เที่ยวมั่ว คั่วกาแฟ แชร์ประสบการณ์ | เชียงใหม่-ลำปาง 4 วัน 3 คืน คนละไม่เกิน 2,500 บาท!

สวัสดีค่าาาา ช่วงวันหยุดวันปิยมหาราชที่ผ่านมา เราได้เดินทางกับเพื่อนๆ อีก 5 คน (รวมเป็น 6 คน) ไปท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่และลำปาง เป็นเวลาทั้งหมด 4 วัน 3 คืน ในงบคนละไม่เกิน 2,500 บาท!! มาดูกันดีกว่าว่าเราไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง

ชมวิดีโอก่อนได้เลย
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Day 0 วันเดินทาง (19 ตค 62)
เราเดินทางจาก มจธ.โดยรถเมล์สาย 75 ไปสุดสาย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง พอมีเวลาเหลือบ้างเล็กน้อย ก็ไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย แล้วขึ้นรถไฟ

รถไฟขาไปเป็นรถเร็ว ขบวน 109 พวกเราเลือกนั่งแบบชั้น 2 บชท.48 หรือแบบธรรมดา (พัดลม) คนละ 391 บาท แต่ตอนแรกมีปัญหาเรื่องวันที่จะไปนิดหน่อย จึงทำให้ต้องเปลี่ยนตั๋ว มีค่าเปลี่ยนคนละ 20 บาท เปลี่ยนที่สถานีไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานีเดียวกันกับตอนที่ซื้อตั๋ว อย่างเราซื้อตั๋วที่หัวลำโพง แต่ไปเปลี่ยนที่สถานีวงเวียนใหญ่เพราะเดินทางไปสะดวกกว่า แต่ต้องเปลี่ยนก่อนวันเดินทางอย่างน้อย 3 วันนะ (เราเปลี่ยนวันที่ 15)


13.45 น. รถไฟออก ตรงเวลามากๆ ไม่มีเลทเลย แอบเซอร์ไพร์สเล็กน้อย เพราะจากที่เคยขึ้นรถไฟมา เลททุกครั้งเลย555
 
ระหว่างการเดินทางบนรถไฟ ก็มีพ่อค้าแม่ขายขึ้นมาขายของตามสไตล์รถไฟหวานเย็น มีน้ำเปล่า น้ำอัดลม อาหารหนักก็มี ผัดไท ข้าวกะเพรา ข้าวเหนียวหมูพริกไทย(อันนี้อร่อยดี recomended นะ) ไก่ย่าง หรือของกินเล่น พวกไข่ต้ม โรตีสายไหม ก็มี หลังจากสามทุ่มเขาจะหยุดขายแล้ว ถ้ากลัวว่าดึกๆ จะหิวก็ซื้อมาตุนไว้ก่อนได้ ส่วนใหญ่ราคาอยู่ที่ประมาณ 20-25 บาท

สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน ที่จ่ายไปก่อนล่วงหน้า และ Day 0
-ค่าโรงแรมเชียงใหม่รัตนโกสินทร์ 17 บาท (ตอนแรกทั้งหมด 2100 บาท แต่ใช้ชิปช้อปใช้ 2 คน ลดไป 2000 บาท เหลือ 100 บาท)
-ค่าที่พักไร่สุวรรณ 200 บาท 
-ค่าโรงแรม zz house 200 บาท 
-ค่ารถพี่ที (รับ-ส่งไปไร่สุวรรณ) 334 บาท
-ค่าตั๋วรถไฟ 391 บาท
-ค่าเปลี่ยนตั๋ว 20 บาท 
-ค่ารถเมล์ 8 บาท
-ค่าอาหารและเครื่องดื่มบนรถไฟ 70 บาท
รวม 17+200+200+334+391+20+8+70 = 1,240 บาท


Day 1 @เชียงใหม่ ดอยสุเทพ-วัดผาลาด-ถนนคนเดินประตูท่าแพ (20 ต.ค. 62)

04.10 น. เดินทางมาถึงสถานีเชียงใหม่ พวกเราก็ได้คุยกันถึงความรู้สึกของการนั่งรถไฟว่าเป็นยังไง เพราะเป็นการเดินทางไกลด้วยรถไฟครั้งแรกของทุกคน สรุปได้เป็นแบบเดียวกันว่า ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่55555 ตอนช่วงบ่ายแดดร้อนมาก ส่วนตอนกลางคืนแมลงเยอะมากๆๆ ไม่ค่อยได้นอน เลยเปลี่ยนตั๋วจากแบบเดิมเป็นรถไฟด่วนพิเศษ ขบวนที่ 8 ชั้น 2 แบบปรับอากาศ (กซขป.76) ราคาคนละ 641 บาท ค่าเปลี่ยนตั๋วคนละ 20 บาทเช่นเคย + ค่าส่วนต่างอีก 641-391 = 250 บาท 

05.20 น. นั่งรถแดงไปที่โรงแรมเชียงใหม่รัตนโกสินทร์ คนละ 30 บาท เราไปฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนจะไปหาอะไรกินมื้อเช้า เราเดินออกจากโรงแรมมาเจอร้านโจ๊กจ๊ะเอ๋อยู่ด้านหน้าโรงแรมเลยแวะกินโจ๊กหมูก่อนเดินทางต่อ จากนั้นพวกเราเดินทางไปดอยสุเทพ โบกรถแดงจากหน้าโรงแรมขึ้นดอย เขาคิดคนละ 50 บาท พี่คนขับพาเราแวะที่จุดชมวิวก่อนขับขึ้นไปต่อจนถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เราต้องเดินขึ้นบันไดเพื่อไปไหว้พระธาตุด้านบน ตีนบันไดมีป้าๆ มาขายดอกไม้ธูปเทียนไหว้พระ โดนกันคนละ 2 ชุดๆ ละ 20 บาท เป็น 40 บาท แต่จริงๆ ด้านบนมีขายอยู่แล้ว ถูกกว่าอีก แหะๆ นอกจากนี้ยังมีเด็กตัวเล็กตัวน้อยใส่ชุดชาวเขา แก้มชมพู เรียกให้มาถ่ายรูปด้วยกันกับน้องๆ แต่พวกเราไม่ได้ถ่ายด้วย แล้วก็มีร้านค้าขายของ เช่น ชุดชาวเขา อาหารทั่วๆ ไป


พอเดินขึ้นไปถึงด้านบน ก่อนจะเข้าไปสักการะพระธาตุด้านไหน ถ้าผู้หญิงใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้นมา จะมีผ้าถุงให้ยืมใส่ด้านหน้าก่อนเข้าไป นี่คือผ้าถุงลายช้างยาวถึงตาตุ่มเลย

ภายในวัด มีจุดให้สักการะต่างๆ ทั้งหลวงพ่อทันใจ พระพุทธรูปองค์อื่นๆ ครูบาศรีวิชัย และมีจุดชมวิว บรรยายดีมาก มองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่เลย


เมื่อสักการะพระธาตุเสร็จแล้ว เราเดินลงมาด้านล่าง แล้วเดินตามถนนลงไปอีกนิดหน่อยจนถึงน้ำตกห้วยรับเสด็จ 


จากนั้นเดินกลับขึ้นมาเพื่อขึ้นรถแดงไปวัดผาลาด คนละ 30 บาท
วัดผาลาดเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่เงียบสงบ ด้านในมีซุ้มไผ่ น้ำตก ร่มรื่นมากๆ

 

เข้าไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็ออกมา มีรถแดงจอดรออยู่หน้าวัด เราขึ้นรถแดงเพื่อลงมาที่พัก ตอนแรกเขาเรียกคนละ 40 บาท เราต่อเหลือ 30 บาท ไปๆ มาๆ เราเลยขอ 6 คน 200 บาท (ตกคนละ 33 บาท) เขาก็โอเคเฉยเลย555

แวะกินมื้อเที่ยงที่ร้านอร่อย แตก ซิก หน้าโรงแรมก่อน ก๋วยเตี๋ยวธรรมดาชามละ 50 บาท เกาเหลา 60 บาท

เรากลับเข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อนเอาแรงก่อนจะไปเดินที่ถนนคนเดินท่าแพในช่วงเย็น ถนนคนเดินท่าแพอยู่ที่บริเวณประตูเมืองท่าแพยาวไปถึงถนนราชดำเนิน เปิดช่วงเย็นวันอาทิตย์ เวลา 17.00 - 22.00 น. 

17.00 น. เราออกจากโรงแรมเพื่อไปยังประตูท่าแพ ในแผนที่ดูเหมือนจะไกลนะ (2.4 กม.) แต่เราเดินชมเมืองกันไปเพลินๆ เลยรู้สึกว่าไม่ไกลเท่าไหร่ เราเลือกเดินไปทางถนนวังสิงห์คำ เลียบแม่น้ำปิงไปเรื่อยๆ จนถึงเจดีย์ขาวแล้วเลี้ยวไปทางถนนวิชยานนท์ พอถึงคูเมืองก็เดินเลียบไปเรื่อยๆ จนถึงประตูท่าแพ เนื่องจากเป็นช่วงเย็นแล้ว แดดก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ทำให้เราได้ชมเมือง ชมสภาพความเป็นอยู่ของชาวเมืองเชียงใหม่ด้วย สองข้างทางของถนนวังสิงห์คำ มีผักและผลไม้สดขายในราคาที่ถูกมากๆ ด้วย


18.00 น. ถึงประตูท่าแพ เดินไปตามถนนคนเดิน มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งยุโรปและจีนเยอะมากๆ สินค้าที่ขายส่วนใหญ่เป็นสินค้า handmade จำพวกเสื้อผ้า กระเป๋า โคมไฟ ด้านในหน่อยเป็นโซนอาหาร ก็มีทั้งอาหารกลาง อาหารเหนือ เช่น ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ไข่ป่าม และอื่นๆ อีกมากมาย 


เราเดินทางกลับโรงแรม ว่าจะเดินกลับแต่ขาล้าจากการเดินถนนคนเดินมากแล้วเลยเรียกรถแดง เขาคิดคนละ 30 บาท (6 คนก็เป็น 180 บาท/2.4 กม. ราคาคือเกินเบอร์มากๆ) เลยไม่เอา ตัดสินใจเรียก grab van ดีกว่า 170 บาท แล้วใส่โค้ดส่วนลดเสร็จสรรพ เหลือ 90 บาท ตกคนละ 15 บาท ถูกกว่า นั่งสบาย มีแอร์ด้วย เลิฟฟฟฟ

สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน Day 1
- ค่าเปลี่ยนตั๋ว + ค่าส่วนต่าง 270 บาท
- ค่ารถแดงจากสถานีรถไฟไปโรงแรมเชียงใหม่รัตนโกสินทร์ 30 บาท
- ค่าโจ๊กหมู 40 บาท
- ค่ารถแดงจากหน้าโรงแรมขึ้นดอยสุเทพ 50 บาท
- ค่าดอกไม้ธูปเทียนไหว้พระ 40 บาท 
- ค่ารถแดงจากวัดพระธาตุดอยสุเทพไปวัดผาลาด 30 บาท
- ค่ารถแดงจากวัดผาลาดไปโรงแรมเชียงใหม่รัตนโกสินทร์ 33 บาท
- ค่าก๋วยเตี๋ยว 50 บาท
- ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ถนนคนเดิน 100 บาท
- ค่า grab van 15 บาท
รวม 270+30+40+50+40+30+33+50+100+15 = 658 บาท


Day 2 @ลำปาง น้ำพุร้อนสันกำแพง-ดอยแม่แจ๋ม-ชมไร่สุวรรณ-ดูดาวตก (21 ต.ค. 62)

10.00 น. เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม เราได้นัดให้พี่ทีซึ่งเป็นเจ้าของไร่สุวรรณมารับเราที่โรงแรม

11.00 น. พี่ทีพาเราไปแวะเที่ยวที่น้ำพุร้อนสันกำแพงก่อน 


มี mission อย่างนึงที่เราทำก็คือ ลองต้มไข่ตามเวลาที่บอกไว้ในป้าย ไข่มี 2 แบบคือ ไข่ไก่และไข่นกกระทา เราเลือกไข่ไก่มา 1 ตะกร้ามี 6 ฟอง 40 บาท (ไข่กระทาก็ราคาเท่ากัน มีหลายฟองกว่า แต่เรากลัวแกะเปลือกยาก) เราเลือกว่าอยากได้ไข่ต้มยางมะตูมซึ่งใช้เวลา 10 นาที (ตามป้าย) เราเริ่มต้มไข่เวลา 11.25 น. พอ 11.36 น. เราได้เอาไข่ขึ้นมาไปลองล้างและปอกเปลือก ปรากฏว่ายังเป็นไข่ลวกอยู่ เลยกินไปแค่ลูกเดียว


หลังจากนั้นเราได้แบ่งเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มที่ 1 ได้ลองไปแช่เท้าที่บ่อน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิประมาณ 45 ถึง 50 องศาเซลเซียส

กลุ่มที่ 2 ได้นำไข่ที่ไม่ยังสุกดีไปลวกต่ออีก 5 นาที (รวมเป็น 15 นาที) ปรากฎว่าก็ยังสุกไม่พอดีตามที่ต้องการ จึงนำไปแช่เพิ่มอีก 5 นาที (รวมเป็น 20 นาที) ได้ไข่ต้มที่สุกตามที่เราต้องการพอดี จริงๆ ถ้าหากเรานำไข่แช่น้ำตลอดก็อาจใช้เวลาไม่นานขนาดนี้ก็ได้ แต่เพราะเอาไข่ขึ้นมาจากน้ำ ทำให้อุณหภูมิเย็นตัวลง พอลงน้ำใหม่ก็ต้องทำให้ร้อนใหม่อีก ทำให้ต้องใช้เวลานานถึง 20 นาที

12.30 น. ได้เวลาอาหารเที่ยง เราสั่งอาหารตามสั่งและส้มตำมาเป็นกองกลาง

13.30 น. เราเดินทางออกจากน้ำพุร้อนสันกำแพง เพื่อมุ่งหน้าไปดอยแม่แจ๋ม ไร่สุวรรณ อ.เมืองปาน จ.ลำปาง เนื่องจากเส้นทางไปดอยแม่แจ๋มนี้มีความโค้ดเคี้ยวค่อนข้างมาก มีความลาดชัน จำเป็นต้องใช้รถยนต์ที่มีแรงม้าสูง 

14.30 น. และแล้วเราก็ถึงไร่สุวรรณ เราได้แยกย้ายกันไปเก็บของ พี่ทีบอกว่าจะมีการคั่วกาแฟในวันนี้ด้วย แต่ตอนนั้นไฟตกอยู่ เลยทำให้เราไม่ได้ดูการคั่วกาแฟแบบใช้เครื่องจักรไม่ได้


ต่อในคอมเม้นท์นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่