราะแต่ละคนมีงานที่ต้องทำบนรถและบางคนก็รวมกลุ่มกันลงไปเล่นเกมฝึกคำนวณชั้นล่างของรถบัสหนึ่งในนั้นคือเพื่อนของเธอและเบาะข้างเธอก็ว่างแล้วคำที่ผมไม่คาดฝันก็เอ่ยชวนมาจากปากเธอว่า"มานั่งด้วยกันไหม" 0_0 ผมก็ไม่ปฎิเสธสิครับรออะไรล่ะ>~< จากนั้นเราได้นั่งด้วยกันได้อยู่ข้างกันทันทีที่ผมได้นั่งกับเธอเพลงบนรถก็ถูกเปิดเพลงแรกคือเพลง:แพ้ทางลาบานูน:
ราวกับว่าใครไปขอให้ผมหรือฟ้าช่วยสร้างบรรยากาศให้ผมผมจึงบอกเธอว่า"ฟังเพลงนี้สิ"
พอเธอได้ฟังก็มีอาการอมยิ้มเพลงต่อไปก็เป็น
:ชอบแบบนี้หนามเตย: นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ยทำไมบรรยากาศเป็นใจไปหมดผมจึงแอบมองเธอจากด้านข้างและเธอเห็นผมจากหางตาจึงหันมาตีผมที่อกและพูดว่า"แอบมองงง" ผมจึงพูดต่อไปว่า"บรรยากาศเหมือนสมัยม.3 เหมือน14อีกครั้งเลยนะอิอิ" บรรยากาศกรุบกริบอยู่แบบนั้นจนถึงจุดซื้อของฝากหลายคนก็ลงไปหาซื้อของฝากกันแต่ผมแค่หิวน้ำจึงมองหา7-11
ที่อยู่ไกลจากรถไปเกือบ500เมตรผมเดินไปซื้อน้ำดื่มและไม่ลืมที่จะหยิบน้ำดื่มวิตามินยันฮีที่เธอดื่มเป็นประจำไปฝากเมื่อขึ้นรถผมยื่นน้ำดื่มให้และบอกว่า"อ่ะ..ซื้อน้ำมาฝากเห็นชอบดื่มอันนี้" เหมือนเธอเขิลเธอยิ้มและถามว่า"จริงจังเปล่าเนี่ยขอบคุณน๊าาาา" ทุกครั้งที่เธอพูดลากหางประโยคมันชั่งน่ารักเหลือเกิน>~<
แล้วเธอก็ถ่ายรูปขวดน้ำนั่นที่ผมให้และพยายามจะให้ติดภาพผมไว้ด้วยยิ้ม ตลอดเส้นทางกว่า2ชม. เราได้มีการพูดคุยถึงความในใจ
โดยผมถามเธอว่า
ผม"รู้ไหม....เอ่อออ....ว่าพี่แอบชอบ"
เธอ"ไม่รู้นึกว่าเราแหย่กันเล่นๆ"
เธอ"ชอบตั้งแต่เมื่อไหร่"
ผม"ตั้งแต่วันแรกที่เห็น""ได้สังเกตุไหมว่าพี่แอบมอง""
เธอ"ไม่....เข้ามาใหม่ๆเลยไม่รู้อะไรเลย..ตอนนั้นน้องยังโสด""เพิ่งมามีแฟนก่อนเข้ามาทำงานรอบ2"
ผม"แต่พี่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะพี่มีแฟนแล้ว"

เธอ"ทำไมถึงชอบ?"
ผม"พี่ไม่รู้แต่พี่เห็นแล้วรู้สึกคลิ๊กเลยมันไม่เคยเป็นมาก่อนมันหายไปตั้งแต่ม.3ไอ้ความรู้สึกนี้"
เธอ"อ้าวแล้วกับแฟนพี่ล่ะ?"
ผม"พี่กับแฟนเราเริ่มกันจากเพื่อนของพี่คบกับเพื่อนของแฟนพี่และพี่ต้องถูกจับคู่ไปโดยปริยายและเราเกิดความผูกพันกันจึงคบกัน
มันไม่ได้เกิดจากการคลิ๊กรัก"

ประเด็นหลักก็ประมาณนี้  จนถึงที่หมายผมก็พูดเล่นๆว่า
ผม"ว้าาาหมดรอบแล้วหรอพี่(ทำนองพูดกับผู้ควบคุมชิงช้าสวรรค์) "
เธอ"หมดแล้วววว...และคงไม่มีอีกแล้ววว"
แล้วเราก็บั๊ยบายกันก่อนต่างคนต่างกลับบ้าน
หลังจากสัมนาวันนั้นผมคิดถึงเธอคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ทำไมทำให้ผมหลงรักได้ขนาดนี้....=^=

ในวันทำงานเธอก็ถูกย้ายโต๊ะทำงาน
ผมก็ไปช่วยบ้างจนมือได้แผลบาดเล็กๆน้อยๆมาเธอเห็น

ในที่ทำงานเราทั้งคู่ก็มีส่งสายตาให้กันบ้าง(ส่วนใหญ่เป็นผมส่งให้เธอก่อน) แต่แทบไม่ได้คุยกันเพราะเธอถูกย้ายโต๊ะเสียแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่