ทำงานมาจนอายุ 30 แต่รู้สึกว่า "กระจอก"

ขออนุญาตมาเขียนระบายนะครับ เนื่องจากไม่รู้จะไปเล่าให้ใครฟัง ใครไม่อยากอ่านปิดได้เลยนะครับ

ปัจจุบันทำงานมาอายุ 30 เป็นพนักงานเอกชนครับ ทุกวันนี้ตำแหน่งยังเป็น Officer ระดับแรกเริ่มเหมือนเดิม ซึ่งโดยส่วนตัวไม่ได้ติดอะไรกับตำแหน่ง เพราะรู้ว่ามันเป็นแค่หัวโขน ความรู้และทักษะการทำงานสิสำคัญ ถ้าได้ทำอะไรใหม่ๆ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ แค่นั้นพอใจแล้ว อยากเก่งขึ้น ได้พัฒนาในทุกๆวัน และช่วยเหลือองค์กรวางแผนต่างๆ ที่เกิดผลดีต่อคนในองค์กร คนอื่นจะได้มีความสุข ได้ช่วยเหลือคนอื่นทำงานได้คล่อมากขึ้น ........ที่ว่ามา ทั้งหมดนี่คือคติประจำใจในการทำงานผมเลย

แต่ปัจจุบัน ได้ทำงานเยอะขึ้นจริง หลากหลายฟังชั่นมากขึ้น ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง แต่ติดตรงที่ เวลาผมวิเคราะห์อะไรก็แล้วแต่ มันดู "กระจอก" มากครับในสายตาผู้บริหารหรือหัวหน้า การวิเคราะห์และแก้ปัญหา แค่สามารถทำให้มันผ่านไปได้โดยไม่กระทบ แต่ไม่รู้จักปรับปรุงกระบวนการให้มันดีขึ้น บางทีคิดได้แต่ก็ไม่ทุ่มแรงลงมือทำให้เพียงพอ มัวแต่ไปทำงาน Routine Maintain ไปวันๆ

ทำไงถึงจะเก่งขึ้นได้สักที จริงๆผมก็พยายามฟัง Prod cast / Sharing / อ่านหนังสือต่างๆ แต่พอมาวิเคราะห์หรือคิด มันจะออกมาในทิศทางที่ "กระจอก" จนผู้บริหาร และหัวหน้ามักพากันส่ายหัว ตอนนี้ผมเลยรู้สึกท้อ หรือว่าเราจะพัฒนาไปในทางนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะพื้นฐานความคิดไม่ดี ต่อยอดไม่เป็นหรือเปล่า บางครั้งรู้สึกสงสารองค์กร เพื่อนร่วมงาน พ่อแม่ ที่ต้องมามีผมเป็นตัวถ่วงแข้งขา ถ้าหายๆไปน่าจะมีผลดีกับทุกคนมากกว่า จะได้มีคนมาแทน ที่ดี พัฒนาองค์กรและทีมไปได้ไกลกว่านี้

ขอโทษที่ต้องมาพิมอะไรใน Social แบบนี้นะครับ ไม่รู้จะไปเล่าให้ใครฟัง เพราะมันเป็นแค่ปัญหาของเรา ไม่ได้มีใครเขาจะอยากฟังอยู่แล้ว ผมเป็นคนไม่มีเพื่อนไม่มีแฟนด้วยครับ เพื่อนร่วมงาน ก็เป็นเพื่อนร่วมงาน ไม่ได้มีใครเขาอยากมาฟังปัญหาส่วนตัวหรอกครับ พ่อแม่เอง เขาก็คงไม่ได้อยากมาฟังเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอกครับ

ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ขอบคุณมากครับ หวังว่าสิ่งที่ผมพิม คงไม่ไปรบกวนชีวิตคุณกันครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ด้วยความเคารพนะครับ สุขภาพจิตพี่แย่มากแล้วครับ
ทัศนคติแบบกดตัวเองต่ำ ดูถูกตัวเอง ขอโทษคนไม่รู้จักในเวปบอร์ดที่ไม่มีใครรู้จักพี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดกระทู้ แถมยังปิดท้ายด้วยความรู้สึกผิดอีกครั้ง
ผมเคยอยู่ในจุดนั้น และพอเห็นภาพว่ามันรู้สึกแย่แค่ไหน ลองหาเวลาไปพบจิตแพทย์บ้างครับ

ผมชอบหัวข้อนี้นะ ผมเลยอยากแชร์ประสบการณ์บ้าง
ถ้ายังอยากเน้นทำงานบริษัท หัวโขนสำคัญครับ
อยากสร้าง impact ให้องค์กร ต้องอยู่ในตำแหน่งนั้นหรือมีโอกาสที่ได้นำเสนอครับ ซึ่งหัวโขนทำให้มีโอกาสมากกว่า
นอกจากว่า บ. flat มาก ก็ไม่นับเรื่องตำแหน่งมาก

ยังไม่นับโอกาสในการเติบโตอีกนะครับ ถ้าอยู่ในตำแหน่งที่สามารถตัดสินใจอะไรสักอย่างที่เกิดผลกระทบกับ process ได้
จะมี lesson learn อีกเยอะเลยครับ ทั้งการ manage คน, measure งาน แล้วมันจะเกิด feedback loop สะท้อนกลับมาให้รู้ว่าเราควรปรับปรุงตรงไหนได้อีก

ผมเคยอยู่ในจุดที่ได้แต่สงสัย process คนอื่น สงสัยระบบชาวบ้านว่าทำไมต้องคิดแบบนั้นแบบนี้ ทำไมไม่ทำแบบนั้นทำแบบนี้
สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นแรกๆเลยคือ คนที่จะขายต้องมั่นใจในตัวเองก่อนครับ เวลานำเสนอชาวบ้านก็ต้องทำการบ้านระดับนึง คืออย่างน้อยต้องแสดงให้เขาเห็นได้ว่าเรา well-thought นะ จากนั้นถึงผ่านหรือไม่ผ่าน อยู่ที่เราแล้วครับว่าเราเห็นข้อเสียในสิ่งที่เรากำลังทำไปไหม

การเก่งขึ้น ผมคิดว่าในแต่ละสายงานมันแตกต่างกันไป แต่สำหรับผมมีหลักๆไม่กี่ประเด็นครับ
1. การตั้งคำถาม
2. การสื่อสาร
3. ความเข้าใจในทฤษฏีและการประยุกต์
4. ประสบการณ์

สายงานผมโชคดีตรงมี used case ให้อ่านเยอะมาก ทฤษฏีก็อ่านสนุก แถมที่ทำงานมีแต่คนเก่งๆ เวลาอ่านอะไรไม่เข้าใจ ไม่เห็นภาพ เราลิสคำถามแล้วมา discuss ถึงการประยุกต์ในหัวข้อนั้นๆในที่ทำงานได้อีกครับ ซึ่งการ discuss มันใช้ทักษะการสื่อสารสูงมาก ทำให้ hard skill, soft skill พุ่งพรวดๆไปพร้อมๆกันได้เลย

ทั้งนี้ทั้งนั้น mental health สำคัญที่สุดครับ และเป็นจุดเริ่มของทุกความท้าทายเลยด้วยซ้ำมั้งสำหรับผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่