เกลียดเด็กที่สามีเคยอุปการะก่อนจะมาแต่งงานกับเรา และห้ามไม่ให้สามีไปหาบ่อยๆ ผิดมั้ยค่ะ

เราพึ่งแต่งงานกับสามีได้ปีกว่าค่ะ สามีเราแก่กว่าเรา 16 ปี ก่อนหน้าที่จะเจอกับเราเค้าเคยเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหลานของคนที่สามีเคยไปทำงานด้วยค่ะ พอเราอยู่กินกับสามีได้สองเดือนก็ตั้งท้อง เด็กคนนั้นก็โทรมาโวยวายกับสามีเราค่ะว่า สามีรักแต่เราไปหาแต่เรา ไม่ไปหาเค้า แล้วก็ชอบขอให้สามีเราซื้อของเล่นให้ ส่วนยายของเด็กก็ชอบโทรมายืมเงินกับแฟนเราบ่อยๆ ยืมบ้างขอบ้างแฟนเราก็ให้ แต่ไม่เคยได้คืนจนเราต้องขอว่าอย่าให้อีก เพราะให้ไปเกือบหมื่นแล้ว ช่วงสงกรานต์เด็กคนนั้นปิดเทมอ แล้วสามีพาเราพาไปเยี่ยมบ้านที่อยู่อีก อ.หนึ่ง ขากลับก็แวะไปหาเด็กคนนั้น ยายของเด็กเอาปืนฉีดน้ำที่พังมาด้วยแล้วบอกให้สามีเราซ่อมให้ พร้อมกับขอให้หลานไปเล่นน้ำสงกรานต์และให้นอนค้างซักคืนนึง แฟนเราก็อึกอักเพราะเด็กนั่นค่อนข้างซน แต่เราไม่รู้เลยให้แฟนรับมาด้วย ระหว่างเดินทางเด็กคนนั้นก็ชวนแฟนเราไปร้านสะดวกซื้อ แล้วหอบเอาขนมค่อนข้างเยอะ (เรากับแฟนเป็นคนจ่ายเงิน) เด็กคนนั้นหยิบปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่ ราคาก็สองร้อยกว่า มาให้พนักงานคิดเงินแต่เราเบรคไว้เพราะพุ่งนี้ก็หมดสงกรานต์แล้วจะซื้อทำไม เด็กคนนั้นก็ไม่ยอมวันรุ่งขึ้นก็ขอแฟนเราซื้อปืนฉีดน้ำให้อีก พอแฟนเราไม่ซื้อให้เด็กนั่นก็ชี้หน้าด่าสามีเราว่า ทำไมกับเราถึงให้เงินไปซื้อนั่นซื้อนี่กับเขาทำไมไม่ซื้อให้ เราไม่พอใจแต่ก็นิ่งไว้ และคืนนั้นยายของเด็กก็โทรมาขอเงินแฟนเราสองพันบาท แฟนเราก็ตอบไปว่าเงินในกระเป๋าเหลืออยู่สี่ห้าร้อยเอง ยายเด็กคนนั้นก็ถามต่อว่า "แล้วเงินในบัญชีละลูก" (สามีเราจะเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่เพราะนับถือกัน) สามีเราก็เงียบไปไม่คิดว่าจะโดนก้าวก่ายแบบนี้ และความซนของเด็กประกอบกับงานยุ่ง เรากับสามีจึงพาไปส่งบ้าน เด็กคนนั้นก็ไม่อยากลับเพราะอยู่ที่นี่มีขนมให้กินมีคอมใหห้เล่น พอกลับก็เหมือนเดิมเด็กคนนั้นก็ชวนเราไปร้านสะดวกซื้อ หอบเอาขนมให้แฟนเราจ่ายเงินเหมือนเดิม แล้วก็หยิบปืนฉีดน้ำอันเดิมขึ้นมาเรารีบตะโกนให้วางลงเพราะหมดสงกรานต์แล้วจะซื้อทำไม แล้วเราก็เดินออกไปรอข้างนอกเพราะอารมณ์เสีย เด็กนั่นคงอ้อนแฟนเราอยู่นานแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อให้เพราะเงินส่วนใหญ่อยู่กับเรา
เราขอร้องแฟนเราว่าอย่ารับเด็กคนนั้นมานอนอีก ไปหาได้แต่อย่าไปบ่อย อีกไม่กี่เดือนเราก็จะคลอดลูกแล้วค่าใช้จ่ายก็จะเยอะ จำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องซื้ออะไรให้เด็กคนนั้น แฟนเราก็รับปาก แต่อีกไม่กี่เดือนยายของเด็กคนนั้นก็มานอนค้างกับสามีและเรา จุดประสงค์เพื่อมาขอยืมเงินแล้วบอกว่าจะคืนอย่างนั้นอย่างนี้ สามีเราบอกไม่มีให้ แต่ให้เอาเครื่องเสียงไปขาย ยายของเด็กนั่นก็บอกว่าสิ้นเดือนจะคืนให้ แล้วอีกไม่กี่วันก็พาเด็กคนนั้นมาหาแฟนเรา แล้วก็พูดทำนองว่าพ่อของน้อง...จะมารับไปอยู่ด้วยแต่แม่ไม่ให้(พ่อของเด็กเลิกกับแม่ตั้งแต่ห้าเดือน) เพราะไม่ได้ผูกพันกัน สามีเราต่างหากที่เลี้ยงหลานเค้ามาตั้งแต่เด็กๆ เป็นเหมือนพ่อก็ว่าได้ เราฟังแล้วก็ไม่สบายใจทั้งๆที่เราท้องลูกของสามีอยู่แท้ๆ เขาก็ยังพูดแบบนี้ สามีเราก็ตอบไปทำนองว่ายังไงก็เป็นพ่อลูกกัน ถ้าเป็นลูกผมยังไงผมก็จะไม่ทิ้งลูกตัวเองหรอก ยายของเด็กคนนั้นก็เงียบไป  ..........
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ คุณพูดถูกในหลายเรื่อง อาจเป็นเพราะช่วงนั้นเราท้องด้วยค่ะ อารมณ์ก็เลยแปรปรวนได้แต่คิดว่าพอคลอดลูกแล้วทุกอย่างมันจะดี แล้วมันก็เป็นจริงค่ะเราใจเย็นมากขึ้น ไม่พูดถึงสองยายหลานกับสามี แต่ก็แอบถามอยู่ว่าเขาติดต่อมามั้ย สามีเราเลยบอกว่าก็ติดต่อมาบ้างเรื่องงาน แต่เรื่องขอเงินแทบจะไม่มี เพราก่อนหน้านั้นโดนสามีเราใส่เป็นชุดเรื่องมาขอยืมเงิน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เจอปลิงมืออาชีพเข้าแล้ว เราดูว่าสามีคุณก็ใจแข็งอยู่ รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร คุณก็อย่าออกหน้ามาก สามีคุณจะมองคุณเป็นนางมารร้ายไปซะ ที่พูดนี่ไม่ได้พูดเล่นนะ ความสัมพันธ์ของสามีภรรยามันจะยาวนานเป็น 20-30 ปี ทุกๆขณะของการใช้ชีวิจร่วมกัน พยายามอย่าเอาด้านนางมารร้ายออกมาให้สามีเห็นบ่อยๆ เพราะมันจะซึมซับเข้าสมองเขาว่าเราเป็นคนแบบนั้น พอหลายปีผ่านไปเขาจะมองเราเปลี่ยนไปจากคนเดิมจากที่เขารู้สึกกับเราครั้งแรก

ทุกคนมีด้านดีด้านร้ายในตัวทั้งนั้น มุกนางมารร้ายเอามาใช้ยามจำเป็นถึงขีดสุดก็พอ เวลามีปัญหาเอาด้านดีเข้าสู้ก่อน และปัญหาของคุณตอนนี้ยังเก็บด้านนางมารร้ายไว้ได้อีกนาน เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่สามีคุณก็รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร แทนที่จะแสดงความใจแคบออกมา ทำไมคุณไม่สนับสนุนให้สามีคุณให้รู้จักวิธีปฏิเสธ ชมเขาเวลาเขากล้าปฏิเสธยายหลาน บอกเขาว่าทำดีแล้วที่เขาทำเพื่อลูกเมีย คุณรู้ว่าเขาลำบากใจที่ต้องปฏิเสธแล้วขอบคุณเขาที่เขาเห็นว่าลูกเมียสำคัญที่สุด คุณจะเปลี่ยนจากการเอาด้านนางมารร้ายออกใช้ เป็นการเอาด้านดีออกมาให้สามีคุณเห็น ว่าคุณอยู่ฝ่ายเขา ชื่นชมเขา มันจะทำให้เขารู้สึกดีบวกๆๆๆเข้าไป แถมเป็นการสนับสนุนให้เขาไม่ปล่อยให้ยายหลานสูบเงินไปอย่างถาวรเพราะเรียนรู้และกล้าปฏิเสธ แม้แต่ที่เวลาคุณไม่รู้

การที่คู่แต่งงานจะอยู่กันได้นานๆ ไม่ใช่แค่มีความรักมากมาย แต่ศิลปะการครองเรื่อนที่มองไปไกลถึงผลในอนาคตนี่ล่ะเป็นตัวแปรสำคัญ อย่าเอาอารมณ์และเหตุการณ์ตอนปัจจุบันให้ได้อย่างที่ต้องการ มองผลดีผลเสียให้ยาวๆก่อนตัดสินใจทำอะไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่