
- สาวๆที่อยากใส่ชุดว่ายน้ำ หรือเวลาออกงานต้องใส่ชุดราตรี หรือ ชุดไทย ก็อาจจะไม่มั่นใจ
- หนุ่มๆที่อยากถอดเสื้อโชว์กล้าม โชว์หุ่นเวลาไปฟิตเนส ก็คงไม่เซลฟ์ที่จะถอดเสื้อ ใช่มั้ยคะ
จากสถิติพบว่า ประมาณ50-60% ของคนที่เป็นสิวบนใบหน้า จะมีสิวที่หลังหรือหน้าอกด้วย ! 😲
เมื่อเทียบกับสิวบนใบหน้าซึ่งเป็นปัญหาที่พาคนไข้มาพบหมอ
หลายครั้งสิวที่ตัวก็ไม่ได้ถูกรักษา เนื่องจากมีเสื้อผ้าปกปิดอยู่
แต่ปัญหาสิวที่ตัว ก็ทำให้หลายๆคนขาดความมั่นใจได้เหมือนกันค่ะ
สิวที่หลังและหน้าอกเกิดจากอะไร ?
- สาเหตุหลัก เกิดจากอุดตันและอักเสบของรูขุมขน เช่น จากเหงื่อ, ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ,บำรุงผิว หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม กรณีผมยาวเลยลงมาถึงบริเวณหน้าอกและแผ่นหลัง
สิวที่หลังและหน้าอกอาจจะ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากความสกปรกโดยตรง แต่ความสกปรกทำให้สิวเป็นมากขึ้นได้
ส่วนสาเหตุอื่นๆจะคล้ายกับสาเหตุของสิวที่ใบหน้า เช่น
1. ฮอร์โมนเพศ
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นร่างกายมีการสร้างฮอร์โมนเพศมากขึ้น ฮอร์โมนจะกระตุ้นต่อมไขมันให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและผลิตไขมันมากขึ้น ดังนั้น พอเข้าสู่วัยรุ่นจะรู้สึกได้เลยว่าผิวหนังบริเวณใบหน้าและหนังศีรษะจะมันมากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนเป็นเด็ก
2. แบคทีเรียที่อยู่บนผิวหน้าที่มีชื่อว่า ว่า C. acne 🦠🦠
(ชื่อเดิม คือ P. acne แต่คนทั่วไปจะรู้จักกับชื่อ P. acneมากกว่า) จะเพิ่มมากขึ้นตรงที่รูขุมขนที่อยู่ติดกับต่อมไขมันขนาดใหญ่ และ P. acne จะกระตุ้นเกิดการสร้างเคราติน (keratin) ที่เยอะมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขน และยังกระตุ้นให้สิวอักเสบมากขึ้น
3. กรรมพันธุ์ 🧬
มีส่วนในการกำหนดสภาพผิวเช่นผิวมัน รูขุมขนกว้าง และยังพบอีกว่าถ้ามีคนในครอบครัวเป็นสิว เราก็มักจะเป็นสิวด้วย แต่อย่าเข้าใจผิด สิวไม่ใช่โรคติดต่อนะคะ
4. ความเครียด นอนดึก จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
5. การนวด ขัด ถู ผิวหน้าหรือผิวกายแรง ๆ
6. การใช้ยาทาบางอย่าง เช่น สเตียรอยด์
ทำให้เกิดสิวสเตียรอยด์ที่หลังและหน้าอกได้บ่อย (steroid acne)
วิธีรักษาสิวที่หลังและหน้าอกเบื้องต้นด้วยตัวเอง (กรณีที่เป็นไม่มากนะคะ)
1. ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน วันละ 2 ครั้ง ไม่ขัดถูผิวแรงๆ 🚿
2. ฟอกแชมพูยา 🛁
เช่น คีโตโคนาโซล แชมพู (มีหลายยี่ห้อในท้องตลาด เช่น ไนโซรอล, ควอลิเมด, นินาซอล เป็นต้น) หรือใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของซัลเฟอร์ ช่วยลดอาการสิวได้ เช่น ยี่ห้อฮาโรเกต เป็นต้น
3. ทายาที่เป็นแป้งน้ำสำหรับรักษาสิว 🧴
เช่น acne lotion ของสถาบันโรคผิวหนัง, white shake lotion ของ รพ.จุฬาลงกรณ์ หรือ lotion P ของรพ.ศิริราช อันนี้คิดว่าเป็นตำรับยาที่แต่ละโรงพยาบาลผลิตเอง อาจจะไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป สามารถไปตรวจกับคุณหมอที่แผนกผิวหนังของโรงพยาบาล
4. หรือถ้าหาซื้อแป้งน้ำรักษาสิวยังไม่ได้ ลองทายาสิวเช่นเดียวกับการรักษาสิวที่หน้าก็ได้ เช่น เบ็นแซ็ก ทาทิ้งไว้แล้วล้างออก, ตามด้วยทายาปฎิชีวนะ (ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย) clinda หรือ erythromycin lotion เช้า เย็น ห้ามทายาปฎิชีวนะอย่างเดียวโดยไม่ทาเบ็นแซ็ก เพราะจะเพิ่มโอกาสดื้อค่ะ (ทายาแต่สิวไม่หาย)
5. รวมถึงไม่ควรแกะหรือบีบสิวเพราะอาจทำให้เป็นแผลเป็นหรือเกิดการติดเชื้อ หากรักษาตนเองเบื้องต้นไม่ได้ผล ควรไปพบแพทย์ อาจจำเป็นต้องไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังโดยเฉพาะ เพื่อหาสาเหตุหรือสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิวที่หลัง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาทั้งยารับประทานและยาครีมเพื่อใช้รักษาต่อไป
6. อาบน้ำหลังออกกำลังกายหรือหลังจากเล่นกีฬาทุกครั้ง เพราะเหงื่อที่สะสมจะเพิ่มโอกาสทำให้เป็นสิว
แต่ถ้าใครมีสิวที่ค่อนข้างเยอะและอักเสบมาก #แนะนำรีบไปหาคุณหมอให้ช่วยดูแลให้ดีกว่านะคะ
เพราะถ้าเป็นเยอะปานกลาง อาจจะต้องให้ยากินด้วยค่ะ แต่หมอยุ้ยไม่แนะนำให้ซื้อยามากินเองนะคะ
Fb เพจ Dr. Yui คุยทุกเรื่องผิว ❤️
บอกวิธีรักษาสิวที่ตัวด้วยตัวเอง โดยแพทย์ผิวหนัง
- สาวๆที่อยากใส่ชุดว่ายน้ำ หรือเวลาออกงานต้องใส่ชุดราตรี หรือ ชุดไทย ก็อาจจะไม่มั่นใจ
- หนุ่มๆที่อยากถอดเสื้อโชว์กล้าม โชว์หุ่นเวลาไปฟิตเนส ก็คงไม่เซลฟ์ที่จะถอดเสื้อ ใช่มั้ยคะ
จากสถิติพบว่า ประมาณ50-60% ของคนที่เป็นสิวบนใบหน้า จะมีสิวที่หลังหรือหน้าอกด้วย ! 😲
เมื่อเทียบกับสิวบนใบหน้าซึ่งเป็นปัญหาที่พาคนไข้มาพบหมอ
หลายครั้งสิวที่ตัวก็ไม่ได้ถูกรักษา เนื่องจากมีเสื้อผ้าปกปิดอยู่
แต่ปัญหาสิวที่ตัว ก็ทำให้หลายๆคนขาดความมั่นใจได้เหมือนกันค่ะ
สิวที่หลังและหน้าอกเกิดจากอะไร ?
- สาเหตุหลัก เกิดจากอุดตันและอักเสบของรูขุมขน เช่น จากเหงื่อ, ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ,บำรุงผิว หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม กรณีผมยาวเลยลงมาถึงบริเวณหน้าอกและแผ่นหลัง
สิวที่หลังและหน้าอกอาจจะ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากความสกปรกโดยตรง แต่ความสกปรกทำให้สิวเป็นมากขึ้นได้
ส่วนสาเหตุอื่นๆจะคล้ายกับสาเหตุของสิวที่ใบหน้า เช่น
1. ฮอร์โมนเพศ
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นร่างกายมีการสร้างฮอร์โมนเพศมากขึ้น ฮอร์โมนจะกระตุ้นต่อมไขมันให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและผลิตไขมันมากขึ้น ดังนั้น พอเข้าสู่วัยรุ่นจะรู้สึกได้เลยว่าผิวหนังบริเวณใบหน้าและหนังศีรษะจะมันมากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนเป็นเด็ก
2. แบคทีเรียที่อยู่บนผิวหน้าที่มีชื่อว่า ว่า C. acne 🦠🦠
(ชื่อเดิม คือ P. acne แต่คนทั่วไปจะรู้จักกับชื่อ P. acneมากกว่า) จะเพิ่มมากขึ้นตรงที่รูขุมขนที่อยู่ติดกับต่อมไขมันขนาดใหญ่ และ P. acne จะกระตุ้นเกิดการสร้างเคราติน (keratin) ที่เยอะมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขน และยังกระตุ้นให้สิวอักเสบมากขึ้น
3. กรรมพันธุ์ 🧬
มีส่วนในการกำหนดสภาพผิวเช่นผิวมัน รูขุมขนกว้าง และยังพบอีกว่าถ้ามีคนในครอบครัวเป็นสิว เราก็มักจะเป็นสิวด้วย แต่อย่าเข้าใจผิด สิวไม่ใช่โรคติดต่อนะคะ
4. ความเครียด นอนดึก จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
5. การนวด ขัด ถู ผิวหน้าหรือผิวกายแรง ๆ
6. การใช้ยาทาบางอย่าง เช่น สเตียรอยด์
ทำให้เกิดสิวสเตียรอยด์ที่หลังและหน้าอกได้บ่อย (steroid acne)
วิธีรักษาสิวที่หลังและหน้าอกเบื้องต้นด้วยตัวเอง (กรณีที่เป็นไม่มากนะคะ)
1. ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน วันละ 2 ครั้ง ไม่ขัดถูผิวแรงๆ 🚿
2. ฟอกแชมพูยา 🛁
เช่น คีโตโคนาโซล แชมพู (มีหลายยี่ห้อในท้องตลาด เช่น ไนโซรอล, ควอลิเมด, นินาซอล เป็นต้น) หรือใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของซัลเฟอร์ ช่วยลดอาการสิวได้ เช่น ยี่ห้อฮาโรเกต เป็นต้น
3. ทายาที่เป็นแป้งน้ำสำหรับรักษาสิว 🧴
เช่น acne lotion ของสถาบันโรคผิวหนัง, white shake lotion ของ รพ.จุฬาลงกรณ์ หรือ lotion P ของรพ.ศิริราช อันนี้คิดว่าเป็นตำรับยาที่แต่ละโรงพยาบาลผลิตเอง อาจจะไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป สามารถไปตรวจกับคุณหมอที่แผนกผิวหนังของโรงพยาบาล
4. หรือถ้าหาซื้อแป้งน้ำรักษาสิวยังไม่ได้ ลองทายาสิวเช่นเดียวกับการรักษาสิวที่หน้าก็ได้ เช่น เบ็นแซ็ก ทาทิ้งไว้แล้วล้างออก, ตามด้วยทายาปฎิชีวนะ (ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย) clinda หรือ erythromycin lotion เช้า เย็น ห้ามทายาปฎิชีวนะอย่างเดียวโดยไม่ทาเบ็นแซ็ก เพราะจะเพิ่มโอกาสดื้อค่ะ (ทายาแต่สิวไม่หาย)
5. รวมถึงไม่ควรแกะหรือบีบสิวเพราะอาจทำให้เป็นแผลเป็นหรือเกิดการติดเชื้อ หากรักษาตนเองเบื้องต้นไม่ได้ผล ควรไปพบแพทย์ อาจจำเป็นต้องไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังโดยเฉพาะ เพื่อหาสาเหตุหรือสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิวที่หลัง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาทั้งยารับประทานและยาครีมเพื่อใช้รักษาต่อไป
6. อาบน้ำหลังออกกำลังกายหรือหลังจากเล่นกีฬาทุกครั้ง เพราะเหงื่อที่สะสมจะเพิ่มโอกาสทำให้เป็นสิว
แต่ถ้าใครมีสิวที่ค่อนข้างเยอะและอักเสบมาก #แนะนำรีบไปหาคุณหมอให้ช่วยดูแลให้ดีกว่านะคะ
เพราะถ้าเป็นเยอะปานกลาง อาจจะต้องให้ยากินด้วยค่ะ แต่หมอยุ้ยไม่แนะนำให้ซื้อยามากินเองนะคะ
Fb เพจ Dr. Yui คุยทุกเรื่องผิว ❤️