
สวัสดีครับผมตูนครับ อายุ 24 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศิลปากร (Vatel)
และเพิ่งกลับมาจากสวิตเซอร์แลนด์ได้ไม่กี่เดือนเองครับ!!!
วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ที่ได้จากการไปเรียน และฝึกงานที่สวิตเซอร์แลนด์เป็น เวลา 1 ปีครับ
หลังจากที่จบ ป.ตรี ผมก็ได้มีความตั้งใจที่จะไปศึกษาต่อด้านการทำอาหาร จริงๆตอนแรก
ผมก็ยังไม่มีไอเดีย ว่าจะไปเรียนต่อที่ไหนดี จนวันนึงผมได้ไปเดินงานศึกษาต่อต่างประเทศจัดขึ้น
แล้วผมก็ได้มาเจอกับ บูทของสถาบัน B.H.M.S .ซึ่งตอนนั้นบอกตรงๆว่า ผมยังไม่ค่อยรู้อะไร
เกี่ยวกับสถาบันนี้เท่าไหร่เลยครับ แต่พอได้ลองคุยกับเจ้าหน้าที่ ผมก็เริ่มมีความสนใจ
เลยได้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานบันนี้พร้อมทั้งคำแนะนำจากพี่ๆ จนในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่
ที่จะไปหาความท้าทายในการเรียนต่อในต่างแดน
ผมรู้ว่าค่าใช้จ่ายที่สวิตค่อนข้างสูง แต่เมื่อผมมีโอกาส ผมก็คงต้องคว้ามันเอาไว้ครับ
ผมไม่รู้ว่าอนาคตของผมที่สวิสจะเป็นไปอย่างไร แต่ผมรู้เเค่ว่าผมจะทำมันให้ออกมาให้ดีที่สุด
เมื่อการเดินทางครั้งใหม่ของผมได้เริ่มต้น มันค่อนข้างตื่นเต้นมากๆ เพราะผมต้องไปเรียนรู้ในต่างแดนเป็นครั้งแรก
การมาเรียนของผมในครั้งนี้โชคดีมากๆที่ได้เจอกับพี่ๆบริษัท Beyond Boarders ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องเรียนต่อ
และช่วยดูแลทั้งเรื่องเอกสารสมัครเรียน ติดต่อกับมหาลัยและเอกสารทำวีซ่าต่างๆ นอกจากนี้ยังเคยบินมาเยี่ยมผมถึงที่สวิตด้วยครับ

เรียน 6 เดือน ฝึกงาน 6 เดือน
ช่วงเรียน 6 เดือนแรก
ต่อจากนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ของผมในช่วง 6 เดือนแรกให้ฟังกันครับ สวิตเซอร์แลนด์ถือว่า
เป็นประเทศในฝันของใครหลายๆคน เนื่องจากความสวยงามของธรรมชาติที่นี่มันน่ามหัศจรรย์มากๆเลยครับ
ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประเทศนี้ ผสมผสานเข้ากับความงดงามของธรรมชาติ ทำให้เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว
จากทั่วทุกมุมโลกอยากมาสัมผัสประสบการณ์ที่ประเทศนี้ ผมก็เป็นหนึ่งคนที่อยากจะหาโอกาสมาประเทศนี้
ให้ได้ซักครั้งก่อนตายครับ แล้วความฝันผมก็ใกล้ความจริงแล้วครับ

การมาศึกษาต่อที่นี่ ผมเลือกที่จะศึกษาต่อในด้านการบริหารจัดการในครัว ในหลักสูตร Post graduate in culinary art
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่จบ ป.ตรีด้านใดมาก็ได้ และมีความสนใจทางด้านอาหาร หรือต้องการที่จะหาประสบการณ์
ในด้านการบริหารจัดการในครัวครับ ที่ผมเลือกมาเรียนต่อก็เพราะเป็นสายที่ผมเลือกเรียนมาตั้งแต่ปริญญาตรี
และก็เป็นความชอบส่วนตัวของผม ที่อยากจะพัฒนาความรู้ด้านอาหารให้มากกว่านี้ การเป็นเชฟนั้นสำหรับผมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ผมรู้ว่าในครัวนั้นมันไม่ได้สบายเหมือนกับที่หลายๆคนคิดไว้
การที่ผมได้มาศึกษาต่อที่นี่ ผมได้แง่คิด ในการใช้ชีวิตหลากหลายรูปแบบ ผมได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับคนหลากหลายรูปแบบ
มันสอนให้ผมได้เรียนรู้จักการวางตัวให้เข้ากับสังคมในรูปแบบที่ต่างกันออกไป เพราะการมาเรียนที่นี่มีนักศึกษามาจากทั่วทุกมุมโลก
ดังนั้นการวางตัวถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ
ส่วนหลักสูตรที่ผมเลือกมาเรียนจะประกอบไปด้วยภาควิชาการและก็ภาคปฎิบัติครับ จะเรียนทั้งหมด 6 เดือน แบ่งเป็น 4 เทอม
โดยที่ 1 เทอมจะเรียนประมาน 1 เดือน ละมีพักราวๆ 2 สัปดาห์ครับ ในหนึ่งอาทิตย์จะเรียนอยู่ประมาน 4 วัน
วันเสาร์ และวันอาทิตย์ จะได้พักในส่วนของภาควิชาการ นักเรียนก็จะได้เรียนรู้วิชาที่เกี่ยวข้อง และสอดคล้องกับสายอาชีพเชฟ
อาทิ เช่นวิชาการคำนวนต้นทุนอาหารในร้านอาหาร การออกแบบเมนูในร้านอาหาร วิชาไวน์และการนำไวน์ไปทานคู่กับอาหาร
วิชาสุขอนามัยในห้องครัว หรือ HACCP มากกว่านั้นที่นี่ยังมีสอนวิชาภาษาเยอรมันควบคู่ไปในแต่ละอาทิตย์ด้วย






ในส่วนของภาคปฎิบัติหลักสูตร PGD จะเริ่มเรียนตั้งแต่วิชาพื้นฐานในครัว เช่น การหั่นผักแบบต่างๆ
การทำซุปและการทำซอสพื้นฐาน เพื่อนักเรียนจะได้นำความรู้ขั้นพื้นฐานไปต่อยอดในวิชาครัวเทอมต่อๆไป
เพราะหลังจากเทอมแรก นักเรียนจะได้ลงมือทำอาหารเอง โดยเชฟจะมีเมนูอาหารของแต่ละประเทศที่ขึ้นชื่อ
มาให้นักเรียนได้ทำกันจริงๆ
พอเข้าเทอมที่ 3 นักเรียนจะได้มีโอกาสคิดเมนูกันในกลุ่มว่าอยากจะทำอาหารจากประเทศไหนที่อยู่ในโลกนี้ก็ได้
โดยมีข้อกำหนดว่า ต้องทำ starter, main dish and dessert มากกว่านั้นในเทอมที่ 3 และเทอมที่ 4 นักเรียนจะต้อง
ทำอาหารให้กับนักเรียนคนอื่นๆที่ได้ลงทะเทียนมารับประทานอาหารที่ห้องอาหาร bistro 57 โดยจะจัดขึ้นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ในช่วงกลางวันหรือช่วงค่ำขึ้นอยู่ว่าตารางเรียนของพวกเราจะเรียนตอนช่วงกี่โมงครับ
และที่สำคัญคือในแต่ละเทอมนักเรียนจะต้องมีการสอบ วัดความรู้ด้านอาหารที่ได้เรียนไปในแต่ละเทอมโดยที่จะมีเกรดเป็นตัวตัดสินว่า
นักเรียนคนไหนมีความสนใจและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ในส่วนตัวของผมที่ชอบมากๆในวิชาครัวที่นี่ก็คือ เชฟจะสอนให้นักศึกษา
รู้จักวางแผนก่อนการเริ่มทำงาน นักเรียนจะต้องรู้ว่าควรทำสิ่งใดเป็นลำดับแรก โดยให้ความสำคัญกับสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด
ไปยังน้อยที่สุดตามลำดับ เพื่อเวลาทำงานจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด หรือเกิดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด
นักเรียนยังได้รู้จักคิดและวางแผนการทำงานด้วยตัวเอง โดยจะมีเชฟคอยให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง ความคิดสร้างสรรค์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ
ที่นักเรียนจะได้เรียนรู้จากเชฟมืออาชีพ คอยสอนหรือแนะแนวแนวทางให้ ในแต่ละสัปดาห์ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า ทักษะความรู้เรื่องอาหารในครัว
ผมพัฒนาขึ้นทุกสัปดาห์ สำหรับที่ B.H.M.S. จะใช้ระบบ e-campus ในการส่งงานให้อาจารย์และนักเรียน สามารถเช็คข้อมูลสำคัญ
ผ่านทาง e-campus ได้ครับ เช่น เช็คคะแนนสอบ เช็คว่าทางมหาลัยจะมีนัดพูดคุยกับนักศึกษาเมื่อไหร่ เป็นต้นครับ



ชีวิตที่ลูเซิร์น
ที่ผมได้เล่ามาให้เพื่อนๆได้ฟังไปคร่าวๆเกี่ยวกับหลักสูตรที่ตัวผมได้มาเรียน ต่อจากนี้ ผมจะมาเล่าให้เพื่อนๆพี่ๆหรือน้องๆ
ได้รู้เกี่ยวกับสถาบันในระดับนึง ก่อนที่จะได้มีโอกาสมาศึกษาต่อกันครับ B.H.M.S. ตั้งอยู่ที่เมืองลูเซิร์นครับ
เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองที่สงบเงียบและสวยงาม มีภูเขาและแม่น้ำไหลผ่านตัวเมือง
และที่สำคัญคือเขามีห้องพักไว้ให้กับนักเรียนที่จะมาเรียนต่อ โดยในห้องพักก็จะมีอุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็น
ไว้ให้นักเรียนเรียบร้อยครับ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว ถ้วยชาม ช้อนส้อม บางห้องก็อาจจะมีเตารีดละโต๊ะรองรีดไว้ให้ครับ
(มาจากนักเรียนที่พักมาก่อนซื้อมาละไม่เอากลับไปครับ 555) มีบริการให้ยืมเครื่องดูดฝุ่น และมีบริการซักผ้าอบผ้า
โดยที่นักเรียนจะต้องเติมเงินเข้าไปในบัตรซักผ้าครับ โดยซักผ้าครั้งนึงจะอยู่ราวๆ 3 chf ครับ
สำหรับเพื่อนๆที่ชอบช็อปออนไลน์ สามารถสั่งของจากที่ไทยหรือประเทศอื่นๆ แล้วให้มาส่งที่ front office
ของมหาลัยได้เลยครับ ส่วนเรื่องอาหารต้องกังวลเลยครับเพราะเค้าจะมีอาหารให้กับนักเรียนทั้งหมด 3 มื้อครับ
โดยจะเป็นอาหารในรูปแบบ buffet หรือ กินเท่าไหร่ก็ได้ครับ แต่มีข้อแม้ว่าวัน จ.-ศ. นักเรียนจะต้องแต่งชุดสูท
ให้เรียบร้อยตามกฎระเบียบของทาง มหาลัย พร้อมกับต้องนำบัตรนักเรียนมาสแกน ทุกครั้งก่อนเข้าห้องอาหารด้วยครับ
ในส่วนของวันเสาร์กับวันอาทิตย์นักเรียน สามารถแต่งชุดไปรเวทเข้ามาทานได้แต่มีข้อแม้ว่าห้ามใส่รองเท้าแตะ,
กางเกงขาสั้น และก็กางเกงกีฬาเข้ามารับประทานอาหารโดยเด็ดขาดครับ ขอบอกไว้ก่อนครับคนตรวจที่นี่เข้าเข้มงวดจริงๆนะครับ
มากกว่านั้นทางมหาลัย ก็จะมีพาไปเที่ยวชมสถานที่ ที่น่าสนใจของประเทศสวิตในแต่ละสัปดาห์ แต่ตารางสถานที่
ที่มหาลัยจะพาไป นักเรียนสามารถเช็คได้ใน e-campus.bhms.ch ครับ สำหรับคนที่อยากไปจะต้องมาลงทะเบียนให้ทันในเวลาครับ
เพราะบางรอบก็รับจำนวนจำกัด โดยเฉพาะการพาไปที่ที่ ขึ้นชื่อ เช่น เขา Pilatus หรือ สวนสนุก Europa Park เป็นต้นครับ
ในกรณีที่ใครกำลังสนใจว่าจะมาเรียนต่อที่สวิตเซอร์แลนด์แล้วมีหลายๆคนบอกว่าพวกเครื่องปรุงอาหารไทยหายาก
อันนี้ผมขอบอกเลยครับว่าไม่จริงเลยครับ!! เพราะตัวผมก่อนจะมาก็มีคนบอกให้ซื้อของจากไทยไปเยอะๆเลยครับ
พอมาจริงๆที่เมืองลูเซิร์นก็มีร้านขายวัตถุดิบไทย ที่เราใช้กันทั่วไปในครัวเรือนบ้านเรา ร้านนี้ชื่อว่าร้าน"เซี่ยงไฮ้" ครับ
อยู่ไม่ไกลจากที่พักเลย สามารถเดินจากมหาลัยไปได้ครับ มากกว่านั้นละแวกมหาลัยก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่อีก 3 แห่งครับ
ก็คือ Coop, Migros และก็ Aldi แต่เพื่อนๆไม่ต้องจิตนาการว่าเหมือน Seven Eleven บ้านเรานะครับ แตกต่างกันโดนสิ้นเชิง
โดยส่วนตัวผมชอบ Seven Eleven มากกว่าเพราะเขามีอาหารหลากหลายกว่าครับ
ในลูเซิร์นก็มีร้านอาหารไทยอยู่หลายร้านครับ และอร่อยพอๆกับทานที่บ้านเราเลยละครับ แต่ว่าราคาของอาหารไทย
ที่สวิสเซอร์แลนด์แพงกว่าเป็นสิบเท่าเลยครับ สำหรับคนที่เป็นสายปาร์ตี้ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ ใกล้ๆมหาลัยก็จะมี
ผับที่ชื่อว่า princess ลูกค้าที่นี่ส่วนมากก็เป็นนักเรียนจาก B.H.M.S. ครับและแน่นอนนักเรียนก็ได้รับส่วนลดด้วยครับผม
[SR] ไปใช้ชีวิตเชฟที่ SWISS คิดแล้วคุ้ม!
สวัสดีครับผมตูนครับ อายุ 24 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศิลปากร (Vatel)
และเพิ่งกลับมาจากสวิตเซอร์แลนด์ได้ไม่กี่เดือนเองครับ!!!
วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ที่ได้จากการไปเรียน และฝึกงานที่สวิตเซอร์แลนด์เป็น เวลา 1 ปีครับ
หลังจากที่จบ ป.ตรี ผมก็ได้มีความตั้งใจที่จะไปศึกษาต่อด้านการทำอาหาร จริงๆตอนแรก
ผมก็ยังไม่มีไอเดีย ว่าจะไปเรียนต่อที่ไหนดี จนวันนึงผมได้ไปเดินงานศึกษาต่อต่างประเทศจัดขึ้น
แล้วผมก็ได้มาเจอกับ บูทของสถาบัน B.H.M.S .ซึ่งตอนนั้นบอกตรงๆว่า ผมยังไม่ค่อยรู้อะไร
เกี่ยวกับสถาบันนี้เท่าไหร่เลยครับ แต่พอได้ลองคุยกับเจ้าหน้าที่ ผมก็เริ่มมีความสนใจ
เลยได้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานบันนี้พร้อมทั้งคำแนะนำจากพี่ๆ จนในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่
ที่จะไปหาความท้าทายในการเรียนต่อในต่างแดน
ผมรู้ว่าค่าใช้จ่ายที่สวิตค่อนข้างสูง แต่เมื่อผมมีโอกาส ผมก็คงต้องคว้ามันเอาไว้ครับ
ผมไม่รู้ว่าอนาคตของผมที่สวิสจะเป็นไปอย่างไร แต่ผมรู้เเค่ว่าผมจะทำมันให้ออกมาให้ดีที่สุด
เมื่อการเดินทางครั้งใหม่ของผมได้เริ่มต้น มันค่อนข้างตื่นเต้นมากๆ เพราะผมต้องไปเรียนรู้ในต่างแดนเป็นครั้งแรก
การมาเรียนของผมในครั้งนี้โชคดีมากๆที่ได้เจอกับพี่ๆบริษัท Beyond Boarders ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องเรียนต่อ
และช่วยดูแลทั้งเรื่องเอกสารสมัครเรียน ติดต่อกับมหาลัยและเอกสารทำวีซ่าต่างๆ นอกจากนี้ยังเคยบินมาเยี่ยมผมถึงที่สวิตด้วยครับ
เรียน 6 เดือน ฝึกงาน 6 เดือน
ช่วงเรียน 6 เดือนแรก
ต่อจากนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ของผมในช่วง 6 เดือนแรกให้ฟังกันครับ สวิตเซอร์แลนด์ถือว่า
เป็นประเทศในฝันของใครหลายๆคน เนื่องจากความสวยงามของธรรมชาติที่นี่มันน่ามหัศจรรย์มากๆเลยครับ
ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประเทศนี้ ผสมผสานเข้ากับความงดงามของธรรมชาติ ทำให้เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว
จากทั่วทุกมุมโลกอยากมาสัมผัสประสบการณ์ที่ประเทศนี้ ผมก็เป็นหนึ่งคนที่อยากจะหาโอกาสมาประเทศนี้
ให้ได้ซักครั้งก่อนตายครับ แล้วความฝันผมก็ใกล้ความจริงแล้วครับ
มันสอนให้ผมได้เรียนรู้จักการวางตัวให้เข้ากับสังคมในรูปแบบที่ต่างกันออกไป เพราะการมาเรียนที่นี่มีนักศึกษามาจากทั่วทุกมุมโลก
ดังนั้นการวางตัวถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ
ส่วนหลักสูตรที่ผมเลือกมาเรียนจะประกอบไปด้วยภาควิชาการและก็ภาคปฎิบัติครับ จะเรียนทั้งหมด 6 เดือน แบ่งเป็น 4 เทอม
โดยที่ 1 เทอมจะเรียนประมาน 1 เดือน ละมีพักราวๆ 2 สัปดาห์ครับ ในหนึ่งอาทิตย์จะเรียนอยู่ประมาน 4 วัน
วันเสาร์ และวันอาทิตย์ จะได้พักในส่วนของภาควิชาการ นักเรียนก็จะได้เรียนรู้วิชาที่เกี่ยวข้อง และสอดคล้องกับสายอาชีพเชฟ
อาทิ เช่นวิชาการคำนวนต้นทุนอาหารในร้านอาหาร การออกแบบเมนูในร้านอาหาร วิชาไวน์และการนำไวน์ไปทานคู่กับอาหาร
วิชาสุขอนามัยในห้องครัว หรือ HACCP มากกว่านั้นที่นี่ยังมีสอนวิชาภาษาเยอรมันควบคู่ไปในแต่ละอาทิตย์ด้วย
ในส่วนของภาคปฎิบัติหลักสูตร PGD จะเริ่มเรียนตั้งแต่วิชาพื้นฐานในครัว เช่น การหั่นผักแบบต่างๆ
การทำซุปและการทำซอสพื้นฐาน เพื่อนักเรียนจะได้นำความรู้ขั้นพื้นฐานไปต่อยอดในวิชาครัวเทอมต่อๆไป
เพราะหลังจากเทอมแรก นักเรียนจะได้ลงมือทำอาหารเอง โดยเชฟจะมีเมนูอาหารของแต่ละประเทศที่ขึ้นชื่อ
มาให้นักเรียนได้ทำกันจริงๆ
พอเข้าเทอมที่ 3 นักเรียนจะได้มีโอกาสคิดเมนูกันในกลุ่มว่าอยากจะทำอาหารจากประเทศไหนที่อยู่ในโลกนี้ก็ได้
โดยมีข้อกำหนดว่า ต้องทำ starter, main dish and dessert มากกว่านั้นในเทอมที่ 3 และเทอมที่ 4 นักเรียนจะต้อง
ทำอาหารให้กับนักเรียนคนอื่นๆที่ได้ลงทะเทียนมารับประทานอาหารที่ห้องอาหาร bistro 57 โดยจะจัดขึ้นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ในช่วงกลางวันหรือช่วงค่ำขึ้นอยู่ว่าตารางเรียนของพวกเราจะเรียนตอนช่วงกี่โมงครับ
และที่สำคัญคือในแต่ละเทอมนักเรียนจะต้องมีการสอบ วัดความรู้ด้านอาหารที่ได้เรียนไปในแต่ละเทอมโดยที่จะมีเกรดเป็นตัวตัดสินว่า
นักเรียนคนไหนมีความสนใจและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ในส่วนตัวของผมที่ชอบมากๆในวิชาครัวที่นี่ก็คือ เชฟจะสอนให้นักศึกษา
รู้จักวางแผนก่อนการเริ่มทำงาน นักเรียนจะต้องรู้ว่าควรทำสิ่งใดเป็นลำดับแรก โดยให้ความสำคัญกับสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด
ไปยังน้อยที่สุดตามลำดับ เพื่อเวลาทำงานจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด หรือเกิดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด
นักเรียนยังได้รู้จักคิดและวางแผนการทำงานด้วยตัวเอง โดยจะมีเชฟคอยให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง ความคิดสร้างสรรค์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ
ที่นักเรียนจะได้เรียนรู้จากเชฟมืออาชีพ คอยสอนหรือแนะแนวแนวทางให้ ในแต่ละสัปดาห์ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า ทักษะความรู้เรื่องอาหารในครัว
ผมพัฒนาขึ้นทุกสัปดาห์ สำหรับที่ B.H.M.S. จะใช้ระบบ e-campus ในการส่งงานให้อาจารย์และนักเรียน สามารถเช็คข้อมูลสำคัญ
ผ่านทาง e-campus ได้ครับ เช่น เช็คคะแนนสอบ เช็คว่าทางมหาลัยจะมีนัดพูดคุยกับนักศึกษาเมื่อไหร่ เป็นต้นครับ
ชีวิตที่ลูเซิร์น
ที่ผมได้เล่ามาให้เพื่อนๆได้ฟังไปคร่าวๆเกี่ยวกับหลักสูตรที่ตัวผมได้มาเรียน ต่อจากนี้ ผมจะมาเล่าให้เพื่อนๆพี่ๆหรือน้องๆ
ได้รู้เกี่ยวกับสถาบันในระดับนึง ก่อนที่จะได้มีโอกาสมาศึกษาต่อกันครับ B.H.M.S. ตั้งอยู่ที่เมืองลูเซิร์นครับ
เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองที่สงบเงียบและสวยงาม มีภูเขาและแม่น้ำไหลผ่านตัวเมือง
และที่สำคัญคือเขามีห้องพักไว้ให้กับนักเรียนที่จะมาเรียนต่อ โดยในห้องพักก็จะมีอุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็น
ไว้ให้นักเรียนเรียบร้อยครับ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว ถ้วยชาม ช้อนส้อม บางห้องก็อาจจะมีเตารีดละโต๊ะรองรีดไว้ให้ครับ
(มาจากนักเรียนที่พักมาก่อนซื้อมาละไม่เอากลับไปครับ 555) มีบริการให้ยืมเครื่องดูดฝุ่น และมีบริการซักผ้าอบผ้า
โดยที่นักเรียนจะต้องเติมเงินเข้าไปในบัตรซักผ้าครับ โดยซักผ้าครั้งนึงจะอยู่ราวๆ 3 chf ครับ
สำหรับเพื่อนๆที่ชอบช็อปออนไลน์ สามารถสั่งของจากที่ไทยหรือประเทศอื่นๆ แล้วให้มาส่งที่ front office
ของมหาลัยได้เลยครับ ส่วนเรื่องอาหารต้องกังวลเลยครับเพราะเค้าจะมีอาหารให้กับนักเรียนทั้งหมด 3 มื้อครับ
โดยจะเป็นอาหารในรูปแบบ buffet หรือ กินเท่าไหร่ก็ได้ครับ แต่มีข้อแม้ว่าวัน จ.-ศ. นักเรียนจะต้องแต่งชุดสูท
ให้เรียบร้อยตามกฎระเบียบของทาง มหาลัย พร้อมกับต้องนำบัตรนักเรียนมาสแกน ทุกครั้งก่อนเข้าห้องอาหารด้วยครับ
ในส่วนของวันเสาร์กับวันอาทิตย์นักเรียน สามารถแต่งชุดไปรเวทเข้ามาทานได้แต่มีข้อแม้ว่าห้ามใส่รองเท้าแตะ,
กางเกงขาสั้น และก็กางเกงกีฬาเข้ามารับประทานอาหารโดยเด็ดขาดครับ ขอบอกไว้ก่อนครับคนตรวจที่นี่เข้าเข้มงวดจริงๆนะครับ
มากกว่านั้นทางมหาลัย ก็จะมีพาไปเที่ยวชมสถานที่ ที่น่าสนใจของประเทศสวิตในแต่ละสัปดาห์ แต่ตารางสถานที่
ที่มหาลัยจะพาไป นักเรียนสามารถเช็คได้ใน e-campus.bhms.ch ครับ สำหรับคนที่อยากไปจะต้องมาลงทะเบียนให้ทันในเวลาครับ
เพราะบางรอบก็รับจำนวนจำกัด โดยเฉพาะการพาไปที่ที่ ขึ้นชื่อ เช่น เขา Pilatus หรือ สวนสนุก Europa Park เป็นต้นครับ
ในกรณีที่ใครกำลังสนใจว่าจะมาเรียนต่อที่สวิตเซอร์แลนด์แล้วมีหลายๆคนบอกว่าพวกเครื่องปรุงอาหารไทยหายาก
อันนี้ผมขอบอกเลยครับว่าไม่จริงเลยครับ!! เพราะตัวผมก่อนจะมาก็มีคนบอกให้ซื้อของจากไทยไปเยอะๆเลยครับ
พอมาจริงๆที่เมืองลูเซิร์นก็มีร้านขายวัตถุดิบไทย ที่เราใช้กันทั่วไปในครัวเรือนบ้านเรา ร้านนี้ชื่อว่าร้าน"เซี่ยงไฮ้" ครับ
อยู่ไม่ไกลจากที่พักเลย สามารถเดินจากมหาลัยไปได้ครับ มากกว่านั้นละแวกมหาลัยก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่อีก 3 แห่งครับ
ก็คือ Coop, Migros และก็ Aldi แต่เพื่อนๆไม่ต้องจิตนาการว่าเหมือน Seven Eleven บ้านเรานะครับ แตกต่างกันโดนสิ้นเชิง
โดยส่วนตัวผมชอบ Seven Eleven มากกว่าเพราะเขามีอาหารหลากหลายกว่าครับ
ในลูเซิร์นก็มีร้านอาหารไทยอยู่หลายร้านครับ และอร่อยพอๆกับทานที่บ้านเราเลยละครับ แต่ว่าราคาของอาหารไทย
ที่สวิสเซอร์แลนด์แพงกว่าเป็นสิบเท่าเลยครับ สำหรับคนที่เป็นสายปาร์ตี้ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ ใกล้ๆมหาลัยก็จะมี
ผับที่ชื่อว่า princess ลูกค้าที่นี่ส่วนมากก็เป็นนักเรียนจาก B.H.M.S. ครับและแน่นอนนักเรียนก็ได้รับส่วนลดด้วยครับผม
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้