"ธนาธร" ตั้งโจทย์ใหญ่ ‘อำนาจประเทศนี้เป็นของใคร’
https://www.matichon.co.th/politics/news_1737292
“ธนาธร” ตั้งโจทย์ใหญ่ ‘อำนาจประเทศนี้เป็นของใคร’ หลังงบ 3.2 ล้านล้าน แทบไม่ใช้เพื่อประชาชน ถึงเวลาคิดทะเยอทะยานเพื่อคนรุ่นใหม่
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่โรงแรมชัยคณาธานี จ.พัทลุง เครือข่ายภาคประชาสังคมกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมจัดเวทีเสวนา “
แก้ปัญหาปากท้องประชาชน ต้องแก้รัฐธรรมนูญ?” โดยนาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเวทีเสวนาและรับฟังปัญหาจากเครือข่ายต่างๆ ทั้งนี้ นายธนาธร เริ่มต้นด้วยการถามผู้เข้าร่วมว่า หากสมมุติว่าที่นี่เป็นสภาผู้แทนราษฎร แล้วต้องตัดสินใจว่ามีงบประมาณประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท จะนำไปทำอะไรใน 4 ตัวเลือก
1.เพิ่มเบี้ยเลี้ยงดูบุตรจากคนละ 600 บาทต่อเดือนสำหรับคนจน เป็น 700 บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า ใช้งบ 1.7 หมื่นล้านบาท
2.นำไปพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก 10,000 โรงทั่วประเทศ โรงละ 2 ล้านบาท ใช้งบ 2 หมื่นล้านบาท
3.นำไปอุดหนุนค่าสัมปทานให้กับบริษัทโทรคมนาคมที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ 2 หมื่นล้านบาท
หรือ 4.นำไปซื้อเรือดำน้ำ 3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ทุกคนในห้องร่วมกันยกมือให้กับตัวเลือกที่ 1 และ 2 โดยไม่มีใครเลือกตั้งเลือกที่ 3 และ 4 เลยแม้แต่คนเดียว
นาย
ธนาธร กล่าวว่า หากนี่เป็นสภาฯ จริงๆ คงจะได้นำงบประมาณไปพัฒนาสิ่งเหล่านี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ในความเป็นจริงรัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมา ได้มีการใช้ ม. 44 ไปลดค่าสัมปทานให้กับทุนคมนาคมไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท และซื้อเรือดำน้ำไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ความจนหรือรวยในประเทศนี้ไม่ใช่เรื่องของบุญทำกรรมแต่ง เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ยังยากจนเป็นเพราะพวกเขาไม่มีอำนาจ สิ่งที่เรามานั่งพูดกันวันนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 ก็คือเรื่องของอำนาจ
“นี่คือเรื่องอำนาจที่จะเอางบจากภาษีประชาชนกว่า 3 ล้านล้านบาท จะนำไปใช้เพื่อใคร ถามว่าทำไมในข้อเท็จจริงมันกลับถูกนำไปใช้ในสิ่งที่คนทั้งห้องนี้ไม่ได้เลือกเลย คำตอบเพราะอำนาจไม่ได้อยู่ที่ประชาชน และรัฐธรรมนูญ 2560 คือ รัฐธรรมนูญที่บอกว่า อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งสูงส่งกว่าอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือรัฐธรรมนูญที่ไม่มีอำนาจของประชาชนอยู่ในนั้น ที่มาของอำนาจมาจากไหนอำนาจต้องรับใช้คนกลุ่มนั้น คนที่มีอำนาจในปัจจุบันก็คือ กลุ่มคนเดียวกันกับที่รัฐประหารปี 2557 ที่มาจากระบบราชการ กลุ่มทุน ปืน และรถถัง พวกเขาจึงออกแบบงบประมาณมาแบบนี้ ไปอุ้มกลุ่มทุน ไปหล่อเลี้ยงระบบราชการที่ใหญ่เทอะทะ” นาย
ธนาธร กล่าว
นาย
ธนาธร กล่าวว่า ดังนั้น ถ้าเราอยากเห็นสังคมไทยเดินไปข้างหน้า โดยที่ดอกผลของการพัฒนาได้รับการแจกจ่ายอย่างถ้วนหน้า ถ้าเราอยากเห็นสังคมไทยอยู่ในโลกาภิวัฒน์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ถ้าเราอยากเห็นงบประมาณถูกนำไปใช้เพื่อประชาชน เราต้องแก้รัฐธรรมนูญ
“ผมว่านี่คือโจทย์ใหญ่ ว่าตกลงอำนาจในประเทศนี้เป็นของใคร อำนาจในการจัดสรรงบประมาณ 3.2 ล้านล้าน ใครควรจะได้เป็นคนจัดสรร นี่คือเวลาที่เราต้องคิดอย่างทะเยอทะยานเพื่อคนรุ่นต่อไป เพื่อให้ปัญหานี้จบในคนรุ่นเรา ว่าอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรในประเทศนี้ ควรอยู่ที่ประชาชน และเพื่อจะแก้ปัญหานี้ เราต้องทำให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไต ยุติระบบราชการรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง การลดบทบาทของกองทัพ มีแค่การทำ 3 อย่างนี้เท่านั้น ประเทศไทยถึงจะเดินไปข้างหน้าได้ และจะทำอย่างนี้ได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก้าวแรกก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” นาย
ธนาธร กล่าว
หนุน"มาร์ค อภิสิทธิ์" ร่วมกมธ.ศึกษาแก้รธน. "สุทิน"ชี้โอเค คิ๊กออฟ 6 พ.ย.
https://www.matichon.co.th/politics/news_1737190
ฝ่ายค้าน เดินหน้าแก้ไขรธน. คิ๊กออฟ 6 พ.ย. สุทิน ไม่รังเกียจหากมาร์คเอาด้วย แง้ม ติดต่อ ส.ว.ร่วมอุดมการณ์ จัดซักฟอก ‘บิ๊กตู่’ ดอกสอง ภายใน 20 ธ.ค.
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นาย
สุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (ประธานวิปฝ่ายค้าน)ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก ในวันที่ 6 พฤศจิกายน และญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อศึกษาและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านพูดคุยกันมานานแล้ว ที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างถึงที่สุด ทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร ในสภาฯ คือ การคิ๊กออฟวันที่ 6 นอกสภาคือ การเคลื่อนไหวของกลุ่มภาคประชาชน ที่กำลังล่ารายชื่อ ซึ่งบางกลุ่มก็ได้ยื่นรายชื่อผู้ริเริ่มกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ถือเป็นการร่วมมือที่แยกกันเดินคนละสาย
“เราพยายามที่จะนำส.ส.ของทุกพรรคการเมือง ให้ยอมรับและตระหนักร่วมกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา ขณะนี้ถือว่าได้ผลมาก ขั้นตอนต่อไปคือ การทำให้ส.ว.มาร่วมมือกับเรา เบื้องต้นเราได้พูดคุยกับส.ว.บางคนให้มาร่วมมือกับฝ่ายค้านแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้”
เมื่อถามว่าหากนาย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะเข้ามาร่วมในกมธ.ชุดนี้ นาย
สุทิน กล่าวว่า ตนก็รู้สึกยินดี เพราะนาย
อภิสิทธิ์ก็เป็นคนโอเค ตอนนี้ขอเป็นใครก็ได้ที่เห็นด้วย เพราะฟังดูก็เหมือนว่าเขามีจุดยืนที่อยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย
เมื่อถามว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เตรียมวางแผนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้อย่างไรบ้าง นาย
สุทินกล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่วางแผนมากมาย แต่กำลังมุ่งเพื่อการศึกษาในส่วนที่จะต้องแก้ไข และจะต้องทำงานสอดรับกับข้อมูลของภาคประชาชน
ส่วนการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น นาย
สุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ความชัดเจน แต่ช่วงที่ปิดสภาฯ แต่ละพรรคก็เริ่มหาข้อมูล แล้วสัปดาห์หน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเริ่มประมวลผลและหาหลักฐานที่ชัดเจน พอถึงประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ก็จะเริ่มดำเนินการ โดยตั้งใจไว้ว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2562
JJNY : ธนาธรตั้งโจทย์ใหญ่‘อำนาจประเทศนี้เป็นของใคร’/หนุน"มาร์ค อภิสิทธิ์"ร่วมกมธ.ศึกษาแก้รธน./เจาะไส้ใน‘หัวเมือง’โตแผ่วฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1737292
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่โรงแรมชัยคณาธานี จ.พัทลุง เครือข่ายภาคประชาสังคมกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมจัดเวทีเสวนา “แก้ปัญหาปากท้องประชาชน ต้องแก้รัฐธรรมนูญ?” โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเวทีเสวนาและรับฟังปัญหาจากเครือข่ายต่างๆ ทั้งนี้ นายธนาธร เริ่มต้นด้วยการถามผู้เข้าร่วมว่า หากสมมุติว่าที่นี่เป็นสภาผู้แทนราษฎร แล้วต้องตัดสินใจว่ามีงบประมาณประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท จะนำไปทำอะไรใน 4 ตัวเลือก
1.เพิ่มเบี้ยเลี้ยงดูบุตรจากคนละ 600 บาทต่อเดือนสำหรับคนจน เป็น 700 บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า ใช้งบ 1.7 หมื่นล้านบาท
2.นำไปพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก 10,000 โรงทั่วประเทศ โรงละ 2 ล้านบาท ใช้งบ 2 หมื่นล้านบาท
3.นำไปอุดหนุนค่าสัมปทานให้กับบริษัทโทรคมนาคมที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ 2 หมื่นล้านบาท
หรือ 4.นำไปซื้อเรือดำน้ำ 3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ทุกคนในห้องร่วมกันยกมือให้กับตัวเลือกที่ 1 และ 2 โดยไม่มีใครเลือกตั้งเลือกที่ 3 และ 4 เลยแม้แต่คนเดียว
นายธนาธร กล่าวว่า หากนี่เป็นสภาฯ จริงๆ คงจะได้นำงบประมาณไปพัฒนาสิ่งเหล่านี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ในความเป็นจริงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมา ได้มีการใช้ ม. 44 ไปลดค่าสัมปทานให้กับทุนคมนาคมไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท และซื้อเรือดำน้ำไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ความจนหรือรวยในประเทศนี้ไม่ใช่เรื่องของบุญทำกรรมแต่ง เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ยังยากจนเป็นเพราะพวกเขาไม่มีอำนาจ สิ่งที่เรามานั่งพูดกันวันนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 ก็คือเรื่องของอำนาจ
“นี่คือเรื่องอำนาจที่จะเอางบจากภาษีประชาชนกว่า 3 ล้านล้านบาท จะนำไปใช้เพื่อใคร ถามว่าทำไมในข้อเท็จจริงมันกลับถูกนำไปใช้ในสิ่งที่คนทั้งห้องนี้ไม่ได้เลือกเลย คำตอบเพราะอำนาจไม่ได้อยู่ที่ประชาชน และรัฐธรรมนูญ 2560 คือ รัฐธรรมนูญที่บอกว่า อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งสูงส่งกว่าอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือรัฐธรรมนูญที่ไม่มีอำนาจของประชาชนอยู่ในนั้น ที่มาของอำนาจมาจากไหนอำนาจต้องรับใช้คนกลุ่มนั้น คนที่มีอำนาจในปัจจุบันก็คือ กลุ่มคนเดียวกันกับที่รัฐประหารปี 2557 ที่มาจากระบบราชการ กลุ่มทุน ปืน และรถถัง พวกเขาจึงออกแบบงบประมาณมาแบบนี้ ไปอุ้มกลุ่มทุน ไปหล่อเลี้ยงระบบราชการที่ใหญ่เทอะทะ” นายธนาธร กล่าว
นายธนาธร กล่าวว่า ดังนั้น ถ้าเราอยากเห็นสังคมไทยเดินไปข้างหน้า โดยที่ดอกผลของการพัฒนาได้รับการแจกจ่ายอย่างถ้วนหน้า ถ้าเราอยากเห็นสังคมไทยอยู่ในโลกาภิวัฒน์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ถ้าเราอยากเห็นงบประมาณถูกนำไปใช้เพื่อประชาชน เราต้องแก้รัฐธรรมนูญ
“ผมว่านี่คือโจทย์ใหญ่ ว่าตกลงอำนาจในประเทศนี้เป็นของใคร อำนาจในการจัดสรรงบประมาณ 3.2 ล้านล้าน ใครควรจะได้เป็นคนจัดสรร นี่คือเวลาที่เราต้องคิดอย่างทะเยอทะยานเพื่อคนรุ่นต่อไป เพื่อให้ปัญหานี้จบในคนรุ่นเรา ว่าอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรในประเทศนี้ ควรอยู่ที่ประชาชน และเพื่อจะแก้ปัญหานี้ เราต้องทำให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไต ยุติระบบราชการรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง การลดบทบาทของกองทัพ มีแค่การทำ 3 อย่างนี้เท่านั้น ประเทศไทยถึงจะเดินไปข้างหน้าได้ และจะทำอย่างนี้ได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าก้าวแรกก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” นายธนาธร กล่าว
หนุน"มาร์ค อภิสิทธิ์" ร่วมกมธ.ศึกษาแก้รธน. "สุทิน"ชี้โอเค คิ๊กออฟ 6 พ.ย.
https://www.matichon.co.th/politics/news_1737190
ฝ่ายค้าน เดินหน้าแก้ไขรธน. คิ๊กออฟ 6 พ.ย. สุทิน ไม่รังเกียจหากมาร์คเอาด้วย แง้ม ติดต่อ ส.ว.ร่วมอุดมการณ์ จัดซักฟอก ‘บิ๊กตู่’ ดอกสอง ภายใน 20 ธ.ค.
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (ประธานวิปฝ่ายค้าน)ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก ในวันที่ 6 พฤศจิกายน และญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อศึกษาและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านพูดคุยกันมานานแล้ว ที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างถึงที่สุด ทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร ในสภาฯ คือ การคิ๊กออฟวันที่ 6 นอกสภาคือ การเคลื่อนไหวของกลุ่มภาคประชาชน ที่กำลังล่ารายชื่อ ซึ่งบางกลุ่มก็ได้ยื่นรายชื่อผู้ริเริ่มกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ถือเป็นการร่วมมือที่แยกกันเดินคนละสาย
“เราพยายามที่จะนำส.ส.ของทุกพรรคการเมือง ให้ยอมรับและตระหนักร่วมกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา ขณะนี้ถือว่าได้ผลมาก ขั้นตอนต่อไปคือ การทำให้ส.ว.มาร่วมมือกับเรา เบื้องต้นเราได้พูดคุยกับส.ว.บางคนให้มาร่วมมือกับฝ่ายค้านแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้”
เมื่อถามว่าหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะเข้ามาร่วมในกมธ.ชุดนี้ นายสุทิน กล่าวว่า ตนก็รู้สึกยินดี เพราะนายอภิสิทธิ์ก็เป็นคนโอเค ตอนนี้ขอเป็นใครก็ได้ที่เห็นด้วย เพราะฟังดูก็เหมือนว่าเขามีจุดยืนที่อยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย
เมื่อถามว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เตรียมวางแผนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้อย่างไรบ้าง นายสุทินกล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่วางแผนมากมาย แต่กำลังมุ่งเพื่อการศึกษาในส่วนที่จะต้องแก้ไข และจะต้องทำงานสอดรับกับข้อมูลของภาคประชาชน
ส่วนการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น นายสุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ความชัดเจน แต่ช่วงที่ปิดสภาฯ แต่ละพรรคก็เริ่มหาข้อมูล แล้วสัปดาห์หน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเริ่มประมวลผลและหาหลักฐานที่ชัดเจน พอถึงประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ก็จะเริ่มดำเนินการ โดยตั้งใจไว้ว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2562