นุ่นเคยมาที่ Olympic National Park แล้วครั้งนึงมาแค่ตรง Hurricane Ridge มาแป๊บเดียวแล้วก็กลับ
ทริปนี้ผิดแผนจากที่แพลนไว้เยอะมาก
Day 0
คราวนี้ออกจาก Portland แล้วขับเข้าพาร์คทางด้านใต้ ตามเส้น 101 มา
ตามแพลนคือมาขอ back country permit ที่ Quinault แต่กว่าจะมาถึง Office ก็ปิดละ
ที่ Olympic National Park มี Campground ที่ให้จองล่วงหน้าได้ไม่กี่ที่ สำหรับนุ่นทริปนี้แพลนยากเพราะ Park ใหญ่ ที่เที่ยวแต่ละจุดก็ไกลกัน
นุ่นกินข้าวกลางวันมาจากที่ Portland ตอนที่ออกมาก็หลังเที่ยงละ ขับมาพอใกล้ถึง Campsite ฝนตก!
เอาเข้าจริงก็ไม่ได้กลัวฝนนะ กางเตนท์กลางฝนก็เคยมาละ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
แพลนไว้ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ Ruby Beach ฝนก็ไม่ยอมหยุด เลยกลับมาที่ Campsite
ด้วยความที่เตรียมตัวไม่พร้อมเท่าไหร่ พอกลับมาที่ Campground ก็จำไม่ได้ว่าเบอร์อะไร internet ก็ไม่มี Laptop ก็แบตหมด ต้องไปชาร์จไฟในห้องน้ำ ในที่สุดก็หาเบอร์จุดกางเตนท์เจอ
บทเรียนที่ 1 ในพาร์ค ไม่มี internet เตรียมตัวให้พร้อม
กางเตนท์กลางฝน ข้างในเตนท์เปียกอีก ขนาดเตรียมผ้ามาเช็ดก็ยังไม่พอเพราะฝนหนักมาก
มีเรื่องที่ Peak ไปกว่านั้น ดันซื้อของสดมา ต้องทำคืนนี้ เก็บไว้ไม่ได้
แล้วที่นี่คือไม่มีที่หลบฝนเลย สุดท้ายต้องแอบไปทำกับข้าวที่จุดเก็บเงินตอนเจ้าหน้าที่กลับบ้านไปแล้ว
บทเรียนที่ 2 หลีกเลี่ยงของสด เพราะสภาพอากาศมันคาดเดาไม่ได้ ควรมีของที่พร้อมกินได้ทันที
Campsite ที่นี่ ถ้าจองเร็วอาจจะได้แบบติดหาด วิวดี นุ่นจองช้า อยู่ใกล้ถนน ตอนกลางคืนเวลาได้ยินเสียงรถบรรทุกขับผ่านแล้วหวาดเสียว
ที่นอนคิดคืนนั้นก็คือ ถ้าฝนตกไม่หยุดทุกวันนี่เน่าแน่ ขนาดใช้เสื้อผ้าที่แห้งง่ายแล้ว อีกอย่าง เสื้อผ้ากันฝนสมัยนี้เป็นแบบเคลือบสารกันน้ำ คือ ถ้าใช้นาน มันก็ไม่ได้กันได้ดีเหมือนเดิม สรุปว่าเปียก ฮือ
บทเรียนที่ 3 ทดสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งาน
Day 1
ตื่นเช้ามาทำไมเตนท์เปียกๆ
อันนี้เป็นสิ่งที่รู้หลังจากนอนเตนท์มาหลายรอบ เต้นท์นุ่นเป็นแบบสองชั้น คือชั้นในกันยุงกับชั้นนอกกันฝน นอกจากเสาเต้นท์สี่อันแล้ว แต่ละด้านของเต้นท์มีเชือกเอาไว้ผูกกับสมอบกได้ ซึ่งถ้านุ่นขึงเชือกให้ตึงจะทำให้ เต้นชั้นนอก และชั้นในไม่ติดกัน ด้านในเราจะไม่เปียก ที่มันเปียกเพราะอากาศข้างในอุ่นกว่าข้างนอก ไม่ใช่เพราะน้ำซึมเข้ามา
บทเรียนที่ 4 ศึกษาอุปกรณ์ก่อนใช้งาน
เช้านี้ ไปเดินเล่นริมหาดที่ Kalaloch Beach ที่นีมี Tree of Life ด้วย อย่าลืมแวะไปดู จากนั้นก็
แวะไปซ่อม Ruby Beach อีกรอบ ขับไปยังไม่ทันถึง Ruby Beach แวะไปดู Big Cedar Tree
จอดรถปุ๊บ ได้ยินเสียงดัง ฟี๊…….
เสียงแมลงแน่ๆ
มองไปที่รถ รถยางแบน
ก่อนหน้านี้ตอนหาข้อมูล ก็พอรู้มาบ้างว่ารถที่วิ่งเส้นนี้ควรเป็นรถสภาพดี เพราะแถวนี้มันไม่ค่อยมี service แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องเจอกับตัวเอง ก็ได้แต่มองรถเก๋งที่เลี้ยวเข้ามาแล้วขับออกไป ทำไมมีแต่เราที่ยางแบน
…
ในความโชคร้ายก็ยังพอมีโชคดีอยู่บ้าง เพราะยางแบนในที่จอดรถ และที่จอดรถก็มีสัญญาณโทรศัพท์
ตอนนั้นก็โทรไปหารถเช่า พอดีนุ่นมีประกันของ AAA ก็โทรเรียกประกัน เค้าบอกสามสิบนาทีมาถึง ไม่ได้แย่มากนะ รอดีกว่า
บทเรียนที่ 5 Download Offline Map
ตอนที่เราแจ้งประกัน เราต้องบอกเค้าว่าเราอยู่ไหน แล้วนี่คือ อยู่ในป่า ไม่มี Address อ่ะ รู้แต่ว่าอยู่ที่ Big Cedar Tree ใน Olympic National Park
จนท. ก็ถามว่าอยู่ที่ World Largest Ceder Tree หรอ ก็แต่ได้บอกไปว่าแค่ใหญ่เฉยๆ ไม่ได้ใหญ่ที่สุด
การมี Offline Map ก็ช่วยให้เราบอกตำแหน่ง ได้แม่นยำขึ้น
ระหว่างนั้น ก็ไปเดินเล่นรอ
กลับมาที่รถ นุ่นคิดว่าเราน่าจะเปลี่ยนล้อเองได้นะ
ตอนนั้นก็มาเปิด YouTube ว่าเปลี่ยนยางรถกระบะทำไง
จะว่าไปนุ่นก็ต้องถือว่าตัวเองโชคดีเลยแหละ มีคนมาช่วยเปลี่ยนยาง เพราะลำพังทำเองไม่น่าจะรอด
ถ้าเรื่องเกิดขึ้นเมื่อคืน
รถเสียกลางทาง ไม่มีไหล่ทาง ฝนตกตอนกลางคืน ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ นี่มันหนังชีวิตชัดๆ แล้วอาจจะไม่มีคนผ่านมาด้วย
แล้วก็มี Item พิเศษที่ซื้อมาแล้วมีโอกาสได้ใช้คือ Emergency Blanket ในบางสถานการณ์เราอาจต้องลงไปนอนกับพื้นตอนซ่อมรถ ถ้ามี Emergency Blanket ก็ไม่ต้องเลอะมาก
สรุปว่ากว่าช่างจะมาถึงก็เปลี่ยนเสร็จพอดี เพราะครึ่งชั่วโมงเป็นระยะทางจากร้านมาที่นุ่นอยู่ แต่ช่างจะมาถึงกี่โมงนั่นก็อีกเรื่องนึง
โชคดีที่อย่างคือ ยางอะไหล่ที่ติดมากับรถเป็นยางจริง ขับต่อไปได้เลย ไม่ต้องไปปะยาง
ตอนนั้น ตัวเองคิดแต่เรื่องว่าวันนี้เสียเวลาเที่ยวไปหลายชั่วโมง ไม่เป็นไปตามแผน
ในขณะเดียวกัน ก็มีบางคนที่สละเวลาของเค้าเพื่อมาช่วยเรา โดยไม่ได้อะไรกลับไปเลย
เอาละ ไปกันต่อ ไปที่ Ruby Beach เดินเล่นเสร็จแล้ว ก็ไปต่อที่ Hoh Forest
ระหว่างทางแวะไปดู ต้นไม้อีกแล้ว
Duncan Memorial Cedar Tree - Largest Red Cedar In The World
คราวนี้ป้ายบอกทางไม่ชัดเจน หลงอีก
พอมาถึง Hoh ก็มีเวลาไม่เยอะ นุ่นเลือกที่จะเดินแค่ Trail สั้นๆ
คืนนี้นุ่นไม่ได้จองที่พัก ที่ตั้งใจไว้คือจะ Backpacking และไปนอนที่ Shi Shi Beach แต่แผนล่ม ยังไงก็ไม่น่าจะไปถึง Shi Shi ได้
คืนนี้ ที่ Hoh Campground ยังไม่เต็ม แต่นุ่นไปเสี่ยงดวงที่ Mora Campground
ระหว่างทางก็แวะซื้อของที่ Fork
พอขับไปถึง Campground เต็มแล้ว!!!!!
ก็ตกลงกันกับเพื่อนว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ Rialto Beach ก่อน แล้วงัยค่อยว่ากัน
ไปถึง Rialto ก็เข้าใจว่าทำไม Mora Campground มันถึงฮิต มันใกล้ทะเลนั่นเอง แล้วคืนนั้นเป็นคืนวันเสาร์ช่วง Summer พอดี โอกาสที่ Campsite จะว่างมันน้อย ถ้าอยากได้ควรจะมาจองแต่เช้าหรือมาคืนวันศุกร์เลย

หลังจากดื่มด่ำกับพระอาทิตย์ตกดินก็ถึงเวลาหาที่นอน
ป้ายด้านหน้าบอก Campsite เต็มแล้ว แต่ก็ยังอยากเสี่ยงดวง ขับวนรอบๆเผื่อเจอ Site ไหนว่าง หรือว่าจะเจอคนใจดีให้เรา Share Campsite ไปดูหน้าบอร์ดที่จองเตนท์ มีลุงคนนึงบอกว่านี่หาที่นอนไม่ได้เหมือนกัน จะนอนในรถตรงนี้แหละ นุ่นดูแล้ว ตรงนี้มันมีแต่โต๊ะปิคนิคไม่มีเบอร์ เอาละ จัดการกางเตนท์ เข้านอน
มันก็ไม่ได้แย่นะ
แล้วก็ได้ยินเสียงคนมาปลุก บอกว่านอนนี่ไม่ได้นะ เป็นที่ Camp Host ฮืออออ
อด รีบเก็บของแล้วเผ่น
คราวนี้ก็ดึกมากแล้ว ไม่มีที่ไป ไม่รู้ไปไหนดี ตัดสินใจชับไปทาง La Push ระหว่างทางเจอที่จอดรถ และรถจอดตามทางเข้าหาด หาข้อมูลของเว็บ REI เจอว่า Second Beach camp ได้ เพื่อนบอกว่าไปดูที่กางเต็นท์ก่อนมั้ยแล้วค่อยขนของไป นุ่นก็ว่าก็ดีเหมือนกัน เดินไปสักพัก มันมืด ไม่รู้ทาง แล้วต้องแบกของอีก ไม่น่าจะรอด
ตัดสินใจ นอนในรถ
นอนไม่ค่อยหลับหรอกนะ เพราะกลัวโดนไล่อีก
อีกเรื่อง เพื่อนที่มาด้วยไม่ชอบ Camping รู้จักกันมาสองปีกว่าเวลาไปเที่ยวก็พักโรงแรมตลอด คราวนี้มา Camp รวดเดียวหกคืน คืนแรกเจอฝน คืนสองนอนในรถ สงสัยคงจะเป็นทริปแรกและทริปสุดท้าย
Day 2
ตื่นเช้ามา เลยได้ลงไปเดินที่ Second Beach ต้องบอกว่าเป็นที่ที่ประทับใจที่สุดใน Park เลย
จาก Second Beach ก็รีบไปต่อที่ Sol Duc Falls อยากแวะ Sol Duc Hot Spring แต่เวลาไม่ทัน
หลังจากนั้นก็เวลาหมด ขึ้น Hurricane Ridge ไม่ทัน แง
จากนั้นก็ ขึ้น Ferry เพื่อไปต่อที่ North Cascade National Park
สรุปว่านุ่นมีเวลาสองคืน ก็ยังเที่ยวได้ไม่ครบ Park ที่นี่ใหญ่ และมีอะไรให้ดูเยอะมาก
ยังมีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไป หวังว่าจะมีโอกาสแวะมาอีก
จบรีวิวของ Olympic National Park แค่นี้ค่ะ มีอะไรแนะนำเพิ่มเติมก็แวะมาคุยกันได้นะคะ
https://www.facebook.com/iloveNationalParks
พาเที่ยว ป่าดึกดำบรรพ์ Olympic National Park USA
นุ่นเคยมาที่ Olympic National Park แล้วครั้งนึงมาแค่ตรง Hurricane Ridge มาแป๊บเดียวแล้วก็กลับ
ทริปนี้ผิดแผนจากที่แพลนไว้เยอะมาก
Day 0
คราวนี้ออกจาก Portland แล้วขับเข้าพาร์คทางด้านใต้ ตามเส้น 101 มา
ตามแพลนคือมาขอ back country permit ที่ Quinault แต่กว่าจะมาถึง Office ก็ปิดละ
ที่ Olympic National Park มี Campground ที่ให้จองล่วงหน้าได้ไม่กี่ที่ สำหรับนุ่นทริปนี้แพลนยากเพราะ Park ใหญ่ ที่เที่ยวแต่ละจุดก็ไกลกัน
นุ่นกินข้าวกลางวันมาจากที่ Portland ตอนที่ออกมาก็หลังเที่ยงละ ขับมาพอใกล้ถึง Campsite ฝนตก!
เอาเข้าจริงก็ไม่ได้กลัวฝนนะ กางเตนท์กลางฝนก็เคยมาละ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
แพลนไว้ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ Ruby Beach ฝนก็ไม่ยอมหยุด เลยกลับมาที่ Campsite
ด้วยความที่เตรียมตัวไม่พร้อมเท่าไหร่ พอกลับมาที่ Campground ก็จำไม่ได้ว่าเบอร์อะไร internet ก็ไม่มี Laptop ก็แบตหมด ต้องไปชาร์จไฟในห้องน้ำ ในที่สุดก็หาเบอร์จุดกางเตนท์เจอ
บทเรียนที่ 1 ในพาร์ค ไม่มี internet เตรียมตัวให้พร้อม
กางเตนท์กลางฝน ข้างในเตนท์เปียกอีก ขนาดเตรียมผ้ามาเช็ดก็ยังไม่พอเพราะฝนหนักมาก
มีเรื่องที่ Peak ไปกว่านั้น ดันซื้อของสดมา ต้องทำคืนนี้ เก็บไว้ไม่ได้
แล้วที่นี่คือไม่มีที่หลบฝนเลย สุดท้ายต้องแอบไปทำกับข้าวที่จุดเก็บเงินตอนเจ้าหน้าที่กลับบ้านไปแล้ว
บทเรียนที่ 2 หลีกเลี่ยงของสด เพราะสภาพอากาศมันคาดเดาไม่ได้ ควรมีของที่พร้อมกินได้ทันที
Campsite ที่นี่ ถ้าจองเร็วอาจจะได้แบบติดหาด วิวดี นุ่นจองช้า อยู่ใกล้ถนน ตอนกลางคืนเวลาได้ยินเสียงรถบรรทุกขับผ่านแล้วหวาดเสียว
ที่นอนคิดคืนนั้นก็คือ ถ้าฝนตกไม่หยุดทุกวันนี่เน่าแน่ ขนาดใช้เสื้อผ้าที่แห้งง่ายแล้ว อีกอย่าง เสื้อผ้ากันฝนสมัยนี้เป็นแบบเคลือบสารกันน้ำ คือ ถ้าใช้นาน มันก็ไม่ได้กันได้ดีเหมือนเดิม สรุปว่าเปียก ฮือ
บทเรียนที่ 3 ทดสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งาน
Day 1
ตื่นเช้ามาทำไมเตนท์เปียกๆ
อันนี้เป็นสิ่งที่รู้หลังจากนอนเตนท์มาหลายรอบ เต้นท์นุ่นเป็นแบบสองชั้น คือชั้นในกันยุงกับชั้นนอกกันฝน นอกจากเสาเต้นท์สี่อันแล้ว แต่ละด้านของเต้นท์มีเชือกเอาไว้ผูกกับสมอบกได้ ซึ่งถ้านุ่นขึงเชือกให้ตึงจะทำให้ เต้นชั้นนอก และชั้นในไม่ติดกัน ด้านในเราจะไม่เปียก ที่มันเปียกเพราะอากาศข้างในอุ่นกว่าข้างนอก ไม่ใช่เพราะน้ำซึมเข้ามา
บทเรียนที่ 4 ศึกษาอุปกรณ์ก่อนใช้งาน
เช้านี้ ไปเดินเล่นริมหาดที่ Kalaloch Beach ที่นีมี Tree of Life ด้วย อย่าลืมแวะไปดู จากนั้นก็
แวะไปซ่อม Ruby Beach อีกรอบ ขับไปยังไม่ทันถึง Ruby Beach แวะไปดู Big Cedar Tree
จอดรถปุ๊บ ได้ยินเสียงดัง ฟี๊…….
เสียงแมลงแน่ๆ
มองไปที่รถ รถยางแบน
ก่อนหน้านี้ตอนหาข้อมูล ก็พอรู้มาบ้างว่ารถที่วิ่งเส้นนี้ควรเป็นรถสภาพดี เพราะแถวนี้มันไม่ค่อยมี service แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องเจอกับตัวเอง ก็ได้แต่มองรถเก๋งที่เลี้ยวเข้ามาแล้วขับออกไป ทำไมมีแต่เราที่ยางแบน
…
ในความโชคร้ายก็ยังพอมีโชคดีอยู่บ้าง เพราะยางแบนในที่จอดรถ และที่จอดรถก็มีสัญญาณโทรศัพท์
ตอนนั้นก็โทรไปหารถเช่า พอดีนุ่นมีประกันของ AAA ก็โทรเรียกประกัน เค้าบอกสามสิบนาทีมาถึง ไม่ได้แย่มากนะ รอดีกว่า
บทเรียนที่ 5 Download Offline Map
ตอนที่เราแจ้งประกัน เราต้องบอกเค้าว่าเราอยู่ไหน แล้วนี่คือ อยู่ในป่า ไม่มี Address อ่ะ รู้แต่ว่าอยู่ที่ Big Cedar Tree ใน Olympic National Park
จนท. ก็ถามว่าอยู่ที่ World Largest Ceder Tree หรอ ก็แต่ได้บอกไปว่าแค่ใหญ่เฉยๆ ไม่ได้ใหญ่ที่สุด
การมี Offline Map ก็ช่วยให้เราบอกตำแหน่ง ได้แม่นยำขึ้น
ระหว่างนั้น ก็ไปเดินเล่นรอ
กลับมาที่รถ นุ่นคิดว่าเราน่าจะเปลี่ยนล้อเองได้นะ
ตอนนั้นก็มาเปิด YouTube ว่าเปลี่ยนยางรถกระบะทำไง
จะว่าไปนุ่นก็ต้องถือว่าตัวเองโชคดีเลยแหละ มีคนมาช่วยเปลี่ยนยาง เพราะลำพังทำเองไม่น่าจะรอด
ถ้าเรื่องเกิดขึ้นเมื่อคืน
รถเสียกลางทาง ไม่มีไหล่ทาง ฝนตกตอนกลางคืน ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ นี่มันหนังชีวิตชัดๆ แล้วอาจจะไม่มีคนผ่านมาด้วย
แล้วก็มี Item พิเศษที่ซื้อมาแล้วมีโอกาสได้ใช้คือ Emergency Blanket ในบางสถานการณ์เราอาจต้องลงไปนอนกับพื้นตอนซ่อมรถ ถ้ามี Emergency Blanket ก็ไม่ต้องเลอะมาก
สรุปว่ากว่าช่างจะมาถึงก็เปลี่ยนเสร็จพอดี เพราะครึ่งชั่วโมงเป็นระยะทางจากร้านมาที่นุ่นอยู่ แต่ช่างจะมาถึงกี่โมงนั่นก็อีกเรื่องนึง
โชคดีที่อย่างคือ ยางอะไหล่ที่ติดมากับรถเป็นยางจริง ขับต่อไปได้เลย ไม่ต้องไปปะยาง
ตอนนั้น ตัวเองคิดแต่เรื่องว่าวันนี้เสียเวลาเที่ยวไปหลายชั่วโมง ไม่เป็นไปตามแผน
ในขณะเดียวกัน ก็มีบางคนที่สละเวลาของเค้าเพื่อมาช่วยเรา โดยไม่ได้อะไรกลับไปเลย
เอาละ ไปกันต่อ ไปที่ Ruby Beach เดินเล่นเสร็จแล้ว ก็ไปต่อที่ Hoh Forest
ระหว่างทางแวะไปดู ต้นไม้อีกแล้ว
Duncan Memorial Cedar Tree - Largest Red Cedar In The World
คราวนี้ป้ายบอกทางไม่ชัดเจน หลงอีก
พอมาถึง Hoh ก็มีเวลาไม่เยอะ นุ่นเลือกที่จะเดินแค่ Trail สั้นๆ
คืนนี้นุ่นไม่ได้จองที่พัก ที่ตั้งใจไว้คือจะ Backpacking และไปนอนที่ Shi Shi Beach แต่แผนล่ม ยังไงก็ไม่น่าจะไปถึง Shi Shi ได้
คืนนี้ ที่ Hoh Campground ยังไม่เต็ม แต่นุ่นไปเสี่ยงดวงที่ Mora Campground
ระหว่างทางก็แวะซื้อของที่ Fork
พอขับไปถึง Campground เต็มแล้ว!!!!!
ก็ตกลงกันกับเพื่อนว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ Rialto Beach ก่อน แล้วงัยค่อยว่ากัน
ไปถึง Rialto ก็เข้าใจว่าทำไม Mora Campground มันถึงฮิต มันใกล้ทะเลนั่นเอง แล้วคืนนั้นเป็นคืนวันเสาร์ช่วง Summer พอดี โอกาสที่ Campsite จะว่างมันน้อย ถ้าอยากได้ควรจะมาจองแต่เช้าหรือมาคืนวันศุกร์เลย
หลังจากดื่มด่ำกับพระอาทิตย์ตกดินก็ถึงเวลาหาที่นอน
ป้ายด้านหน้าบอก Campsite เต็มแล้ว แต่ก็ยังอยากเสี่ยงดวง ขับวนรอบๆเผื่อเจอ Site ไหนว่าง หรือว่าจะเจอคนใจดีให้เรา Share Campsite ไปดูหน้าบอร์ดที่จองเตนท์ มีลุงคนนึงบอกว่านี่หาที่นอนไม่ได้เหมือนกัน จะนอนในรถตรงนี้แหละ นุ่นดูแล้ว ตรงนี้มันมีแต่โต๊ะปิคนิคไม่มีเบอร์ เอาละ จัดการกางเตนท์ เข้านอน
มันก็ไม่ได้แย่นะ
แล้วก็ได้ยินเสียงคนมาปลุก บอกว่านอนนี่ไม่ได้นะ เป็นที่ Camp Host ฮืออออ
อด รีบเก็บของแล้วเผ่น
คราวนี้ก็ดึกมากแล้ว ไม่มีที่ไป ไม่รู้ไปไหนดี ตัดสินใจชับไปทาง La Push ระหว่างทางเจอที่จอดรถ และรถจอดตามทางเข้าหาด หาข้อมูลของเว็บ REI เจอว่า Second Beach camp ได้ เพื่อนบอกว่าไปดูที่กางเต็นท์ก่อนมั้ยแล้วค่อยขนของไป นุ่นก็ว่าก็ดีเหมือนกัน เดินไปสักพัก มันมืด ไม่รู้ทาง แล้วต้องแบกของอีก ไม่น่าจะรอด
ตัดสินใจ นอนในรถ
นอนไม่ค่อยหลับหรอกนะ เพราะกลัวโดนไล่อีก
อีกเรื่อง เพื่อนที่มาด้วยไม่ชอบ Camping รู้จักกันมาสองปีกว่าเวลาไปเที่ยวก็พักโรงแรมตลอด คราวนี้มา Camp รวดเดียวหกคืน คืนแรกเจอฝน คืนสองนอนในรถ สงสัยคงจะเป็นทริปแรกและทริปสุดท้าย
Day 2
ตื่นเช้ามา เลยได้ลงไปเดินที่ Second Beach ต้องบอกว่าเป็นที่ที่ประทับใจที่สุดใน Park เลย
จาก Second Beach ก็รีบไปต่อที่ Sol Duc Falls อยากแวะ Sol Duc Hot Spring แต่เวลาไม่ทัน
หลังจากนั้นก็เวลาหมด ขึ้น Hurricane Ridge ไม่ทัน แง
จากนั้นก็ ขึ้น Ferry เพื่อไปต่อที่ North Cascade National Park
สรุปว่านุ่นมีเวลาสองคืน ก็ยังเที่ยวได้ไม่ครบ Park ที่นี่ใหญ่ และมีอะไรให้ดูเยอะมาก
ยังมีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไป หวังว่าจะมีโอกาสแวะมาอีก
จบรีวิวของ Olympic National Park แค่นี้ค่ะ มีอะไรแนะนำเพิ่มเติมก็แวะมาคุยกันได้นะคะ
https://www.facebook.com/iloveNationalParks