สรุปคร่าวๆจากในคลิปคือ เธอขอให้คนเขียนสคริปต์ของเอ็มเน็ตเอาเธอออกในรอบแรก เพราะจากสิ่งที่เธอเจอ เธอรู้สึกว่าเหมือนเป็นตัวประกอบให้รายการ ตอนแรกที่มาร่วมรายการ เพราะคิดว่ามันคือเรียลลิตี้ ก็ต้องเรียล น่าจะฟีลสารคดี แต่มาเจอคือเป็นรายการเซอร์ไววัลโหวตคนออกเพื่อเดบิ้วต์ และเธอได้อ้างอิงกับสิ่งที่แฮอินเขียนไปในไอจีก่อนหน้านี้
เรื่องแรกโทรศัพท์ โทรศัพท์นางถูกยึด และทำให้เธอถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ก่อนถ่ายทำเพื่อนๆและครอบครัวก็ถามว่า จะติดต่อได้ไหมระหว่างที่ถ่ายทำอยู่ เธอก็ว่าได้ดิ เพราะเขาบอกว่าได้ พอไปถ่ายทำ โทรศัพท์ถูกเอาไปใส่ถุงซิปล็อก แล้วไม่ได้เห็นโทรศัพท์ของเธออีกเลยในสองเดือน
เรื่องต่อมา เรื่องไดเอท ผู้เข้าแข่งขันบางคนจะชอบซื้อช็อกโกแลตแท่ง และขนมเข้าไปโดยซ่อนไว้ในเสื้อใน ตอนแรกก็ไม่ตรวจกระเป๋าหรืออะไร แต่พอผู้จัดการรู้ ก็จะมาตรวจร่างกายของผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งเธอมองว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และถ้าพนักงานจาก CJ คิดว่าผู้เข้าแข่งขันอ้วนขึ้น ก็จะเริ่มชั่งน้ำหนักทุกอาทิตย์ ขึ้นมาแค่โลเดียว ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นจะต้องกินอาหารเพียงชิ้นเดียวในแต่ละมื้อ ลดได้ ค่อยเอาเงินไปซื้อของที่อยากกินในเมือง
โดยตัวของเธอขึ้นมาแค่โลเดียวจาก 47 เป็น 48 ถูกสั่งให้กินแค่เฟรนซ์ฟรายชิ้นเดียว และเนื้อชิ้นเดียว ซึ่งตอนนั้นก็มีผู้เข้าแข่งขันอีกคนที่สูงพอๆกันกับเธอ แต่น้ำหนักมากกว่า สามารถลดไปแค่โลเดียว ก็ได้ไปกินสิ่งที่อยากกิน
ในการสัมภาษณ์แต่ละครั้ง เธอรู้สึกว่าอันตราย ซึ่งเวลาในการสัมภาษณ์ของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะใช้ไป 1-2ชั่วโมง บางทีก็ปาไป 5ชั่วโมง ซึ่งคนเขียนสคริปต์พยายามจะทำให้ผู้เข้าแข่งขันพูดในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
เธอจำได้ว่าตอนเธอออก คนเขียนสคริปต์มาถามว่ารู้สึกยังไงที่ถูกคัดออก เธอก็ตอบไปว่า "ดีใจจริงๆเลยคร้า" แล้วคนเขียนสคริปต์จะบอกว่า เธอทำเขาผิดหวังตลอด ซึ่งเธอคิดว่า เธอแค่ตรงไปตรงมา
เรื่องถัดมา รายการนี้ก็แค่ละคร เธอเล่าว่ามีครั้งนึง ที่ต้องมองไปที่จอเปล่า แล้วแสดงรีแอคชั่นออกมา หรือตอนคุยกับครู แต่ไม่มีครูตรงนั้น เธอรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย เมื่อรายการนี้จั่วหัวมาว่านี่คือรายการเรียลลิตี้ และได้เทียบว่ารายการนี้เป็นการสะท้อนสิ่งที่หดหู่ในโลกของสื่อ
เรื่องสัญญา พวกเขาได้ขอให้เธอเซ็นสัญญา โดยบอกว่ามีแผนจะทำกรุ๊ป B ของคนที่ไม่ได้เดบิ้วท์ เธอปฏิเสธ และทางรายการได้เสนอมาอีกตอนเธอโดนคัดออกไปแล้ว โดยบอกว่า ถ้าไม่สนใจจะเป็นไอดอล ก็สามารถไปแสดงได้เหมือนกัน และเธอก็ปฏิเสธไปอีกรอบ
และในตอนที่เธอไปขอออกรายการ ได้ถามคนเขียนสคริปต์ว่า ทำไมเธอต้องยิ้ม หรือแสดงรีแอคชั่นกับการร้อง การเต้นของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ทั้งที่ไม่อยากทำ โดยได้รับคำตอบกลับมาว่า คนดูอาจชอบที่เห็นเธอยิ้มในกล้องก็ได้นะ นั้นเลยทำให้เธออยากออกจากรายการ และพอกับวงการไอดอล และได้ขอบคุณแฮอิน ที่ออกมาเริ่มพูดถึงเรื่องนี้
เจสสิก้า ลี อีกหนึ่งผู้เข้าแข่งขัน Idol School ออกมาพูดถึงสิ่งที่ไม่ยุติธรรมที่เจอ
เรื่องแรกโทรศัพท์ โทรศัพท์นางถูกยึด และทำให้เธอถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ก่อนถ่ายทำเพื่อนๆและครอบครัวก็ถามว่า จะติดต่อได้ไหมระหว่างที่ถ่ายทำอยู่ เธอก็ว่าได้ดิ เพราะเขาบอกว่าได้ พอไปถ่ายทำ โทรศัพท์ถูกเอาไปใส่ถุงซิปล็อก แล้วไม่ได้เห็นโทรศัพท์ของเธออีกเลยในสองเดือน
เรื่องต่อมา เรื่องไดเอท ผู้เข้าแข่งขันบางคนจะชอบซื้อช็อกโกแลตแท่ง และขนมเข้าไปโดยซ่อนไว้ในเสื้อใน ตอนแรกก็ไม่ตรวจกระเป๋าหรืออะไร แต่พอผู้จัดการรู้ ก็จะมาตรวจร่างกายของผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งเธอมองว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และถ้าพนักงานจาก CJ คิดว่าผู้เข้าแข่งขันอ้วนขึ้น ก็จะเริ่มชั่งน้ำหนักทุกอาทิตย์ ขึ้นมาแค่โลเดียว ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นจะต้องกินอาหารเพียงชิ้นเดียวในแต่ละมื้อ ลดได้ ค่อยเอาเงินไปซื้อของที่อยากกินในเมือง
โดยตัวของเธอขึ้นมาแค่โลเดียวจาก 47 เป็น 48 ถูกสั่งให้กินแค่เฟรนซ์ฟรายชิ้นเดียว และเนื้อชิ้นเดียว ซึ่งตอนนั้นก็มีผู้เข้าแข่งขันอีกคนที่สูงพอๆกันกับเธอ แต่น้ำหนักมากกว่า สามารถลดไปแค่โลเดียว ก็ได้ไปกินสิ่งที่อยากกิน
ในการสัมภาษณ์แต่ละครั้ง เธอรู้สึกว่าอันตราย ซึ่งเวลาในการสัมภาษณ์ของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะใช้ไป 1-2ชั่วโมง บางทีก็ปาไป 5ชั่วโมง ซึ่งคนเขียนสคริปต์พยายามจะทำให้ผู้เข้าแข่งขันพูดในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
เธอจำได้ว่าตอนเธอออก คนเขียนสคริปต์มาถามว่ารู้สึกยังไงที่ถูกคัดออก เธอก็ตอบไปว่า "ดีใจจริงๆเลยคร้า" แล้วคนเขียนสคริปต์จะบอกว่า เธอทำเขาผิดหวังตลอด ซึ่งเธอคิดว่า เธอแค่ตรงไปตรงมา
เรื่องถัดมา รายการนี้ก็แค่ละคร เธอเล่าว่ามีครั้งนึง ที่ต้องมองไปที่จอเปล่า แล้วแสดงรีแอคชั่นออกมา หรือตอนคุยกับครู แต่ไม่มีครูตรงนั้น เธอรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย เมื่อรายการนี้จั่วหัวมาว่านี่คือรายการเรียลลิตี้ และได้เทียบว่ารายการนี้เป็นการสะท้อนสิ่งที่หดหู่ในโลกของสื่อ
เรื่องสัญญา พวกเขาได้ขอให้เธอเซ็นสัญญา โดยบอกว่ามีแผนจะทำกรุ๊ป B ของคนที่ไม่ได้เดบิ้วท์ เธอปฏิเสธ และทางรายการได้เสนอมาอีกตอนเธอโดนคัดออกไปแล้ว โดยบอกว่า ถ้าไม่สนใจจะเป็นไอดอล ก็สามารถไปแสดงได้เหมือนกัน และเธอก็ปฏิเสธไปอีกรอบ
และในตอนที่เธอไปขอออกรายการ ได้ถามคนเขียนสคริปต์ว่า ทำไมเธอต้องยิ้ม หรือแสดงรีแอคชั่นกับการร้อง การเต้นของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ทั้งที่ไม่อยากทำ โดยได้รับคำตอบกลับมาว่า คนดูอาจชอบที่เห็นเธอยิ้มในกล้องก็ได้นะ นั้นเลยทำให้เธออยากออกจากรายการ และพอกับวงการไอดอล และได้ขอบคุณแฮอิน ที่ออกมาเริ่มพูดถึงเรื่องนี้