[CR] ข้อมูลเตรียมตัวไป แอฟริกาใต้ การวางแผน จำเป็นต้องฉีดวัคซินไข้เหลืองไหม มาลาเรีย ค่าใช้จ่าย การเช่ารถ สิ่งที่ต้องระวัง

ผมเดินทางไป แอฟริกาใต้ 16 วัน เมื่อปลายเดือนกันยายนนี้เอง ได้รวบรวมข้อคิดมาหลายอย่างจากการหาข้อมูลและจากการเดินทางไปจริง ๆ
ผมไปทั้งส่วนของ Cape Town และยาวจนเลย Plettensberg ไปถึง Monkeys land และจาก Johannesburg ไป Kruger National Park พัก 4 คืน และกลับมา Pretoria และมา Johannesburg เพื่อใครอยากไปจะได้ทราบ และเตรียมตัวถูก



1.       การเดินทางโดยสายการบิน ผมใช้ Ethiopian Airline ซึ่งราคาจะถูกกว่าสายการบินอื่นที่บินไป เช่น SQ , Qatar แต่จะพอๆกับ Kenya Airways ผมไป Business Class สายการบินนี้เครื่องค่อนช้างใหม่ Boeing 787 บริการดีระดับหนึ่งแต่ไม่เท่า Qatar ราคาเริ่มประมาณ 4-5 หมื่นกว่า แต่ Qatar , SQ มากกว่า 1 แสนกว่าขึ้นไป แต่ถ้าเป็น Economy อยากแนะนำ SQ เพราะเวลาดีกว่า แต่ถ้าจะบินลง Cape Town ต้องลงที่ Johannesburg ก่อนรอเครื่องเดียวกัน ต่อไปอีกราว 2 ชั่วโมง ต่อไป Cape Town แต่ถ้าเป็น Ethiopian Airline , Kenya Airways  จะมีเครื่องลงจาก Addis Ababa ไปทั้ง Johannesburg และ Cape town เลย สำหรับห้อง Lounge  ของ Ethiopian ที่ Addis Ababa ขื่อ Cloud nine คุณภาพระดับ 2 ดาว ไม่ดีนัก แต่ที่ South Africa ใช้ของ Qatar จึงดีมาก ส่วน สุวรรณภูมิใช้ของ THAI



2.       วัคซินไข้เหลืองเป็นอันที่ผมกังวล เพราะทราบมาว่า ตอนขาไปถ้าไม่ฉีด วัคซิน และไปแค่ต่อเครื่องไม่เกิน 12 ชั่วโมง ใน แอฟริกากลาง ผ่านเข้า ตม. แอฟริกาใต้ ได้เลย แต่ขากลับ จะติด ตม. ไทยเอง วัคซินไข้เหลืองสำหรับผมที่อยู่ภาคเหนือตอนล่าง ไปลำบาก เพราะต้องเข้า กทม. และไปที่ อายุรศาสตร์เขตร้อน ค่าฉีด 1200 บาท/คน เราไปกัน 3 คน 4800 บาท ไม่นับค่าความนุ่งยาก ความเสี่ยงการเดินทาง เสียเวลาไปอีก ยุ่งยากทั้งเดินทาง ทั้งค่าฉีด และการแพ้ วัคซิน (วัคซินนี้เป็น Live Vaccine เชื้อยังมีชีวิต) อาจจะป่วยหรือมีอาการรุนแรงได้ ผมจึงหาข้อมูลโทรไปถามหัวหน้า หน่วยกักกันโรคสนามบินสุวรรณภูมิ เขาให้ข้อมูลว่า ขากลับ ให้แวะด่านกักกันโรคก่อน ยังไม่เข้า ตม. เขาตรวจว่าถ้าแค่ Transit ที่ แอฟริกากลาง เขาจะให้ใบรับรองแล้วเอาไปผ่าน ตม. ได้เลย ใช้เวลาที่ด่านกักโรค 2 นาที เท่านั้น ดังนั้นผมทั้งคณะขึงไม่ได้ฉีดวัคซินไข้เหลืองไป (อีกอย่างเพิ่มข้อมูลให้ ถ้าคนที่จะถูกฉีดอายุ 60 ปีขึ้นไปเขาก็ไม่ฉีดให้ด้วย เพราะมันเป็น Live Vaccine)



3.       มาลาเรียเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่กังวล แต่หาข้อมูลแล้ว ทราบว่าถ้าเป็นช่วงฝนเริ่มตก จะมีบ้างแถบอุทยาน Kruger คือตั้งแต่ ต้น พ.ย. ไปถึง มีค. แต่ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า ไม่ทานยาเพราะ
·      ยาป้องกันหายากมาก ในจังหวัดผม ภาคเหนือตอนล่าง
·      ไม่ได้กันแน่นอน
·      ป้องกันไม่ให้ยุงกัดดีกว่า
ดังนั้นการใส่เสื้อผ้ามิดชิดตอนค่ำจะช่วย และการใช้ยาทากันยุงที่มี DEET ซึ่งไม่ใช่ยาฆ่าแมลงแต่เป็นสารดับกลิ่นเหงื่อเราที่ล่อยุง มาใช้ DEET ที่บ้านเราเช่น กย.15 มีแค่ 10-15% ป้องกันได้ 1-2 ชั่วโมง ผมจึงสั่ง Online ตัวที่มี DEET 95% กันยุงได้ 6-8 ชั่วโมง เอาไว้ โดยเฉพาะเวลาที่ออก Sunset Drive หรือตอนอกนอกที่พักใน Kruger ตอนค่ำ



4.       ค่าใช้จ่ายที่นี่โดยรวมถูกกว่าไทยครับ ที่ผมมา 1 Rand = 2.06 บาท ตอนนี้เหลือ 2.01 บาท ทุกอย่างไม่แพง แม้แต่น้ำมัน Benzene 95 ราคา 31-32 บาท/ลิตร ของกิน Chocolate Milk แท่งใหญ่ 40 กว่าบาท ใหญ่กว่าของไทยซึ่งเล็กกว่า ราคา 100 กว่าด้วยซ้ำ KFC ชุดไก่ 2 ชิ้น ไม่ใช่ปีก เครื่องดื่ม Coke และมันฝรั่งทอด ชุดละราว 64 บาท ไม่มีโปร ราคามาตรฐาน เป็นต้น ของใช้ถูกกว่าหมด ไม่ต้องหอบจากของมาจากไทยเลย ซื้อที่นี่ถูกกว่า

5.       การเช่ารถ ผมเช่าจาก rentalcars.com ได้ราคาดีพอควร ดูที่ Reduce excess น่าจะถูกกว่า ผมได้ราคา 8 วันราว ไม่ถึง 4 พันบาท ค่า Excess 1 หมื่นบาท แต่ถ้าซื้อประกันกับเขาเพิ่มอีก 42xx บาท ผมเลยเลือกที่จะไม่ทำประกัน (ประกันแพงกว่าค่าเช่าอีก) ต้องระวังเอาเองแต่ถ้าใครไม่อยากเสี่ยง ก็ซื้อประกันได้ ทั้งจาก เวปและจาก Counter ของผมใช้ Avis
·      รถที่นี่ขับพวงมาลัยขวาเหมือนไทย จึงขับไม่ยาก แต่รถจะเป็นเกียร์ธรรมดา ถ้าใครอยากเช่า เกียร์อัตโนมัติ จะแพงขึ้นไปอีกในรถขนาดเดียวกัน
·      ถนนที่นี่ บางช่วงมีด่าน Toll Road แต่รถที่ผมเช่าของ Avis มีการติด Transponder ซึ่งคล้าย Vignette ของ ยุโรป หรือ Easy pass ของไทยทำให้ไม่ต้องเสียเวลากับการจ่ายเงินหรือทอนเงิน ขับผ่านไปเลย เป็นข้อดีที่เราอาจจะได้ถ้าเลือกบริษัทที่มีให้
·      ใบขับขี่ของไทยแบบ Smart card ขับรถที่นี่ได้เลย ไม่ต้องทำใบสากล ผมโดนตำรวจขอตรวจใบขับขี่ ก็ไม่เป็นไร จริง ๆ แล้ว ขับได้ตามกระทู้ที่ผมเคยตั้งไว้แล้ว https://pantip.com/topic/30614193
·      มีคนคอยโบกขอไปด้วยตลอดทางขออาศัยไปด้วย ไม่ต้องสนใจขับผ่านไปเลย
·      มีตำรวจสุ่มตรวจรถบ้าง Random Check ก็จอดแสดงใบขับขี่ และรถเข่า




6.       ข้อควรระวัง (อย่างมาก) 
·      ที่นี่ มีคนดำมากโดยเฉพาะทางเหนือ หลายคนเข้ามาจากประเทศข้างๆ เหมือนบ้านเรามีพม่ากระเหรี่งอเข้ามา หน้าตาจะเหือนกับเรา จะทำให้แยกไม่ออกว่า คนของประเทศเขาหรือคนประเทศอื่นเขามีก่อเหตุจี้ปล้น ถ้าไม่จำเป็น หลีกเลี่ยง Johannesburg ดีกว่า ส่วน Pretoria ผมยอมพักย่านแพง Acadia แต่ค่อนข้างปลอดภัยกว่า ผมโดนมาแล้ว ออกจากที่พักใกล้สนามบิน Johannesburg ไปหาอาหารทาน KFC ใกล้สนามบินจอดย่านคนดำ ปรากฏว่า ฝาครอบล้อหายไป 2 อันด้านซ้ายเลย ซึ่งต้องให้บริษัทเขาปรับหักเงินตอนเอารถไปคืน เราก็ไม่เห็นมาเห็นตอน จนท คืนรถเขาขี้ให้ดู
·      ตำรวจไถ มีคนเตือนมา แต่ผมขับจะออกจาก Kruger national park ก่อนออกราว 1 กิโลก่อนถึง Gate ตำรวจเรียก บอกผมชับเร็ว ตอนนั้นป้ายบอก 60 km/h แต่เขาบอกผมขับ 63 KM/h ค่าปรับ 500 R ผมต่อเขาบอก 200 R ได้ไหม เขาก็บอกได้ แต่ไม่มีใบเสร็จให้นะ ก็คือโดนไถไปดื้อๆ อันนี้ไม่รู้จะระวังอย่างไร ใช้ไหวพริบกันเอา ผมบอกว่าไม่มีเงินสดมีแต่บัตรเครดิต มีเงินติดตัว 200 R เอาไหม เขาก็เอา
·      ควรล็อกรถตลอด ถ้าติดไปแดงงจะมีคนมาเคาะกระจก ขายของขอเงิน อย่าเปิดกระจก และไม่ควรเอาของมีค่าไว้ในรถให้เห็น เข่นกระเป๋า กล้อง Notebook โทรศัพท์ ถ้าจะเอาให้ไว้กระโปรงหลังดีกว่า



7.       มีอีกอย่างที่จะเพิ่มคือ ผมไป Kruger National Park ซึ่งใหญ่ มีชื่อเสียง และมี Rest Camp หลายแห่ง แต่ที่หมายตาคื Lower Sabies แต่จะบอกว่า ผมจองที่พัก บังกะโล ตั้งแต่ มกราคม 62 ปรากฏว่าเต็มหมด ใครอยากไปที่นี่ ให้จองเนิ่น ๆ หน่อย ผเลยต้องเปลี่ยนจอง Skukuza และ Olifant แทน ซึ่งก็ใช้ได้  ซึ่งยังพอมีว่างอยู่ จองตั้งแต่ มกราคม 62 เลย
 
 
รวมความทั้งหมด ผมได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ก็คุ้มกับที่ไปมา ได้เห็นวิวสวยๆ สถานที่แปลกๆ สัตว์ที่ไม่เคยเห็น ล่องเรือกับฝูงฉลาม จอดดูสิงโตในป่าจริงๆ และอีกมากมาย คุ้มค่าจริง ๆ  ไม่เสียดายเวลาที่เสียไปเลย
แล้วผมจะรีวิว การไปของผมในอีกกระทู้หนึ่งทีหลังนะครับ รูปมันมากมายจริงๆ