[CR] รีวิว เทียบนะครับ สำหรับคนรักน้ำหอมกลิ่นเลม่อนระหว่างChanel กับ Dior

กระทู้รีวิว


รีวิวนี้ สำหรับคนชอบกลิ่นเลม่อนนะครับ
ปกติ คู่ปรับที่เป็นที่นิยมและคนรีวิวเปรียบเทียบกันเยอะที่สุดในช่วงนี้ของสองยี่ห้อนี้ คงเป็นBleu de Chanel กับ Dior Sauvageนะครับ
ส่วนวันนี้จะเป็น Chanel Allure Homme Edition Blanche Eau de Parfum กับ Christian Dior Eau Sauvage ตัวOriginalที่เป็นEau de toilette นะครับ (ที่ไม่ได้เอาตัวEau Sauvage ที่เป็นParfumมาเทียบ เพราะกลิ่นหลักไม่ใช่เลม่อนนะครับ คือพอไม่ใช่เลม่อนผมเลยไม่ซื้อมาใช้นั่นล่ะครับ 5555)


ตัวแรกนะครับ
Chanel Allure Homme Edition Blanche Eau de Parfum 
ตัวนี้เป็นEau de Parfum เพราะฉะนั้น เรื่องความติดทนเลยได้เปรียบตัวที่สองครับ
ตัวนี้หาซื้อง่ายครับ ถ้าไปถามเคาท์เตอร์Chanel ก็มีอยู่แล้ว แต่เนื่องจากไม่ใช่ตัวขายดีที่สุด พนง.ขายมักจะบอกว่า “เหลือขวดสุดท้ายแล้วค่ะ” แทบทุกครั้งครับ
ราคา100มล. จะ5,000ถ้วนครับ ถ้ามีบัตรในเครือเดอะมอลล์ พาราก้อน เอมโพเรียมจะลด10%อัตโนมัติครับ ส่วนทางเครือเซนทรัลผมไม่เคยซื้อเลยไม่รู้ว่าใช้อะไรลดได้รึเปล่าครับ

เรื่องกลิ่นนี่ แน่นอนครับ เลม่อนเฉียบคมมากครับ ไม่ค่อยติดหวานเท่าไหร่ช่วงแรกๆครับ
และถึงแม้จะอยู่ได้4-6ชม.เวลาฉีดบนผิวหนัง หรือ8-10ชม. ถ้าฉีดใส่เสื้อ
แต่เลม่อนก็คือCitrus ยังไงแค่2ชม.ก็เริ่มไม่ได้กลิ่นล่ะครับ
จะกลายเป็นกลิ่นวานิลลา หอมๆอุ่นๆขึ้นมาแทน จนคนทัก นึกว่าน้ำหอมคนละกลิ่น
ดังนั้น ถ้าเสพติดกลิ่นเลม่อน ก็ต้องพกมาเป็นยาสามัญประจำรถครับ(ในกรณีที่จอดในที่ร่มตลอดครับ) 
เพราะเอาจริง ถ้าชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ไม่มีอะไรเหมาะเท่ากับพวกCitrusอีกแล้วครับ กลิ่นอื่น มันจะรวมกับกลิ่นเหงื่อ ทำให้เวียนหัวได้ครับ ดังนั้น พกติดรถไว้เลยครับ เติมกลิ่นเลม่อน ก่อนเล่นกีฬา หลังเล่นกีฬา หรือ พักเที่ยงออกไปทานข้าว ก็ฉีดอีก3-4ที ให้มีกลิ่นเลม่อนคมๆออกมาใหม่ครับ
ที่ผมชอบเลยคือ กลิ่นเลม่อนมันกลบจนผมไม่ได้กลิ่นมะกรูด มะกรูดไม่ใช่ไม่ดีนะครับแต่ผมว่าบางครั้งมันก็ชวนเวียนหัวแล้วทำให้นึกถึงเวลาไปร้านตัดผมบาร์เบอร์ทั่วไป ไม่ได้รู้สึกหอมอะไร
พอเลม่อนกลบหมด ผมเลยชอบเป็นพิเศษที่ไม่มีกลิ่นมะกรูดมากวน ส่วนกลิ่นไม้ต่างๆหรือหญ้าแฝก ผมก็แทบไม่ได้กลิ่นครับ
ได้กลิ่นเลม่อนเปรี้ยวๆคมๆ1-2ชม.แรก ต่อมากลิ่นวานิลลามาผสม คนเลยเรียกว่ากลิ่นพายเลม่อน แต่จากนั้นไปแล้วได้แต่กลิ่นวานิลลาแล้วล่ะครับ
การกระจายตัว อย่างมากแค่1-2เมตรนะครับ ซึ่งก็ดีครับ ไม่ไปรบกวนใคร เผื่อบางคนไม่ชอบนะครับ


ตัวที่2นะครับ Dior Eau Sauvageนะครับ ตัวEau de Toilette 
ตัวนี้ทีแรกไม่ได้อยู่ในหัวเลย หลักๆทางDior น้ำหอมสำหรับผู้ชาย นอกจากSauvage ก็จะเจอพวก Dior Hommeเยอะรองลงมา ต่อมาก็เป็นกลุ่มFahrenheit กับHigherนะครับ
ส่วน Dune Pour Hommeนี่ หลายๆเคาท์เตอร์ของดิออร์ ไม่สต็อกของละครับ เพราะขายไม่ค่อยดี ต้องห้างใหญ่ๆหน่อยถึงจะเจอDune Pour Homme
แต่วันที่ไปซื้อ Dior Eau Sauvageนี่ วันนั้นไปParagon ตั้งใจจะไปเลือกระหว่าง Dune กับ Higher (ตัวปกติที่ไม่ใช่Energyนะครับ) เพราะไม่ชอบSauvageกับFahrenheitที่ฉุนเวียนหัวสำหรับผม
ตอนฉีด Higherแล้วชอบมากกว่าDune เพราะมีกลิ่นเลม่อนด้วย เลยจะเอา
ส่วนEau Sauvage ไม่ได้มองเลย เพราะรีวิวที่เจอตามที่ต่างๆจะบอกว่ากลิ่นคนแก่ กลิ่นร้านบาร์เบอร์ แต่พอฉีดแค่สเปรย์เดียว วางHigherกับDuneเลยครับ
ความรู้สึกแรกคือเลม่อน มีกลิ่นหญ้าเขียวๆกับดอกไม้อ่อนๆด้วย ซื้อทันทีครับ
ราคามาตรฐานอยู่แล้วครับ ดิออร์ ถ้าEau de Toilette จะ4,300บาทสำหรับน้ำหอมผู้ชาย (คือดีครับ ถูกกว่าของผู้หญิง 555 แฟนผมนี่งอนเลย เวลาเทียบราคาน้ำหอม ของผู้หญิงมักจะแพงกว่า ถ้าเทียบEDPต่อEDP EDTกับEDT) 
ของดิออร์ ก็พยายามจะรักษาpositionของแบรนด์ให้ได้แบบChanelนะครับ ที่พยายามจะไม่ลดราคา แต่ถ้าไปศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ในเครือเดอะมอลล์ พาราก้อน ถึงไม่มีบัตรอะไรก็มักจะลดให้10%อยู่แล้วครับ

ตัวEau Sauvage นอกจากOriginal (ที่อาจจะreformulateบ้าง) ตัวนี้ที่เป็นEDT
ก็จะมีแบบ Cologneกับ Parfumออกมานะครับ แต่จะไม่ใช่กลิ่นเลม่อนแบบตัวนี้ครับ
(จริงๆมีตัว Eau Sauvage Extremeออกมาด้วย อันนี้สิ กลิ่นเลม่อนแบบตัวEDTตัวนี้เลย แต่ผมไม่เคยลองนะครับ)
ส่วนตัวEDTวันนี้ เอาจริงๆคือชอบมาก แต่ถ้ารีวิวดี กลัวคนแย่งซื้อครับ ยิ่งหายากอยู่ พนง.ขายบอกว่านอกจากพาราก้อนก็จะมีเฉพาะที่เอมโพเรียมครับ
กลิ่นอยู่ได้6-8ชั่วโมงบนเสื้อครับ แต่บนตัว อยู่ได้4ชั่วโมงเองบนผิวผม
การกระจายตัวก็พอๆกับของChanelที่รีวิวไปแล้ว
แต่ข้อดีคือคนใช้น้อย แทบไม่เคยได้กลิ่นนี้จากใครเท่าไหร่ครับ
หอมเปรี้ยวเลม่อน แต่กลิ่นเปรี้ยวไม่คมเท่ากับChanelตัวบนนะครับ เลยไม่กลบกลิ่นอื่น ทำให้ได้กลิ่นไม้กลิ่นหญ้า ดอกไม้อ่อนๆ เครื่องเทศอ่อนๆรวมๆกันมาครับ พอจางแล้วจะเป็นกลิ่นไม้กลิ่นหญ้าเขียวๆจางๆครับ
คนละแบบกับChanelที่จางแล้วเป็นกลิ่นวานิลลา

ถ้าให้เลือก
ผมเลือกทั้งคู่
ขวดของดิออร์สวยกว่าครับ สวยไม่ซ้ำดี ของชาแนลขวดทึบ เรียบๆสีเมทัลลิกลอกง่ายอีก
แต่กลิ่นผมชอบมากทั้งคู่
ของดิออร์ เหมาะกับคนอายุ25-30ขึ้นไป กลิ่นผู้ใหญ่กว่ามีมิติกว่า
ทั้งที่ชาแนลโดยทั่วๆไปกลิ่นจะมีมิติกว่าดิออร์ แต่ตัวนี้ ผมรู้สึกได้แค่เลม่อนเปรี้ยวๆสดชื่นมาก กับ วานิลลาแค่สองกลิ่นเองครับ
ของชาแนลผมชอบใช้เวลาที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะกลิ่นเลม่อนที่แรงมาก ทำให้สดชื่นตลอดแม้เหงื่อจะออกทะลักแค่ไหนก็ตามครับ
แต่ถ้าไปงานทางการ งานกลางคืน อยากให้ดูขรึมขึ้น ผมจะใช้ของดิออร์ครับ


จบแล้วครับ รีวิว เป็นทางเลือกสำหรับคนรักกลิ่นเลม่อนครับ

ขอบคุณที่อ่านนะครับ
ชื่อสินค้า:   Chanel Dior
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่