จากกระทู้คำถามในเว็บบอร์ดต่างๆในหัวข้อความรัก มักจะมีการตั้งคำถามเรื่องธรรมเนียมการออกเงินในการเดทกันอย่างมากมาย ซึ่งไม่ว่าหญิงหรือชายก็มักจะมีเหตุผลของตัวเองเสมอ เช่น
เหตุผลของฝ่ายหญิง
- ผู้ชายน่าจะเป็นคนจ่ายในเดทแรกและหลังจากนั้นค่อยคุยกันอีกที เพราะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน
- ผู้ชายควรจะจ่าย เพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษที่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้
เหตุผลของฝ่ายชาย
- ควรหารครึ่ง ผมก็ทำงาน (?) คุณก็ทำงาน(?)
- จ่ายให้เฉพาะโอกาสสำคัญก็พอ ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว
จากเหตุผลต่างๆ เหล่านี้จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการออกเดทเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะตกลงกันให้ได้ แต่ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบกันว่าควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ เราลองมาดูธรรมเนียมของประเทศอื่นๆ บ้างก่อนดีกว่าครับ เช่น
วัฒนธรรมของชาวตะวันตก ที่ไม่ว่าจะชายหรือหญิงหากนัดเดทไปทานข้าวด้วยกันก็มักจะแชร์กันมากกว่าให้ฝ่ายชายเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ถือเป็นเรื่องปกติ เช่น
- ในเยอรมัน ผู้ชายจะรู้จักใช้เงิน คิดก่อนใช้จ่าย รู้จักเก็บออม อาจถึงขั้นมัธยัสถ์ จะมีการตั้งงบประมาณไว้สำหรับการใช้จ่ายแต่ละอย่าง จะไม่ค่อยยอมควักตังค์ออกจากระเป๋าง่ายๆ จะต้องช่วยกันออกค่าใช้จ่าย
- ในอเมริกา การจ่ายเงินในมื้อเดทจะเป็นในลักษณะของการออกกันคนละครึ่งมากกว่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้จ่าย
วัฒนธรรมของชาวเอเชีย มองว่าผู้ชายเป็นผู้นำครอบครัว คาดหวังให้ผู้ชายดูแลผู้หญิงในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ซึ่งยังไงฝ่ายชายก็ต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่าย เช่น
- ในสังคมญี่ปุ่น ในระดับคนที่ทำงาน ฝ่ายชายจะรู้สึกแย่มาก ถ้าผู้หญิงจะช่วยออกค่าใช้จ่ายในการเดท เหมือนดูถูกว่าผู้ชายยากจน ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ ยกเว้นในวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ยังไม่มีรายได้อาจจะมีการแชร์กันอยู่บ้าง
- ในสังคมจีน ฝ่ายชายจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่ครั้งแรก และหลังแต่งงาน ภรรยามีหน้าที่ดูแลบ้านดูแลลูก ส่วนเรื่องเงินทองที่เป็นของภรรยา ฝ่ายสามีจะไม่ยุ่งเพราะรู้สึกว่าจะเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
ส่วนประเทศไทยเราล่ะครับ มีธรรมเนียมแบบไหนกัน จริงๆแล้วไม่ได้มีธรรมเนียมที่แน่นอนในการออกเงิน แต่โดยส่วนมาก ผู้ชายก็มักจะเป็นคนออก เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจให้กับผู้หญิงและสังคมไทยส่วนหนึ่งมองด้วยความคาดหวังว่า ผู้ชายต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว สามารถเลี้ยงดูผู้หญิงได้ ดังสำนวนสุภาษิตที่ว่า “ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง”
จริงๆ แล้วในแต่ละประเทศหรือแต่ละพื้นที่ก็ล้วนมีวัฒนธรรม ที่แตกต่างกันออกไป การทำความเข้าใจคู่เดทของเรานั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ก่อนชวนใครไปเดท หรือ แม้เป็นฝ่ายถูกชวน ก็ตาม เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย ควรจะเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายกันแต่เนิ่นๆ ว่าใครจะเป็นคนจ่ายอะไร เช่น ในโอกาสพิเศษ ต่างฝ่ายต่างควรออกให้ซึ่งกันและกัน และเมื่อคบกันมานานๆสักระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งควรมีการตกลงกันให้ดีเพราะเรื่องการออกค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่เปราะบางซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวอีกด้วย
แต่ก็อาจมีข้อยกเว้น สำหรับคู่ที่เพิ่งเริ่มจีบกันใหม่ๆที่ยังอยู่ในช่วงทำคะแนนเอาใจอีกฝ่าย อันนี้ฝ่ายที่ทำคะแนนก็อาจต้องเปย์หนักหน่อยแต่ก็อย่าลืมประเมินตนเองอย่าเปย์จนกระทบการเงินของตัวเองด้วย ส่วนสายเปย์จะชายหรือหญิงก็ค่อยว่ากัน ยิ่งถ้าคู่ไหนมีแผนจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ก็เป็นอีกก้าวสำคัญของชีวิตคนสองคน เรื่องเงินจึงเป็นประเด็นหลักและที่สำคัญควรคุยกันให้ชัดเจน K-Expert ขอแนะนำการจัดการเงินของคู่รักอย่างง่ายๆ 2 แบบ
1) แยกการใช้เงินอย่างชัดเจน ต่างคนต่างเก็บเงินเอง แต่ยังมีเงินกองกลางสำหรับค่าใช้จ่ายร่วมกัน วิธีนี้จะช่วยลดการขัดแย้งการใช้เงินที่แตกต่างกันของทั้ง 2 คน
2) ใช้เงินร่วมกัน วิธีการนี้การใช้เงินต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ทั้งการใช้จ่าย การเก็บออมและการลงทุน และควรมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายที่ชัดเจน
ไม่ว่าจะใช้วิธีการแบบใดก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความขยันและการมีวินัยด้วยครับ
ฝากข้อคิด ค่าใช้จ่ายในการออกเดทมันเป็นเรื่องของ individual ของแต่ละคู่ ซึ่งมีความแตกต่างกัน อย่าเอาวิธีของคู่อื่นมาเป็นบรรทัดฐานให้กับคู่ของตัวเอง
ที่มา :
-
http://www.dailymail.co.uk/travel/travel_news/article-5477003/The-dating-rules-countries-world-revealed.html
-
http://xn--fdk7b645s.com/
-
https://www.businessinsider.com/differences-dating-in-the-uk-and-the-us-2017-12?r=UK
-
https://www.urbo.com/content/british-and-american-dating-differences/
เครียดจัง เดทแรกใครออกเงิน (ธรรมเนียม)?
เหตุผลของฝ่ายหญิง
- ผู้ชายน่าจะเป็นคนจ่ายในเดทแรกและหลังจากนั้นค่อยคุยกันอีกที เพราะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน
- ผู้ชายควรจะจ่าย เพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษที่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้
เหตุผลของฝ่ายชาย
- ควรหารครึ่ง ผมก็ทำงาน (?) คุณก็ทำงาน(?)
- จ่ายให้เฉพาะโอกาสสำคัญก็พอ ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว
จากเหตุผลต่างๆ เหล่านี้จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการออกเดทเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะตกลงกันให้ได้ แต่ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบกันว่าควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ เราลองมาดูธรรมเนียมของประเทศอื่นๆ บ้างก่อนดีกว่าครับ เช่น
วัฒนธรรมของชาวตะวันตก ที่ไม่ว่าจะชายหรือหญิงหากนัดเดทไปทานข้าวด้วยกันก็มักจะแชร์กันมากกว่าให้ฝ่ายชายเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ถือเป็นเรื่องปกติ เช่น
- ในเยอรมัน ผู้ชายจะรู้จักใช้เงิน คิดก่อนใช้จ่าย รู้จักเก็บออม อาจถึงขั้นมัธยัสถ์ จะมีการตั้งงบประมาณไว้สำหรับการใช้จ่ายแต่ละอย่าง จะไม่ค่อยยอมควักตังค์ออกจากระเป๋าง่ายๆ จะต้องช่วยกันออกค่าใช้จ่าย
- ในอเมริกา การจ่ายเงินในมื้อเดทจะเป็นในลักษณะของการออกกันคนละครึ่งมากกว่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้จ่าย
วัฒนธรรมของชาวเอเชีย มองว่าผู้ชายเป็นผู้นำครอบครัว คาดหวังให้ผู้ชายดูแลผู้หญิงในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ซึ่งยังไงฝ่ายชายก็ต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่าย เช่น
- ในสังคมญี่ปุ่น ในระดับคนที่ทำงาน ฝ่ายชายจะรู้สึกแย่มาก ถ้าผู้หญิงจะช่วยออกค่าใช้จ่ายในการเดท เหมือนดูถูกว่าผู้ชายยากจน ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ ยกเว้นในวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ยังไม่มีรายได้อาจจะมีการแชร์กันอยู่บ้าง
- ในสังคมจีน ฝ่ายชายจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่ครั้งแรก และหลังแต่งงาน ภรรยามีหน้าที่ดูแลบ้านดูแลลูก ส่วนเรื่องเงินทองที่เป็นของภรรยา ฝ่ายสามีจะไม่ยุ่งเพราะรู้สึกว่าจะเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
ส่วนประเทศไทยเราล่ะครับ มีธรรมเนียมแบบไหนกัน จริงๆแล้วไม่ได้มีธรรมเนียมที่แน่นอนในการออกเงิน แต่โดยส่วนมาก ผู้ชายก็มักจะเป็นคนออก เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจให้กับผู้หญิงและสังคมไทยส่วนหนึ่งมองด้วยความคาดหวังว่า ผู้ชายต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว สามารถเลี้ยงดูผู้หญิงได้ ดังสำนวนสุภาษิตที่ว่า “ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง”
จริงๆ แล้วในแต่ละประเทศหรือแต่ละพื้นที่ก็ล้วนมีวัฒนธรรม ที่แตกต่างกันออกไป การทำความเข้าใจคู่เดทของเรานั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ก่อนชวนใครไปเดท หรือ แม้เป็นฝ่ายถูกชวน ก็ตาม เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย ควรจะเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายกันแต่เนิ่นๆ ว่าใครจะเป็นคนจ่ายอะไร เช่น ในโอกาสพิเศษ ต่างฝ่ายต่างควรออกให้ซึ่งกันและกัน และเมื่อคบกันมานานๆสักระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งควรมีการตกลงกันให้ดีเพราะเรื่องการออกค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่เปราะบางซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวอีกด้วย
แต่ก็อาจมีข้อยกเว้น สำหรับคู่ที่เพิ่งเริ่มจีบกันใหม่ๆที่ยังอยู่ในช่วงทำคะแนนเอาใจอีกฝ่าย อันนี้ฝ่ายที่ทำคะแนนก็อาจต้องเปย์หนักหน่อยแต่ก็อย่าลืมประเมินตนเองอย่าเปย์จนกระทบการเงินของตัวเองด้วย ส่วนสายเปย์จะชายหรือหญิงก็ค่อยว่ากัน ยิ่งถ้าคู่ไหนมีแผนจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ก็เป็นอีกก้าวสำคัญของชีวิตคนสองคน เรื่องเงินจึงเป็นประเด็นหลักและที่สำคัญควรคุยกันให้ชัดเจน K-Expert ขอแนะนำการจัดการเงินของคู่รักอย่างง่ายๆ 2 แบบ
1) แยกการใช้เงินอย่างชัดเจน ต่างคนต่างเก็บเงินเอง แต่ยังมีเงินกองกลางสำหรับค่าใช้จ่ายร่วมกัน วิธีนี้จะช่วยลดการขัดแย้งการใช้เงินที่แตกต่างกันของทั้ง 2 คน
2) ใช้เงินร่วมกัน วิธีการนี้การใช้เงินต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ทั้งการใช้จ่าย การเก็บออมและการลงทุน และควรมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายที่ชัดเจน
ไม่ว่าจะใช้วิธีการแบบใดก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความขยันและการมีวินัยด้วยครับ
ฝากข้อคิด ค่าใช้จ่ายในการออกเดทมันเป็นเรื่องของ individual ของแต่ละคู่ ซึ่งมีความแตกต่างกัน อย่าเอาวิธีของคู่อื่นมาเป็นบรรทัดฐานให้กับคู่ของตัวเอง
ที่มา :
- http://www.dailymail.co.uk/travel/travel_news/article-5477003/The-dating-rules-countries-world-revealed.html
- http://xn--fdk7b645s.com/
- https://www.businessinsider.com/differences-dating-in-the-uk-and-the-us-2017-12?r=UK
- https://www.urbo.com/content/british-and-american-dating-differences/