ขอเริ่มเล่าเลยนะครับ พอดีผมมีบุคคลนิรนามออกแนวชักชวนให้ร่วมทำธุรกิจผ่านโปรแกรม 6 Week New You และมีการนำเสนอโปรแกรมการลดน้ำหนัก การคุมโภชนาการ ฯลฯ แต่อยากจะขอเล่ารายละเอียดเบื้องต้นจากการที่รู้จักธุรกิจนี้ 4 ช่วงเวลา ดังนี้ และ อยากจะขอให้เปรียบเทียบกับสมัยก่อนโน้นเลยว่า มีอะไรที่เหมือนหรือแตกต่างกันบ้าง
1. เริ่มรู้จักแอมเวย์สมัย ม.ต้นครับ (อายุ 15 ปี หลังเหตุการณ์ต้มยำกุ้ง 3 ปี)
- ตอนนั้นมีมีคนมาสปอนเซอร์คุณแม่ ผ่านการเล่าเรื่องราวอิสรภาพทางการเงิน การได้ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ช่วงนั้นไปเซ็นเตอร์และฟังสัมมนากับครอบครัวบ่อย พีคสุด คือ การไปฟังสัมมนาใหญ่ที่มีผู้สำหรับระดับมงกุฏฑูตมาบรรยายที่ กทม. และมีการจัด Meeting ที่บ้านผม ระยะหลังๆ คุณพ่อเริ่มแอนตี้ ผมเฉยๆ ครอบครัวทะเลาะกันบ้าง หนักสุด คือ คุณพ่อเหวี่ยงด้วยอารมณ์รุนแรงมาก ช่วงนั้นก็เริ่มมีการใช้สินค้าต่างๆ รวมทั้งเครื่องกรองน้ำด้วย และผล คือ ไม่สำเร็จ! คนสปอนเซอร์คุณแม่ทำได้เพียง 1 ปี ล้มเลิก และอัพไลน์ในสายงาน (ผมเรียกถูกมั้ยไม่แน่ใจ) ที่เป็นระดับมรกตซึ่งประกาศอยู่เสมอว่าเป็นว่าที่เพชรนั้น ปัจจุบันได้ข่าวว่า เลิกทำไปแล้ว มีหนี้สินและค้างเงินแม้กระทั่งค่าติดตั้งแอร์กับช่าง
2. โดนชักชวนครั้งที่ 2 จากเพื่อนในคณะ (หลังปฏิวัติ 19 กย. 49 1 เดือน)
- การชักชวนครั้งที่ 2 มีลักษณะคล้ายคร้งแรก ซึ่งตอนผมมีอารมณ์ประมาณอยากฟังคุณที่ล้มเหลว และเพือนมาทักผมว่า "เห้ยแก เรามีบุคคลที่เคยล้มเหลวแต่เขาสามารถสร้างชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ และมี นศ. ที่มีประสบความสำเร็จก่อนจะเป็นคนทำงาน" ผมก็หลงไปสุดท้าย คือ เข้าอีหลอบเดิม และตัดสินใจสมัครไปด้วยความเกรงใจ และคืนชุดสมัครประมาณ 6 เดือนหลัง ครั้งนี้ไม่มีการซื้อสินค้ามาใช้ แต่อย่างใด สุดท้าย คนชวนผมทำได้เพียง 1 ปีและเป็นมนุษย์เงินเดือนตามเดิม
3. ครั้งที่ 3 ตอนเรียน ปโท. (ปี พ.ศ. 2552) ที่มหาลัยย่านทุ่งครุ
ช่วงนั้นผมได้ตัดสินใจเรียน ปโท แต่ดันมีเรื่องความรักเข้ามา คือ ผมแอบชอบเด็กปี 4 คณะที่ผมไปเรียน เราคุยกันได้ประมาณ 6 เดือน และพอเข้าเดือนที่ 7 เรานัดไปเดทกัน และก่อนกลับเธออยากจะชวนผมเที่ยวบ้างในวันถัดไป แต่อยากให้ไปช่วยฟังสัมมนาเป็นเพื่อนหน่อย ซึ่งเธอเกริ่นๆว่า เกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายออนไลน์และการสร้างรายได้อีก 1 ช่องทางระหว่างการทำงาน ผมก็รับปากเพราะคิดว่า แค่ไปฟังเป็นเพื่อนก็จบ และอยากสานสัมพันธ์เรื่อยๆ จำได้ว่า ไปเจอกันตรง BTS ราชเทวี สถานที่บรรยายเป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ผมบอกเธอว่า "พี่นั่งรอด้านนอกนะ" แต่เธอกะคะยั้นคะยอผมให้ไปฟัง พอเข้าไปก็เท่านั้นแหละ คนที่เป็นผู้บรรยาย คือ นักธุรกิจที่เขียนหนังสือและมีเครื่องบินส่วนตัว ผมคิดในใจ "เอ้ออ" สุดท้ายหลังจบ เธอก็ถามความเห็นเราและเหมือนจะชักชวน สุดท้ายความสัมพันธ์ผมกับเธอก็ต้องชะงัก ผมไม่สมัครและไม่ยุ่ง
4. ครั้งที่ 4 2 เดือน ที่แล้วเลย
คนนี้เป็นเพื่อนในเฟส มาชักชวนผมพัฒนาตัวเองเรืองบุคลิกภาพ ซึ่งผมก็มีแรงบรรดาลใจในการปรับลุคภายนอกมาประมาณ 1 ปีแล้ว ประกอบกับยากเฟิมหุ่น เลยตัดสินใจนัดมีทติ้งออนไลน์กัน คุยๆไปแรก จะเป็นเรื่องการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง และสุดท้ายก็มาป๊ะกับ Bodykey แต่เราก็ไม่เอะใจอะไรนะ คิดว่าเพื่อนแค่ใช้สินค้า และจะนัดคอลออนไลน์ต่อครั้งที่ 2 พอครั้งที่ 2 นี้แหละ ก็รู้ไต๋เลยมีการแสดงภาพที่ไปเที่ยวต่างประเทศ นั่งเรือหรู บลาๆ และหลังเริ่มเซง เพราะนางจะให้ลองส่งอาหารที่กินทุกมื้อให้ดูว่า ควรปรับอะไรบ้าง หลังผมเริ่มรำคาญส่งบ้างไม่ส่งบ้าง แต่ก็อยากจะถนอมความเป็นเพื่อนไว้
ปล. ที่เล่ามาก็มีแค่นี้แหละครับ #แต่เหมือนว่าครั้งนี้ นางบอกว่า แอมเวย์มีธุรกิจอีกแบบเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมลดน้ำหนักนี้แหละซึ่งแตกต่างจากยุคที่ผมรู้จักมามาก ซึ่งถ้าเราทำได้ผล เราก็จะได้รายได้ระหว่างทำงานคู่กัน#
ผมเลยอยากถามผู้รู้ว่า แอมเวย์สมัยนีมอะไรที่เหมือนและแตกต่างจากสมัยก่อนโน้นบ้าง มีโมเดลอะไรใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาบ้างไหม ขอความเห็นหลากหลายนะครับ แต่อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้เลยที่โดนชวนแบบมีอะไรแฝง
สุดท้ายขอบคุณที่อ่านนะครับ
อยากทราบโมเดลของธุรกิจแอมเวย์ในยุคปัจจุบันว่าแตกต่างจากสมัยก่อนโน้นอย่างไรบ้างครับ
1. เริ่มรู้จักแอมเวย์สมัย ม.ต้นครับ (อายุ 15 ปี หลังเหตุการณ์ต้มยำกุ้ง 3 ปี)
- ตอนนั้นมีมีคนมาสปอนเซอร์คุณแม่ ผ่านการเล่าเรื่องราวอิสรภาพทางการเงิน การได้ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ช่วงนั้นไปเซ็นเตอร์และฟังสัมมนากับครอบครัวบ่อย พีคสุด คือ การไปฟังสัมมนาใหญ่ที่มีผู้สำหรับระดับมงกุฏฑูตมาบรรยายที่ กทม. และมีการจัด Meeting ที่บ้านผม ระยะหลังๆ คุณพ่อเริ่มแอนตี้ ผมเฉยๆ ครอบครัวทะเลาะกันบ้าง หนักสุด คือ คุณพ่อเหวี่ยงด้วยอารมณ์รุนแรงมาก ช่วงนั้นก็เริ่มมีการใช้สินค้าต่างๆ รวมทั้งเครื่องกรองน้ำด้วย และผล คือ ไม่สำเร็จ! คนสปอนเซอร์คุณแม่ทำได้เพียง 1 ปี ล้มเลิก และอัพไลน์ในสายงาน (ผมเรียกถูกมั้ยไม่แน่ใจ) ที่เป็นระดับมรกตซึ่งประกาศอยู่เสมอว่าเป็นว่าที่เพชรนั้น ปัจจุบันได้ข่าวว่า เลิกทำไปแล้ว มีหนี้สินและค้างเงินแม้กระทั่งค่าติดตั้งแอร์กับช่าง
2. โดนชักชวนครั้งที่ 2 จากเพื่อนในคณะ (หลังปฏิวัติ 19 กย. 49 1 เดือน)
- การชักชวนครั้งที่ 2 มีลักษณะคล้ายคร้งแรก ซึ่งตอนผมมีอารมณ์ประมาณอยากฟังคุณที่ล้มเหลว และเพือนมาทักผมว่า "เห้ยแก เรามีบุคคลที่เคยล้มเหลวแต่เขาสามารถสร้างชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ และมี นศ. ที่มีประสบความสำเร็จก่อนจะเป็นคนทำงาน" ผมก็หลงไปสุดท้าย คือ เข้าอีหลอบเดิม และตัดสินใจสมัครไปด้วยความเกรงใจ และคืนชุดสมัครประมาณ 6 เดือนหลัง ครั้งนี้ไม่มีการซื้อสินค้ามาใช้ แต่อย่างใด สุดท้าย คนชวนผมทำได้เพียง 1 ปีและเป็นมนุษย์เงินเดือนตามเดิม
3. ครั้งที่ 3 ตอนเรียน ปโท. (ปี พ.ศ. 2552) ที่มหาลัยย่านทุ่งครุ
ช่วงนั้นผมได้ตัดสินใจเรียน ปโท แต่ดันมีเรื่องความรักเข้ามา คือ ผมแอบชอบเด็กปี 4 คณะที่ผมไปเรียน เราคุยกันได้ประมาณ 6 เดือน และพอเข้าเดือนที่ 7 เรานัดไปเดทกัน และก่อนกลับเธออยากจะชวนผมเที่ยวบ้างในวันถัดไป แต่อยากให้ไปช่วยฟังสัมมนาเป็นเพื่อนหน่อย ซึ่งเธอเกริ่นๆว่า เกี่ยวกับการสร้างเครือข่ายออนไลน์และการสร้างรายได้อีก 1 ช่องทางระหว่างการทำงาน ผมก็รับปากเพราะคิดว่า แค่ไปฟังเป็นเพื่อนก็จบ และอยากสานสัมพันธ์เรื่อยๆ จำได้ว่า ไปเจอกันตรง BTS ราชเทวี สถานที่บรรยายเป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ผมบอกเธอว่า "พี่นั่งรอด้านนอกนะ" แต่เธอกะคะยั้นคะยอผมให้ไปฟัง พอเข้าไปก็เท่านั้นแหละ คนที่เป็นผู้บรรยาย คือ นักธุรกิจที่เขียนหนังสือและมีเครื่องบินส่วนตัว ผมคิดในใจ "เอ้ออ" สุดท้ายหลังจบ เธอก็ถามความเห็นเราและเหมือนจะชักชวน สุดท้ายความสัมพันธ์ผมกับเธอก็ต้องชะงัก ผมไม่สมัครและไม่ยุ่ง
4. ครั้งที่ 4 2 เดือน ที่แล้วเลย
คนนี้เป็นเพื่อนในเฟส มาชักชวนผมพัฒนาตัวเองเรืองบุคลิกภาพ ซึ่งผมก็มีแรงบรรดาลใจในการปรับลุคภายนอกมาประมาณ 1 ปีแล้ว ประกอบกับยากเฟิมหุ่น เลยตัดสินใจนัดมีทติ้งออนไลน์กัน คุยๆไปแรก จะเป็นเรื่องการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง และสุดท้ายก็มาป๊ะกับ Bodykey แต่เราก็ไม่เอะใจอะไรนะ คิดว่าเพื่อนแค่ใช้สินค้า และจะนัดคอลออนไลน์ต่อครั้งที่ 2 พอครั้งที่ 2 นี้แหละ ก็รู้ไต๋เลยมีการแสดงภาพที่ไปเที่ยวต่างประเทศ นั่งเรือหรู บลาๆ และหลังเริ่มเซง เพราะนางจะให้ลองส่งอาหารที่กินทุกมื้อให้ดูว่า ควรปรับอะไรบ้าง หลังผมเริ่มรำคาญส่งบ้างไม่ส่งบ้าง แต่ก็อยากจะถนอมความเป็นเพื่อนไว้
ปล. ที่เล่ามาก็มีแค่นี้แหละครับ #แต่เหมือนว่าครั้งนี้ นางบอกว่า แอมเวย์มีธุรกิจอีกแบบเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมลดน้ำหนักนี้แหละซึ่งแตกต่างจากยุคที่ผมรู้จักมามาก ซึ่งถ้าเราทำได้ผล เราก็จะได้รายได้ระหว่างทำงานคู่กัน#
ผมเลยอยากถามผู้รู้ว่า แอมเวย์สมัยนีมอะไรที่เหมือนและแตกต่างจากสมัยก่อนโน้นบ้าง มีโมเดลอะไรใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาบ้างไหม ขอความเห็นหลากหลายนะครับ แต่อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้เลยที่โดนชวนแบบมีอะไรแฝง
สุดท้ายขอบคุณที่อ่านนะครับ