หน้ามหาวิทยาลัยหนานชาง (เครดิตภาพ baidu.com)
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ทุกคน วันนี้เราจะมารีวิวการไปเรียนภาษาจีนที่หนานชาง ประเทศจีนค่ะ แค่เอ่ยชื่อมาทุกคนคงมีคำถามในหัวว่ามันอยู่ตรงไหนของจีน เราก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน ^^ ลองเปิดแผนที่ดู หนานชางเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจียงซี ตรงที่ปักหมุดไว้เลย (หนานชางอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน จากนี้นั่งรถไฟด่วนไปเซี่ยงไฮ้ก็ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ค่ะ)
แผนที่ (เครดิตภาพ baidu.com)
เราจะอธิบายถึงขั้นตอนการเตรียมตัว เอกสารจำเป็นต่างๆ ความเป็นอยู่ และการใช้ชีวิตที่นี่ จะเป็นอย่างไรนั้นมาดูพร้อมๆ กันเลย
ครั้งนี้เราไปโดยผ่านเอเจนซี่
summerjeen ซึ่งก่อนมาความรู้ภาษาจีนของเรามีเท่าหางอึ่ง พอฟังแล้วเดาได้ แต่ถ้าคนจีนพูดมาเป็นประโยคยาวๆ ก็งงนะ ถ้าให้ดำเนินการทุกอย่างเองคาดว่าปีหน้าก็ยังไม่ได้เรียนแน่ ^^ อย่างที่รู้ๆ กันข้อดีของการไปกับเอเจนซี่คือ เขาดำเนินการติดต่อมหาวิทยาลัย ขั้นตอนสมัครเรียน, ส่งเอกสารระหว่างประเทศ, ตลอดจนมาส่งเราถึงหอพักที่จีนเลย แต่ไม่ใช่ว่ามีเอเจนซี่แล้วจะไม่เตรียมอะไรเลยนะ ก่อนอื่นเราต้องเตรียมเอกสารก่อนนะจ๊ะ
เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อสมัคร
1.Passport ฉบับจริงที่มีอายุเหลือมากกว่า 1 ปี
2.รูปขอวีซ่าจีน
3.สำเนาทรานสคริปต์/ สำเนาวุฒิการศึกษาสูงสุด ภาษาอังกฤษ
4.ผลตรวจสุขภาพจาก รพ. (เราไปตรวจที่ รพ.จุฬาฯ ค่าตรวจประมาณ 1700 บาท)
5.หนังสือรับรองจากผู้ปกครอง (เอเจนซี่มีฟอร์มให้)
6.สัญญาตกลงการสมัครทุน (เอเจนซี่มีฟอร์มให้)
7.statement บัญชีธนาคารของเรา หรือผู้ปกครองก็ได้
8.หนังสือรับรองประวัติอาชญากรรม (ขอจากกรมตำรวจแห่งชาติ ค่าทำเอกสาร 100 บาท รอเอกสารประมาณ 2 อาทิตย์)
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้มหาวิทยาลัย (Mo Tian Lun)
ดูเหมือนจะต้องเตรียมหลายอย่าง แต่จริงๆ ไม่ได้เยอะนะ อันที่ยุ่งยากหน่อยคือต้องไปตรวจร่างกาย กับขอหนังสือรับรองอาชญากรรม (เพราะต้องใช้เวลารอเอกสารเท่านั้นเอง) หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้วก็แสกนส่งให้ทาง
summerjeen เพื่อตรวจคุณสมบัติว่าเราผ่านเกณฑ์มั้ย พอผ่านแล้วพี่เขาจะตอบอีเมลมาเพื่อให้เราชำระค่าเรียน (อันนี้ขอข้ามตอนส่งอีเมลและจ่ายเงินให้เอเจนไปเลยนะ) พอเตรียมเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ต่อมาต้องเตรียมตัว และเตรียมใจให้พร้อม ลุยยยย !!!
บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัย
ขั้นตอนจัดกระเป๋าก่อนเดินทาง
ครั้งนี้เราซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้ 35 กิโล ส่วนมากจะหนักพวกของใช้ อะไรที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ขนมาหมด เสื้อผ้าใส่ในชีวิตประจำวัน/ชุดนอน/เสื้อกันหนาว/ชุดไทยเผื่อมีกิจกรรม/เครื่องสำอาง/มาม่า/น้ำพริก/อาหารไทยสำเร็จรูป/ยาสามัญฯ/ปลอกหมอน+ผ้าปูเตียง/โน๊ตบุ๊ค ฯลฯ ส่วนของใช้อื่นๆ ถ้าขี้เกียจแบกมาก็มาซื้อที่นี่ก็ได้ เรามาซื้อพวกหมอน กะละมังซักผ้า ตะกร้า ที่นี่
ป.ล สิ่งที่หายากในจีน เราหามาหลายที่แล้วก็ไม่เจอคือแป้งฝุ่นทาตัว ใครติดทาแป้ง ตุนมาเลยนะ อีกอย่างคือครีมกันแดด ที่นี่มีให้เลือกน้อย ขนาดในห้างก็น้อย เราเจอครีมกันแดดสำหรับทาตัวแค่ 2 ยี่ห้อ แล้วเจอแค่ขวดเล็กๆ ราคาค่อนข้างแพงเชียว ถ้าน้ำหนักกระเป๋าเหลือก็ขนมาเถอะ
ก่อนเดินทางจะมีนัดประชุมแนะแนวเตรียมตัวก่อนเดินทาง จะมีสไลด์แนะนำมหาวิทยาลัยเบื้องต้น ขั้นตอนการเปิดบัญชีธนาคาร รวมไปถึงบัญชี Alipay ไปอยู่จีนจำเป็นต้องมี!!! ย้ำว่าต้องมีเด้อ!!!
แป๊บๆ ถึงวันเดินทางแล้วจ้า เชิญมามุง...
ถึงชื่อหนานชางจะดูไม่คุ้นหูสำหรับเราๆ แต่เขามีบินตรงจากไทยนะเออ มีทั้งสายการบินจากดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ไม่ต้องต่อเครื่องให้ยุ่งยากเสียเวลา เราบินไปกับไลอ้อนแอร์ บินช่วงเช้าตรู่ตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน แน่นอนว่าทั้งลำคือคนจีนค่ะ โช้งเช้งมากตั้งแต่ตอนเช็คอิน พนักงานเห็นเราเป็นคนไทยก็แน่นอนล่ะ เลือกที่นั่งให้เรามานั่งโล่งๆ โซนด้านหน้าคือดีมาก ไม่มีเสียงรบกวนเท่าไหร่ จากดอนเมืองบินตรงหนานชางใช้เวลา 3 ชั่วโมงโดยประมาณค่ะ เราบินมาถึงนี่ช่วงเดือนกันยา อุณหภูมิคือ 36 องศาแดดร้อน ร้อนมากร้อนมาย ร้อนไม่ไหวแล้วแม่จ๋า แต่ดูมาแล้วว่าประมาณเดือนพฤศจิกาจะเย็นขึ้น ที่เราเลือกมาที่นี่เหตุผลนึงคือมันไม่ค่อยหนาวมากแหละ (ไม่เหมือนแถบฮาร์บิ้น เรากลัวอยู่หนาวๆ ไม่ไหว) พอมาถึงจีน เอเจนซี่ก็มารับที่สนามบินพานั่งรถไปมหาวิทยาลัย เพื่อรายงานตัว สมัครเรียน และส่งเข้าหอพัก (เราอยู่หอพักนักศึกษาต่างชาติ จะไม่ปนกับนักศึกษาจีน หอพักมีห้องน้ำในตัว มีเครื่องปรับอากาศ,เตียง, ตู้, พัดลมค่ะ)
ภาพหน้าหอพักสำหรับนักศึกษาต่างชาติ
ภาพด้านในหอพัก
ภาพแรกที่เปิดประตูห้องพัก สตั๊นท์ไป 3 วินาที เอามือทาบอกแล้วอุทานว่า...#@*&%... คือมันปิดเทอมมานาน ห้องฝุ่นจับหนาเป็นนิ้ว มีสัตว์โลกน่ารักทุกสปีชี่มาอยู่ในห้องหลายตัว ไม่ได้การละ ต้องทำความสะอาดและขับไล่เจ้าพวกนี้ออกไป ไม่งั้นคืนนี้นอนไม่ได้แน่
วันแรกหลังจากรายงานตัวเข้าหอ พี่ๆ ก็พานั่งรถไปซื้อของใช้ใน ม. พร้อมซื้อซิมโทรศัพท์ (แน่นอนว่าถ้ามาเองคงไม่รู้ทาง คงเป็นกะเหรี่ยงเดินตากแดดงงๆ หลงอยู่ใน ม. นั่นแหละ)พอไปซื้อซิมมือถือแล้ว (ค่าเปิดซิม 100หยวน เดือนต่อไปคิดเดือนละ 39 หยวน) ของใช้มีเรียบร้อยแล้ว ก็กลับห้องมาทำความสะอาด กว่าจะเสร็จก็เย็นจ้า หมดไป 1 วันละ (ป.ล. เราแนะว่าเอาเสื้อเก่าๆ มาจากบ้านตัวนึงนะ ไม่ว่าไปที่ไหนก็ตาม เอาไว้เช็ดพวกตู้ เตียง และปูพื้นห้องไปเลย จะได้ไม่ต้องซื้อผ้าใหม่มาถูเนอะ)
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้มหาวิทยาลัย (Teng Wang Ge)
วันถัดมาพี่ๆ สอนขึ้นรถเมล์ และรถไฟฟ้า พาไปเปิดหูเปิดตาเที่ยวห้าง Wanda plaza อารมณ์ประมาณห้างเดอะมอลล์บ้านเรา และพาไป bayi square (ก็สยามสแควร์บ้านเขาแหละ) เดินเที่ยวจนหนำใจแล้วก็กลับมา ม.ตอนเย็นๆ ก็พาทัวร์เดินใน ม. พาไปธนาคาร ดูตึกเรียน ซึ่งระยะทางสำหรับคนไม่ค่อยออกกำลังกายคือไกลนะ รวมๆ 5 กิโลได้ แต่อย่าเพิ่งโอดโอยกันไป ที่นี่เขามีจักรยานให้จ้า เจอตรงไหนเอาไปขี่ได้เลย จ่ายผ่าน Alipay เช่นเดิม
ความแปลกอย่างนึงที่เราเพิ่งรู้คือ ม.จีนที่นี่ ปี 1 ทุกคนต้องฝึก รด. ผู้หญิงก็ต้องฝึก อ่านไม่ผิดแต่อย่างใด เราเห็นน้องปี1 ใส่ชุดลายพรางเดินกันทั่ว ม. แดดแรงมากเห็นแล้วสงสารน้องๆ เลย
หลังจากที่เอเจนซี่พาทัวร์ ม. แล้ว ถึงเวลาที่พี่เขาต้องกลับ แต่ถ้าติดปัญหาอะไรก็คุยกับพี่เขาทาง wechat ได้ตลอด
【มาถึงเรื่องสำคัญ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง】
พูดถึงอาหารการกิน เราพึ่งพาโรงอาหารแถวหอพักเป็นหลัก กับข้าวมีหลากหลาย เท่าที่ทุกคนทราบมาว่าอาหารจีนค่อนข้างมัน ซึ่งมาอยู่นี่เราก็คอนเฟิร์มว่าจริงมาก แต่ก็ไม่ใช่จะไม่อร่อยนะ ของอร่อยๆ ก็มีอยู่ (แต่น้ำมันก็เยอะแหละ) ฉะนั้นน้ำพริกกระปุกๆ มาม่า เอามาเหอะ ยังไงก็ได้กินสักมื้อแหละ
เวลาซื้ออาหารที่นี่เขาไม่รับเงินสดค่ะ รับแต่ Alipay, Wechat Pay มาวันแรกจะซื้อข้าวแต่ซื้อไม่ได้ เพราะเราไม่มีเงินใน Alipay ต้องวานให้น้องนักศึกษาจีนจ่ายให้ แล้วคืนเงินสดเขาไป ไม่ว่าเราจะเรียกใครในโรงอาหาร ทุกคนช่วยซื้อข้าวให้หมดเลย (วานให้ซื้อหลายมื้อนั่นเอง)
ตั้งแต่มาอยู่นี่สัมผัสได้ว่าคนจีนใจดี มีน้ำใจมาก ตั้งแต่มาถึง เจอแต่คนช่วยเหลือตลอด พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยดูตื่นเต้น คงเป็นเพราะคนไทยไม่ค่อยมาที่นี่ พวกเขาชวนคุย เหมือนเขาชอบประเทศไทย ชอบคนไทยมากๆ รู้สึกประทับใจผู้คนที่นี่จัง
หลังจากมาอยู่ได้ไม่กี่วัน คุณครูก็จะนัดวันพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกรอบช่วงเช้า ถึงแม้จะมีผลตรวจมาจากไทยแล้วก็ตาม ต้องมาตรวจใหม่อยู่ดี เพราะเอกสารของไทยเป็นแบบเขียนและวันที่เป็นแบบปี พ.ศ. ไม่เป็นสากล ซึ่งที่นี่ไม่ยอมรับ (อุตส่าห์หอบฟิล์มเอกซเรย์มาจากบ้าน T_T) แต่ใช้เวลาตรวจไม่นาน เผลอๆ เร็วกว่าตอนตรวจที่ไทยอีกนะ
คุณครูพานักศึกษาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
พอช่วงเย็นในวันเดียวกันก็มีมีทติ้ง คุณครูจะแนะนำเกี่ยวกับกฎระเบียบตอนอยู่ในหอ และให้นักเรียนออกมาทำการแสดงแบบกลุ่ม คิดแบบเลิ่กลั่กสุดๆ ออกไปรำวงเพลงลอยกระทงหน้าห้องเลยจ้า ไม่รู้เพื่อนๆ ต่างชาติ ตั้งใจดูกันมั้ย แต่ตอนจบปรบมือกันดัง โอเค...รอดตัวไป
หนังสือภาษาจีนที่เราใช้เรียน
แล้วก็มาถึงวันเปิดเรียน โดยตารางเรียนจะเป็นวันจันทร์ ถึงศุกร์ แต่ละวันจะเรียน 1-3 คาบ สำหรับเราคือโอเค ไม่หนักเกินไป ทำให้มีเวลาทบทวนบทเรียน การเรียนการสอนคุณครูจะพูดเป็นภาษาจีน และภาษาอังกฤษ วิชาที่สอนจะเน้นทักษะ ไวยากรณ์/ ฟัง/ พูด/ อ่าน&เขียน และคำศัพท์ บางครั้งอาจจะเรียนไม่ทันบ้าง (เพราะเราอ่อนภาษาอังกฤษด้วย) ต้องพยายามมากกว่าคนอื่น กลับมาทบทวนซ้ำๆ ส่วนในห้องเรียนมีเพื่อนหลายเชื้อชาติ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ เราชอบนะ
อาคารเรียนสำหรับนักศึกษาต่างชาติ
บรรยากาศในห้องเรียน
สรุปแล้ว การมาเรียนที่จีนสำหรับเราถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ได้ฝึกการใช้ชีวิตต่างถิ่น ฝึกวินัย และความอดทนอย่างดีเลย พอเวลาผ่านไปเริ่มปรับตัวได้ ทุกวันสำหรับเราคือวันที่ดี และสนุกเสมอ.... ^_^
[CR] แชร์ประสบการณ์ เรียนภาษาจีนที่หนานชาง ประเทศจีน (เมืองที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก)
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ทุกคน วันนี้เราจะมารีวิวการไปเรียนภาษาจีนที่หนานชาง ประเทศจีนค่ะ แค่เอ่ยชื่อมาทุกคนคงมีคำถามในหัวว่ามันอยู่ตรงไหนของจีน เราก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน ^^ ลองเปิดแผนที่ดู หนานชางเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจียงซี ตรงที่ปักหมุดไว้เลย (หนานชางอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน จากนี้นั่งรถไฟด่วนไปเซี่ยงไฮ้ก็ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ค่ะ)
ครั้งนี้เราไปโดยผ่านเอเจนซี่ summerjeen ซึ่งก่อนมาความรู้ภาษาจีนของเรามีเท่าหางอึ่ง พอฟังแล้วเดาได้ แต่ถ้าคนจีนพูดมาเป็นประโยคยาวๆ ก็งงนะ ถ้าให้ดำเนินการทุกอย่างเองคาดว่าปีหน้าก็ยังไม่ได้เรียนแน่ ^^ อย่างที่รู้ๆ กันข้อดีของการไปกับเอเจนซี่คือ เขาดำเนินการติดต่อมหาวิทยาลัย ขั้นตอนสมัครเรียน, ส่งเอกสารระหว่างประเทศ, ตลอดจนมาส่งเราถึงหอพักที่จีนเลย แต่ไม่ใช่ว่ามีเอเจนซี่แล้วจะไม่เตรียมอะไรเลยนะ ก่อนอื่นเราต้องเตรียมเอกสารก่อนนะจ๊ะ
เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อสมัคร
1.Passport ฉบับจริงที่มีอายุเหลือมากกว่า 1 ปี
2.รูปขอวีซ่าจีน
3.สำเนาทรานสคริปต์/ สำเนาวุฒิการศึกษาสูงสุด ภาษาอังกฤษ
4.ผลตรวจสุขภาพจาก รพ. (เราไปตรวจที่ รพ.จุฬาฯ ค่าตรวจประมาณ 1700 บาท)
5.หนังสือรับรองจากผู้ปกครอง (เอเจนซี่มีฟอร์มให้)
6.สัญญาตกลงการสมัครทุน (เอเจนซี่มีฟอร์มให้)
7.statement บัญชีธนาคารของเรา หรือผู้ปกครองก็ได้
8.หนังสือรับรองประวัติอาชญากรรม (ขอจากกรมตำรวจแห่งชาติ ค่าทำเอกสาร 100 บาท รอเอกสารประมาณ 2 อาทิตย์)
ครั้งนี้เราซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้ 35 กิโล ส่วนมากจะหนักพวกของใช้ อะไรที่คิดว่าจำเป็นต้องใช้ขนมาหมด เสื้อผ้าใส่ในชีวิตประจำวัน/ชุดนอน/เสื้อกันหนาว/ชุดไทยเผื่อมีกิจกรรม/เครื่องสำอาง/มาม่า/น้ำพริก/อาหารไทยสำเร็จรูป/ยาสามัญฯ/ปลอกหมอน+ผ้าปูเตียง/โน๊ตบุ๊ค ฯลฯ ส่วนของใช้อื่นๆ ถ้าขี้เกียจแบกมาก็มาซื้อที่นี่ก็ได้ เรามาซื้อพวกหมอน กะละมังซักผ้า ตะกร้า ที่นี่
ป.ล สิ่งที่หายากในจีน เราหามาหลายที่แล้วก็ไม่เจอคือแป้งฝุ่นทาตัว ใครติดทาแป้ง ตุนมาเลยนะ อีกอย่างคือครีมกันแดด ที่นี่มีให้เลือกน้อย ขนาดในห้างก็น้อย เราเจอครีมกันแดดสำหรับทาตัวแค่ 2 ยี่ห้อ แล้วเจอแค่ขวดเล็กๆ ราคาค่อนข้างแพงเชียว ถ้าน้ำหนักกระเป๋าเหลือก็ขนมาเถอะ
ก่อนเดินทางจะมีนัดประชุมแนะแนวเตรียมตัวก่อนเดินทาง จะมีสไลด์แนะนำมหาวิทยาลัยเบื้องต้น ขั้นตอนการเปิดบัญชีธนาคาร รวมไปถึงบัญชี Alipay ไปอยู่จีนจำเป็นต้องมี!!! ย้ำว่าต้องมีเด้อ!!!
ถึงชื่อหนานชางจะดูไม่คุ้นหูสำหรับเราๆ แต่เขามีบินตรงจากไทยนะเออ มีทั้งสายการบินจากดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ไม่ต้องต่อเครื่องให้ยุ่งยากเสียเวลา เราบินไปกับไลอ้อนแอร์ บินช่วงเช้าตรู่ตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน แน่นอนว่าทั้งลำคือคนจีนค่ะ โช้งเช้งมากตั้งแต่ตอนเช็คอิน พนักงานเห็นเราเป็นคนไทยก็แน่นอนล่ะ เลือกที่นั่งให้เรามานั่งโล่งๆ โซนด้านหน้าคือดีมาก ไม่มีเสียงรบกวนเท่าไหร่ จากดอนเมืองบินตรงหนานชางใช้เวลา 3 ชั่วโมงโดยประมาณค่ะ เราบินมาถึงนี่ช่วงเดือนกันยา อุณหภูมิคือ 36 องศาแดดร้อน ร้อนมากร้อนมาย ร้อนไม่ไหวแล้วแม่จ๋า แต่ดูมาแล้วว่าประมาณเดือนพฤศจิกาจะเย็นขึ้น ที่เราเลือกมาที่นี่เหตุผลนึงคือมันไม่ค่อยหนาวมากแหละ (ไม่เหมือนแถบฮาร์บิ้น เรากลัวอยู่หนาวๆ ไม่ไหว) พอมาถึงจีน เอเจนซี่ก็มารับที่สนามบินพานั่งรถไปมหาวิทยาลัย เพื่อรายงานตัว สมัครเรียน และส่งเข้าหอพัก (เราอยู่หอพักนักศึกษาต่างชาติ จะไม่ปนกับนักศึกษาจีน หอพักมีห้องน้ำในตัว มีเครื่องปรับอากาศ,เตียง, ตู้, พัดลมค่ะ)
วันแรกหลังจากรายงานตัวเข้าหอ พี่ๆ ก็พานั่งรถไปซื้อของใช้ใน ม. พร้อมซื้อซิมโทรศัพท์ (แน่นอนว่าถ้ามาเองคงไม่รู้ทาง คงเป็นกะเหรี่ยงเดินตากแดดงงๆ หลงอยู่ใน ม. นั่นแหละ)พอไปซื้อซิมมือถือแล้ว (ค่าเปิดซิม 100หยวน เดือนต่อไปคิดเดือนละ 39 หยวน) ของใช้มีเรียบร้อยแล้ว ก็กลับห้องมาทำความสะอาด กว่าจะเสร็จก็เย็นจ้า หมดไป 1 วันละ (ป.ล. เราแนะว่าเอาเสื้อเก่าๆ มาจากบ้านตัวนึงนะ ไม่ว่าไปที่ไหนก็ตาม เอาไว้เช็ดพวกตู้ เตียง และปูพื้นห้องไปเลย จะได้ไม่ต้องซื้อผ้าใหม่มาถูเนอะ)
ความแปลกอย่างนึงที่เราเพิ่งรู้คือ ม.จีนที่นี่ ปี 1 ทุกคนต้องฝึก รด. ผู้หญิงก็ต้องฝึก อ่านไม่ผิดแต่อย่างใด เราเห็นน้องปี1 ใส่ชุดลายพรางเดินกันทั่ว ม. แดดแรงมากเห็นแล้วสงสารน้องๆ เลย
【มาถึงเรื่องสำคัญ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง】
พูดถึงอาหารการกิน เราพึ่งพาโรงอาหารแถวหอพักเป็นหลัก กับข้าวมีหลากหลาย เท่าที่ทุกคนทราบมาว่าอาหารจีนค่อนข้างมัน ซึ่งมาอยู่นี่เราก็คอนเฟิร์มว่าจริงมาก แต่ก็ไม่ใช่จะไม่อร่อยนะ ของอร่อยๆ ก็มีอยู่ (แต่น้ำมันก็เยอะแหละ) ฉะนั้นน้ำพริกกระปุกๆ มาม่า เอามาเหอะ ยังไงก็ได้กินสักมื้อแหละ
เวลาซื้ออาหารที่นี่เขาไม่รับเงินสดค่ะ รับแต่ Alipay, Wechat Pay มาวันแรกจะซื้อข้าวแต่ซื้อไม่ได้ เพราะเราไม่มีเงินใน Alipay ต้องวานให้น้องนักศึกษาจีนจ่ายให้ แล้วคืนเงินสดเขาไป ไม่ว่าเราจะเรียกใครในโรงอาหาร ทุกคนช่วยซื้อข้าวให้หมดเลย (วานให้ซื้อหลายมื้อนั่นเอง)
ตั้งแต่มาอยู่นี่สัมผัสได้ว่าคนจีนใจดี มีน้ำใจมาก ตั้งแต่มาถึง เจอแต่คนช่วยเหลือตลอด พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยดูตื่นเต้น คงเป็นเพราะคนไทยไม่ค่อยมาที่นี่ พวกเขาชวนคุย เหมือนเขาชอบประเทศไทย ชอบคนไทยมากๆ รู้สึกประทับใจผู้คนที่นี่จัง
พอช่วงเย็นในวันเดียวกันก็มีมีทติ้ง คุณครูจะแนะนำเกี่ยวกับกฎระเบียบตอนอยู่ในหอ และให้นักเรียนออกมาทำการแสดงแบบกลุ่ม คิดแบบเลิ่กลั่กสุดๆ ออกไปรำวงเพลงลอยกระทงหน้าห้องเลยจ้า ไม่รู้เพื่อนๆ ต่างชาติ ตั้งใจดูกันมั้ย แต่ตอนจบปรบมือกันดัง โอเค...รอดตัวไป
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้