[SR] ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวผามออีแดง "Unseen ศรีสะเกษ" ตอนกันทรลักษ์ไม่ได้มีแค่ทุเรียนภูเขาไฟ

ปิดเทอมนี้เราจะพาทุกคนมาเที่ยวที่บ้านเกิดเรา นั่นก็คือ ก็คือ ก็คืออออออ(ลีลามากแม่) ก็คือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษนั่นเองค่าาา ที่อำเภอกันทรลักษ์ทุเรียนภูเขาไปขึ้นชื่อมากๆ 

แต่ แต่ วันนี้เราจะพาทุกคนไปตามล่าหาทะเลหมอก ในดินแดน 2 แผ่นดิน ชายแดนไทย-กัมพูชา นั่นก็คือ ผามออีแด อยู่ใกล้ๆ กับปราสาทเขาพระวิหาร (ที่เมื่อก่อนเคยเป็นของไทย แต่ตอนนี้กลับไปเป็นของกัมพูชา)

เราเคยไปผามออีแดงมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เรารู้สึกอยากไปคนเดียว อยากขับมอไซค์ไป เพราะเราอยากข้ามขีดจำกัดขอวตัวเอง ทำอะไรที่ท้าทายๆ เอาเป็นว่า เรามาเริ่มกันเล๊ยยย

04:00 น. 

เราตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัว และเดินไปบอกแม่

เรา: แม่ หนูไปผามออีแดงนะ

แม่: (งัวเงีย) ไปกับใคร ไปยังไง? 

เรา: หนูไปคนเดียว ขับมอไซค์ไป

แม่: รถก็มี ทำไมไม่บอกให้พี่พาไปพรุ่งนี้ บ่นๆๆเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย 

เรา: (ยังยืนยันว่าจะไป เพราะใจเราพร้อมมากๆ) เลยนั่งรอถึงตี 5 ครึ่ง สว่างแล้ว บอกแม่ แล้วเราก็ออกไปแง้นนๆๆๆ

ก่อนจะถึงผามออีแดง เราจะต้องจอดซื้อบัตรเข้าชมก่อน ราคาบัตรผู้ใหญ่ 40 บาท ค่าจอดรถมอเตอร์ไซค์อีก 20 บาท (คนไหนที่ขับมอไซค์มาเองอย่าลืมใส่หมวกกันน็อกนะ ไม่งั้นเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้ขึ้นไปด้านบน) 

จากบ้านเรา - ผามออีแดง ประมาณ 40 กิโล ใช้เวลาในการขับรถประมาณ 50 นาที กว่าจะถึงก็ปาไป 07:00 น. 

วันนี้คนเยอะมากกก ผิดกับหมอกที่จางมาก จากพอๆกับมุกที่เราชอบเล่น55555 

 

ไม่เจอหมอกไม่เป็นไร เพราะอากาศบนนี้ดี ก็พลอยทำให้อารมณ์ดีไปด้วย ถ่ายรูปวิววนไปค่ะ 

แล้วเดินขึ้นไปไหว้พระ  เสี่ยงเซียมซี

มีตำนานเล่าว่า เมื่อก่อนมีคณะครูแดงมาทัศนศึกษาที่นี่ แล้วเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ครูแดงเสียชีวิต และที่นี่จึงถูกเรียกขานว่าผามออีแดงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (แต่เราก็ยังสงสัยอยู่นะว่า แล้วทำไมไม่เรียกว่าผามอครูแดง ครูแดงเป็นครูเลยนะ ให้เกียรติกันหน่อยสิ) แต่ก็ได้แค่สงสัยนั่นแหละ ช่างมันเถอะ 

เราเดินต่อมาอีก 150 เมตรจากฐานพระ จะเจอสถูปคู่ สร้างจากหินทราย เป็นศิบปะแบบบาปวน 

ด้านทิศเหนือเป็นสัญลักษณ์สิ่งเคารพเพศบุรุษ(ศิวะลึงค์) ด้านทิศใต้เป็นสัญลักษณ์สิ่งเคารพเพศสตรี (โยนี) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก แห่งการเกิดมนุษยชาติ สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ (ขอบคุณข้อมูลจากอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร) 

ขากลับมีต้นไม้ขวางทางอยู่ มาทายกันนี่คือต้นอะไร

ทุกคนสังเกตนะ เห็นไม้ที่เอามาค้ำหินมั้ย ตอนเป็นเด็กเราสงสัยมากๆ  เวลาไปเที่ยวไหน ไม่ว่าน้ำตก ภูเขา หรือแม้กระทั่งที่นี่ ก็เจอแบบนี้ ไม่รู้ว่าภาคอื่นๆ เป็นมั้ย แต่ภาคอีสานนี่แทบจะทุกสถานที่ท่องเที่ยว  พอเราถามคนเฒ่าคนแก่ คำตอบที่ได้คือ เหมือนเป็นการแก้เคล็ด ต่ออายุให้ยืนนาน เหมือนหินที่ไม้ค้ำเอาไว้จ้าา

และนี่คือ เสาธงชาติประวัติศาสตร์ เมื่อ 16 กรกฎาคม 2505 หลังศาลโลก ณ กรุงเฮกมีคำพิพากษาให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของประเทศกัมพูลา จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์ นายกรัฐมนตรีสมัยนั้นได้อันเชิญมาจากผาเป้ยตาดีซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทเขาพระวิหารโดยไม่ลดธงลงจากยอดเสามายังบริเวณสถูปคู่ และต่อมาได้ย้ายมายังผามออีแดง (ขอบคุณข้อมูลจากอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร) 

เรียนรู้ประสัติศาสตร์แล้ว เราก็ไปเดินเล่นกันต่อ

จู่ๆ ก็คิดถึงตอนพาเพื่อนมาเที่ยว ตอนนั้นหมอกหนามากกกกกกก (ทุกคนต้องมาเห็บกับตา สวยมากจริงๆ) 

ในเมื่อขึ้นไปชมปราสาทไม่ได้ ก็คงได้แต่ดูแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ (ขออนุญาตคุณลุงด้วยนะคะ) 

ป่ะ เส้นทางต่อไปนี้ ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เราจะพาทุกคนไป...

ไปไหน

ไปไหนก็ไป ตามลงมาก่อนจ้า

ยัง ยังไม่ถึงอีก !

 

แวะชมวิวก่อน5555

มาถึงแล้วภาพแกะสลักนูนต่ำ (ตื่นเต้นกับเราหน่อยสิ55) ที่ว่าไม่ธรรมดานี่ก็เพราะว่า นี่คือภาพแกะสลักนูนต่ำอยู่ที่หน้าผา และมีอายุถึง 1,500 ปี ! 

เป็นภาพแกะสลักชายชาวกัมพูชา ผ่านมา1,500 ปีแล้ว นะ คนที่แกะสลักนี่คงไม่ธรรมดาในยุคนั้นแน่ๆ 

เราชอบไปเที่ยวคนเดียว แล้วหาเพื่อนเอาข้างหน้า

ผามออีแดงตอบโจทย์มาก เจอเพื่อนเป็นฝูงเลย555

และนี่คือสัญลักษณ์ของผามออีแดง เขาบอกว่าถ้ามาแล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับก้อนหินนี้ แสดงว่ามาไม่ถึง (เขานี่ใครวะ)

ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้

บรรยากาศดีๆ ลมตีหน้าเบาๆ 

รูปนี้มันบังเอิญจริงๆนะ ขำมาก555 

นอกจากวิวสวยๆ แล้วที่นี่ยังมีร้านค้าขายเสื้อผ้าและอาหารให้เราได้ไปช็อปและเติมพลังก่อนออกไปเที่ยวต่ออีกด้วยน้าา 

บรรยาดี ผู้คนเป็นมิตร 

ถ่ายรูปหนำใจแล้วเราไปเที่ยวต่อกันเถอะ

อ้อ ! ลืมเล่าว่าระหว่างเดินๆ อยู่เราโดนอะไรข่วนก็ไม่รู้ ได้แผลมา โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่รออำนวยความสะดวก มีกระเป๋ายาเราเลยเข้าไปให้พี่ๆเขาทำแผลให้ ขอบคุณมากๆนะคะ ^^

อยากให้ทุกคนลองมาสัมผัสบรรยากาศที่นี่ดู ไม่ว่าจะสถานที่ อาหาร ผู้คน ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต มันสนุกดีนะ 

สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว สามารถนั่งรถทัสร์มาลงที่บขส.กันทรลักษ์ แล้วเหมารถไปเที่ยวต่อ ราคาอยู่ที่ประมาณ 600 บาท(ไป-กลับ) ราคาต่อรองได้ขึ้นอยู่กับความสามารถค่ะ

จริงๆ เราไปเที่ยวต่ออีก 2-3 ที่ ไว้จะมาเล่าให้ฟังน้าาา

กันทรลักษ์ไม่ได้มีแค่ทุเรียนภูเขาไฟจริงๆ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอบคุณค่าา (ไหว้ย่อ)