ทาดาาาาา ร้านถัดไปที่เราจะแนะนะในวันนี้ เป็นร้านที่แอดชอบมักๆร้านนึงเลย เพราะแอดเป็น ซูชิเลิฟเว่อร์ๆ 55 ร้านนี้เป็นร้านซูชิระดับหนึ่งดาวมิชลินที่เราได้ไปทานมาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้ และเป็นร้านที่เสิร์ฟซูชิโอมากาเสะที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย นั่นก็คือ ...
ใส่โค้ด
⭐️ 1 Michelin Star - 1 ดาวมิชลิน
🍣 กินซ่า ซูชิ อิจิ ร้านซูชิระดับ 1 ดาวมิชลินร้านแรกและร้านเดียวในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯปี 2019 มีสาขาทั้งในย่านกินซ่ากรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สาขากรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และสาขาติดดาวมิชลินในประเทศสิงคโปร์ สำหรับสาขาประเทศไทยนั้นตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเอราวัณชั้น LG และได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลินตั้งเเต่ปี 2018 มาจนถึงปัจจุบัน
🐟 เช่นเดียวกับร้านซูชิทั่วไปที่หน้าร้านมีการออกเเบบและตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเพียงป้ายทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆสลักชื่อร้านด้วยอักษรคันจิสีดำ ข้างในมีห้องรับรองลูกค้ารวมสองห้อง มีเคาเตอร์บาร์ทำจากไม้ฮิโนกิตามแบบฉบับร้านซูชิคลาสสิค แต่ละห้องจะมีเชฟหนึ่งท่านโดยเชฟที่บริการเสิร์ฟซูชิให้เราในวันนี้คือวาตารุซังที่ดูท่าจะเป็นคนขี้อายหน่อยๆ อาหารที่นี่แบ่งเป็นมื้อกลางวันและกลางคืน โดยมีราคาเริ่มต้นคือคอร์ส Fuyou ที่มีราคาเพียงเเค่ 1,800++ บาทเท่านั้น ถัดขึ้นมาจะเป็นคอร์ส Botan ในราคา 3,000++ บาท และคอร์ส Omakase ในราคา 4,000++ บาท โดยทุกคอร์สจะมี Nigiri Sushi จำนวน 8 ชิ้น แต่จะเเตกต่างกันที่ Appetizer, Sashimi และชนิดของ Nigiri Sushi นอกจากนี้ทางร้านยังมี Signature a la carte menu ที่ลูกค้าสามารถสั่งเพิ่มเติมได้เป็นพิเศษ อย่างแรกคือ Awabi หรือ Japanese abalone เป็นข้าวหน้าหอยเปาฮื้อรสเลิศราดด้วยซอสตับหอยเสิร์ฟมาในราคาจานละ 1,800 บาท ยังมี Ankimo หรือ Monk fish liver ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นฟัวกราส์แห่งท้องทะเลโดยเชฟจะแล่ตับปลาให้ดูกันสดๆเสิร์ฟในราคา 850++ บาท วัตถุดิบหลักทั้งปลา กุ้ง หอยของที่นี่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นแบบ “วันต่อวัน” เพื่อรับประกันความสดใหม่ของซูชิทุกคำที่ทางร้านจัดเสิร์ฟอีกด้วย
🥢 วันนี้เราเลือกทานคอร์สใหญ่ที่สุดของทางร้านคือ Omakase และเลือกสั่งเมนูอลาคาร์ททั้งสองอย่างมาชิมกัน ซูชิทุกคำที่เสิร์ฟมาเราสามารถรับรู้ได้ถึงความสดของเนื้อปลา ส่วนการแล่ปลาและเทคนิคการปั้นข้าวซูชิอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้และยังไม่โดดเด่นมากนัก อย่างไรก็ตามคุณภาพของซูชิที่นี่ถือว่าดีพอที่จะได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลิน และเป็นร้านซูชิที่ดีที่สุดร้านหนึ่งในกรุงเทพฯได้อย่างไม่ต้องสงสัย
😘 ปล. ใครที่อยากทราบความต่างของคอร์ส Foyou ราคา 1,800++ บาท กับคอร์ส Omakase ราคา 4,000++ บาท เรามีภาพสรุปไว้ให้ 3 รูปสุดท้ายจ้า
📃 Lunch Omakase Course (4,000++/p)
- 1st Appetizer
Shungiku kani dashimaki, Iwachi, Kisu Tempura
- 2nd Appetizer
Hirame, Engawa, Saba, Tsubugai
- Shimaaji
- Kinmedai
- Todai Tsubu
- Wakasagi
- Akami
- Ika
- Kamasu
- Chutoro
- Aji
- Uni Ikura Don
- Anago
- Miso Soup
- Himokyu Roll
- Tamago
- Dessert
Salt Waffle Ice Cream, Shine Muscat Grape, Tofu Pudding, Red Bean Mochi
📃 Signa ture A la Carte Menu
- Awabi (1,800++)
- Ankimo (850++)
🍵 Drinks
- Matcha (Complimentary)
👍 ร้านซูชิคุณภาพสูง มีคอร์สราคาเริ่มต้นราคาไม่แพง เป็นอีกหนึ่งร้านซูชิคุณภาพที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ
รสชาติ : 15/20
ราคา : 13/20
ความคุ้มค่า : 14/20
บรรยากาศ : 16/20
บริการ : 16/20
ความประทับใจโดยรวม : 15/20

🍣 กินซ่า ซูชิ อิจิ ร้านซูชิระดับ 1 ดาวมิชลินร้านแรกและร้านเดียวในมิชลินไกด์ ฉบับกรุงเทพฯปี 2019 ตัวร้านมีสาขาทั้งในย่านกินซ่ากรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สาขากรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และสาขาติดดาวมิชลินในประเทศสิงคโปร์ สำหรับสาขาประเทศไทยนั้นตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเอราวัณชั้น LG และได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลินตั้งเเต่ปี 2018 มาจนถึงปัจจุบัน

- Appetizer
Shungiku kani dashimaki, Iwachi, Kisu Tempura
สำหรับอาหารทานเล่นจานเเรกเริ่มจากถ้วยใสด้านบนคือ ชุนกิคุ หรือผักตั้งโอ๋ เชฟนำไปเเช่ในน้ำดาชิผสมเนื้อปูทอปด้วยดอกเบญจมาศ เสิร์ฟมาแบบเย็น ตอนทานจะได้กลิ่นหอมและความสดชื่นจากเนื้อปูกับรสหวานอ่อนๆจากธรรมชาติของผัก อร่อยใช้ได้เลย (14/20) ถัดมาทางซ้ายคือ อิวาชิ หรือปลาซาดีนญี่ปุ่นต้มซีอิ๊วหวาน ทอปด้วยมัสตาร์ด เนื้อสัมผัสของปลาเเข็งหน่อยๆ ซีอิ๊วรสหวานเค็ม ช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี (13/20) สุดท้ายคือ คิสึเทมปุระ หรือปลาทรายญี่ปุ่นชุบแป้งทอดทอปด้วยดอกและใบโอบะสับจากนั้นนำไปต้ม ตัวเทมปุระกรอบนอก นุ่มใน ทานคำเดียวอร่อยสุดๆ (15/20)

- 2nd Appetizer
Hirame, Engawa, Saba, Tsubugai
สำหรับอาหารว่างเซ็ตที่สองจะเสิร์ฟมาอย่างละสองชิ้น ให้สลับทานกับเกลือทะเลเเละโชยุอย่างละชิ้นจะได้รสชาติที่แตกต่างกัน เริ่มจากปลาเนื้อขาวทางซ้ายมือสุดคือ “ฮิราเมะ” หรือเนื้อปลาตาเดียวญี่ปุ่น แล่มาบางๆ สีขาวใสสวยงามมากๆ วางมาบนหัวไชเท้าหั่นฝอย (15/20) ถัดมาสีขาวข้างๆกันคือ “เอ็นกาวะ” หรือส่วนครีบของปลาตาเดียว ใครจะรู้ว่าครีบนั้นอร่อยกว่าเนื้อเสียอีก ด้วยความที่มีเนื้อสัมผัสเคี้ยวกรึบคล้ายข้อกระดูกไก่ เเต่ยังไม่ทิ้งความนุ่มในแบบของเนื้อปลา ทานเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ดี เเละชูรสชาติด้วยโชยุและเกลือ อร่อยมากๆทั้งสองคำ (16/20) ถัดมาคือ “ซาบะ” ที่เชฟนำไปดองจนมีรสหวานอ่อนๆ เเนะนำให้ทานกับซอสโชยุเท่านั้นเพราะปลาที่ดองมามีรสชาติเค็มอยู่แล้ว หากทานกับเกลืออาจมีรสเค็มจนเกินไป (14/20) สุดท้ายคือ “ซึบุไก” หรือเนื้อหอยสังข์วางมาบนสาหร่ายวากาเมะและเลมอน (14/20)

- 2nd Appetizer
Sea salt and shoyu
เสิร์ฟมาให้ทานกับเกลือทะเลและโชยุ

- Shimaaji
คำนี้คือ “ชิมะอะจิ” หรือปลาทูหางเหลือง เป็นนิงิริที่รสชาติจัดว่าน่าสนใจมาก เพราะเเม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นปลาทู เเต่รสชาติที่ออกมาไม่ได้มีรสเค็มหรือกลิ่นทะเลเเรงแบบที่ปลาทูทั่วไปมี เนื้อปลาเคี้ยวหนึบ ไม่มีกลิ่นเค็มที่เเรงเกินไปตัดรสกับวาซาบิอย่างลงตัว เเละน่าจะเป็นชิมะอะจิที่ดี่ที่สุดร้านหนึ่งในกรุงเทพเลยทีเดียว (16/20)

- Kinmedai
หนึ่งในนิงิริซูชิทีเด็ดของคอร์สโอมากาเสะคือ “คินเมะได” หรือปลากะพงแดงตาโต มีเนื้อสีส้มอมชมพูสวยงาม เนื้อสัมผัสนุ่ม แทบจะละลายในปาก มีรสหวานของเนื้อปลาตัดกับรสและกลิ่นของวาซาบิ อร่อยสุดๆ (16/20)

- Todai Tsubu
จานนี้คือโทไดซึบุ หรือลูกหอยสังข์นำไปคลุกกับซอสงา ใส่สาหร่ายวากาเมะ เฮียวงะหรือดอกขิงดอง ทอปด้วยดอกคานาโฮะหรือดอกใบชิโสะ ทานเเล้วจะได้เนื้อสัมผัสเคี้ยวหนึบของลูกหอย กลิ่นหอมและความครีมมี่ของซอสงา และความหวานของผักนานาชนิด (12/20)

- Wakasagi
ถัดมาคือ “วาคาซางิ” ปลาขนาดเล็กที่ใช้ชีวิตในทะเลน้ำแข็ง นำไปทอด หมักด้วยซอสรสหวาน ทอปด้วยพริกแห้งของญี่ปุ่น เสิร์ฟมาเย็นๆ เนื้อปลามีเนื้อสัมผัสเเข็งหน่อยๆตามประสาปลาตัวเล็ก รสหวานของซอสดับกลิ่นคาวปลาได้ดี (13/20)

- Akami
อากามิหรือเนื้อส่วนหลังของปลาทูน่า เป็นส่วนที่มีความเป็นปลาสูง มีไขมันน้อย ทานเข้าไปจะได้รสเปรี้ยวของข้าวตัดกับรสของเนื้อปลา มีกลิ่นของส้มยูซูอ่อนๆแยกกันกับกลิ่นของวาซาบิ จัดเป็นซูชิอากามิที่ดีมากเลย (15/20)

- Ika
อิกะ หรือปลาหมึก แล่มาสวยงามขนาดพอดีคำ เพิ่มรสชาติด้วยซึดาจิหรือมะนาวญี่ปุ่น ตอนทานจะได้เนื้อสัมผัสเคี้ยวหนึบของปลาหมึก ตัดด้วยรสเปรี้ยว ของมะนาวและกลิ่นของวาซาบิ อย่างไรก็ตามเนื้อสัมผัสของหมึกยังจัดว่าเหนียวไปสักหน่อย (14/20)

- Awabi (1,800++)
อะวาบิหรือข้าวหน้าหอยเปาฮื้อ เมนูอลาคาร์ทซิกเนเจอร์ของทางร้านที่ขายในราคาสูงถึงจานละ 1,800++ บาท ตัวข้าวสุกกำลังดี นุ่มใช้ได้ ทานกับหอยเปาฮ้อญี่ปุ่นที่หั่นมาเป็นชิ้น เนื้อสัมผัสเคี้ยวหนึบ มีกลิ่นหอม ไร้ซึ่งกลิ่นคาว ราดด้วยซอสสีเขียวทำจากตับหอยเปาฮื้อ ตัวซอสเนื้อเนียน ครีมมี่ ละมุน เสมือนเป็นกาวเชื่อมข้าวกับหอยเข้าด้วยกัน อร่อยสมกับมาตรฐาน 1 ดาวมิชลิน เเละจัดเป็นเมนูห้ามพลาดสำหรับการมาทานซูชิที่นี่เลยทีเดียว (17/20)

- Kamasu
คามาซึ หรือปลา Baraccuda ชื่อภาษาไทยคือปลาน้ำดอกไม้ นำไปย่างจนสุก ทอปด้วยดอกขิง โดยตอนทานให้ทานดอกขิงก่อน โดยจะมีกลิ่นขิงอ่อนๆ มีรสขมเบาๆ ทีเด็ดคือเนื้อปลานุ่ม ละมุนมากราวกับสำลี มีรสหวานธรรมชาติของเนื้อปลาเจือไปกับกลิ่นหอมที่ได้จากการย่างถ่าน อร่อยเด็ดมากๆ (17/20)

- Chutoro
ปลาทูน่าส่วนชูโทโร่ปั้นออกมาได้สวยงาม เนื้อปลาสีเเดง มีไขมันเเทรกอยู่ปานกลาง คำนี้เชฟทำอัตราส่วนข้าวต่อเนื้อปลาดีมากๆ เนื้อปลาสด ทำให้เนื้อสัมผัสของปลาออกมานุ่มกว่าร้านอื่นๆที่เคยทานมาในประเทศไทย ทานเเล้วไขมันของปลาเกือบจะละลายในปาก ฟินสุดๆ (16/20)

- Aji
อะจิ ปลาทูญี่ปุ่น เชฟแล่มาเป็นชิ้นหนาพอสมควร ทอปด้วยขิงสด เนื้อปลาอาจินุ่ม เเต่ตรงกลางรู้สึกถึงความสดจากเนื้อที่เด้งสู้ฟันกว่าร้านซูชิอื่นที่เคยทานมาในประเทศไทย รสและกลิ่นของขิงไม่แรงจนกลบเนื้อปลา ถือว่าอร่อยใช้ได้เลยสำหรับปลาทูธรรมดา (16/20)

- Uniikuradon
ถัดมาเชฟจะจัดเตรียมเมนูข้าวให้เรา โดยสำหรับคอร์สโอมากาเสะจะได้ข้าวพิเศษกว่าคอร์สอื่นๆคือจะมีบาฟุนอูนิใส่ลงไปกับข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอนด้วย (16/20)

- Uni Ikura Don
สำหรับเมนูข้าวซิกเนเจอร์ของทางร้านคือข้าวหน้าอิคุระหรือไข่ปลาเเซลมอน โดยคอร์สโอมากาเสะจะเพิ่ม Bafun Uni เป็นไข่หอยเม่นพันธุ์บาฟุนรสเลิศเข้าไปบนไข่ปลาแซลมอนอีกที ตัวอูนิมีความครีมมี่ อร่อยมากๆ ช่วยดับกลิ่นคาวของอิคุระได้อย่างลงตัว ข้าวด้านล่างสุกพอดี เคี้ยวหนึบ เมนูข้าวของที่นี่ถือว่าอร่อยกว่าร้านซูชิอื่นๆที่เคยไปทานมาในกรุงเทพฯทั้งหมด ห้ามพลาดเลยทีเดียว (16/20)

- Anago
นิงิริซูชิคำสุดท้ายคืออะนาโกะหรือปลาไหลทะเลญี่ปุ่น มีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์คือนุ่มคล้ายสำลีจนละลายได้ในปาก หอมกลิ่นย่างถ่าน และมีหวานเลิศจากน้ำซอส ปลาไหลทะเลที่นี่เนื้อนุ่ม ละมุนใช้ได้สมกับระดับ 1 ดาวมิชลิน แต่ยังด้อยกว่าร้านซูชิมาซาโตะที่มีเมนูนี้เป็นซิกเนเจอร์อยู่ขั้นหนึ่ง (15/20)

- Miso Soup
ซุปมิโสะของที่นี่เพิ่มเนื้อสัมผัสเเละรสชาติด้วยการใส่มัน Nagaimo ฝนลงไปด้านล่าง ให้ลูกค้าคนก่อนทาน รสชาติของซุปกลมกล่อม หอมในเเบบที่ควรจะเป็น และมีความนวลของมันฝนอยู่ข้างล่าง (15/20)
ปล.ฝากติดตาม FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่ง
[CR] 🇹🇭 Ginza Sushi Ichi - กินซ่า ซูชิ อิจิ ร้านซูชิระดับ 1 ดาวมิชลินร้านแรกและร้านเดียวในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯปี 19
🍣 กินซ่า ซูชิ อิจิ ร้านซูชิระดับ 1 ดาวมิชลินร้านแรกและร้านเดียวในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯปี 2019 มีสาขาทั้งในย่านกินซ่ากรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สาขากรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และสาขาติดดาวมิชลินในประเทศสิงคโปร์ สำหรับสาขาประเทศไทยนั้นตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเอราวัณชั้น LG และได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลินตั้งเเต่ปี 2018 มาจนถึงปัจจุบัน
🐟 เช่นเดียวกับร้านซูชิทั่วไปที่หน้าร้านมีการออกเเบบและตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเพียงป้ายทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆสลักชื่อร้านด้วยอักษรคันจิสีดำ ข้างในมีห้องรับรองลูกค้ารวมสองห้อง มีเคาเตอร์บาร์ทำจากไม้ฮิโนกิตามแบบฉบับร้านซูชิคลาสสิค แต่ละห้องจะมีเชฟหนึ่งท่านโดยเชฟที่บริการเสิร์ฟซูชิให้เราในวันนี้คือวาตารุซังที่ดูท่าจะเป็นคนขี้อายหน่อยๆ อาหารที่นี่แบ่งเป็นมื้อกลางวันและกลางคืน โดยมีราคาเริ่มต้นคือคอร์ส Fuyou ที่มีราคาเพียงเเค่ 1,800++ บาทเท่านั้น ถัดขึ้นมาจะเป็นคอร์ส Botan ในราคา 3,000++ บาท และคอร์ส Omakase ในราคา 4,000++ บาท โดยทุกคอร์สจะมี Nigiri Sushi จำนวน 8 ชิ้น แต่จะเเตกต่างกันที่ Appetizer, Sashimi และชนิดของ Nigiri Sushi นอกจากนี้ทางร้านยังมี Signature a la carte menu ที่ลูกค้าสามารถสั่งเพิ่มเติมได้เป็นพิเศษ อย่างแรกคือ Awabi หรือ Japanese abalone เป็นข้าวหน้าหอยเปาฮื้อรสเลิศราดด้วยซอสตับหอยเสิร์ฟมาในราคาจานละ 1,800 บาท ยังมี Ankimo หรือ Monk fish liver ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นฟัวกราส์แห่งท้องทะเลโดยเชฟจะแล่ตับปลาให้ดูกันสดๆเสิร์ฟในราคา 850++ บาท วัตถุดิบหลักทั้งปลา กุ้ง หอยของที่นี่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นแบบ “วันต่อวัน” เพื่อรับประกันความสดใหม่ของซูชิทุกคำที่ทางร้านจัดเสิร์ฟอีกด้วย
🥢 วันนี้เราเลือกทานคอร์สใหญ่ที่สุดของทางร้านคือ Omakase และเลือกสั่งเมนูอลาคาร์ททั้งสองอย่างมาชิมกัน ซูชิทุกคำที่เสิร์ฟมาเราสามารถรับรู้ได้ถึงความสดของเนื้อปลา ส่วนการแล่ปลาและเทคนิคการปั้นข้าวซูชิอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้และยังไม่โดดเด่นมากนัก อย่างไรก็ตามคุณภาพของซูชิที่นี่ถือว่าดีพอที่จะได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลิน และเป็นร้านซูชิที่ดีที่สุดร้านหนึ่งในกรุงเทพฯได้อย่างไม่ต้องสงสัย
😘 ปล. ใครที่อยากทราบความต่างของคอร์ส Foyou ราคา 1,800++ บาท กับคอร์ส Omakase ราคา 4,000++ บาท เรามีภาพสรุปไว้ให้ 3 รูปสุดท้ายจ้า
📃 Lunch Omakase Course (4,000++/p)
- 1st Appetizer
Shungiku kani dashimaki, Iwachi, Kisu Tempura
- 2nd Appetizer
Hirame, Engawa, Saba, Tsubugai
- Shimaaji
- Kinmedai
- Todai Tsubu
- Wakasagi
- Akami
- Ika
- Kamasu
- Chutoro
- Aji
- Uni Ikura Don
- Anago
- Miso Soup
- Himokyu Roll
- Tamago
- Dessert
Salt Waffle Ice Cream, Shine Muscat Grape, Tofu Pudding, Red Bean Mochi
📃 Signa ture A la Carte Menu
- Awabi (1,800++)
- Ankimo (850++)
🍵 Drinks
- Matcha (Complimentary)
👍 ร้านซูชิคุณภาพสูง มีคอร์สราคาเริ่มต้นราคาไม่แพง เป็นอีกหนึ่งร้านซูชิคุณภาพที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ
รสชาติ : 15/20
ราคา : 13/20
ความคุ้มค่า : 14/20
บรรยากาศ : 16/20
บริการ : 16/20
ความประทับใจโดยรวม : 15/20
🍣 กินซ่า ซูชิ อิจิ ร้านซูชิระดับ 1 ดาวมิชลินร้านแรกและร้านเดียวในมิชลินไกด์ ฉบับกรุงเทพฯปี 2019 ตัวร้านมีสาขาทั้งในย่านกินซ่ากรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สาขากรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และสาขาติดดาวมิชลินในประเทศสิงคโปร์ สำหรับสาขาประเทศไทยนั้นตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเอราวัณชั้น LG และได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลินตั้งเเต่ปี 2018 มาจนถึงปัจจุบัน
- Appetizer
Shungiku kani dashimaki, Iwachi, Kisu Tempura
สำหรับอาหารทานเล่นจานเเรกเริ่มจากถ้วยใสด้านบนคือ ชุนกิคุ หรือผักตั้งโอ๋ เชฟนำไปเเช่ในน้ำดาชิผสมเนื้อปูทอปด้วยดอกเบญจมาศ เสิร์ฟมาแบบเย็น ตอนทานจะได้กลิ่นหอมและความสดชื่นจากเนื้อปูกับรสหวานอ่อนๆจากธรรมชาติของผัก อร่อยใช้ได้เลย (14/20) ถัดมาทางซ้ายคือ อิวาชิ หรือปลาซาดีนญี่ปุ่นต้มซีอิ๊วหวาน ทอปด้วยมัสตาร์ด เนื้อสัมผัสของปลาเเข็งหน่อยๆ ซีอิ๊วรสหวานเค็ม ช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี (13/20) สุดท้ายคือ คิสึเทมปุระ หรือปลาทรายญี่ปุ่นชุบแป้งทอดทอปด้วยดอกและใบโอบะสับจากนั้นนำไปต้ม ตัวเทมปุระกรอบนอก นุ่มใน ทานคำเดียวอร่อยสุดๆ (15/20)
- 2nd Appetizer
Hirame, Engawa, Saba, Tsubugai
สำหรับอาหารว่างเซ็ตที่สองจะเสิร์ฟมาอย่างละสองชิ้น ให้สลับทานกับเกลือทะเลเเละโชยุอย่างละชิ้นจะได้รสชาติที่แตกต่างกัน เริ่มจากปลาเนื้อขาวทางซ้ายมือสุดคือ “ฮิราเมะ” หรือเนื้อปลาตาเดียวญี่ปุ่น แล่มาบางๆ สีขาวใสสวยงามมากๆ วางมาบนหัวไชเท้าหั่นฝอย (15/20) ถัดมาสีขาวข้างๆกันคือ “เอ็นกาวะ” หรือส่วนครีบของปลาตาเดียว ใครจะรู้ว่าครีบนั้นอร่อยกว่าเนื้อเสียอีก ด้วยความที่มีเนื้อสัมผัสเคี้ยวกรึบคล้ายข้อกระดูกไก่ เเต่ยังไม่ทิ้งความนุ่มในแบบของเนื้อปลา ทานเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ดี เเละชูรสชาติด้วยโชยุและเกลือ อร่อยมากๆทั้งสองคำ (16/20) ถัดมาคือ “ซาบะ” ที่เชฟนำไปดองจนมีรสหวานอ่อนๆ เเนะนำให้ทานกับซอสโชยุเท่านั้นเพราะปลาที่ดองมามีรสชาติเค็มอยู่แล้ว หากทานกับเกลืออาจมีรสเค็มจนเกินไป (14/20) สุดท้ายคือ “ซึบุไก” หรือเนื้อหอยสังข์วางมาบนสาหร่ายวากาเมะและเลมอน (14/20)
- 2nd Appetizer
Sea salt and shoyu
เสิร์ฟมาให้ทานกับเกลือทะเลและโชยุ
- Shimaaji
คำนี้คือ “ชิมะอะจิ” หรือปลาทูหางเหลือง เป็นนิงิริที่รสชาติจัดว่าน่าสนใจมาก เพราะเเม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นปลาทู เเต่รสชาติที่ออกมาไม่ได้มีรสเค็มหรือกลิ่นทะเลเเรงแบบที่ปลาทูทั่วไปมี เนื้อปลาเคี้ยวหนึบ ไม่มีกลิ่นเค็มที่เเรงเกินไปตัดรสกับวาซาบิอย่างลงตัว เเละน่าจะเป็นชิมะอะจิที่ดี่ที่สุดร้านหนึ่งในกรุงเทพเลยทีเดียว (16/20)
- Kinmedai
หนึ่งในนิงิริซูชิทีเด็ดของคอร์สโอมากาเสะคือ “คินเมะได” หรือปลากะพงแดงตาโต มีเนื้อสีส้มอมชมพูสวยงาม เนื้อสัมผัสนุ่ม แทบจะละลายในปาก มีรสหวานของเนื้อปลาตัดกับรสและกลิ่นของวาซาบิ อร่อยสุดๆ (16/20)
- Todai Tsubu
จานนี้คือโทไดซึบุ หรือลูกหอยสังข์นำไปคลุกกับซอสงา ใส่สาหร่ายวากาเมะ เฮียวงะหรือดอกขิงดอง ทอปด้วยดอกคานาโฮะหรือดอกใบชิโสะ ทานเเล้วจะได้เนื้อสัมผัสเคี้ยวหนึบของลูกหอย กลิ่นหอมและความครีมมี่ของซอสงา และความหวานของผักนานาชนิด (12/20)
- Wakasagi
ถัดมาคือ “วาคาซางิ” ปลาขนาดเล็กที่ใช้ชีวิตในทะเลน้ำแข็ง นำไปทอด หมักด้วยซอสรสหวาน ทอปด้วยพริกแห้งของญี่ปุ่น เสิร์ฟมาเย็นๆ เนื้อปลามีเนื้อสัมผัสเเข็งหน่อยๆตามประสาปลาตัวเล็ก รสหวานของซอสดับกลิ่นคาวปลาได้ดี (13/20)
- Akami
อากามิหรือเนื้อส่วนหลังของปลาทูน่า เป็นส่วนที่มีความเป็นปลาสูง มีไขมันน้อย ทานเข้าไปจะได้รสเปรี้ยวของข้าวตัดกับรสของเนื้อปลา มีกลิ่นของส้มยูซูอ่อนๆแยกกันกับกลิ่นของวาซาบิ จัดเป็นซูชิอากามิที่ดีมากเลย (15/20)
- Ika
อิกะ หรือปลาหมึก แล่มาสวยงามขนาดพอดีคำ เพิ่มรสชาติด้วยซึดาจิหรือมะนาวญี่ปุ่น ตอนทานจะได้เนื้อสัมผัสเคี้ยวหนึบของปลาหมึก ตัดด้วยรสเปรี้ยว ของมะนาวและกลิ่นของวาซาบิ อย่างไรก็ตามเนื้อสัมผัสของหมึกยังจัดว่าเหนียวไปสักหน่อย (14/20)
- Awabi (1,800++)
อะวาบิหรือข้าวหน้าหอยเปาฮื้อ เมนูอลาคาร์ทซิกเนเจอร์ของทางร้านที่ขายในราคาสูงถึงจานละ 1,800++ บาท ตัวข้าวสุกกำลังดี นุ่มใช้ได้ ทานกับหอยเปาฮ้อญี่ปุ่นที่หั่นมาเป็นชิ้น เนื้อสัมผัสเคี้ยวหนึบ มีกลิ่นหอม ไร้ซึ่งกลิ่นคาว ราดด้วยซอสสีเขียวทำจากตับหอยเปาฮื้อ ตัวซอสเนื้อเนียน ครีมมี่ ละมุน เสมือนเป็นกาวเชื่อมข้าวกับหอยเข้าด้วยกัน อร่อยสมกับมาตรฐาน 1 ดาวมิชลิน เเละจัดเป็นเมนูห้ามพลาดสำหรับการมาทานซูชิที่นี่เลยทีเดียว (17/20)
- Kamasu
คามาซึ หรือปลา Baraccuda ชื่อภาษาไทยคือปลาน้ำดอกไม้ นำไปย่างจนสุก ทอปด้วยดอกขิง โดยตอนทานให้ทานดอกขิงก่อน โดยจะมีกลิ่นขิงอ่อนๆ มีรสขมเบาๆ ทีเด็ดคือเนื้อปลานุ่ม ละมุนมากราวกับสำลี มีรสหวานธรรมชาติของเนื้อปลาเจือไปกับกลิ่นหอมที่ได้จากการย่างถ่าน อร่อยเด็ดมากๆ (17/20)
- Chutoro
ปลาทูน่าส่วนชูโทโร่ปั้นออกมาได้สวยงาม เนื้อปลาสีเเดง มีไขมันเเทรกอยู่ปานกลาง คำนี้เชฟทำอัตราส่วนข้าวต่อเนื้อปลาดีมากๆ เนื้อปลาสด ทำให้เนื้อสัมผัสของปลาออกมานุ่มกว่าร้านอื่นๆที่เคยทานมาในประเทศไทย ทานเเล้วไขมันของปลาเกือบจะละลายในปาก ฟินสุดๆ (16/20)
- Aji
อะจิ ปลาทูญี่ปุ่น เชฟแล่มาเป็นชิ้นหนาพอสมควร ทอปด้วยขิงสด เนื้อปลาอาจินุ่ม เเต่ตรงกลางรู้สึกถึงความสดจากเนื้อที่เด้งสู้ฟันกว่าร้านซูชิอื่นที่เคยทานมาในประเทศไทย รสและกลิ่นของขิงไม่แรงจนกลบเนื้อปลา ถือว่าอร่อยใช้ได้เลยสำหรับปลาทูธรรมดา (16/20)
- Uniikuradon
ถัดมาเชฟจะจัดเตรียมเมนูข้าวให้เรา โดยสำหรับคอร์สโอมากาเสะจะได้ข้าวพิเศษกว่าคอร์สอื่นๆคือจะมีบาฟุนอูนิใส่ลงไปกับข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอนด้วย (16/20)
- Uni Ikura Don
สำหรับเมนูข้าวซิกเนเจอร์ของทางร้านคือข้าวหน้าอิคุระหรือไข่ปลาเเซลมอน โดยคอร์สโอมากาเสะจะเพิ่ม Bafun Uni เป็นไข่หอยเม่นพันธุ์บาฟุนรสเลิศเข้าไปบนไข่ปลาแซลมอนอีกที ตัวอูนิมีความครีมมี่ อร่อยมากๆ ช่วยดับกลิ่นคาวของอิคุระได้อย่างลงตัว ข้าวด้านล่างสุกพอดี เคี้ยวหนึบ เมนูข้าวของที่นี่ถือว่าอร่อยกว่าร้านซูชิอื่นๆที่เคยไปทานมาในกรุงเทพฯทั้งหมด ห้ามพลาดเลยทีเดียว (16/20)
- Anago
นิงิริซูชิคำสุดท้ายคืออะนาโกะหรือปลาไหลทะเลญี่ปุ่น มีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์คือนุ่มคล้ายสำลีจนละลายได้ในปาก หอมกลิ่นย่างถ่าน และมีหวานเลิศจากน้ำซอส ปลาไหลทะเลที่นี่เนื้อนุ่ม ละมุนใช้ได้สมกับระดับ 1 ดาวมิชลิน แต่ยังด้อยกว่าร้านซูชิมาซาโตะที่มีเมนูนี้เป็นซิกเนเจอร์อยู่ขั้นหนึ่ง (15/20)
- Miso Soup
ซุปมิโสะของที่นี่เพิ่มเนื้อสัมผัสเเละรสชาติด้วยการใส่มัน Nagaimo ฝนลงไปด้านล่าง ให้ลูกค้าคนก่อนทาน รสชาติของซุปกลมกล่อม หอมในเเบบที่ควรจะเป็น และมีความนวลของมันฝนอยู่ข้างล่าง (15/20)
ปล.ฝากติดตาม FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่ง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้