เวลาที่ผมได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตาม ผมมักมีความรู้สึกว่า “โลกใบนี้มันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน เมื่อหันกลับมามองตัวของเราเอง เราก็เป็นแค่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ เท่านั้นบนโลกใบนี้” เพื่อน ๆ ว่าจริงไหม... มันเป็นความรู้สึกลึก ๆ อยู่ในจิตใจ ซึ่งมันทำให้เรารู้จักประมาณตนเอง และรู้จักเคารพผู้อื่นมากขึ้นครับ
O.k. วันนี้ ดช.จุ่น จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวยังอีกทวีปหนึ่งของโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ มันเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ในตัวของมันเอง มีเรื่องราว มีความลึกลับมากมายให้เราค้นหา สถานที่ด้านประวัติศาสตร์ ผมกำลังพูดถึงประเทศรัสเซีย ซึ่งเดิมคือ สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต และเคยได้รับฉายาว่า ดินแดนหลังม่านเหล็ก มาก่อน เพื่อน ๆ เคยสงสัยไหมว่า คำว่าดินแดงหลังม่านเหล็กมันคืออะไร?
ผมมีเกร็ดความรู้เพิ่มเติมก่อนเราจะไปเที่ยวมาฝาก คำว่า ม่านเหล็ก หรือ Iron Curtain เป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งทางอุดมการณ์และพรมแดนเชิงกายภาพที่แบ่งทวีปยุโรปออกเป็นสองพื้นที่ นับแต่สงครามโลกครั้งที่สองยุติในปี 2488 ถึงสงครามเย็นสิ้นสุดในปี 2534 สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตตั้งม่านเหล็กขึ้นเพื่อปิดกั้นตนเอง และดำเนินนโยบายที่จะไม่คบค้าสมาคมกับประเทศใดๆ ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับตน ภายหลังเมื่อ ธันวาคม 2534 สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตก็ล่มสลายไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลก และถือเป็นการยุติสงครามเย็นอย่างเป็นทางการโดยประเทศที่เคยรวมกันอยู่ในนามของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตนั้น ก็ได้รับเอกราชในการปกครองตนเอง และแตกออกเป็นประเทศต่าง ๆ มากมายในปัจจุบัน
จำได้ว่าเดินทางไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต่อฤดูร้อน ราว ๆ เดือนพฤษภาคม เราเตรียมเสื้อผ้าไว้สำหรับใช้ในที่ที่มีอากาศไม่หนาวมากนัก เสื้อลองจน..ลองจอน ไม่ต้องใช้ เพราะว่าอากาศที่นั่น ประมาณ 10 – 20 องศาเท่านั้นเอง ไม่ค่อยหนาวสักเท่าไหร่ เดินเที่ยวสบาย ๆ ครับ เราเดินทางช่วงบ่าย ๆ ของประเทศไทย และไปถึงประเทศรัสเซีย ก็ช่วงบ่ายเช่นกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 กว่า ชม. เพราะเราต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศเวียดนาม แล้วค่อยต่อไปยังประเทศรัสเซีย ก็นั่ง ๆ นอน ๆ บนเครื่องไปเพลิน ๆ ครับ แป๊บเดียวเราก็มาถึงประเทศรัสเซียแล้วครับ (เมื่อยมาก จร้า )
เมื่อลงจากเครื่องบินที่สนามบินของกรุงมอสโก ก้าวแรกที่เข้ามาภายในสนามบิน ผมก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศของประเทศที่ปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ เพราะบรรยากาศมันดูเงียบ และเคร่งขรึม ที่สำคัญคือเขาห้ามถ่ายรูปไม่ว่าที่ใดภายในตัวสนามบินเด็ดขาด (ใครจะไปรู้ล่ะ) และที่รู้เพราะว่าผมก็ไปถ่ายมาเหมือนกัน ก็ตามประสาของนักท่องเที่ยวไปถึงเราก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก จริงไหม แต่ขอโทษ ไม่ได้รูปกับมาบ้านนะครับ เพราะว่าเมื่อเสียงชัตเตอร์ดับลงปุ๊บ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเดินเข้ามาหาเราปั๊บ แล้วบทสนทนาก็บังเกิดขึ้น...
เจ้าหน้าที่ตำรวจสาว : เธอก็เริ่มส่งภาษารัสเซีย ให้เราฟังว่า “ &#@$%!#*&^^**** ”
ผม : ผมก็ทำหน้างง ๆ แต่ก็ตอบไปว่า Can u speak English? (คือแบบว่ากูฟังไม่รู้เรื่อง ..555.)
เจ้าหน้าที่ตำรวจสาว : แล้วเธอก็ส่งภาษาอังกฤษกลับมา แปลใจความได้ว่า “กรุณาลบรูปที่คุณถ่ายเมื่อตะกี้ออกด้วย Please” แน่ !! มีพูดขอร้องด้วย.. แต่หน้าเธอไม่อ่อนน้อม เหมือนคำที่เธอพูดเลย หุ หุ
ผม : ผมก็ได้แต่ตอบว่า Yes!! พร้อมพยักหน้าหงิก ๆ (ในใจคิดก็จะให้กูทำอย่างไงล่ะ นอกจากพยักหน้า) แล้วผมก็รีบลบรูปออกจากกล้องทันที แถมยังต้องโชว์กล้องให้เธอดูด้วยว่าลบรูปไปแล้วจริ๊ง จริง เรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด 555
และที่สำคัญก็คือ ทำไมไกด์ดันเจือก (เป็นคำไม่สุภาพ)ไม่บอกเราก่อน จะได้ไม่ต้องเจอเรื่องตื่นเต้นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอกครับ เรามาเที่ยวสนุก ๆ อย่าคิดมาก หลังจากนั้นพวกเราก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอย่างราบรื่น เข้าประเทศรัสเซียแบบชิล ๆ ตอนนั้นก็เป็นช่วงบ่าย ๆ ของที่รัสเซียแล้ว เมื่อเราเดินออกมาข้างนอกสนามบิน ลมหน้ายามบ่ายก็พัดมาปะทะใบหน้าของพวกเรา ทุกคนก็ต่างหยิบเสื้อแจ็คเก็ตขึ้นมาสวมเพื่อกันลมหนาว แล้วเราเดินตรงไปที่รถโค้ชคันใหญ่ ที่จอดรอพร้อมรับพวกเราอยู่ด้านหน้าของสนามบิน แถมมีไกด์สาวท้องถิ่นชาวรัสเซียนั่งเป็นเพื่อนไปกับเราด้วย เดี๋ยวนี้มันเป็นกฎการท่องเที่ยวของเกือบจะทุกประเทศ ที่บังคับให้เราต้องจ้างไกด์ท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ เป็นไกด์นำเที่ยวไปด้วย เป็นนโยบายการสร้างงานสร้างเงินให้กับคนของประเทศเหล่านั้นครับ รถโค้ชพาเราออกเดินทางไปได้ประมาณ เกือบหนึ่งชั่วโมง เพื่อไปยังจุดชมวิวของกรุงมอสโกซึ่งเป็นสถานที่แรกที่เราจะได้ไปชมกันในวันนี้
ระหว่างรถวิ่งอยู่นั้น ไกด์ก็เล่าให้เราฟังเกี่ยวกับประเทศรัสเซียว่า รัสเซีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหพันธรัฐรัสเซีย (Russian Federation) เป็นประเทศในยูเรเชียเหนือ เป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประมาณ 10 ล้านตารางกิโลเมตร ชายแดนติดทั้งทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป รัสเซียยังเป็นชาติมีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 9 ของโลก โดยมีประชากร 143 ล้านคน ฟังดูแล้วเหมือนว่าประเทศนี้มันจะใหญ่ไปไหนเนี่ย!! ผมก็ฟังไกด์เล่าไปเพลิน ๆ แบบกึ่งหลับกึ่งตื่น เพราะเป็นวันแรกที่พึ่งมาถึง ยังมีความเพลีย และความเมื่อยล้าแอบแฝงอยู่ในทุกอนุของร่างกาย แต่แล้ว!!!......เสียงของไกด์ก็เงียบลง พร้อมกับเสียของรถโค้ช อืม...นะ เดาออกหรือเปล่าว่าอะไรเกิดขึ้น ติ๊กต๊อก ๆ ใช่แล้ว รถเสียย..ยยยยย โอ้.พระเจ้า จอร์จมันยอดมาก!!! ผมคิดในใจ สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอแม้ยามเราไปเที่ยว
เรารออยู่นาน สองนาน 1 ชม. ก็แล้ว 2 ชม. ก็แล้ว รถโค้ชคันใหม่ยังไม่ยอมมารับ อากาศเย็นขึ้นตามเวลาที่ล่วงเลยไป พวกเราบนรถมองหน้ากันไปมา แล้วก็เลยตัดสินใจว่าไหน ๆ ก็ ไหน ๆ ละ ลงไปเดินเล่นดีกว่า พอดีบริเวณนั้นมีปั๊มน้ำมันอยู่พอดี และในปั๊มก็มี Minimart เล็ก ๆ อยู่ พวกเราก็เลยลงไปรุมซื้อของกันที่นั่นอย่างเมามัน มันก็แปลกนะทำไมเวลาไปเมืองนอกเมืองนาต้องไปเดินดูของที่ Minimart ด้วย คุณก็เป็นเหมือนกันใช่ไหม? 555 สำหรับผมอยากเข้าไปดูว่าคนที่ประเทศนี้เขากินอะไร ดื่มอะไรกันมากกว่า ถ้าดูแล้วมันน่าลองกินก็จะซื้อเลย ก็มาถึงแล้วนิ จริงปะ
หลังจากผ่านมาเกือบ 3 ชม. สิ่งที่เรารอคอยก็มาถึง แต่มันมาถึงเมื่อสายไปแล้วครับ เพราะโปรแกรมวันนี้ของเราผิดพลาดไปหมด อย่าว่าแต่ไปชมสถานที่เที่ยวเลย ไปร้านอาหารตอนมื้อเย็นยังไม่ทันเลยจร้า แต่ทุกคนก็พยายามแก้ปัญหานะ รถพาเรามาส่งที่โรงแรม แต่กว่าจะมาถึงโรงแรมก็ปาเข้าไปจะสามทุ่มละ ระหว่างรอเช็คอิน ก็มีคนมาแจกข้าวกล่องให้กับพวกเรา..... ฟังไม่ผิดครับ.... ข้าวกล่อง แต่เป็นข้าวกล่องแบบมีกับข้าวด้วย อืม..ก็ยังดี สรุปว่าคืนนี้เราไม่ได้ไปเที่ยวไหนนอกจากปั๊มน้ำมัน หุ หุ แต่ก็เป็นอะไรที่สนุกไปอีกแบบ พวกเราแยกย้ายกันไปนอน เพื่อเตรียมพร้อมไปเที่ยวสำหรับวันพรุ่งนี้ ก่อนนอนเอาภาพนี้มาให้ดู จะได้ฝันดี

ภาพปั๊มน้ำมัน... ที่พวกเราได้เข้าไปเที่ยวชมอยู่หลายรอบกว่ารถจะมารับ 555
ราตรีสวัสดิ์ หรือ Good Night++ เจอกันพรุ่งนี้ ง่วงแล้วขอตัวครับ Yes คืนนี้ไม่ต้องนอนในปั๊มแล้ว..ววววว
Cr. Journey..เจอนั่น By ดช.จุ่น
ติดตามบทความ
Go SYDNEY มีดีกว่าที่คิด!!...ตอนที่ 1 By ดช.จุ่น
https://pantip.com/topic/39286867
หลังม่านเหล็ก..... ดินแดนที่ต้องค้นหา? ตอนที่ 1 By ดช.จุ่น
O.k. วันนี้ ดช.จุ่น จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวยังอีกทวีปหนึ่งของโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ มันเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ในตัวของมันเอง มีเรื่องราว มีความลึกลับมากมายให้เราค้นหา สถานที่ด้านประวัติศาสตร์ ผมกำลังพูดถึงประเทศรัสเซีย ซึ่งเดิมคือ สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต และเคยได้รับฉายาว่า ดินแดนหลังม่านเหล็ก มาก่อน เพื่อน ๆ เคยสงสัยไหมว่า คำว่าดินแดงหลังม่านเหล็กมันคืออะไร?
ผมมีเกร็ดความรู้เพิ่มเติมก่อนเราจะไปเที่ยวมาฝาก คำว่า ม่านเหล็ก หรือ Iron Curtain เป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งทางอุดมการณ์และพรมแดนเชิงกายภาพที่แบ่งทวีปยุโรปออกเป็นสองพื้นที่ นับแต่สงครามโลกครั้งที่สองยุติในปี 2488 ถึงสงครามเย็นสิ้นสุดในปี 2534 สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตตั้งม่านเหล็กขึ้นเพื่อปิดกั้นตนเอง และดำเนินนโยบายที่จะไม่คบค้าสมาคมกับประเทศใดๆ ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับตน ภายหลังเมื่อ ธันวาคม 2534 สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตก็ล่มสลายไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลก และถือเป็นการยุติสงครามเย็นอย่างเป็นทางการโดยประเทศที่เคยรวมกันอยู่ในนามของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตนั้น ก็ได้รับเอกราชในการปกครองตนเอง และแตกออกเป็นประเทศต่าง ๆ มากมายในปัจจุบัน
จำได้ว่าเดินทางไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต่อฤดูร้อน ราว ๆ เดือนพฤษภาคม เราเตรียมเสื้อผ้าไว้สำหรับใช้ในที่ที่มีอากาศไม่หนาวมากนัก เสื้อลองจน..ลองจอน ไม่ต้องใช้ เพราะว่าอากาศที่นั่น ประมาณ 10 – 20 องศาเท่านั้นเอง ไม่ค่อยหนาวสักเท่าไหร่ เดินเที่ยวสบาย ๆ ครับ เราเดินทางช่วงบ่าย ๆ ของประเทศไทย และไปถึงประเทศรัสเซีย ก็ช่วงบ่ายเช่นกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 กว่า ชม. เพราะเราต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศเวียดนาม แล้วค่อยต่อไปยังประเทศรัสเซีย ก็นั่ง ๆ นอน ๆ บนเครื่องไปเพลิน ๆ ครับ แป๊บเดียวเราก็มาถึงประเทศรัสเซียแล้วครับ (เมื่อยมาก จร้า )
เมื่อลงจากเครื่องบินที่สนามบินของกรุงมอสโก ก้าวแรกที่เข้ามาภายในสนามบิน ผมก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศของประเทศที่ปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ เพราะบรรยากาศมันดูเงียบ และเคร่งขรึม ที่สำคัญคือเขาห้ามถ่ายรูปไม่ว่าที่ใดภายในตัวสนามบินเด็ดขาด (ใครจะไปรู้ล่ะ) และที่รู้เพราะว่าผมก็ไปถ่ายมาเหมือนกัน ก็ตามประสาของนักท่องเที่ยวไปถึงเราก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก จริงไหม แต่ขอโทษ ไม่ได้รูปกับมาบ้านนะครับ เพราะว่าเมื่อเสียงชัตเตอร์ดับลงปุ๊บ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเดินเข้ามาหาเราปั๊บ แล้วบทสนทนาก็บังเกิดขึ้น...
เจ้าหน้าที่ตำรวจสาว : เธอก็เริ่มส่งภาษารัสเซีย ให้เราฟังว่า “ &#@$%!#*&^^**** ”
ผม : ผมก็ทำหน้างง ๆ แต่ก็ตอบไปว่า Can u speak English? (คือแบบว่ากูฟังไม่รู้เรื่อง ..555.)
เจ้าหน้าที่ตำรวจสาว : แล้วเธอก็ส่งภาษาอังกฤษกลับมา แปลใจความได้ว่า “กรุณาลบรูปที่คุณถ่ายเมื่อตะกี้ออกด้วย Please” แน่ !! มีพูดขอร้องด้วย.. แต่หน้าเธอไม่อ่อนน้อม เหมือนคำที่เธอพูดเลย หุ หุ
ผม : ผมก็ได้แต่ตอบว่า Yes!! พร้อมพยักหน้าหงิก ๆ (ในใจคิดก็จะให้กูทำอย่างไงล่ะ นอกจากพยักหน้า) แล้วผมก็รีบลบรูปออกจากกล้องทันที แถมยังต้องโชว์กล้องให้เธอดูด้วยว่าลบรูปไปแล้วจริ๊ง จริง เรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด 555
และที่สำคัญก็คือ ทำไมไกด์ดันเจือก (เป็นคำไม่สุภาพ)ไม่บอกเราก่อน จะได้ไม่ต้องเจอเรื่องตื่นเต้นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอกครับ เรามาเที่ยวสนุก ๆ อย่าคิดมาก หลังจากนั้นพวกเราก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอย่างราบรื่น เข้าประเทศรัสเซียแบบชิล ๆ ตอนนั้นก็เป็นช่วงบ่าย ๆ ของที่รัสเซียแล้ว เมื่อเราเดินออกมาข้างนอกสนามบิน ลมหน้ายามบ่ายก็พัดมาปะทะใบหน้าของพวกเรา ทุกคนก็ต่างหยิบเสื้อแจ็คเก็ตขึ้นมาสวมเพื่อกันลมหนาว แล้วเราเดินตรงไปที่รถโค้ชคันใหญ่ ที่จอดรอพร้อมรับพวกเราอยู่ด้านหน้าของสนามบิน แถมมีไกด์สาวท้องถิ่นชาวรัสเซียนั่งเป็นเพื่อนไปกับเราด้วย เดี๋ยวนี้มันเป็นกฎการท่องเที่ยวของเกือบจะทุกประเทศ ที่บังคับให้เราต้องจ้างไกด์ท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ เป็นไกด์นำเที่ยวไปด้วย เป็นนโยบายการสร้างงานสร้างเงินให้กับคนของประเทศเหล่านั้นครับ รถโค้ชพาเราออกเดินทางไปได้ประมาณ เกือบหนึ่งชั่วโมง เพื่อไปยังจุดชมวิวของกรุงมอสโกซึ่งเป็นสถานที่แรกที่เราจะได้ไปชมกันในวันนี้
ระหว่างรถวิ่งอยู่นั้น ไกด์ก็เล่าให้เราฟังเกี่ยวกับประเทศรัสเซียว่า รัสเซีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหพันธรัฐรัสเซีย (Russian Federation) เป็นประเทศในยูเรเชียเหนือ เป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประมาณ 10 ล้านตารางกิโลเมตร ชายแดนติดทั้งทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป รัสเซียยังเป็นชาติมีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 9 ของโลก โดยมีประชากร 143 ล้านคน ฟังดูแล้วเหมือนว่าประเทศนี้มันจะใหญ่ไปไหนเนี่ย!! ผมก็ฟังไกด์เล่าไปเพลิน ๆ แบบกึ่งหลับกึ่งตื่น เพราะเป็นวันแรกที่พึ่งมาถึง ยังมีความเพลีย และความเมื่อยล้าแอบแฝงอยู่ในทุกอนุของร่างกาย แต่แล้ว!!!......เสียงของไกด์ก็เงียบลง พร้อมกับเสียของรถโค้ช อืม...นะ เดาออกหรือเปล่าว่าอะไรเกิดขึ้น ติ๊กต๊อก ๆ ใช่แล้ว รถเสียย..ยยยยย โอ้.พระเจ้า จอร์จมันยอดมาก!!! ผมคิดในใจ สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอแม้ยามเราไปเที่ยว
เรารออยู่นาน สองนาน 1 ชม. ก็แล้ว 2 ชม. ก็แล้ว รถโค้ชคันใหม่ยังไม่ยอมมารับ อากาศเย็นขึ้นตามเวลาที่ล่วงเลยไป พวกเราบนรถมองหน้ากันไปมา แล้วก็เลยตัดสินใจว่าไหน ๆ ก็ ไหน ๆ ละ ลงไปเดินเล่นดีกว่า พอดีบริเวณนั้นมีปั๊มน้ำมันอยู่พอดี และในปั๊มก็มี Minimart เล็ก ๆ อยู่ พวกเราก็เลยลงไปรุมซื้อของกันที่นั่นอย่างเมามัน มันก็แปลกนะทำไมเวลาไปเมืองนอกเมืองนาต้องไปเดินดูของที่ Minimart ด้วย คุณก็เป็นเหมือนกันใช่ไหม? 555 สำหรับผมอยากเข้าไปดูว่าคนที่ประเทศนี้เขากินอะไร ดื่มอะไรกันมากกว่า ถ้าดูแล้วมันน่าลองกินก็จะซื้อเลย ก็มาถึงแล้วนิ จริงปะ
หลังจากผ่านมาเกือบ 3 ชม. สิ่งที่เรารอคอยก็มาถึง แต่มันมาถึงเมื่อสายไปแล้วครับ เพราะโปรแกรมวันนี้ของเราผิดพลาดไปหมด อย่าว่าแต่ไปชมสถานที่เที่ยวเลย ไปร้านอาหารตอนมื้อเย็นยังไม่ทันเลยจร้า แต่ทุกคนก็พยายามแก้ปัญหานะ รถพาเรามาส่งที่โรงแรม แต่กว่าจะมาถึงโรงแรมก็ปาเข้าไปจะสามทุ่มละ ระหว่างรอเช็คอิน ก็มีคนมาแจกข้าวกล่องให้กับพวกเรา..... ฟังไม่ผิดครับ.... ข้าวกล่อง แต่เป็นข้าวกล่องแบบมีกับข้าวด้วย อืม..ก็ยังดี สรุปว่าคืนนี้เราไม่ได้ไปเที่ยวไหนนอกจากปั๊มน้ำมัน หุ หุ แต่ก็เป็นอะไรที่สนุกไปอีกแบบ พวกเราแยกย้ายกันไปนอน เพื่อเตรียมพร้อมไปเที่ยวสำหรับวันพรุ่งนี้ ก่อนนอนเอาภาพนี้มาให้ดู จะได้ฝันดี
ภาพปั๊มน้ำมัน... ที่พวกเราได้เข้าไปเที่ยวชมอยู่หลายรอบกว่ารถจะมารับ 555
ราตรีสวัสดิ์ หรือ Good Night++ เจอกันพรุ่งนี้ ง่วงแล้วขอตัวครับ Yes คืนนี้ไม่ต้องนอนในปั๊มแล้ว..ววววว
Cr. Journey..เจอนั่น By ดช.จุ่น
ติดตามบทความ
Go SYDNEY มีดีกว่าที่คิด!!...ตอนที่ 1 By ดช.จุ่น https://pantip.com/topic/39286867