Interview || เกรท สพล อัศวมั่นคง ตี๋หล่อ จริงจัง อบอุ่น จนทำให้คุณหลงเสน่ห์ 💕💕💕


พลุเลิฟเลิฟเลิฟเลิฟเลิฟเลิฟเลิฟพลุ

หนุ่มตี๋สุดฮอตผู้รับบท ศานต์ ในละครเรื่อง ‘สองนรี’ 
ที่แฟนละครช่อง 7 กล่าวขวัญถึงกันทั่วประเทศตั้งแต่ต้นจนอวสาน กับความสมบูรณ์แบบ บ้านรวย การศึกษาดี ที่สำคัญยังน่ารัก อบอุ่น 
คล้ายกับตัวตนของ เกรท-สพล อัศวมั่นคง 

“ลึกๆ แล้วผมเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ พอต้องมาทำงานหน้ากล้อง 
จึงต้องทำออกมาให้รู้สึกมั่นใจว่าเราทำได้ และคอยสังเกตว่าทำดีพอหรือยัง” 

หนุ่มตี๋เจ้าของความสูง 180 เซนติเมตร เอ่ยประโยคนี้กับ Rabbit Today
เราฟังออกว่าเขาถ่อมตัว เพราะดูขัดกับความเป็นจริงที่เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา และมาดมั่นในคำพูด


Q: เป็นอย่างไรบ้าง ละคร ‘สองนรี’ ได้ประกบกับนางเอกรุ่นพี่ มิน พีชญา ตั้งแต่ต้นจนจบ
เกรท: พี่มินน่ารัก ตอนแรกผมกลัวๆ ว่าเราจะโดนพี่มินรับน้องหรือเปล่า จะโดนดุไหม เพราะก่อนมาเล่นก็มีทีมงานขู่ให้ระวังตัว (หัวเราะ) ‘สองนรี’ ถือเป็นละครหลังข่าวเรื่องแรกของผมด้วยครับ แต่พี่มินชวนเกรทคุยตั้งแต่วันแรกเลย เหมือนเป็นการละลายพฤติกรรม เวลามีซีนที่พี่เขาดูออกว่าผมเป็นกังวล พี่มินจะคอยให้กำลังใจผม คอยบอกเทคนิค หรือว่าบอกว่าเกรท เฮ้ย…แบบนี้โอเคแล้วนะ เขาช่วยเติมเต็มให้ครบมิติมากขึ้นครับ

Q: ในส่วนของภาพยนตร์ ‘แสงกระสือ’ เมื่อต้นปี ต้องขอปรบมือให้เลย เพราะเกรทเข้าถึงบทกระหังได้ดีงาม
เกรท: ขอบคุณครับ การได้ทำอะไรครั้งแรก ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องท้าทาย ทุกอย่างที่ผมเจอในภาพยนตร์เรื่อง ‘แสงกระสือ’ คือความท้าทายและใหม่มากสำหรับผม ผมจึงทำเต็มที่ตามที่ได้รับมอบหมายงานมาครับ ส่วนภาพลักษณ์ภายนอกนี่ต้องชมทีมงานฝ่ายเอฟเฟกต์ เขาแต่งหน้าให้ดีมาก และต้องสวมชุดทั้งตัว

Q: ความท้าทายในโลกภาพยนตร์กับงานละคร สำหรับเกรทเป็นอย่างไร
เกรท: อย่างผลงานภาพยนตร์ นี่เราสามารถแสดงตรงๆ จริงๆ แบบที่เป็นเราได้เลย คือเล่นน้อยแต่ได้มาก คนดูสามารถเก็บรีแอคชั่นหรือว่าแอคชั่นทั้งหมดของเราได้ โดยเราไม่ต้องพยายามทำให้คนเขาเห็นมาก แต่พอถูกย่อขนาดลงมาเป็นละคร อยู่แค่ในทีวีจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ เราอาจต้องมีการเล่นให้ชัดขึ้น หรือพูดง่ายๆ ว่า ต้องเล่นใหญ่ เพราะในความเป็นจริงคนดูเขานั่งอยู่ไกล หรือเขาอาจไม่ได้มานั่งอยู่ติดกับจอ ผมต้องพยายามทำให้เขาสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เรารู้สึก งานละครจึงค่อนข้างท้าทาย เพราะศาสตร์แต่ละศาสตร์มีความยาก-ง่ายแตกต่างกัน

Q: คนรอบข้างมักบอกว่าเกรทมีเสน่ห์อย่างไร หรือเคยได้ยินมาว่าเขาพูดถึงเกรทอย่างไรบ้าง 
เกรท: มีเสน่ห์อะไรบ้างไหมครับ  เอ่อ…(คิดอยู่นาน) รอยยิ้ม คือได้ยินมาเสมอตั้งแต่เด็ก เขาจะบอกว่าผมเป็นคนอบอุ่นและมีมุมขี้เล่นด้วย บางคนรู้สึกว่านี่ละคือเสน่ห์ของผม พออยู่ใกล้แล้วสบายใจ ประมาณนี้ครับ

Q: ใครเป็นแบบอย่างในการทำงานของคุณ
เกรท: ผมชอบที่จะได้ตอบคำถามนี้มาก (ยิ้ม) เพราะว่าภาพรวมของคาแรกเตอร์ที่ผมเคยได้รับมา หรืออะไรที่ผมชอบ ผมมองเห็นเป็นพี่ซันนี่ (สุวรรณเมธานนท์) ที่สุดเลยนะ ผมติดตามผลงานพี่ซันนี่ตั้งแต่ตอน ‘เนื้อคู่ประตูถัดไป’ แล้วชอบมาก เขาทำให้ผมรู้สึกว่า รักตัวละครที่เขาเล่น กระทั่งทำผมหลงรักในตัวนักแสดงจริงๆ ด้วยครับ

Q: เคยเป็นเด็กชายธรรมดาคนหนึ่ง แล้วจู่ๆ มีคนมาชอบ มาตามให้กำลังใจ ติดตามผลงานต่างๆ คุณรู้สึกยังไง
เกรท: มันคือความตกใจกับประหลาดใจที่ว่า ทำไมเขาถึงชื่นชอบเรา ซัพพอร์ตเรา และให้ความรักเรามากขนาดนี้ อย่างบางทีที่ผมไปออกงาน สถานที่ค่อนข้างไกล และเดินทางลำบาก เขายังรวมกลุ่มตามกันมาหา ผมถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง บอกตามตรงว่า ผลงานผมก็ยังไม่ได้เยอะแยะมากมายขนาดนั้น และไม่ได้ดูเปรี้ยงปร้าง แต่ว่ามีคนรักและให้ความสนใจขนาดนี้ คือผมโชคดีมากที่เขาให้ความรัก

Q: มีเหตุการณ์ไหนที่ดูแล้วพิเศษบ้าง
เกรท: ทุกอย่างที่เขาทำให้ผมพิเศษหมด การติดตามผลงานของผม แม้ไม่ได้ออกมาเจอตัว หรือคอยเก็บผลงานเล็กๆ น้อยๆ ที่ออกตามสื่อ ช่วยโปรโมตให้ผม พวกเขาขายของเก่งกว่าผมอีก ทุกคนมีความน่ารักมาก แม้กระทั่งวันเกิด เขาก็จัดงานให้ผม มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ ครับ

Q : กิจกรรมยามว่างของเกรทคืออะไรบ้าง
เกรท: โดยทั่วไปคือการออกกำลังกาย เข้ายิม ยกเวต รวมถึงดูหนัง ฟังเพลง เป็นไลฟ์สไตล์แบบคนทั่วไป แต่ผมมีอีกอย่างหนึ่งที่ชอบ คืออยู่กับน้องหมา น้องหมาของผมชื่อน้องจิโร่ แปลว่าลูกชายคนที่สอง

Q: เพราะอะไรถึงเป็นลูกชายคนที่สอง
เกรท: ผมตั้งชื่อน้องเพื่อให้เกียรติหมาตัวแรกของผม หมาตัวแรกผมชื่อโกโก้ ช่วงผมเรียนมหาวิทยาลัย ผมไม่ค่อยได้ใช้เวลากับเขา ตอนเขาจากไป ผมก็ไม่ได้อยู่ ผมก็รู้สึกว่าอย่างน้อยถ้าผมจะมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ ผมอยากจะทำทุกอย่างให้ดีเพื่อทดแทนในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำให้น้องโกโก้ ก็เลยตั้งชื่อว่าจิโร่ เป็นเหมือนลูกชายคนถัดมา เวลาที่ผมหยุดอยู่บ้าน จะพาเขาออกไปเดินเล่น


Q: จิโร่เป็นหมาพันธุ์อะไรครับ
เกรท: พันธุ์ญี่ปุ่น ชื่อ อากิตะครับ ก็คนส่วนใหญ่จะนึกถึงชิบะ แต่ว่าอากิตะมันจะเป็นชิบะในร่างที่มันโตขึ้นมา อาจจะพูดง่าย ๆ ให้เข้าใจ เปรียบได้กับไซบีเรียนครับ น่ารักประมาณนั้น

Q: แนวหนังที่เกรทดู แนวเพลงที่เกรทฟัง
เกรท: ค่อนข้างหลากหลายมากเลย ถ้าหนังในดวงใจที่รู้สึกพูดกี่ทีเราก็ชอบก็จะเป็นเรื่อง La La Land Les Miserables ถ้าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แหวกและฉีกไปเลยคือ น้ำ ผีนองสยองขวัญ ผมชอบแนวที่แหวกไปเลย ดูกี่ครั้งผมก็ยังฮา ผมชื่นชอบน้าค่อมมาก รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่พูดอะไรออกมาแล้วมันแตะใจมาก
ส่วนเพลง ผมฟังได้ทุกแนวเลย ช่วงหลังจะค่อนข้างมีเพลง K-POP นิดหนึ่ง หรือพวกแร็ป ฮิปฮอปผสมเข้ามา ถ้าฝั่งอินเตอร์หรือว่าฝั่ง K-POP ก็จะเป็น BLACKPINK EXO นอกจากนั้นผมเป็นคนชอบฟังพวกสาย cover ครับ อย่าง Joseph Vincent เป็น Youtuber ที่ฟังตลอด ผมชอบในการเสพอะไรใหม่ ๆ หรือว่าเสพสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกเปิดกว้างมากขึ้น


Q: ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นนักแสดง เกรทน่าจะกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน 
เกรท: เป้าหมายอีกอย่างหนึ่งของผมคืออยากเป็นนักบินครับ ผมว่าถ้าผมไม่ได้เป็นนักแสดง ตอนนี้ผมคงจะ เป็น Student pilot ศึกษาการขึ้นและลงจอดเครื่องอยู่ที่หัวหิน

Q : แต่สุดท้ายได้มาทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดและทำได้ดีด้วย
เกรท: ผมไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะมาทำงานในวงการบันเทิง เพราะคุณพ่อไม่ค่อยปลื้มวงการนี้สักเท่าไร ท่านมองว่าอาชีพนี้ไม่ยั่งยืน แต่ผมมองว่าถ้าเรารักที่จะทำ เราพยายามหมั่นฝึกฝนในสิ่งที่เรายังไม่เก่ง ทำด้วยความเคารพว่ามันเป็นอาชีพๆ หนึ่ง มันก็สามารถทำต่อไปได้ เราอาจจะต่อยอดจากการเป็นนักแสดง เปลี่ยนเป็นผู้จัดฯ หรือ Acting coach หรือว่าอะไรก็ได้ มันมีทางให้เราไปเยอะแยะเลยครับ ถ้าเราจริงใจและจริงจังกับมัน พอผมทำไปได้จังหวะหนึ่ง คุณพ่อก็เห็นว่า เฮ้ย มันไปได้ เราเริ่มมีฐานแฟนคลับ และเริ่มมีผลงานใหม่ๆ ท่านก็ปล่อยให้ทำเต็มที่ ตอนนี้กลายเป็นว่า เขาเป็นแฟนละครของผมตัวยงเลยละครับ

แบบคลิป จ้า สัมภาษณ์พร้อมน้อง มินนี่ ภัณฑิรา 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
โคมาวอโคมาวอ
CR
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่