ทริปอินเดียครั้งนี้เป็นครั้งแรกคะ เดินทางไปกัน 4 คน เมื่อ 7-11 มีนาคม 2562 โดยเลือกเมืองชัยปุระ มหานครสีชมพู และอัครา ทริปนี้ต้องใช้เวลาเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลพอสมควร โดยคณะของเราเตรียมการดังนี้   1.ทำ E-VISA ผ่านระบบออนไลน์ โดยทำเองทั้งหมด เสียค่าใช้จ่ายประมาณ สองพันกว่าบาทต่อคน วันเดียวอนุมัติเลยคะ ทุกท่านสามารถ search หาเวปได้ใน google (ทำวีซ่าอินเดีย)   2. จองตั๋วสายการบินไทยสไมล์ ราคาไปกลับ ประมาณ 16,000 บาท 3.จองรถโดยอ่านผ่านรีวิวหลายๆที่ ซึ่งการจองรถในอินเดีย จะผ่านอีเมลล์กับบริษัท เขาจะตอบไวมาก จอง 4 วัน เที่ยว 2 เมือง ประมาณ 8,000 บาท ทางเมลล์นี้นะคะ ranthamborecab@gmail.com 4. เตรียมแลกเงินรูปี โดยจะต้องโทรจองร้านแลกไว้ก่อนล่วงหน้าประมาณ 1 วัน เช่นที่ super rich แต่เราโชคดีก่อนเดินทางพักแถวๆ สะพานควาย มีร้านแลกเงินเยอะจึงสามารถแลกได้เลย  เอาละในเมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วก้ไปกันเลยจ้า                                           วันที่ 1  สุวรรณภูมิ - ชัยปุระ ............ ลืมบอกว่าทำ sim2 fly ไปด้วยนะคร้า เพราะไม่มีร้านเปลี่ยนซิมให้เลยจ้านายจ๋าาาาาาาาาาาาาาาา เราก็ลืมทำซิม สรุปพึ่งพาเจ้าคุณหมอเพชะระ 4 คน แชร์ wifi กันสนุกสนาน ลำบากมาก............วันนี้เราไปถึงประมาณตี 2 เวลาอินเดียเร็วกว่าเรา 3 ชม. รถก็มารอรับเราเลย และพาไปส่งที่โรงแรมย่านเมืองเก่า ชื่อ อารยา นิวาส ตื่นเช้ามาแต่งองค์ทรงเครื่อง ลืมบอกไปว่าเราลงทุนซื้อชุดอินตะระเดียมาเต็มเลยอะ ใส่เสร็จเพื่อนหมอผู้ชายตกกะใจจ้า       
    เราเดินทางไปชมบ่อน้ำโบราณ จัน บาวรี ที่ชาวเมืองขุดไว้เพื่อตักน้ำมาใช้ มีความลึกประมาณ 30 เมตรเลยทีเดียว 

       การเดินทางไปแต่ละเมืองใช้เวลาพอสมควร เราไม่สามารถที่จะแวะจอดรับประทานอาหารริมถนนได้เลย เนื่องจากมีฝุ่นเยอะ ทางคนขับรถได้พาแวะทานอาหารของโรงแรม หรือร้านที่มีกระจกปิดกันฝุ่น  ช่วงสายๆ เราก็เดินทางถึงอัครา อดีตเมืองหลวงของอินเดียในสมัยที่ยังเรียกว่า "ฮินดูสถาน" เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมนา ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ในรัฐอุตตรประเทศ  เราได้แวะชม ฟาเตห์ปูร์ สิครี โดยต้องนั่งรถบัสขึ้นไป ได้ชมอาคารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นที่ประทับของผู้ครองนคร

      บรรยากาศ และความแข็งแกร่งของสถานที่ทำให้เรารู้สึกว่า ความยิ่งใหญ่ในอดีตนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ อินเดียมีหลากหลายแคว้น หลากหลายศาสนา ความศรัทธาที่ยิ่งใหญ่  เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ มีอะไรบ้าง มาติดตามกันเลยจ้า
       - ก่อนจะเข้าที่พักในคืนนี้ คนขับพาเราไปชม ทัชมาฮาลในยามเย็นก่อนตะวันตกดิน ซึ่งจะเป็นมุมด้านหลังของทัชมาฮาล ฝูงนกบินลัดฟ้าข้ามแม่น้ำยมนา สายน้ำที่ไหลผ่านอย่างเยือกเย็น มองไปเห็นปราสาทหินอ่อนสีขาวอยู่ไกลๆ ตั้งตระหง่านรอคอยความรักที่อาจหวนคืนกลับมาในวันใดวันนึง
     
         เขียนรีวิวไป ก็อยากไปอีกสักครั้ง ช่วงที่มีการสร้างทัชมาฮาล ก็จะอยู่ในสมัยอยุธยาของเรา เอาละวันนี้คุ้มค่าละ หลายๆ คนมีความฝันอยากมาชม แนะนำว่าอย่าให้เป็นเพียงความฝัน ตราบใดที่ยังมีกำลัง ให้รีบมาเถอะคะ และคืนนี้เราก็นอนพักกันที่ แมริออท โรงแรม 5 ดาว สะดวกสบาย ก่อนเข้านอนยังได้เต้นร่วมวงกับเจ้าบ่าว เนื่องจากมีพิธีแต่งงานของชาวอินเดียอีกด้วย อย่างว่าแขกไม่ได้รับเชิญ เลยเต้นได้แปบเดียว อิอิ                                                  วันที่ 2 ของการชมเมือง ตื่นตั้งแต่ตี 5 ต้องรีบออกจาก รร. เพื่อไปชมทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรักของโลก ระหว่างพระนางมุมตัช และสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน  ต้องตื่นเช้าเพราะนักท่องเที่ยวจากทั่วมุมโลกมาเยอะมาก เข้าแถวยาว และตรวจหลายด่านกว่าจะถึงด้านใน เดินไกลพอสมควร โชคดีของการเป็นคนไทย ถือหนังสือเดินทางไทยไปยื่น จะได้รับส่วนลดเกือบทุกสถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นประเทศคู่สัญญากับอินเดียนะจ๊ะ 

    เหนือคำบรรยายสำหรับทัชมาฮาล นอกจากนี้ยังมีอีกหลายมุมให้เดินชมได้ทั่ว ส่วนภายในทัชมาฮาล จะต้องต่อแถวเข้าชม ห้ามบันทึกภาพ เพราะเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัส จากนั้นเราก็ออกมาที่ป้อมริมแม่น้ำ ชมบรรยากาศโบราณๆ ก่อนจะกลับที่พัก และเดินทางไปป้อมอัครา                                     ป้อมแห่งนี้สร้างอย่างใหญ่โตมโหฬาร เพื่อป้องกันข้าศึกที่จะมาโจมตี มีมุมลึกลับที่สามารถสะท้อนเสียงให้ได้ฟัง แต่ที่น่าเศร้าคือมุมที่ สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ถูกคุมขังจนสิ้นพระชนม์ ก่อนจะสิ้นพระชนม์ก็ได้นั่งมองทัชมาฮาลทุกวี่วัน เพื่อรำลึกถึงคนรักที่ได้ล่วงลับไปก่อนหน้า                             
     ที่เราเห็นไกลๆ คือทัชมาฮาลนั่นเองคะ ชมความอลังการเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางกลับไปยังชัยปุระ คืนนี้เราพักกันที่โรงแรม Umaid Mahal ซึ่งเป็นโรงแรมที่อดีตพระราชวงศ์เคยใช้เป็นที่พำนัก จะมีภาพประดับตกแต่งเล่าเรื่องราวของราชวงศ์อินเดียในสมัยต่างๆ ใครได้ไปนอนจะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนมหาราชา มหารานีเลยทีเดียว เพราะทีมเราต้องวิ่งกันหลายรอบ กว่าจะหากันเจอ

   วันที่ 3 วันนี้เที่ยววันสุดท้ายก่อนจะเดินทางกลับ ทางคณะเรามีความตั้งใจจะชมเมืองมหานครสีชมพูให้ครบครัน เริ่มด้วย ฮาวามาฮาล หรือพระราชวังแห่งสายลม สวยสด งดงาม ฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านกาแฟสามารถนั่งดื่มและถ่ายภาพ ชิคๆ ได้ตามใจชอบเลยจ้า


    เป็นไงละคะ สีชมพูทั้งเมืองเลย บอกแล้วว่าสวยสด งดงาม แต่ระมัดระวังตอนเดินข้ามถนนกันนิดนึงนะคะ รถเยอะมาก และปวดหัวกับเสียงแตรดังทั้งวัน ยังไม่หมดนะคะ พลาดไม่ได้คือพระราชวังชัยปุระ มหานครที่ยิ่งใหญ่  เรามีโอกาสได้เข้าชมทั้งกลางวัน และกลางคืนเลยคะ ค่าเข้าชมประมาณคนละ 1,500 บาท ไม่รวมค่าไกค์นะคะ ถือว่าแรงพอสมควร
   
  การสร้างห้องต่างๆ ภายในพระราชวังมีความลึกลับ บางห้องสามารถบันทึกภาพโดยมีโฟกัสไปยังมุมใดมุมหนึ่ง เป็นที่น่าเสียดายที่บางมุมเราไม่สามารถบันทึกภาพได้ เช่นห้องบรรทมของมหารานี เพราะมีสิ่งของส่วนพระองค์ที่งดงามล้ำค่ามาก เช่นสาหรี่ เครื่องประดับต่างๆ ตอนดึกเรายังได้ชมภาพยนต์สั้นๆ ในวังที่เล่าเรื่องราวของมหาราชาองค์ก่อนๆ ของชัยปุระ ผ่านภาพฉายที่ฝาผนัง ซึ่งมหารานีของชัยปุระแต่ละพระองค์มีรูปโฉมงดงาม ได้รับการกล่าวขานต่อหลายยุคหลายสมัย และยังมีความสัมพันธ์กับไทยเราอย่างยาวนาน
     คงต้องอำลาทริปนี้เพียงเท่านี้ อินเดียยังมีอีกหลายเมืองให้เราได้ไปชม ไปตามรอยอารยธรรมกันนะคะ  .................. นมัสเต อินเดีย...................