5 ข้อที่ได้จากเกม เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ลิเวอร์พูล



1. โอริกี้เหมาะน่าจะเหมาะกับการเป็นตัวสำรองมากกว่า

ข่าวร้ายสำหรับแฟนๆ เดอะ ค็อป ในนัดนี้คือการที่ทีมจะไม่มี โม ซาลาห์ สตาร์ดังทีมชาติอียิปต์ที่ไม่ผ่านความฟิต ทำให้ไม่มีชื่อแม้กระทั่งบนม้านั่งสำรอง เจอร์เก้น คล็อปป์ เลยจำต้องส่ง ดิว็อค โอริกี้ กองหน้าพลังเทพลงมาประจำทางกราบซ้าย และโยกมาเน่กลับไปยืนทางขวา โดยมีฟิมีร์โน่ยืนเป็น False 9 ตามถนัด

เป็นเหตุให้รูปเกมที่ออกมา สามประสานของลิเวอร์พูลไม่สามารถต่อบอลได้อย่างไหลลื่นในแบบที่เคยเป็น แผนหลังสามของโซลชาค่อนข้างได้ผล การประกบฟิมีร์โน่และมาเน่ทำให้หงส์แดงขับเคลื่อนเกมได้อย่างยากลำบาก ลูกแรกที่เสียประตูหลายคนอาจจะมองว่าเป็นการฟาล์ว แต่ผมคิดว่าจะให้ฟาล์วหรือไม่ให้ก็ได้ เพราะโอริกี้จับบอลห่างตัวไปแล้ว เหมือนกับอีกหลายๆจังหวะที่เขาเสียบอลง่ายๆ 

ดังนั้น ผมคิดว่าค่า Luck+10 ของโอริกี้ น่าจะแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่ายามที่เขาลงมาเป็นตัวสำรอง



2. ในวันที่โชคไม่เข้าข้าง

หลายเกมก่อนหน้านี้ เช่น เกมกับเลสเตอร์หรือเชฟฟิลด์ ผมได้แสดงทัศนะไปบ้างแล้วว่า เรายังโชคดีอยู่ที่สามารถเก็บสามคะแนนได้ แต่ในนัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเสียประโยชน์จาก VAR หรือการที่บอลกระเด้งไปโดนปลายมือของมาเน่แค่นิดเดียว ล้วนทำให้คิดได้ว่า นัดนี้โชคช่างไม่เข้าข้างเราเสียเลย 
แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องให้เครดิตลูกทีมของโซลชาที่วิ่งสู้ฟัดและมีระเบียบวินัยในเกมรับที่ยอดเยี่ยม



3. ลัลลาน่ากับการพลิกบอล

จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้คือการที่คล็อปป์ส่ง อดัม ลัลลาน่า ลงมา และด้วยความคล่องตัวของเขา ทำให้การพลิกบอล การขับเคลื่อนบอลในแนวรุกดูมีมิติมากขึ้น ทำให้เราได้เห็นประสิทธิภาพของลัลลาน่าที่ไม่ได้มีดีแค่ทำประตูได้เท่านั้น

ต่อจากนี้เราน่าจะได้เห็นลัลลาน่าได้รับโอกาสมากขึ้น ถ้าฟอร์มยังคงเส้นคงว่าแบบนี้ต่อไป เฮนโด้หรือไวจ์นาลดุมอาจจะมีหนาวๆกันบ้าง



4. สปีดเกมที่ลดลง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Old Trafford เป็นอีกสนามที่ลิเวอร์พูลแพ้ทางจริงๆ การมาเยือนที่นี่ไม่เคยมีคำว่าง่ายและมักจะเต็มไปด้วยเกมที่อึดอัด สปีดบอลที่ช้าลงเนื่องด้วยการแพ็คเกมของแมนยู 

ในนัดนี้มีผมคิดว่ามีแค่จังหวะเดียวที่ลิเวอร์พูลใช้สปีดบอลที่รวดเร็วตามถนัด คือจังหวะการโต้กลับที่มาเน่ไหลให้ฟีมิร์โน่ยิงเบาๆจนไหลไปเข้ามือของ เด เกอา สบายๆ นอกจากนั้นแม้จะในนาทีที่ 70 ที่ทีมกำลังตามหลัง แต่ลิเวอร์พูลก็ไม่สามารถจู่โจมแบบรวดเร็วใส่แมนยูได้เลย 

หวังว่าเจอกันครั้งหน้าเราจะทำได้ดีกว่านี้



5. หรือนี่จะเป็นจุดเปลี่ยนของแมนยู และช่องว่างที่ลดลง

สิ่งที่โซลชากล่าวไว้ในก่อนเกมว่า ‘นัดนี้จะเป็นจุดเปลี่ยน และจะเป็นเกมที่ perfect สำหรับแมนยู’ อาจกลายเป็นความจริงถ้าพวกเขาสามารถรักษาฟอร์มในวันนี้เอาไว้ได้ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การวิ่งสู้ฟัด การเพรสซิ่งที่แฟนๆไม่ค่อยเห็นในนัดก่อนหน้า ทำให้แมนยูกลายเป็นทีมแรกที่สามารถแบ่งแต้มจากจ่าฝูงได้ และเป็นผู้หยุดลิเวอร์พูลจากการทาบสถิติชนะรวด 18 นัดติดต่อกันของแมนซิตี้ได้อย่างเจ็บแสบ

มากไปกว่านั้น ช่องว่างระหว่างอันดับหนึ่งกับอันดับสองที่ลดลงเหลือแค่ 6 คะแนน น่าจะทำให้แฟนๆเดอะค็อปเริ่มจะมีเสียวสันหลังกันบ้างแล้ว


ปล. บทความนี้เป็นทัศนคติส่วนตัวของผม หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่