สยามกีฬาเปลี่ยนไป?? หรือเขาจริงใจกับบอลไทยมาไม่เคยเปลี่ยน (ยกเว้นสมาคม)

หลังๆ ได้ดูรายการ ฟุตบอลวาไรตี้ ของปูเป้ ซึ่งจะจัดกับคู่หูที่เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ รู้สึกว่า ก็นำเสนอได้ดีนะ มีกัดสมาคมบ้างพอปากหอมคอ แต่ก็ดูแล้วสนุกน่าติดตามดี ประเด็นของทีมชาติ และไทยลีกก็เสนอได้ดี ไม่ค่อยอคติเท่าไหร่ ผมไม่ได้ติดตามสื่อนี้มานานมากแล้ว แต่พักหลังยูทูปโผล่มาให้เห็นบ่อย ด้วยความที่ดูที่สนใจหมดแล้ว ก็เลยได้ดูเสียหน่อย ก็ใช้ได้นะครับ ยิ่งไปเจอบทความนี้ ก็รู้สึกน่าติดตามมากขึ้น  .... ลองอ่านดู

แดนเนรมิตของ "นิชิโนะ"



ห้วงเวลาที่แฟนบอลดินแดนขวานทองกำลังมีความสุขและประทับใจเป็นอย่างมาก กับผลงานของทีมชาติไทย หลังโชว์ฟอร์มสุดยอดด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ ยูเออี 2-1 ทีมอันดับ 66 ของโลกในนัดที่ 3 ของศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม จี และเป็นการเก็บชัยสองนัด
 ทำให้สถานการณ์ ณ เวลานี้ แข้งไทยทะยานขึ้นนำเป็นจ่าฝูงมี 7 แต้มยังไม่แพ้ใคร เท่ากับศัตรูที่รักตลอดกาลอย่าง "เวียดนาม" ที่มี 7 แต้มเท่ากัน แต่ลูกได้เสียทีมชาติไทยดีกว่าอยู่ 1 ลูก ส่วนยูเออี มี 6 คะแนน รั้งอันดับ 3 ของตาราง โดยเหลือโปรแกรมอีก 5 นัดทั้งหมด
    
      จาก 3 เกมที่ผ่านมา เราคงได้เห็นรูปแบบการเล่นของไทยที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี จากเกมแรกที่ไร้กองหน้าเสมอ เวียดนาม 0-0 ก่อนไปบุกชนะ อินโดนีเซีย อย่างสวยหรู 3-0 และมาล่าสุดเอาชนะทีมแกร่งที่สุดในกลุ่ม ยูเออี 2-1 มันทำให้เห็นการพัฒนาไปในรูปแบบสวยหรูเสียจริง
 
     ยิ่งไปกว่านั้นการได้ ธีรศิลป์ แดงดา คัมแบ็คกลับมาลงสนามในนามทีมชาติอีกครั้ง ทำให้รู้ว่า 'มุ้ย' ยังเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งของไทยในปัจจุบันที่ขาดไม่ได้จริงๆ แถมการเห็นแข้งแจ้งเกิดเต็มตัวอย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่แฟนบอลขนานนามว่า 'เจ้าชายแห่งล้านนา' ก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นเป็นที 
ประจักษ์แก่แฟนบอลไทยทั้งประเทศอีกด้วย
    
     ทั้งหมดทั้งมวลที่ทีมชาติไทยผลงานดีผิดหูผิดตา ต้องยกความดีความชอบให้แก่ผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง "อากิระ นิชิโนะ" กุนซือใหญ่ชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำทีมด้วยใจจริง และสามารถเปลี่ยนแปลงระบบทีมชาติไทยให้แข็งแกร่งแบบรูปธรรมอย่างไร้ข้อกังขาโดยปริยาย
    
    การตอบรับเข้ามาคุมทีมชาติไทย และแถลงเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ก.ค.62 นั่นทำให้ประเทศไทย มีเฮดโค้ชเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกตลอด 104 ปีที่ผ่านมาของวงการลูกหนังไทย แต่ไฮไลท์สำคัญคือการมาทำทีมชาติไทยเพียงแค่คนเดียว โดยไร้ทีมงานสต๊าฟโค้ชชาวญี่ปุ่น
     
     ด้วยเหตุผลที่จับใจความได้ว่า "ผมต้องการมาทำทีมชาติไทย เพื่อพัฒนาระบบ รูปแบบ รวมถึงแท็กติก เพื่อให้ก้าวไปสู่ทีมท็อประดับเอเชียจนถึงระดับโลก และการให้ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนเป็นคนไทย ก็เพราะผมอยากถ่ายทอดวิชาความรู้ ประสบการณ์ของผมให้แก่บุคคลที่อยากจะพัฒนาฟุตบอลไทยจริงๆ ในตอนที่ผมไม่ได้คุมทีมชาติไทยแล้ว"

      คำพูดของนิชิโนะ มันช่างจับใจชนิดที่ไม่ต้องปรุงแต่งรสชาติอะไรให้มากมาย เพราะการกระทำ และผลงานตลอดเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา มันแสดงให้เห็นชัดแล้วว่า 'นิชิโนะ' บุรุษผู้ที่เคยพาญี่ปุ่นไปเล่นในฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย คนนี้แหละคือ 'ของจริง'
    
    นิชิโนะไม่ได้มีเวทมนตร์เหมือนในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่จะเสกอะไรต่อมิอะไรได้ให้ดีขึ้นทันตาเห็น แต่เขาสามารถพยายามสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ขั้นสุดยอดในอนาคตอย่างทีมชาติไทย ที่เคยเป็นดินแดนอันรกร้าง ว่างเปล่า ยืนอยู่แค่ในระดับอาเซี่ยน
    
      ซึ่งใครจะไปรู้ ชื่อของ "อากิระ นิชิโนะ" อาจจะเป็นตำนานของวงการลูกหนังขวานทองไทยก็เป็นได้ !?
 
      นี่อาจเป็นสวนสนุก "แดนเนรมิต" ที่ถูกปิดล็อคตายไป ไว้เป็นเรื่องเล่าเพียงแค่นิยายแก่ลูกหลานไทย แต่บุรุษจากแดนซามูไร กับมีกุญแจดอกสุดท้ายที่เหลืออยู่ มาเปิดสวนสนุกแห่งนี้ ให้กลับมาครื้นเครง บรรเลงเป็นดินแดนแห่งความสุขอีกครั้ง 
   
     เชื่อว่าแฟนลูกหนังชาวไทยทั้ง 77 จังหวัดในแดนขวานทองไทยใจหนึ่งเดียว คงอยากเห็นทีมชาติไทย ก้าวขึ้นไปสู่แถวทีมหน้าระดับเอเชีย และพุ่งทะลุเป้าสู่ฟุตบอลโลกเสียที
    
        แม้อาจเป็นแค่คำพูดที่ดูเพ้อเจ้อ กับไอแค่เอาชนะยูเออีในบ้านได้ ! แต่ ... ถ้าพวกเรามาร่วมสร้างด้วยกัน รวมกันเป็นหนึ่งเดียว "นักเตะ-โค้ช-แฟนบอล" ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย อาจสร้างตำนานที่ไม่คาดคิดก็เป็นได้
  
" กอล์ฟเบนเทเก้ "
ภาพ : กิตติ ทัพมาลัย

https://www.siamsport.co.th/column/detail/72426

ปล.กาแฟป๋อง เอสเปรสโซ่โรส นี่อร่อยไหมครับ เห็นกินกันตลอดรายการ เห็นแล้วเปรี้ยวปาก 555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่