คำถามยอดฮิตที่เห็นหลายกระทู้ตั้งครับว่า
ปัญหาโลกแตก ซื้อบ้านหรือว่าเช่าดี???
จากประสบการณ์ของผม
ที่ทั้งเคยเช่าและซื้อบ้านหลายหลัง
ผ่านความกังวลใจมาหลายรอบ
จึงมีคำแนะนำดังนี้สำหรับผู้ที่ตัดสินใจไม่ถูกครับ
*ไม่ว่าเลือกทางใด หากใจคุณสู้ก็รอดครับ
ขออธิบายนะครับ
สมมติมีคน 4 คน
คนแรกคือนายเอเช่าห้องอยู่ราคาเดือนละ 4000 บาท
แต่นายเอเป็นคนสู้งาน ใช้เงินเป็น ทำให้เช่าห้องได้ตลอดรอดฝั่ง
คนที่สองคือนายบีเช่าห้องอยู่ราคาเดือนละ 4000 บาท
แต่นายเอเป็นคนไม่สู้งาน ใช้เงินไม่เป็น นายเอจึงหาค่าเช่าไม่ได้ ถูกไล่ออกจากห้องเช่า ไม่มีที่อยู่
คนที่สามคือนายซีซื้อบ้านโดยต้องผ่อนเดือนละ 20,000 บาท
นายบีมีความสามารถ สู้งาน สามารถผ่อนได้อย่างราบรื่นย์
และคนสุดท้ายคือนายดี ประวัติเหมือนนายซีทุกอย่าง ผ่อนบ้านเดือนละ 20,000 บาท
แต่ไม่มีความสามารถ ไม่สู้งาน ทำให้ผ่อนต่อไปไม่ได้
สิ่งที่ผมต้องการสื่อคือ ไม่ว่าคุณเลือกทางใด หากใจคุณไม่สู้ ไม่มีความสามารถ คุณก็ไม่รอดครับ
ดังนั้นหากถามว่าควรผ่อนบ้านหรือเช่าห้องอยู่ดี
แนะนำว่าเอาตามที่ตนเองพอใจเลยครับ อย่าใช้รูปแบบชีวิตของคนอื่นตัดสิน
เช่น คุณอยากซื้อบ้าน มีศักยภาพพอ
แต่เพื่อนบอกว่า เก็บเงินค่าผ่อนบ้านไปลงทุนดีกว่า
หากคุณชอบการลงทุนแบบเพื่อน เห็นด้วย ก็ขอให้ทำตามเพื่อนครับ
แต่หากมันไม่ใช่สไตล์คุณ และคุณใฝ่ฝันอยากมีบ้าน เป็นความภูมิใจ ไว้สร้างครอบครัว
และเชื่อว่าคุณมีศักยภาพที่จะออมเงิน ลงทุนทางอื่นได้อีก
ก็ขอให้ซื้อบ้านครับ
ผมอยากจะสื่อว่า หากเราใช้เหตุผลในการเลือกอย่างเดียว ไม่ได้ใช้ความรู้สึก จิตวิญญาณ ไลฟ์สไตล์ของเราเลือกด้วย
หลายเหตุผลมันฟังขึ้นหมดแหละครับ
แต่ตัวที่มันจะมาตัดสินว่าควรไม่ควรอีกตัวคือ
มันใช่ความสุขของคุณไหม
หากคุณรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่ครับ
อย่างตัวผมเอง เคยกังวลมาก เกี่ยวกับเรื่องบ้าน
เพราะตัวเองซื้อบ้านโดยไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนที่ควรจะเป็น ตามที่คนอื่นบอก
แต่พอผมมาลองคิดอีกทีว่า สิ่งที่ผมทำอยู่ มันคือแนวทางของผมเอง
และผมมีศักยภาพพอที่จะทำให้มันดำเนินต่อไปได้
หลังจากนั้น ผมก็สบายใจขึ้นมากเลยครับ ไม่กังวลอีกต่อไป
ดังนั้นแนะนำว่า ให้ลองฟังความรู้สึกตัวเองครับว่า
เรามีความสุขกับการตัดสินใจไหม
เรามีศักยภาพพอไหม
หากคุณจะซื้อบ้าน แต่คุณไม่คิดว่าตัวเองจะสู้กับความกดดันได้ ไม่คิดว่าอนาคตจะได้รายได้มากไปกว่านี้ ก็ขอให้หยุดไว้ก่อน
กลับกัน หากคุณขอทุ่มชีวิตเพื่อรักษาให้ได้ มีศักยภาพพอ ก็ขอให้ลุยครับ
ส่วนใครไม่อยากมีบ้าน มีความสุขกับการลงทุนต่างๆ นั่นก็คือความสุขที่เหมาะสมแล้วของคุณครับ
ทุกคนต่างมีแบบแผนชีวิตของตนเองครับ
เราคงไม่สามารถนำกรอบชีวิตของคนอื่นมาสวมของเรา แล้วมันจะพอดีเป๊ะๆ หรอกครับ
และไม่มีการตัดสินใจใดที่ปลอดภัย 100% ครับ
ชีวิตคนเราตายได้เสมอครับ
อย่าคำนวณชีวิต จนไม่ได้ใช้ชีวิตครับ (อันนี้บอกตัวเองด้วยครับ)
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำแนะนำและทัศนคติของผมคนเดียวครับ
ยินดีแลกเปลี่ยนและให้ความเคารพทุกความเห็นครับ
***ปัญหาโลกแตก ซื้อบ้านหรือว่าเช่า เอาเงินไปลงทุนดี???***
ปัญหาโลกแตก ซื้อบ้านหรือว่าเช่าดี???
จากประสบการณ์ของผม
ที่ทั้งเคยเช่าและซื้อบ้านหลายหลัง
ผ่านความกังวลใจมาหลายรอบ
จึงมีคำแนะนำดังนี้สำหรับผู้ที่ตัดสินใจไม่ถูกครับ
*ไม่ว่าเลือกทางใด หากใจคุณสู้ก็รอดครับ
ขออธิบายนะครับ
สมมติมีคน 4 คน
คนแรกคือนายเอเช่าห้องอยู่ราคาเดือนละ 4000 บาท
แต่นายเอเป็นคนสู้งาน ใช้เงินเป็น ทำให้เช่าห้องได้ตลอดรอดฝั่ง
คนที่สองคือนายบีเช่าห้องอยู่ราคาเดือนละ 4000 บาท
แต่นายเอเป็นคนไม่สู้งาน ใช้เงินไม่เป็น นายเอจึงหาค่าเช่าไม่ได้ ถูกไล่ออกจากห้องเช่า ไม่มีที่อยู่
คนที่สามคือนายซีซื้อบ้านโดยต้องผ่อนเดือนละ 20,000 บาท
นายบีมีความสามารถ สู้งาน สามารถผ่อนได้อย่างราบรื่นย์
และคนสุดท้ายคือนายดี ประวัติเหมือนนายซีทุกอย่าง ผ่อนบ้านเดือนละ 20,000 บาท
แต่ไม่มีความสามารถ ไม่สู้งาน ทำให้ผ่อนต่อไปไม่ได้
สิ่งที่ผมต้องการสื่อคือ ไม่ว่าคุณเลือกทางใด หากใจคุณไม่สู้ ไม่มีความสามารถ คุณก็ไม่รอดครับ
ดังนั้นหากถามว่าควรผ่อนบ้านหรือเช่าห้องอยู่ดี
แนะนำว่าเอาตามที่ตนเองพอใจเลยครับ อย่าใช้รูปแบบชีวิตของคนอื่นตัดสิน
เช่น คุณอยากซื้อบ้าน มีศักยภาพพอ
แต่เพื่อนบอกว่า เก็บเงินค่าผ่อนบ้านไปลงทุนดีกว่า
หากคุณชอบการลงทุนแบบเพื่อน เห็นด้วย ก็ขอให้ทำตามเพื่อนครับ
แต่หากมันไม่ใช่สไตล์คุณ และคุณใฝ่ฝันอยากมีบ้าน เป็นความภูมิใจ ไว้สร้างครอบครัว
และเชื่อว่าคุณมีศักยภาพที่จะออมเงิน ลงทุนทางอื่นได้อีก
ก็ขอให้ซื้อบ้านครับ
ผมอยากจะสื่อว่า หากเราใช้เหตุผลในการเลือกอย่างเดียว ไม่ได้ใช้ความรู้สึก จิตวิญญาณ ไลฟ์สไตล์ของเราเลือกด้วย
หลายเหตุผลมันฟังขึ้นหมดแหละครับ
แต่ตัวที่มันจะมาตัดสินว่าควรไม่ควรอีกตัวคือ
มันใช่ความสุขของคุณไหม
หากคุณรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่ครับ
อย่างตัวผมเอง เคยกังวลมาก เกี่ยวกับเรื่องบ้าน
เพราะตัวเองซื้อบ้านโดยไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนที่ควรจะเป็น ตามที่คนอื่นบอก
แต่พอผมมาลองคิดอีกทีว่า สิ่งที่ผมทำอยู่ มันคือแนวทางของผมเอง
และผมมีศักยภาพพอที่จะทำให้มันดำเนินต่อไปได้
หลังจากนั้น ผมก็สบายใจขึ้นมากเลยครับ ไม่กังวลอีกต่อไป
ดังนั้นแนะนำว่า ให้ลองฟังความรู้สึกตัวเองครับว่า
เรามีความสุขกับการตัดสินใจไหม
เรามีศักยภาพพอไหม
หากคุณจะซื้อบ้าน แต่คุณไม่คิดว่าตัวเองจะสู้กับความกดดันได้ ไม่คิดว่าอนาคตจะได้รายได้มากไปกว่านี้ ก็ขอให้หยุดไว้ก่อน
กลับกัน หากคุณขอทุ่มชีวิตเพื่อรักษาให้ได้ มีศักยภาพพอ ก็ขอให้ลุยครับ
ส่วนใครไม่อยากมีบ้าน มีความสุขกับการลงทุนต่างๆ นั่นก็คือความสุขที่เหมาะสมแล้วของคุณครับ
ทุกคนต่างมีแบบแผนชีวิตของตนเองครับ
เราคงไม่สามารถนำกรอบชีวิตของคนอื่นมาสวมของเรา แล้วมันจะพอดีเป๊ะๆ หรอกครับ
และไม่มีการตัดสินใจใดที่ปลอดภัย 100% ครับ
ชีวิตคนเราตายได้เสมอครับ
อย่าคำนวณชีวิต จนไม่ได้ใช้ชีวิตครับ (อันนี้บอกตัวเองด้วยครับ)
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำแนะนำและทัศนคติของผมคนเดียวครับ
ยินดีแลกเปลี่ยนและให้ความเคารพทุกความเห็นครับ