ขอแชร์ประสปการณ์ เป็นอีสุกอีใส ระหว่างตั้งครรภ์ให้คุณแม่ๆฟังกันครับ
เนื่องจากภรรยาผม ตอนตั้งครรภ์ได้ 7สัปดาห์
เกิดเป็นอีสุกอีใสขึ้นมา
โดยได้ไปตรวจครรภ์ตอน 6 สัปดาห์ที่รพ.ชื่อดัง แถวเซ็นฯพระราม2 (ช่วงต้นปี 19) ทางคุณหมอได้ฉีดยากันแท้งให้เข็มนึง (เนื่องด้วยท้องที่แล้วประมาณ ครึ่งปีที่แล้ว เด็กในท้องโครโมโซมผิดปกติ ทำให้มีแต่ถุงน้ำ แต่เด็กหลุดไปแล้ว ต้องทำการขูดมดลูก)
หลังจากนั้นในวันถัดมาภรรยามีไข้และตัวร้อน และอีกวันเริ่มมีตุ่มขึ้นที่หน้า ในใจทีแรกคิดว่าเป็นสิว เพราะขึ้นที่กลางหน้าผาก แต่ในวันถัดมา พบว่ามีตุ่มน้ำขึ้นในร่มผ้าจำนวนมาก จึงได้ไปที่รพ. เดิม พยาบาลแจ้งว่าเป็นอีสุกอีใส และได้เจาะเลือดไปส่งตรวจ (จะได้ผลเลือดประมาณ 2สัปดาห์ถัดไป)
พอถึงวันนัดพบแพทย์สูติในสัปดาห์ต่อมา ทางแพทย์ได้พูดว่า มีความเสี่ยงต่อเด็กในครรภ์สูงมากมาก แนะนำให้ไปเอาเด็กออก โดยแนะนำคลีนิคทำแท้งแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท ตอนนั้นแฟนผมเสียใจมาก
ก็ลองถามทางคุณหมอไปว่า เคยเจอคนท้องมีอาการนี้มาฝากครรภ์ต่อบ้างไหม คำตอบที่คุณหมอให้ คือ ผมก็แนะนำไปแบบนี้ ก็ไม่เคยเห็นมีใครกลับมาฝากครรภ์กับหมอต่อนะ ..
และวันต่อมา ได้มาปรึกษาหมออีกครั้ง ที่รพ.รามา ทางหมอแนะนำให้เก็บเด็กไว้ โดยความเสี่ยงที่เด็กจะไม่รอดมีประมาณ 1-2% ส่วนที่จะพิการ (ขา,แขน,สมอง,ตา อื่นๆ) ก็มีความเสี่ยง แต่ไม่สามารถบอกเป็น % ได้ โดยในการที่หมอจะสั่งให้ยุติการตั้งครรภ์ ต้องเป็นความเสี่ยงแรกเท่านั้น คือเด็กไม่รอด คือตอนนั้นภรรยากับผมเครียดกันมาก ไม่รู้จะเอายังไงต่อเลยดี
เลยไปรพ. ที่สาม แถวๆย่านวงเวียนใหญ่
คุณหมอได้แนะนำดีมาก โดยให้มาตรวจและติดตามอาการเรื่อยๆ ไม่แนะนำให้เอาเด็กออก และวันนั้นได้ทำการอัลตราซาวด์ ได้ยินเสียงหัวใจเด็กเต้นปกติดี ในใจของผมและภรรยาเห็นว่าเค้ายังมีชีวิต (ท้องที่แล้วไม่พบหัวใจน้อง) ก็รู้สึกทำใจไม่ได้แล้ว ถ้าต้องเอาเค้าออกไป
จากนั้นก็พาภรรยาไปฝากครรภ์ตามหมอนัด ทั้งสองที่ คือ รพ.รามา กับ รพ.ย่านวงเวียนใหญ่ ได้ตรวจ NIPT ที่รามา ผลออกมาพบว่าไม่มีโครโมโซมที่ผิดปกติ และได้ทำ MFM ที่อีกรพ. ก็พบว่าน้องมีร่างกายและอวัยวะปกติดี
ตอนนี้น้องได้ผ่าคลอดมาแล้ว ตอน 39w น้ำหนัก 30xx kg สุขภาพแข็งแรงดี ที่รพ.ย่านวงเวียนใหญ่ (ที่ไม่เลือกรามา เพราะเดินทาง+หาที่จอดลำบาก)
จึงอยากขอแชร์ประสปการณ์ ที่เกือบทำให้เราเสียน้องไป และขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่เผชิญ เรื่องราวคล้ายๆเรา ว่าอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรเร็วไป ควรปรึกษาทางผู้เชี่ยวชาญหลายที่ก่อนดีกว่า
แชร์ประสปการณ์ เป็นอีสุกอีไส ตอนตั้งครรภ์ ไตรมาสแรก
เนื่องจากภรรยาผม ตอนตั้งครรภ์ได้ 7สัปดาห์
เกิดเป็นอีสุกอีใสขึ้นมา
โดยได้ไปตรวจครรภ์ตอน 6 สัปดาห์ที่รพ.ชื่อดัง แถวเซ็นฯพระราม2 (ช่วงต้นปี 19) ทางคุณหมอได้ฉีดยากันแท้งให้เข็มนึง (เนื่องด้วยท้องที่แล้วประมาณ ครึ่งปีที่แล้ว เด็กในท้องโครโมโซมผิดปกติ ทำให้มีแต่ถุงน้ำ แต่เด็กหลุดไปแล้ว ต้องทำการขูดมดลูก)
หลังจากนั้นในวันถัดมาภรรยามีไข้และตัวร้อน และอีกวันเริ่มมีตุ่มขึ้นที่หน้า ในใจทีแรกคิดว่าเป็นสิว เพราะขึ้นที่กลางหน้าผาก แต่ในวันถัดมา พบว่ามีตุ่มน้ำขึ้นในร่มผ้าจำนวนมาก จึงได้ไปที่รพ. เดิม พยาบาลแจ้งว่าเป็นอีสุกอีใส และได้เจาะเลือดไปส่งตรวจ (จะได้ผลเลือดประมาณ 2สัปดาห์ถัดไป)
พอถึงวันนัดพบแพทย์สูติในสัปดาห์ต่อมา ทางแพทย์ได้พูดว่า มีความเสี่ยงต่อเด็กในครรภ์สูงมากมาก แนะนำให้ไปเอาเด็กออก โดยแนะนำคลีนิคทำแท้งแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท ตอนนั้นแฟนผมเสียใจมาก
ก็ลองถามทางคุณหมอไปว่า เคยเจอคนท้องมีอาการนี้มาฝากครรภ์ต่อบ้างไหม คำตอบที่คุณหมอให้ คือ ผมก็แนะนำไปแบบนี้ ก็ไม่เคยเห็นมีใครกลับมาฝากครรภ์กับหมอต่อนะ ..
และวันต่อมา ได้มาปรึกษาหมออีกครั้ง ที่รพ.รามา ทางหมอแนะนำให้เก็บเด็กไว้ โดยความเสี่ยงที่เด็กจะไม่รอดมีประมาณ 1-2% ส่วนที่จะพิการ (ขา,แขน,สมอง,ตา อื่นๆ) ก็มีความเสี่ยง แต่ไม่สามารถบอกเป็น % ได้ โดยในการที่หมอจะสั่งให้ยุติการตั้งครรภ์ ต้องเป็นความเสี่ยงแรกเท่านั้น คือเด็กไม่รอด คือตอนนั้นภรรยากับผมเครียดกันมาก ไม่รู้จะเอายังไงต่อเลยดี
เลยไปรพ. ที่สาม แถวๆย่านวงเวียนใหญ่
คุณหมอได้แนะนำดีมาก โดยให้มาตรวจและติดตามอาการเรื่อยๆ ไม่แนะนำให้เอาเด็กออก และวันนั้นได้ทำการอัลตราซาวด์ ได้ยินเสียงหัวใจเด็กเต้นปกติดี ในใจของผมและภรรยาเห็นว่าเค้ายังมีชีวิต (ท้องที่แล้วไม่พบหัวใจน้อง) ก็รู้สึกทำใจไม่ได้แล้ว ถ้าต้องเอาเค้าออกไป
จากนั้นก็พาภรรยาไปฝากครรภ์ตามหมอนัด ทั้งสองที่ คือ รพ.รามา กับ รพ.ย่านวงเวียนใหญ่ ได้ตรวจ NIPT ที่รามา ผลออกมาพบว่าไม่มีโครโมโซมที่ผิดปกติ และได้ทำ MFM ที่อีกรพ. ก็พบว่าน้องมีร่างกายและอวัยวะปกติดี
ตอนนี้น้องได้ผ่าคลอดมาแล้ว ตอน 39w น้ำหนัก 30xx kg สุขภาพแข็งแรงดี ที่รพ.ย่านวงเวียนใหญ่ (ที่ไม่เลือกรามา เพราะเดินทาง+หาที่จอดลำบาก)
จึงอยากขอแชร์ประสปการณ์ ที่เกือบทำให้เราเสียน้องไป และขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่เผชิญ เรื่องราวคล้ายๆเรา ว่าอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรเร็วไป ควรปรึกษาทางผู้เชี่ยวชาญหลายที่ก่อนดีกว่า