ผมตื่นผวาขึ้นตอนตีสาม เสียงเอะอะของฝูงชน พุ่งผ่านมาถึงหูผม เมื่อมองไปยังที่มาของเสียง
ผมเห็นเครื่องบินรบหลายลำ ใจผมกระสับกระส่าย ผมรู้ดีว่า ชั่วโมงมรณะมาถึงอีกแล้ว
สงครามระหว่างฝรั่งเศสกับอังกฤษ เกิดขึ้นมาหลายเดือน ไม่มีทีท่าจะหยุด ผมพาลูกชายหนีไปเรื่อยจากยุโรปตอนใต้ ขึ้นเหนือ
"ลุกขึ้นเปาโล เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้" ผมออกคำสั่ง พร้อมเขย่าหัวไหล่ลูก
"ไปไหนฮะ" เปาโลถามอย่างสะลึมสะลือ เขาอายุแปดปีเจ็ดเดือน กับอีกสิบเจ็ดวัน ผมสีน้ำตาล ตาสีฟ้า ใบหน้าเล็กขาวซีด เขาสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ และมอมแมม
"เราต้องหนีไปที่โบสถ์" ผมเอ่ยขึ้น
ผมไม่อยากให้เขารับรู้ความเป็นไปรอบกายนัก เพราะเขายังเด็ก ผมได้แต่ภาวนาขอให้เรื่องนี้จบเร็ว ๆ เสียที
อากาศหนาวมาก แต่หน้าผากผมกลับชื้นเหงื่อ ไม่นานฟ้าครึ้ม ฝนก็เริ่มลงเม็ด
เรารีบวิ่งเข้าไปในโบสถ์ มันเป็นห้องยาวกว้าง หน้าต่างประดับด้วยกระจกสี ทำให้ภายในมีแสงสว่างอยู่บ้าง
เราเดินขึ้นบันไดไปข้างบน ที่นี่เงียบสงัด ดูวังเวง แสงจันทร์ที่สาดส่องดูรอบข้าง ทำให้ผมมองเห็นว่าบนพื้นมี เศษแก้ว และจานโบราณ เหมือนถูกสร้างขึ้นในศตรรษที่สิบสาม
"ผมหิวจังเลยฮะ" เปาโลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอาย ๆ
"อดทนไปก่อน" ผมบอก
สงครามบีบผมกลายเป็นคนเด็ดเดี่ยว
ผมได้เรียนรู้ว่า ความอ่อนโยนเหมือนดาบเล่มคม เพราะนำพาความเจ็บปวดที่แสนทรมานมาให้
บทเรียนชีวิตนี้ผมได้มาจาก การสูญเสียแม่รี่ ภรรยาของผมเอง แม่ของเปาโล เธอไม่ค่อยแข็งแรงนัก แต่ตอนนั้นเราตัองเดินทางต่อเนื่องตลอดห้าวัน
"เรารีบไปกันเถอะค่ะ ชักช้าเดี๋ยวไม่จะทันการ" แม่รี่มักจะพูดอย่างนั้นเสมอ เธอมีเส้นผมดำขลับ ดวงตาสีฟ้าอ่อน ร่างกายซูบผอม
"คุณควรหยุดพักสักหน่อย ร่างกายคุณจะรับไม่ไหวนะ" ผมบอกเธออย่างนั้น
ผมให้เธอได้พักบ่อย ๆ แต่ไม่นานนัก ทหารฝรั่งเศสก็ตามมาทัน
เธอถูกยิงเข้าที่หน้าอกสามนัด มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนเราไม่ทันตั้งตัว
ผมและเปาโลหนีรอดมาได้.. คนที่เราไม่อยากให้ตาย มักชิงตายก่อนเราเสมอ....
หลังจากเสียแมรี่ไปเมื่อสิบเดือนก่อน เราจึงเหลือกันแค่สองคนพ่อลูก
จริงอยู่ผมทรมาน กระวนกระวาย เต็มไปด้วยความรู้สึกกังวล
แต่... ผมก็ดูแลเปาโลอย่างดีเสมอ ผมรักเขามาก
ผมมองออกไปที่หน้าต่าง ฝนยังตกอยู่ ทันใดนั้น มีเสียงวืดแทรกขึ้นมาในอากาศ
ลูกระเบิด จากเครื่องบินร่วงลงมา แรงระเบิดนั่น ทำให้พวกเรา กระเด็นออกไปไกลมาก
สิ่งก่อสร้างกลายเป็นซากปรักหักพัง ฝุ่นฟุ้งตลบ หลังจากนั้นอะไรเป็นอะไร ผมไม่สามารถรับรู้ได้ รู้เพียงว่าเราทั้งคู่ถูกหามใส่เปลมาโรงพยาบาล
เมื่อรู้สึกตัวอีกที ผมพบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาเล็ก ๆ ฝุ่นจับเขรอะ
ที่นี่เงียบมาก คงเพราะไม่ค่อยมีคน โรงพยาบาลแห่งนี้มีขนาดใหญ่ และเก่ามาก ราวกับมีการต่อเติมอาคารหลายต่อหลายครั้ง
ตรงหน้าต่างข้างเตียงนั้นมีหยากไย่ขึ้นเต็มไปหมด
เปาโลนอนอยู่บนเตียง มีผ้าปิดตา มือถูกพันแผลไว้แน่น
ผมได้คุยกับคุณหมอฮิลตันเมื่อครู่ เขาเป็นชายวัยห้าสิบเศษ ศรีษะล้านเลี่ยน หนวดเคราขาว ท่าทางกระฉับกระเฉงอยู่เสมอ เขาบอกว่า เปาโลสูญเสียการมองเห็น
คืนนั้นเปาโลตื่นขึ้นมากลางดึก พลางร้องเรียกหาผม
"พ่อ....พ่อ !! ตาผมมองไม่เห็นอะไรเลย ผมกลัว....!!!" เขาตวัดแขนขาไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ผมว่า "ใจเย็น ๆ ฟังนะ หมอบอกว่า ตาของลูก ไม่มีวันมองเห็นได้อีกแล้ว..." ผมพยายามเข้าไปกดเขาให้สงบลงบนเตียง แต่เขาดิ้น และเตะใส่ผม ผมตะโกนใส่เขา
“หยุดได้แล้ว เปาโล !! หยุดเสียที !!! " หลังจากนั้นเขาเริ่มสงบลง แต่ยังสะอึกสะอื้นเสียงดัง
ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าจะรับมือสถานการณ์ตรงหน้าต่อไปอย่างไร
ผมทำได้เพียงเฝ้ามองดูเขาเงียบ ๆ บางทีความเงียบก็เชื่อมโยงเราในแบบที่คำพูดทำไม่ได้
หลายวันก่อนหน้านี้ แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เปาโลไม่เคยรู้เลยว่า ความสิ้นหวังนั้นเป็นอย่างไร เขามองหาความสุขจากทุกสิ่งรอบตัวได้เสมอ เขารักธรรมชาติ รักทุกคนรอบตัว และมีความหวังอยู่เสมอ
จิตใจของเปาโลบริสุทธิ์ เปิดเผย ตรงไปตรงมา แต่พอสูญเสียการมองเห็น เขาดูเหมือนจะสิ้นเรี่ยวแรงลงในทันทีทันใดอย่างน่าประหลาดใจ
เขาแสดงท่าทางขุ่นเคืองทุกสิ่งรอบตัว จากนั้นก็ลงโทษตัวเองว่าไม่น่าเลย
ผมคิดว่า ความรู้สึกเปาโล คงเหมือนคนที่เคยเปิดประตูออกไปเจอโลกใหม่อันกว้างใหญ่ โลกใบนั้น ตื่นเต้น น่าค้นหา ท้าทายหัวใจ... ประตูนั้นก็เปิดกว้างรออยู่ แต่เขากลับพบว่า เขาก้าวออกไปไม่ได้อีกแล้ว
ค่ำคืนผ่านไปอย่างช้า ๆ ผมนอนไม่หลับ
คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมรู้สึกเจ็บในอกลึก ๆ ความโศกเศร้าถาโถมมาอย่างต่อเนื่อง
ผมได้ยินเสียงเขาร้องไห้ในความมืดอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดเขาพยายามลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเล คลำกำแพงเดินหาสวิทช์ไฟ
เขากดปิด กดเปิด สวิทช์ไฟ อยู่อย่างนั้น จนผมถามออกไปว่า
"ลูกทำอะไรนะ"
"ผมอยากมองเห็นฮะ" เปาโลตอบ ก่อนจะร้องให้ โฮ.....
"พ่อทำให้ผมมองเห็นที ผมไม่ต้องการเป็นภาระของใคร ชีวิตผมจบสิ้นแล้ว"
"ใครว่าจบ!! " ผมพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
"อย่างน้อยตอนนี้ ชีวิตและความตายยังโลดแล่นอยู่ ชีวิตลูกเพิ่งจะเริ่มต้นต่างหาก ไม่ช้าก็เร็ว ลูกจะปรับตัวได้... เวลาจะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายเอง... มาเริ่มกันใหม่ ไม่ใช่ยอมแพ้ !!!"
พยาบาลเดินผ่านมาพอดี ผมจึงรีบลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอก ยืนสูดอากาศที่สดชื่นตรงระเบียง
ลมพัดกรรโชกแรงเป็นพัก ๆ มันเยียบเย็นมากทีเดียว ผมขยับคอเสื้อให้แนบชิดลำคอยิ่งขึ้น แต่ความหนาวเย็นก็แทรกเข้ามา ดูเหมือนเสื้อผ้าของผมจะโปร่งบางจนเกินไป
"อาการของคุณเป็นยังไงบ้างคะ" พยาบาลเดินออกมาถามผม
หล่อนมีเส้นผมสีทองเป็นประกาย ดวงตาสีเขียวเข้ม โครงหน้าสวยสะดุดตา อายุอานามของหล่อนคงไม่มากไปกว่าสามสิบ ผมสังเกตว่า ทุกคนที่นี่ดูเหมือนจะชื่นชอบหล่อนกันทั้งนั้น
ผมรู้ว่าหล่อนเป็นคนประเภทที่มีความดีซ่อนอยู่ภายใน ผมไม่แน่ใจนักว่าสิ่งใดกันทำให้ผมสรุปกับตัวเองเช่นนั้น
"ก็ไม่สู้ดีนักหรอกครับ" ผมตอบไปอย่างแผ่วเบาโรยแรง
แขนซ้ายผมถูกตัดทิ้งเพราะแรงระเบิด เส้นผมโดนไฟไหม้เกือบหมด ใบหน้ามีแผลที่ช่วงคอยาวถึงหน้าอก มันเป็นแผลไฟไหม้ขนาดใหญ่ที่ทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก ผมแทบยืนไม่ไหวอยู่แล้ว.....
"คุณคงลำบากมากนะคะ ไหนจะเจอกับความเจ็บปวดของตัวเอง และไหนจะต้องดูแลลูกชายตาบอดอีก" พยาบาลว่า
นัยน์ตาผมมีน้ำใส ๆ เอ่อขึ้น
"ใช่ครับ มันเจ็บปวด จนแทบอยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด.... แต่ผมจะยอมตายไม่ได้ !!! ถ้าผมตาย เขาจะอยู่ได้อย่างไร ! เขาไม่มีใครอีกแล้วในโลกใบนี้ นอกจากผม...."
เสียงกริ๊กที่ประตูดังขึ้น ผมกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แม้เปาโลมองไม่เห็น แต่เขาก็จ้องผมนิ่ง ไม่เอ่ยอะไรอยู่พักใหญ่....
ผมจ้องเขม็งกลับไปที่ดวงตาเขา นับตั้งแต่เขาเกิดมา ผมไม่เคยเห็นแววตาที่ลุกไหม้ ราวเปลวไฟแบบนี้ของเขามาก่อน
ในที่สุดเปาโล ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงสั่นเครือ
"จริงครับพ่อ ผมสิ้นหวังกับเรื่องดวงตา.... แต่..... แต่ผมจะไม่สิ้นหวังกับตัวเองเด็ดขาด !!! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะมีชีวิตอยู่ฮะพ่อ !!"
ปล. เรื่องสั้นนี้มีพื้นฐานจากเรื่องจริง ได้แรงบันดาลใจ มาจากข่าวในซีเรีย ครับ
https://www.facebook.com/watch/?v=2050747075173779
DS 0 | เรื่องสั้น ทิ้งดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว (งานเขียนชิ้นแรกครับ)
ผมได้เรียนรู้ว่า ความอ่อนโยนเหมือนดาบเล่มคม เพราะนำพาความเจ็บปวดที่แสนทรมานมาให้
บทเรียนชีวิตนี้ผมได้มาจาก การสูญเสียแม่รี่ ภรรยาของผมเอง แม่ของเปาโล เธอไม่ค่อยแข็งแรงนัก แต่ตอนนั้นเราตัองเดินทางต่อเนื่องตลอดห้าวัน
"เรารีบไปกันเถอะค่ะ ชักช้าเดี๋ยวไม่จะทันการ" แม่รี่มักจะพูดอย่างนั้นเสมอ เธอมีเส้นผมดำขลับ ดวงตาสีฟ้าอ่อน ร่างกายซูบผอม
"คุณควรหยุดพักสักหน่อย ร่างกายคุณจะรับไม่ไหวนะ" ผมบอกเธออย่างนั้น
ผมให้เธอได้พักบ่อย ๆ แต่ไม่นานนัก ทหารฝรั่งเศสก็ตามมาทัน
เธอถูกยิงเข้าที่หน้าอกสามนัด มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนเราไม่ทันตั้งตัว
ผมและเปาโลหนีรอดมาได้.. คนที่เราไม่อยากให้ตาย มักชิงตายก่อนเราเสมอ....
หลังจากเสียแมรี่ไปเมื่อสิบเดือนก่อน เราจึงเหลือกันแค่สองคนพ่อลูก
จริงอยู่ผมทรมาน กระวนกระวาย เต็มไปด้วยความรู้สึกกังวล
แต่... ผมก็ดูแลเปาโลอย่างดีเสมอ ผมรักเขามาก
ผมมองออกไปที่หน้าต่าง ฝนยังตกอยู่ ทันใดนั้น มีเสียงวืดแทรกขึ้นมาในอากาศ
ลูกระเบิด จากเครื่องบินร่วงลงมา แรงระเบิดนั่น ทำให้พวกเรา กระเด็นออกไปไกลมาก
สิ่งก่อสร้างกลายเป็นซากปรักหักพัง ฝุ่นฟุ้งตลบ หลังจากนั้นอะไรเป็นอะไร ผมไม่สามารถรับรู้ได้ รู้เพียงว่าเราทั้งคู่ถูกหามใส่เปลมาโรงพยาบาล
ที่นี่เงียบมาก คงเพราะไม่ค่อยมีคน โรงพยาบาลแห่งนี้มีขนาดใหญ่ และเก่ามาก ราวกับมีการต่อเติมอาคารหลายต่อหลายครั้ง
ตรงหน้าต่างข้างเตียงนั้นมีหยากไย่ขึ้นเต็มไปหมด
เปาโลนอนอยู่บนเตียง มีผ้าปิดตา มือถูกพันแผลไว้แน่น
ผมได้คุยกับคุณหมอฮิลตันเมื่อครู่ เขาเป็นชายวัยห้าสิบเศษ ศรีษะล้านเลี่ยน หนวดเคราขาว ท่าทางกระฉับกระเฉงอยู่เสมอ เขาบอกว่า เปาโลสูญเสียการมองเห็น
คืนนั้นเปาโลตื่นขึ้นมากลางดึก พลางร้องเรียกหาผม
"พ่อ....พ่อ !! ตาผมมองไม่เห็นอะไรเลย ผมกลัว....!!!" เขาตวัดแขนขาไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ผมว่า "ใจเย็น ๆ ฟังนะ หมอบอกว่า ตาของลูก ไม่มีวันมองเห็นได้อีกแล้ว..." ผมพยายามเข้าไปกดเขาให้สงบลงบนเตียง แต่เขาดิ้น และเตะใส่ผม ผมตะโกนใส่เขา
“หยุดได้แล้ว เปาโล !! หยุดเสียที !!! " หลังจากนั้นเขาเริ่มสงบลง แต่ยังสะอึกสะอื้นเสียงดัง
ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าจะรับมือสถานการณ์ตรงหน้าต่อไปอย่างไร
ผมทำได้เพียงเฝ้ามองดูเขาเงียบ ๆ บางทีความเงียบก็เชื่อมโยงเราในแบบที่คำพูดทำไม่ได้
หลายวันก่อนหน้านี้ แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เปาโลไม่เคยรู้เลยว่า ความสิ้นหวังนั้นเป็นอย่างไร เขามองหาความสุขจากทุกสิ่งรอบตัวได้เสมอ เขารักธรรมชาติ รักทุกคนรอบตัว และมีความหวังอยู่เสมอ
จิตใจของเปาโลบริสุทธิ์ เปิดเผย ตรงไปตรงมา แต่พอสูญเสียการมองเห็น เขาดูเหมือนจะสิ้นเรี่ยวแรงลงในทันทีทันใดอย่างน่าประหลาดใจ
เขาแสดงท่าทางขุ่นเคืองทุกสิ่งรอบตัว จากนั้นก็ลงโทษตัวเองว่าไม่น่าเลย
ผมคิดว่า ความรู้สึกเปาโล คงเหมือนคนที่เคยเปิดประตูออกไปเจอโลกใหม่อันกว้างใหญ่ โลกใบนั้น ตื่นเต้น น่าค้นหา ท้าทายหัวใจ... ประตูนั้นก็เปิดกว้างรออยู่ แต่เขากลับพบว่า เขาก้าวออกไปไม่ได้อีกแล้ว
ค่ำคืนผ่านไปอย่างช้า ๆ ผมนอนไม่หลับ
คืนนี้เป็นคืนแรกที่ผมรู้สึกเจ็บในอกลึก ๆ ความโศกเศร้าถาโถมมาอย่างต่อเนื่อง
ผมได้ยินเสียงเขาร้องไห้ในความมืดอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดเขาพยายามลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเล คลำกำแพงเดินหาสวิทช์ไฟ
เขากดปิด กดเปิด สวิทช์ไฟ อยู่อย่างนั้น จนผมถามออกไปว่า
"ลูกทำอะไรนะ"
"ผมอยากมองเห็นฮะ" เปาโลตอบ ก่อนจะร้องให้ โฮ.....
"พ่อทำให้ผมมองเห็นที ผมไม่ต้องการเป็นภาระของใคร ชีวิตผมจบสิ้นแล้ว"
"ใครว่าจบ!! " ผมพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
"อย่างน้อยตอนนี้ ชีวิตและความตายยังโลดแล่นอยู่ ชีวิตลูกเพิ่งจะเริ่มต้นต่างหาก ไม่ช้าก็เร็ว ลูกจะปรับตัวได้... เวลาจะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายเอง... มาเริ่มกันใหม่ ไม่ใช่ยอมแพ้ !!!"
ลมพัดกรรโชกแรงเป็นพัก ๆ มันเยียบเย็นมากทีเดียว ผมขยับคอเสื้อให้แนบชิดลำคอยิ่งขึ้น แต่ความหนาวเย็นก็แทรกเข้ามา ดูเหมือนเสื้อผ้าของผมจะโปร่งบางจนเกินไป
"อาการของคุณเป็นยังไงบ้างคะ" พยาบาลเดินออกมาถามผม
หล่อนมีเส้นผมสีทองเป็นประกาย ดวงตาสีเขียวเข้ม โครงหน้าสวยสะดุดตา อายุอานามของหล่อนคงไม่มากไปกว่าสามสิบ ผมสังเกตว่า ทุกคนที่นี่ดูเหมือนจะชื่นชอบหล่อนกันทั้งนั้น
ผมรู้ว่าหล่อนเป็นคนประเภทที่มีความดีซ่อนอยู่ภายใน ผมไม่แน่ใจนักว่าสิ่งใดกันทำให้ผมสรุปกับตัวเองเช่นนั้น
"ก็ไม่สู้ดีนักหรอกครับ" ผมตอบไปอย่างแผ่วเบาโรยแรง
แขนซ้ายผมถูกตัดทิ้งเพราะแรงระเบิด เส้นผมโดนไฟไหม้เกือบหมด ใบหน้ามีแผลที่ช่วงคอยาวถึงหน้าอก มันเป็นแผลไฟไหม้ขนาดใหญ่ที่ทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก ผมแทบยืนไม่ไหวอยู่แล้ว.....
"คุณคงลำบากมากนะคะ ไหนจะเจอกับความเจ็บปวดของตัวเอง และไหนจะต้องดูแลลูกชายตาบอดอีก" พยาบาลว่า
นัยน์ตาผมมีน้ำใส ๆ เอ่อขึ้น
"ใช่ครับ มันเจ็บปวด จนแทบอยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด.... แต่ผมจะยอมตายไม่ได้ !!! ถ้าผมตาย เขาจะอยู่ได้อย่างไร ! เขาไม่มีใครอีกแล้วในโลกใบนี้ นอกจากผม...."
เสียงกริ๊กที่ประตูดังขึ้น ผมกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แม้เปาโลมองไม่เห็น แต่เขาก็จ้องผมนิ่ง ไม่เอ่ยอะไรอยู่พักใหญ่....
ผมจ้องเขม็งกลับไปที่ดวงตาเขา นับตั้งแต่เขาเกิดมา ผมไม่เคยเห็นแววตาที่ลุกไหม้ ราวเปลวไฟแบบนี้ของเขามาก่อน
ในที่สุดเปาโล ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงสั่นเครือ
"จริงครับพ่อ ผมสิ้นหวังกับเรื่องดวงตา.... แต่..... แต่ผมจะไม่สิ้นหวังกับตัวเองเด็ดขาด !!! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะมีชีวิตอยู่ฮะพ่อ !!"
ปล. เรื่องสั้นนี้มีพื้นฐานจากเรื่องจริง ได้แรงบันดาลใจ มาจากข่าวในซีเรีย ครับ
https://www.facebook.com/watch/?v=2050747075173779