อุบัติเหตุบนท้องถนนมีให้เห็นเยอะมาก มีทั้งบาดเจ็บเล็กน้อย กระทั่งเสียชีวิต ส่วนอีกพวกก็ประเภท ชนแล้วหนี ก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็มักขาดสติ ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำอะไรก่อนหรือจะทำยังไงดี แต่เมื่อเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรหาแนวทางแก้ไขเมื่อเกิดเหตุขึ้นมานะครับ
เข้าเรื่องเลยละกัน น้องสาวที่ออฟฟิศผม เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กเล็กกกก แบบหน้าตาบ้องแบ๊ว
อ่ะ.. (จินตนาการตามอัธยาศัยเลยนะครับ) วันนั้นครับ เราไปปาร์ตี้กัน แต่แบบโนแอลกอฮอล์นะครับ ปาร์ตี้จบก็แยกกันกลับบ้าน ช่วงประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง เธอขับรถจากเส้นพระราม 2 มุ่งหน้าบางแค ซึ่งเป็นเส้นทางที่น้องเขาไม่คุ้นเคย ขับอยู่ดีๆ ถูกรถชนแล้วหนีไป น้องเขาตกใจมากครับ ทำอะไรไม่ถูก ก็แหม ผู้หญิงตัวเล็กๆ กลับบ้านคนเดียว กลางค่ำกลางคืน แถมรถที่ชนเป็นรถบรรทุกพ่วงสิบล้อครับ โอ้มายก๊อต เป็นผมก็คงตกใจไม่น้อยเหมือนกัน แต่โชคดีครับ แต้มบุญเธอยังเหลือ โดนชนแค่กระจกข้างแตกละเอียด ปลิวไปต่อหน้าต่อตาเลย ส่วนตัวเธอปลอดภัย ครบ 32 ผมก็โล่งใจไป ขวัญเอ๊ยขวัญมา
วันนี้ผมเลยมาแชร์ประสบการณ์ว่าโดนชนแล้วหนี เธอทำยังไงต่อบ้าง สรุปสั้นๆมาแชร์ให้เพื่อนๆ รู้ไว้ เผื่อหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา เพื่อนๆจะได้รับมือได้ครับ
1. ตั้งสติให้มั่น
เมื่อได้รับอุบัติเหตุ สิ่งแรกเลยที่เราต้องทำ คือ “ตั้งสติ” ครับ สติมาปัญญาเกิดครับ สติมาแล้ว ในใจให้รีบคิดรีบตัดสินใจเลยว่า “เลือกที่จะตามหรือไม่ตามคันที่ชนเรา”
2. เลือกที่จะตามหรือไม่ตามคันที่ชนเรา
หากเลือกที่จะตาม ตามไปทำไมล่ะ ก็ตามไปจำทะเบียนรถคันที่ชนเรายังไงล่ะครับ จำครับ ท่องจำป้ายทะเบียนให้ขึ้นใจ เดี๋ยวผมจะบอกข้อต่อๆไปว่าทำไมต้องพยายามจำให้ได้ แต่ถ้าเลือกที่จะตามก็ต้องระวังครับ เพราะถ้าเป็นเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ยิ่งยามวิกาลด้วยแล้ว ก็มีความเสี่ยงอันตรายนะครับ
และแน่นอนครับน้องเขาเลือกที่จะไม่ตาม เพราะเป็นเส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคย มืดๆ เปลี่ยวๆ และเธอมั่นใจว่า ติดกล้องหน้ารถแล้ว เดี๋ยวค่อยไปย้อนดูก็ได้ น้องเขาจึงเลือกที่จะหอบความตกใจ ขับรถกลับมาบ้านด้วยความระวัดระวังมากขึ้นก่อน เมื่อถึงบ้าน ทีนี้ก็มาถึงขึ้นตอนย้อนดูข้อมูลขณะเกิดเหตุในกล้องครับ คุณพระ! ป้ายทะเบียนรถที่ชนไม่ชัดเลยครับ เพราะเป็นตอนกลางคืน แสงน้อยครับ จากนั้นก็โทรแจ้งเคลมประกันว่าถูกชนแล้วหนี ด้วยความเศร้าสร้อยครับ ทางประกันได้แจ้งว่า กรณีนี้ต้องไปแจ้งความก่อน น้องจึงเลือกที่จะไปแจ้งความในวันรุ่งขึ้น
3. แจ้งความ ณ สถานีตำรวจที่เกิดเหตุ
วันรุ่งขึ้นผมพาน้องเขาไปแจ้งความ ซึ่งต้องไปแจ้งที่สถานีตำรวจ ในพื้นที่ที่เกิดเหตุนะครับ เพื่อนำใบบันทึกประจำวัน ไปยืนยันเหตุการณ์กับทางประกัน หลักฐานที่ใช้ก็ บัตรประชาชน คลิปเหตุการณ์ขณะเกิดอุบัติเหตุ (ถ้ามี)
4. แจ้งเคลมประกัน
ในการโทรแจ้งเคลมประกัน หลักฐานที่ต้องใช้ก็มีใบขับขี่ ใบบันทึกประจำวัน ทีนี้แหละครับ ทางประกัน แจ้งว่า น้องเขาเป็นฝ่ายผิดครับ (พิมพ์ไม่ผิดครับ น้องผมเป็นฝ่ายผิด!!) เพราะไม่มีเลขทะเบียนรถที่ชัดเจนของคันที่ชนเรา ถือว่าไม่มีคู่กรณีครับ ถึงน้องมีประกันฯชั้น 1 สามารถเคลมประกันฯได้ทุกกรณีก็จริง แต่จะมีค่าเสียหายส่วนแรก (ค่า excess*) 1,000 บาท ต่อเหตุการณ์ครับ แถมพอเป็นฝ่ายผิดแบบนี้ ปีหน้าค่าประกันขึ้นด้วยครับ ผมสงสารน้องมากครับ ถูกชนแล้วยังเสียตังค์เพิ่ม แต่ก็นะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ถือเป็นบทเรียนกันไป ผมจึงพาน้องไปกินไอติมปลอบใจ และบอกให้น้องส่งรถเข้าซ่อม ภายใน 1 ปี ตามที่ระบุในใบแจ้งความเสียหายครับ
ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดอยู่แล้วนะครับ แต่ถ้าเมื่อเวลาเกิดขึ้นมาแล้วเราก็ควรรวบรวมสติ และที่สำคัญที่สุด อย่าลืมต่อประกันภัยรถยนต์ทุกปีอย่าให้ขาด เพราะมันสำคัญมากๆกับการใช้รถบนท้องถนนครับ
สุดท้ายอยากฝากเพื่อนๆทุกคน โดยเฉพาะเพื่อนๆผู้หญิงนะครับ
- เซฟเบอร์โทรแจ้งเคลมประกันใส่มือถือไว้เลย เผื่อฉุกเฉิน จะให้ดีเซฟเบอร์ Roadside Assistance หรือบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. ของแบรนด์รถที่เราขับไว้ด้วยเลยครับ
- ซื้อกล้องติดรถทั้งที ลงทุนดีๆไปเลย เดี๋ยวนี้มีรุ่นใหม่ๆเทคโนโลยีล้ำๆออกมามากมาย เพิ่มตังค์อีกนิด ถ่ายชัดเวลากลางคืน อุ่นใจกว่าครับ
- สุดท้าย มีสติทุกการเดินทาง ตั้งสติก่อนสตาร์ท และขอให้ทุกคนเดินทางปลอดภัยนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจาก … K-Expert ครับ
*ค่า excess หรือ ค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ เป็นค่าเสียหายที่บังคับเก็บจากอุบัติเหตุที่...
(1) ไม่ได้เกิดจากการชน
(2) ชนแต่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้
(3) ไม่สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้รถเสียหายได้
แชร์ประสบการณ์ ชนแล้วหนี ทำไงต่อดี
เข้าเรื่องเลยละกัน น้องสาวที่ออฟฟิศผม เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กเล็กกกก แบบหน้าตาบ้องแบ๊ว
อ่ะ.. (จินตนาการตามอัธยาศัยเลยนะครับ) วันนั้นครับ เราไปปาร์ตี้กัน แต่แบบโนแอลกอฮอล์นะครับ ปาร์ตี้จบก็แยกกันกลับบ้าน ช่วงประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง เธอขับรถจากเส้นพระราม 2 มุ่งหน้าบางแค ซึ่งเป็นเส้นทางที่น้องเขาไม่คุ้นเคย ขับอยู่ดีๆ ถูกรถชนแล้วหนีไป น้องเขาตกใจมากครับ ทำอะไรไม่ถูก ก็แหม ผู้หญิงตัวเล็กๆ กลับบ้านคนเดียว กลางค่ำกลางคืน แถมรถที่ชนเป็นรถบรรทุกพ่วงสิบล้อครับ โอ้มายก๊อต เป็นผมก็คงตกใจไม่น้อยเหมือนกัน แต่โชคดีครับ แต้มบุญเธอยังเหลือ โดนชนแค่กระจกข้างแตกละเอียด ปลิวไปต่อหน้าต่อตาเลย ส่วนตัวเธอปลอดภัย ครบ 32 ผมก็โล่งใจไป ขวัญเอ๊ยขวัญมา
วันนี้ผมเลยมาแชร์ประสบการณ์ว่าโดนชนแล้วหนี เธอทำยังไงต่อบ้าง สรุปสั้นๆมาแชร์ให้เพื่อนๆ รู้ไว้ เผื่อหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา เพื่อนๆจะได้รับมือได้ครับ
เมื่อได้รับอุบัติเหตุ สิ่งแรกเลยที่เราต้องทำ คือ “ตั้งสติ” ครับ สติมาปัญญาเกิดครับ สติมาแล้ว ในใจให้รีบคิดรีบตัดสินใจเลยว่า “เลือกที่จะตามหรือไม่ตามคันที่ชนเรา”
2. เลือกที่จะตามหรือไม่ตามคันที่ชนเรา
หากเลือกที่จะตาม ตามไปทำไมล่ะ ก็ตามไปจำทะเบียนรถคันที่ชนเรายังไงล่ะครับ จำครับ ท่องจำป้ายทะเบียนให้ขึ้นใจ เดี๋ยวผมจะบอกข้อต่อๆไปว่าทำไมต้องพยายามจำให้ได้ แต่ถ้าเลือกที่จะตามก็ต้องระวังครับ เพราะถ้าเป็นเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ยิ่งยามวิกาลด้วยแล้ว ก็มีความเสี่ยงอันตรายนะครับ
และแน่นอนครับน้องเขาเลือกที่จะไม่ตาม เพราะเป็นเส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคย มืดๆ เปลี่ยวๆ และเธอมั่นใจว่า ติดกล้องหน้ารถแล้ว เดี๋ยวค่อยไปย้อนดูก็ได้ น้องเขาจึงเลือกที่จะหอบความตกใจ ขับรถกลับมาบ้านด้วยความระวัดระวังมากขึ้นก่อน เมื่อถึงบ้าน ทีนี้ก็มาถึงขึ้นตอนย้อนดูข้อมูลขณะเกิดเหตุในกล้องครับ คุณพระ! ป้ายทะเบียนรถที่ชนไม่ชัดเลยครับ เพราะเป็นตอนกลางคืน แสงน้อยครับ จากนั้นก็โทรแจ้งเคลมประกันว่าถูกชนแล้วหนี ด้วยความเศร้าสร้อยครับ ทางประกันได้แจ้งว่า กรณีนี้ต้องไปแจ้งความก่อน น้องจึงเลือกที่จะไปแจ้งความในวันรุ่งขึ้น
3. แจ้งความ ณ สถานีตำรวจที่เกิดเหตุ
วันรุ่งขึ้นผมพาน้องเขาไปแจ้งความ ซึ่งต้องไปแจ้งที่สถานีตำรวจ ในพื้นที่ที่เกิดเหตุนะครับ เพื่อนำใบบันทึกประจำวัน ไปยืนยันเหตุการณ์กับทางประกัน หลักฐานที่ใช้ก็ บัตรประชาชน คลิปเหตุการณ์ขณะเกิดอุบัติเหตุ (ถ้ามี)
4. แจ้งเคลมประกัน
ในการโทรแจ้งเคลมประกัน หลักฐานที่ต้องใช้ก็มีใบขับขี่ ใบบันทึกประจำวัน ทีนี้แหละครับ ทางประกัน แจ้งว่า น้องเขาเป็นฝ่ายผิดครับ (พิมพ์ไม่ผิดครับ น้องผมเป็นฝ่ายผิด!!) เพราะไม่มีเลขทะเบียนรถที่ชัดเจนของคันที่ชนเรา ถือว่าไม่มีคู่กรณีครับ ถึงน้องมีประกันฯชั้น 1 สามารถเคลมประกันฯได้ทุกกรณีก็จริง แต่จะมีค่าเสียหายส่วนแรก (ค่า excess*) 1,000 บาท ต่อเหตุการณ์ครับ แถมพอเป็นฝ่ายผิดแบบนี้ ปีหน้าค่าประกันขึ้นด้วยครับ ผมสงสารน้องมากครับ ถูกชนแล้วยังเสียตังค์เพิ่ม แต่ก็นะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ถือเป็นบทเรียนกันไป ผมจึงพาน้องไปกินไอติมปลอบใจ และบอกให้น้องส่งรถเข้าซ่อม ภายใน 1 ปี ตามที่ระบุในใบแจ้งความเสียหายครับ
สุดท้ายอยากฝากเพื่อนๆทุกคน โดยเฉพาะเพื่อนๆผู้หญิงนะครับ
- เซฟเบอร์โทรแจ้งเคลมประกันใส่มือถือไว้เลย เผื่อฉุกเฉิน จะให้ดีเซฟเบอร์ Roadside Assistance หรือบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. ของแบรนด์รถที่เราขับไว้ด้วยเลยครับ
- ซื้อกล้องติดรถทั้งที ลงทุนดีๆไปเลย เดี๋ยวนี้มีรุ่นใหม่ๆเทคโนโลยีล้ำๆออกมามากมาย เพิ่มตังค์อีกนิด ถ่ายชัดเวลากลางคืน อุ่นใจกว่าครับ
- สุดท้าย มีสติทุกการเดินทาง ตั้งสติก่อนสตาร์ท และขอให้ทุกคนเดินทางปลอดภัยนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจาก … K-Expert ครับ
(1) ไม่ได้เกิดจากการชน
(2) ชนแต่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้
(3) ไม่สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้รถเสียหายได้