ความประทับใจจากการทำงานของค่ายมือถือหนึ่ง

เนื่องจาก แม่ของเราเป็นลูกค้าทรูมูฟ เอช ก่อนหน้านี้ได้สมัครโปรโมชั่นอินเทอร์เน็ตทุกๆ 30 วัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีเจ้าหน้าที่โทรมาเสนอโปรโมชั่นรายเดือนให้ ซึ่งพนักงานก็คุยไปจนมาถึงราคาที่ต้องจ่าย อยู่ในเรทที่แม่รับได้ คือประมาณ 220 บาท/เดือน เป็นโปรเน็ตไม่จำกัดก็คือใช้ได้เรื่อยๆ ถึงแม้ความเร็วจะถูกปรับลดลงก็ตาม หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือน ก็มีเจ้าหน้ามี่โทรเข้ามาเสนอโปรโมชั่นให้แม่อีกครั้ง โดยแจ้งว่า แม่ใช้อินเทอร์เน็ตต่อเดือนเยอะมาก เลยเสนอโปร 899บาท ลด 50% ได้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 12 GB หลังจากหมดความเร็วสูงสุดสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ต่อเนื่องในความเร็วที่ลดลง โทรฟรีทุกเครือข่าย 500 นาที ซึ่งแม่ก็ดันไปตอบตกลงกับพนักงานอีก เพราะเชื่อว่าตัวเองใช้เน็ตเยอะมาก(ปกติแม่จะใช้ไม่เกิน 12 GB) เมื่อไม่กี่วันนี้เราเลยโทรหาคอลเซ็นเตอร์ เพื่อที่จะเปลี่ยนจากรายเดือนเป็นเติมเงิน แต่พนักงานแจ้งว่า ทำให้ไม่ได้ ลูกค้าต้องไปติดต่อที่ศูนย์บริการเอง เราเลยถามว่า แล้วตอนที่โทรมาเสนอให้แม่เปลี่ยนจากเติมเงินเป็นรายเดือนทำไมทำผ่านคอลเซ็นเตอร์ได้เลย แม่เราไม่ต้องลงลายมือชื่อเลยเหรอ ทางพนักงานก็เงียบไป และแจ้งกลับมาว่าต้องขอโทษลูกค้าด้วยนะคะ แต่ลูกค้าสามารถไปติดต่อที่ศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนได้เลยค่ะ เราก็ถามกลับเหมือนเดิมว่าตอนเปลี่ยนยังเปลี่ยนได้เลย แต่พอเราจะเปลี่ยนกลับทำไมทำไม่ได้และแม่ก็ไม่สะดวกเดินทางเข้าไปในเมือง ทำให้เลยไม่ได้เหรอ แล้วโทรมาเสนอโปรให้กับคนแก่แบบนี้เหรอ พนักงานก็บอกแต่ว่าให้ไปติดต่อที่ศูนย์ ถ้าแม่ไม่สะดวก ก็ให้เรานำบัตรประชาชนตัวจริงของเจ้าของเบอร์ไปด้วย เราก็เลยเอาบัตรแม่ไปศูนย์ แต่ที่ศูนย์บอกว่าไม่ได้ ต้องมีใบมอบอำนาจด้วย เราเลยบอกศูนย์ว่าคอลเซ็นเตอร์บอกแค่เอาบัตรตัวจริงมานี่คะ สรุปคือต้องให้แม่เซ็นใบมอบอำนาจ อีกอย่างตอนที่พนักงานโทรมาแนะนำให้แม่เปลี่ยนโปรเป็น 899 พนักงานบอกกับแม่เราว่า ค่าใช้จ่ายบิลของโปรเก่า(220บาท) ไม่ต้องจ่ายนะ รอจ่ายของ 899 อันเดียวพอ แต่พอครบรอบบิล ดันมีค่าใช้จ่าย 220 บาทมาด้วย และวันนี้แม่โทรมาบอกเราว่าบิล 450 บาทมาแล้วนะ เราก็งงสิ ไหนพนักงานบอก 220 ไม่ต้องจ่าย แต่ทำไมยังมีบิลมาให้เราไปจ่ายอีก เราเลยเกิดข้อสงสัยว่า ..

1. โปรโมชั่น 220บาท/เดือนที่แม่ใช้อยู่ในตอนแรกมันก็เป็นเน็ตแบบไม่จำกัดแค่ความเร็วลดลง ทำไมพนักงานถึงโทรมาบอกว่าแม่ใช้เน็ตเยอะ และพูดโน้มน้าวให้แม่เปลี่ยนเป็นโปรที่แพงกว่าเดิม ทั้งที่เปลี่ยนมาก็เน็ตไม่จำกัดเหมือนกัน ความเร็วก็ลดลงเหมือนกัน

2. การเปลี่ยนจากระบบเติมเงินเป็นรายเดือนผ่านคอลเซ็นเตอร์ไม่ต้องมีการลงลายมือชื่อใดๆ เลยหรือ? ไม่เอาหลักฐานอย่างบัตรประชาชนเลยหรือ? 

3. ตอนเปลี่ยนเป็นโปร 899 ลด 50% พนักงานบอกกับแม่ว่าไม่ต้องจ่ายของโปรเก่า (220) ให้รอจ่ายของโปรใหม่ก็พอ แต่ทำไมครบรอบบิลกลับมีบิลค่าใช้จ่ายมาทั้ง 2 โปร

ตอนนี้เครียดมากค่ะ เครียดกันหมดทั้งครอบครัวนี่แหละ  ทำไมทางค่ายมือถือถึงทำกันแบบนี้ ลูกค้าจะใช้เน็ตเยอะหรือน้อย ยังไงโปรก็ไม่จำกัดอยู่แล้ว ทำไมถึงโทรมาให้เปลี่ยนแถมแพงขึ้น เน็ตความเร็วสูงสุดก็ได้ไม่เยอะ แต่ได้นาทีโทรเยอะ แม่เราไม่ได้มีธุรกิจโทรอะไรขนาดนั้นค่ะ แล้วแม่ยังมาโวยวายใส่เราว่าทำไมมี 2 บิล ไหนบอกจ่ายแค่บิลเดียว อยากให้ทางค่ายปรับปรุงค่ะ ไม่ควรที่จะมีการโทรมานำเสนอโปรรายเดือนให้กับลูกค้า ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าลูกค้าสนใจ เดี๋ยวเข้าไปติดต่อเอง ไม่งั้นคนแก่อีกหลายคนที่เขาไม่มีความรู้เขาก็ตกลงเปลี่ยนกันหมด คนที่ตกเป็นเหยื่อง่ายๆ ก็คือคนแก่นี่แหละค่ะ วันเสาร์นี้จะพาแม่เข้าไปติดต่อที่ศูนย์บริการด้วยตนเอง ถ้าถามแล้วไม่ได้ความกระจ่างใดๆ จะย้ายค่ายให้แม่ค่ะ ถึงจะเอาโปรมาหลอกล่อเพื่อไม่ให้ย้ายค่ายก็จะย้ายค่ะ 

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่