สวัสดีครับ
ผมเป็นคนที่สนใจเรื่องโรค และวิวัฒนาการของโรคร่วมไปกับมนุษย์
มีโรคบางโรคที่ลึกๆ อาจดีต่อการอยู่รอด
ตัวอย่างง่ายๆ ของโรคทางกาย คือคนสมัยก่อนถ้าท้องผูกก็ตายได้เลย
มีอาหารหลายชนิดที่ทำให้ท้องผูกอย่างรุนแรง
ที่ผมเคยพบสมัยอยู่โรงพยาบาลชุมชนคือกล้วยดิบ
จึงมีเชื้อโรคหลายชนิดที่ทำให้ท้องเสีย ซึ่งแม้จะน่ารำคาญแต่ก็ทำให้รอดตาย
ทางจิตเวชก็เช่นเดียวกัน
เรามักมองคนเป็นโรคซึมเศร้า หรือโรคจิตเวชอื่นๆ ว่าเป็นภาระ
แต่มองว่าเป็นโรคที่มีประโยชน์ต่อวิวัฒนาการของมนุษย์ได้เช่นกัน
ผมคิดว่าโรคหลักๆ คือ
ซึมเศร้า (depressive) จิตเภท (Schizophrenia) จิตพาธ(psychopath) และคลั่ง (mania)
สมัยก่อนเราเชื่อกันว่าโรคพวกนี้เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทแบบง่ายๆ คือโรคละหนึ่งสาร
แต่ตอนนี้พบว่าแต่ละโรคผิดปกติหลายตัว และการเดินสาย (wiring) ในสมองซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเลี้ยงดู ก็ยังพังด้วย
โรคซึมเศร้า ตอนนี้ทุกคนคงรู้จักโรคซึมเศร้า ซึ่งกล่าวกันว่าเกิดจากระดับของสารสื่อประสาท
แห่งความฝัน (serotonin) ลดมากเกินไป ในขณะที่สารคึกคัก (dopamine) ก็ลดลงด้วย
ปัจจุบันยังพบว่าเกิดจากสมองส่วน hypothalamus มีขนาดเล็กเกินไป
กล่าวกันว่าโรคซึมเศร้ามีคนเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นไทยอาจมีคนเป็นโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน
คนเป็นโรคซึมเศร้า เป็นคนที่มองทุกอย่างเป็นความผิดของตนเอง เก็บตัว (introvert)
เป็นผู้เสียสละ เพราะเขาไม่โทษใคร รับความผิดพลาดทุก ๆ อย่างในสังคมไว้ที่ตัวเอง
ทำให้เพื่อนร่วมงานและคนในสังคมรู้สึกสบายใจ
แนะนำอ่านเพิ่มใน
What causes depression?
Mania หรือคึกคักเกิน นักดนตรีดังๆ ในบ้านเราก็เป็นกันเยอะ โดยบางคนก็เป็นสลับกับซึมเศร้า เรียกว่า bipolar
นักดนตรีที่เป็นโรคนี้เวลา high จะแต่งเพลงเป็นไฟ จดโน้ตแทบไม่ทัน
ในอดีตกล่าวกันพวกนี้เกิดจากการมีสารสื่อประสาทแห่งความคึกคัก (dopamine)
มากเกินไป แต่ปัจจุบันเชื่อว่ามีความผิดปกติของสมองส่วนต่าง ๆ มากกว่า เช่นส่วนสีเทา (gray matter)
และ มีระดับของ inositol monophosphatase (IMPase) มากเกินไป
(ลิเธียมซึ่งรักษาโรคนี้ออกฤทธิ์โดยการลดการทำงานของ IMPase)
อ่านเพิ่มใน
Bipolar disorder: Neurochemistry and Drugs Mechanism
Schizophrenia คือโรคของคนช่างฝัน โรคแห่งความฟุ้งซ่าน
ถ้าอ่อนๆ น่าจะเหมาะกับผู้ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
ตัวอย่างที่ทุกคนรู้จักคือ จอห์น แนช ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์จากทฤษฎีเกมส์
ในไทยเชื่อกันว่ามีผู้ป่วยประมาณ 1.5% ของประชากร (ราวๆ 1 ล้านคน)
ในอดีตเชื่อว่าเกิดจากการสร้างสาร serotonin ขาดไป
แต่ต่อมาเชื่อว่ามีทั้งขาดและเกิน (ขาด 5-HT2A receptors และ5-HT1A receptors เกิน)
นอกจากนี้ยังพบว่ายา K สามารถทำให้เกิดอาการจิตเภทได้
จากการบล็อกตัวรับของ Glutamate และทำให้ dopamine ในสมองออกฤทธิ์มากขึ้น
แนะนำอ่านเพิ่มใน
The neurochemistry of schizophrenia
Psychopath โรคของฆาตกรต่อเนื่อง
โรคซึ่งเกิดจากการเชื่อมต่อสัญญาณของสมองส่วน(amygdala) ไม่รับสัญญาณที่เกี่ยวกับการยับยั้งชั่งใจ
แต่ชอบสัญญาณจากส่วนที่เป็นการให้รางวัล (เช่นมองเห็นแต่ข้อดีของการก่ออาชญากรรม)
คนที่เป็นแบบนี้จึงดูโหด ไร้น้ำใจ หรือใจดำ และเป็นคนที่มีเหตุผลอย่างมาก (มากเกินไป)
กล่าวกันว่าคนเป็นโรคนี้เป็นผู้บริหารระดับสูงที่ดี
(executive=ผู้บริหาร executioner=เพชฆาต จะเห็นว่ารากศัพท์เดียวกัน)
มหาบุรุษหลายคน มักเป็นโรคนี้ ทำให้ฆ่าคนได้อย่างไม่ยั้ง สร้างความเจริญให้แก่ประเทศ
ที่นึกออกคือจิ๋นซีฮ่องเต้
คนเป็นโรคนี้แม้จะเต็มไปด้วยเหตุผล แต่เป็นเหตุผลที่คิดเข้าข้างตนเอง ส่วนใหญ่คือโทษคนอื่น
อ่านเพิ่มได้ใน
Psychopathy, reactive aggression, and precarious proclamations: A review of behavioral, cognitive, and biological research
ทำไม่คนเป็นโรคทั้ง 4นี้จึงสำคัญ
โรคทั้ง 4 เป็นแรงบันดาลใจ ให้โลกก้าวไปข้างหน้า
เช่นพวก psychopath บริหารประเทศ
พวก schizophrenia คิดค้นทางวิทยาศาสตร์
พวก manic เป็นศิลปิน
พวก depressed เป็นนักบวชและผู้ถูกปกครอง
เสาหลักทางจิต ในทัศนะผู้เขียน
บางที 4 เสาหลักก็มารวมกันได้ เช่น
ฮิตเลอร์ น่าจะเป็น psychopath+schizophrenia
ทรัมป์ เป็นพวก Psychopath + mania
สมมุติมี คนขับมอเตอร์ไซค์ส่งของ ของบริษัท รถคว่ำเสียชีวิต
พวก psychopath ก็จะคิดในใจว่า “โชคดีทีเดียว กำลังจะปลดคนอยู่พอดี”
พวก manic ก็จะคิดว่า “งานศพของเขาจะจัดดนตรีอย่างมันส์ มีโคโยตี้ด้วย”
พวก schizophrenia ก็จะคิดว่า “ต่อไปเวลาขับมอร์เตอร์ไซค์ ต้องเอาผ้านวมห่อตัวไปด้วย”
พวก depressed ก็จะคิดว่า “เป็นความผิดของฉันเอง ฉันต่างหากต้องเป็นคนไปส่งของ”
จะเห็นว่าวิธีคิดที่ดีจะต้องอยู่ตรงกลางๆ ของทั้งสี่แบบนี้
นั่นคือคนทั้ง 4 กลุ่ม เป็นผู้กำหนดว่า สิ่งใด “ปกติ” เปรียบเหมือนรั้วที่กั้นคนปกติไว้ตรงกลาง (ดังภาพ)
นอกจากนี้คนทั้งสี่กลุ่มน่าจะทำน่าที่เป็นกลุ่มผู้รักษา gene ของโรคทั้งสี่ด้วย (gene reservoir)
เพื่อจะผสมกันเป็นคน “ปกติ”
ถ้าปราศจากคนทั้งสี่กลุ่ม ความคิดของมนุษย์ก็อาจจะเตลิดจนกู่ไม่กลับ
สำหรับผู้ที่ซึมเศร้า ความสำคัญของเขามีมากกว่าขึ้นไปกว่านั้น เป็นผู้ที่รับปัญหาทุกอย่างในสังคมมาเป็นของเขาเอง
เกี่ยวกับผู้เขียน
เป็น bipolar
ไม่ได้เป็นจิตแพทย์แต่เป็นหมอที่ชอบอ่านบทความทางจิตเวช ถ้าใครรู้จริงมาช่วยต่อเติมให้
ก็จะเป็นพระคุณมาก
บทความนี้ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ แต่น่าจะมีส่วนถูกเยอะ
และไม่ได้แยกระหว่างโรค และ บุคลิกที่ผิดปกติ ซึ่งอ่อนกว่าการเป็นโรค
ทางจิตเวชเองมีการแบ่งกลุ่มผู้ป่วยที่ซับซ้อนกว่านี้มาก ที่ผมสรุปเป็น 4 กลุ่ม เพื่อให้จำง่าย
โรคซึมเศร้า หนึ่งในสี่ของโรคทางจิตที่เป็นเสาหลักของสังคม
ผมเป็นคนที่สนใจเรื่องโรค และวิวัฒนาการของโรคร่วมไปกับมนุษย์
มีโรคบางโรคที่ลึกๆ อาจดีต่อการอยู่รอด
ตัวอย่างง่ายๆ ของโรคทางกาย คือคนสมัยก่อนถ้าท้องผูกก็ตายได้เลย
มีอาหารหลายชนิดที่ทำให้ท้องผูกอย่างรุนแรง
ที่ผมเคยพบสมัยอยู่โรงพยาบาลชุมชนคือกล้วยดิบ
จึงมีเชื้อโรคหลายชนิดที่ทำให้ท้องเสีย ซึ่งแม้จะน่ารำคาญแต่ก็ทำให้รอดตาย
ทางจิตเวชก็เช่นเดียวกัน
เรามักมองคนเป็นโรคซึมเศร้า หรือโรคจิตเวชอื่นๆ ว่าเป็นภาระ
แต่มองว่าเป็นโรคที่มีประโยชน์ต่อวิวัฒนาการของมนุษย์ได้เช่นกัน
ผมคิดว่าโรคหลักๆ คือ
ซึมเศร้า (depressive) จิตเภท (Schizophrenia) จิตพาธ(psychopath) และคลั่ง (mania)
สมัยก่อนเราเชื่อกันว่าโรคพวกนี้เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทแบบง่ายๆ คือโรคละหนึ่งสาร
แต่ตอนนี้พบว่าแต่ละโรคผิดปกติหลายตัว และการเดินสาย (wiring) ในสมองซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเลี้ยงดู ก็ยังพังด้วย
โรคซึมเศร้า ตอนนี้ทุกคนคงรู้จักโรคซึมเศร้า ซึ่งกล่าวกันว่าเกิดจากระดับของสารสื่อประสาท
แห่งความฝัน (serotonin) ลดมากเกินไป ในขณะที่สารคึกคัก (dopamine) ก็ลดลงด้วย
ปัจจุบันยังพบว่าเกิดจากสมองส่วน hypothalamus มีขนาดเล็กเกินไป
กล่าวกันว่าโรคซึมเศร้ามีคนเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นไทยอาจมีคนเป็นโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน
คนเป็นโรคซึมเศร้า เป็นคนที่มองทุกอย่างเป็นความผิดของตนเอง เก็บตัว (introvert)
เป็นผู้เสียสละ เพราะเขาไม่โทษใคร รับความผิดพลาดทุก ๆ อย่างในสังคมไว้ที่ตัวเอง
ทำให้เพื่อนร่วมงานและคนในสังคมรู้สึกสบายใจ
แนะนำอ่านเพิ่มใน What causes depression?
Mania หรือคึกคักเกิน นักดนตรีดังๆ ในบ้านเราก็เป็นกันเยอะ โดยบางคนก็เป็นสลับกับซึมเศร้า เรียกว่า bipolar
นักดนตรีที่เป็นโรคนี้เวลา high จะแต่งเพลงเป็นไฟ จดโน้ตแทบไม่ทัน
ในอดีตกล่าวกันพวกนี้เกิดจากการมีสารสื่อประสาทแห่งความคึกคัก (dopamine)
มากเกินไป แต่ปัจจุบันเชื่อว่ามีความผิดปกติของสมองส่วนต่าง ๆ มากกว่า เช่นส่วนสีเทา (gray matter)
และ มีระดับของ inositol monophosphatase (IMPase) มากเกินไป
(ลิเธียมซึ่งรักษาโรคนี้ออกฤทธิ์โดยการลดการทำงานของ IMPase)
อ่านเพิ่มใน Bipolar disorder: Neurochemistry and Drugs Mechanism
Schizophrenia คือโรคของคนช่างฝัน โรคแห่งความฟุ้งซ่าน
ถ้าอ่อนๆ น่าจะเหมาะกับผู้ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
ตัวอย่างที่ทุกคนรู้จักคือ จอห์น แนช ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์จากทฤษฎีเกมส์
ในไทยเชื่อกันว่ามีผู้ป่วยประมาณ 1.5% ของประชากร (ราวๆ 1 ล้านคน)
ในอดีตเชื่อว่าเกิดจากการสร้างสาร serotonin ขาดไป
แต่ต่อมาเชื่อว่ามีทั้งขาดและเกิน (ขาด 5-HT2A receptors และ5-HT1A receptors เกิน)
นอกจากนี้ยังพบว่ายา K สามารถทำให้เกิดอาการจิตเภทได้
จากการบล็อกตัวรับของ Glutamate และทำให้ dopamine ในสมองออกฤทธิ์มากขึ้น
แนะนำอ่านเพิ่มใน The neurochemistry of schizophrenia
Psychopath โรคของฆาตกรต่อเนื่อง
โรคซึ่งเกิดจากการเชื่อมต่อสัญญาณของสมองส่วน(amygdala) ไม่รับสัญญาณที่เกี่ยวกับการยับยั้งชั่งใจ
แต่ชอบสัญญาณจากส่วนที่เป็นการให้รางวัล (เช่นมองเห็นแต่ข้อดีของการก่ออาชญากรรม)
คนที่เป็นแบบนี้จึงดูโหด ไร้น้ำใจ หรือใจดำ และเป็นคนที่มีเหตุผลอย่างมาก (มากเกินไป)
กล่าวกันว่าคนเป็นโรคนี้เป็นผู้บริหารระดับสูงที่ดี
(executive=ผู้บริหาร executioner=เพชฆาต จะเห็นว่ารากศัพท์เดียวกัน)
มหาบุรุษหลายคน มักเป็นโรคนี้ ทำให้ฆ่าคนได้อย่างไม่ยั้ง สร้างความเจริญให้แก่ประเทศ
ที่นึกออกคือจิ๋นซีฮ่องเต้
คนเป็นโรคนี้แม้จะเต็มไปด้วยเหตุผล แต่เป็นเหตุผลที่คิดเข้าข้างตนเอง ส่วนใหญ่คือโทษคนอื่น
อ่านเพิ่มได้ใน
Psychopathy, reactive aggression, and precarious proclamations: A review of behavioral, cognitive, and biological research
ทำไม่คนเป็นโรคทั้ง 4นี้จึงสำคัญ
โรคทั้ง 4 เป็นแรงบันดาลใจ ให้โลกก้าวไปข้างหน้า
เช่นพวก psychopath บริหารประเทศ
พวก schizophrenia คิดค้นทางวิทยาศาสตร์
พวก manic เป็นศิลปิน
พวก depressed เป็นนักบวชและผู้ถูกปกครอง
เสาหลักทางจิต ในทัศนะผู้เขียน
บางที 4 เสาหลักก็มารวมกันได้ เช่น
ฮิตเลอร์ น่าจะเป็น psychopath+schizophrenia
ทรัมป์ เป็นพวก Psychopath + mania
สมมุติมี คนขับมอเตอร์ไซค์ส่งของ ของบริษัท รถคว่ำเสียชีวิต
พวก psychopath ก็จะคิดในใจว่า “โชคดีทีเดียว กำลังจะปลดคนอยู่พอดี”
พวก manic ก็จะคิดว่า “งานศพของเขาจะจัดดนตรีอย่างมันส์ มีโคโยตี้ด้วย”
พวก schizophrenia ก็จะคิดว่า “ต่อไปเวลาขับมอร์เตอร์ไซค์ ต้องเอาผ้านวมห่อตัวไปด้วย”
พวก depressed ก็จะคิดว่า “เป็นความผิดของฉันเอง ฉันต่างหากต้องเป็นคนไปส่งของ”
จะเห็นว่าวิธีคิดที่ดีจะต้องอยู่ตรงกลางๆ ของทั้งสี่แบบนี้
นั่นคือคนทั้ง 4 กลุ่ม เป็นผู้กำหนดว่า สิ่งใด “ปกติ” เปรียบเหมือนรั้วที่กั้นคนปกติไว้ตรงกลาง (ดังภาพ)
นอกจากนี้คนทั้งสี่กลุ่มน่าจะทำน่าที่เป็นกลุ่มผู้รักษา gene ของโรคทั้งสี่ด้วย (gene reservoir)
เพื่อจะผสมกันเป็นคน “ปกติ”
ถ้าปราศจากคนทั้งสี่กลุ่ม ความคิดของมนุษย์ก็อาจจะเตลิดจนกู่ไม่กลับ
สำหรับผู้ที่ซึมเศร้า ความสำคัญของเขามีมากกว่าขึ้นไปกว่านั้น เป็นผู้ที่รับปัญหาทุกอย่างในสังคมมาเป็นของเขาเอง
เกี่ยวกับผู้เขียน
เป็น bipolar
ไม่ได้เป็นจิตแพทย์แต่เป็นหมอที่ชอบอ่านบทความทางจิตเวช ถ้าใครรู้จริงมาช่วยต่อเติมให้
ก็จะเป็นพระคุณมาก
บทความนี้ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ แต่น่าจะมีส่วนถูกเยอะ
และไม่ได้แยกระหว่างโรค และ บุคลิกที่ผิดปกติ ซึ่งอ่อนกว่าการเป็นโรค
ทางจิตเวชเองมีการแบ่งกลุ่มผู้ป่วยที่ซับซ้อนกว่านี้มาก ที่ผมสรุปเป็น 4 กลุ่ม เพื่อให้จำง่าย