ขอเกริ่นก่อนว่า ก่อนหน้านี้ผมทำงานด้านสายงานวิศวอิเล็กทรอนิกส์หลังเรียนจบได้ประมาณครึ่งปี
ทีนี้พ่อก็เลยขอร้องให้ช่วยกลับไปบริหารกิจการของที่บ้าน และในใจผมก็อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระพ่อเพราะแกอายุ 57 แล้ว
พี่ชายกับน้องชายก็มีความเห็นตรงกันว่าให้ออกมาช่วยดูแลงานแทนพ่อ ผมเลยออกจากที่ทำงาน โดยหัวหน้าและพี่ๆในทีมรวมถึงพี่ๆแผนกอื่นก็เข้าใจ ก็จากกันด้วยดี มีเลี้ยงส่งอะไรนิดหน่อย ก็รู้สึกประทับใจและใจหายเล็กน้อย ที่นี่ดีกับผมมากเลย
ทีนี้ พอผมทำเรื่องออกจากที่ทำงาน ก็เก็บของใส่รถแล้วขับรถกลับบ้านคนเดียว ตั้งแต่สมุทรปราการกลับเชียงใหม่ด้วยระยะทาง 700 กว่าโล
เพลียมากกกกกก ระหว่างทางคือพอรู้สึกเพลีย จะแวะจอดนอนปั้มพักสายตาทันที ปกติผมเป็นคนที่ถึกมากแต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ
เข้าเรื่องเลย
คือหลังจากที่ได้เข้าไปช่วยพ่อดูแลกิจการที่เชียงใหม่ จากที่สังเกตดูคือระบบการเข้า-ออกงาน ของพนักงานเละทะมาก ดูไม่ได้เลย คือปกติห้างจะเปิดให้คนเข้าตอน 10 โมงเช้า แต่พนักงานต้องมาถึงห้างตอน 9.00 ตามกฎของบริษัท และต้องสแกนนิ้วทุกครั้ง ไม่ว่าจะออกงานหรือเข้างาน พนักงานรายวันที่มารับงาน Part-time ก็ต้องสแกน เพราะหากวันไหนไม่มา ทางฝ่ายบุคคลเขาจะได้ทำงานง่ายขึ้น
ทีนี้มีพนักงานบางคน ที่ไม่ใช่พนักงานประจำไม่สแกนเข้างาน แต่สแกนแค่ตอนออกงาน ทำให้เวลาสิ้นเดือน จะปวดหัวมากเรื่องคิดโอที
คนนั้นโกง คนนี้ด่าไอนั่นโกง ไอนั่นด่าคนนี้ทำงานน้อยแต่ได้โอทีเท่าไอคนนั้น คนนั้นเข้างานสายอ้างไปส่งลูกที่รร อ้างรถติด ยางรถแบนกลางทาง น้ำมันหมดกลางทาง แถมมีการเมืองระหว่างพนักงานกันเอง เป็นฝ่ายๆ คนนั้นทำได้ทำไมคนนี้ทำไม่ได้ โอยย ปวดกะบาล
ทำให้ระบบการทำงานควบคุมยาก แถมทำให้งานที่ควรเป็นทีมกลับดูไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่ ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นแบบนี้มานานรึยัง เครื่องสแกนนิ้วมี 2 เครื่อง แยกช/ญ แท้ๆ
เรื่องต่อไปคือ เรื่องของโอที ปกติพนักงานทุกคนจะได้โอทีตามจริงที่ทำ อยู่แล้ว แต่พอมารู้อีกทีคือมีการโกงโอที เข้างานสายแต่ออกงานก่อน สิ้นเดือนคุณมีโอทีได้ยังไง ทั้งๆที่ เดือนนึง พนักงานบางคนเข้าออกงานเวลาใกล้เคียงกันมาก ต้องเข้าบริษัท 9โมง แต่คุณมา 9.30 เวลาออกงาน 22.30 แต่คุณ ออก 22.00 ก่อนคนอื่น แต่ได้ค่าล่วงเวลาหลัง 8ชม. x2? ไปไล่ดูประวัติการเข้าออกพนักงาน จากฝ่ายบัญชีคือมันมีหลายคนมากที่ทำ รวมถึงพวกหัวหน้าแผนกบางคนด้วย
มันเป็นอะไรไปกันหมด ผมอึ้งมาก ไม่คิดว่าจะมาเจอแบบนี้ นี่กิจการของพ่อ มีคนพวกนี้มาร่วมงานได้ยังไง อยากคุยให้พ่อฟังแต่กลัวแกเครียด ไม่อยากให้แกคิดมาก
แต่ปัญหานี้ ผมปรึกษากับผู้จัดการแล้วว่าควรจะทำยังไงกับปัญหาที่ควรจะแก้ได้แล้ว ถึงแม้ค่าแรงโอทีมันไม่มากมายอะไรแต่มันก็คือการโกง
ปัญหานี้มันไม่ควรจะมี ขนาดแค่นี้ยังโกง แล้วต่อไปมันจะไม่โกงมากกว่านี้เหรอ มันเข้าข่ายทุจริตค่าแรงเลยนะ เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ผมรับไม่ได้
ตอนผมไปทำงานเป็นลูกน้องที่อื่น องค์กรเขาเป็นระเบียบเป็นระบบ แต่ต้องมาอายเพราะกิจการของครอบครัวกลับเละเทะซะเอง เหนื่อยใจจจจจจจจจจ
อาทิตย์หน้าพ่อให้ไปตรวจงานที่กรุงเทพ ผมนี่ขอบายขับรถเลยนะจะนั่งเครื่องแทน ไม่ไหวขับจาก ชม-กทม เป็นค่อนวัน ไม่ไหววววว
ตอนนี้รู้สึกเครียดกว่าตอนไปทำงานที่อื่น 100 เท่า มีปัญหาทุกวัน เบื่อ เซ็ง บางวันก็แอบน้ำตาไหล กลัวตัวเองจะเครียดเกินไป ทุกทีผมไม่เคยเป็นแบบนี้
ขอโทษที่ข้อความยาวครับ ผมพิมพ์เพลินไปหน่อย ถือว่าระบายไปในตัว มันอึดอัดจริงๆ
กิจการที่บ้านระบบเละเทะไม่เป็นระเบียบ รู้สึกเหนื่อยใจที่กลับไปทำงาน
ทีนี้พ่อก็เลยขอร้องให้ช่วยกลับไปบริหารกิจการของที่บ้าน และในใจผมก็อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระพ่อเพราะแกอายุ 57 แล้ว
พี่ชายกับน้องชายก็มีความเห็นตรงกันว่าให้ออกมาช่วยดูแลงานแทนพ่อ ผมเลยออกจากที่ทำงาน โดยหัวหน้าและพี่ๆในทีมรวมถึงพี่ๆแผนกอื่นก็เข้าใจ ก็จากกันด้วยดี มีเลี้ยงส่งอะไรนิดหน่อย ก็รู้สึกประทับใจและใจหายเล็กน้อย ที่นี่ดีกับผมมากเลย
ทีนี้ พอผมทำเรื่องออกจากที่ทำงาน ก็เก็บของใส่รถแล้วขับรถกลับบ้านคนเดียว ตั้งแต่สมุทรปราการกลับเชียงใหม่ด้วยระยะทาง 700 กว่าโล
เพลียมากกกกกก ระหว่างทางคือพอรู้สึกเพลีย จะแวะจอดนอนปั้มพักสายตาทันที ปกติผมเป็นคนที่ถึกมากแต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ
เข้าเรื่องเลย
คือหลังจากที่ได้เข้าไปช่วยพ่อดูแลกิจการที่เชียงใหม่ จากที่สังเกตดูคือระบบการเข้า-ออกงาน ของพนักงานเละทะมาก ดูไม่ได้เลย คือปกติห้างจะเปิดให้คนเข้าตอน 10 โมงเช้า แต่พนักงานต้องมาถึงห้างตอน 9.00 ตามกฎของบริษัท และต้องสแกนนิ้วทุกครั้ง ไม่ว่าจะออกงานหรือเข้างาน พนักงานรายวันที่มารับงาน Part-time ก็ต้องสแกน เพราะหากวันไหนไม่มา ทางฝ่ายบุคคลเขาจะได้ทำงานง่ายขึ้น
ทีนี้มีพนักงานบางคน ที่ไม่ใช่พนักงานประจำไม่สแกนเข้างาน แต่สแกนแค่ตอนออกงาน ทำให้เวลาสิ้นเดือน จะปวดหัวมากเรื่องคิดโอที
คนนั้นโกง คนนี้ด่าไอนั่นโกง ไอนั่นด่าคนนี้ทำงานน้อยแต่ได้โอทีเท่าไอคนนั้น คนนั้นเข้างานสายอ้างไปส่งลูกที่รร อ้างรถติด ยางรถแบนกลางทาง น้ำมันหมดกลางทาง แถมมีการเมืองระหว่างพนักงานกันเอง เป็นฝ่ายๆ คนนั้นทำได้ทำไมคนนี้ทำไม่ได้ โอยย ปวดกะบาล
ทำให้ระบบการทำงานควบคุมยาก แถมทำให้งานที่ควรเป็นทีมกลับดูไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่ ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นแบบนี้มานานรึยัง เครื่องสแกนนิ้วมี 2 เครื่อง แยกช/ญ แท้ๆ
เรื่องต่อไปคือ เรื่องของโอที ปกติพนักงานทุกคนจะได้โอทีตามจริงที่ทำ อยู่แล้ว แต่พอมารู้อีกทีคือมีการโกงโอที เข้างานสายแต่ออกงานก่อน สิ้นเดือนคุณมีโอทีได้ยังไง ทั้งๆที่ เดือนนึง พนักงานบางคนเข้าออกงานเวลาใกล้เคียงกันมาก ต้องเข้าบริษัท 9โมง แต่คุณมา 9.30 เวลาออกงาน 22.30 แต่คุณ ออก 22.00 ก่อนคนอื่น แต่ได้ค่าล่วงเวลาหลัง 8ชม. x2? ไปไล่ดูประวัติการเข้าออกพนักงาน จากฝ่ายบัญชีคือมันมีหลายคนมากที่ทำ รวมถึงพวกหัวหน้าแผนกบางคนด้วย
มันเป็นอะไรไปกันหมด ผมอึ้งมาก ไม่คิดว่าจะมาเจอแบบนี้ นี่กิจการของพ่อ มีคนพวกนี้มาร่วมงานได้ยังไง อยากคุยให้พ่อฟังแต่กลัวแกเครียด ไม่อยากให้แกคิดมาก
แต่ปัญหานี้ ผมปรึกษากับผู้จัดการแล้วว่าควรจะทำยังไงกับปัญหาที่ควรจะแก้ได้แล้ว ถึงแม้ค่าแรงโอทีมันไม่มากมายอะไรแต่มันก็คือการโกง
ปัญหานี้มันไม่ควรจะมี ขนาดแค่นี้ยังโกง แล้วต่อไปมันจะไม่โกงมากกว่านี้เหรอ มันเข้าข่ายทุจริตค่าแรงเลยนะ เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ผมรับไม่ได้
ตอนผมไปทำงานเป็นลูกน้องที่อื่น องค์กรเขาเป็นระเบียบเป็นระบบ แต่ต้องมาอายเพราะกิจการของครอบครัวกลับเละเทะซะเอง เหนื่อยใจจจจจจจจจจ
อาทิตย์หน้าพ่อให้ไปตรวจงานที่กรุงเทพ ผมนี่ขอบายขับรถเลยนะจะนั่งเครื่องแทน ไม่ไหวขับจาก ชม-กทม เป็นค่อนวัน ไม่ไหววววว
ตอนนี้รู้สึกเครียดกว่าตอนไปทำงานที่อื่น 100 เท่า มีปัญหาทุกวัน เบื่อ เซ็ง บางวันก็แอบน้ำตาไหล กลัวตัวเองจะเครียดเกินไป ทุกทีผมไม่เคยเป็นแบบนี้
ขอโทษที่ข้อความยาวครับ ผมพิมพ์เพลินไปหน่อย ถือว่าระบายไปในตัว มันอึดอัดจริงๆ