มาต่อบันทึกการเดินทางของผมกันน่ะครับ
ความเดิม
เราเดินทางจากเอกมัย เวลา 5.00 น. ขึ้นเรือเฟอรี่ รอบ 10.45 น. มาถึงที่รีสอร์ท เกือบเที่ยง
ขอย้อนกล่าวถึง ผู้หญิงสองคนที่ร่วมเดินทางมากับเรา สองคนนั้นเค้าดูเป็นมากกว่าเพื่อน ซึ่งผมรู้สึกดีน่ะ เค้าแสดงออกกันอย่างสนุกสนาน ถึงแม้จะนั่งแยกกันคนละฝั่งของเบาะรถสองแถว ต่างจากผม ผมเก็บความรู้สึกเหว่หว้า ใจไว้ลึก ๆ ผมยังยิ้ม ชวนคุย ถ่ายรูป
ตอนอยู่บนเรือ อยู่เค้าพูดถึง ผู้หญิงสองคนนั้นว่า "มันไม่ต้องสงสัยหรอกว่าเรา มาในสถานะกัน .... ก็เหมือนพวก นั่นแหละ" ....... สถานะ.. ?? อะไรหว่ะ ทำไมมาพูดให้ผมสับสน อีกแล้ว
ตอน เล่นน้ำตอนเย็น วันที่ 1 ตุลาคม
การพักผ่อนหลังจากทานข้าวกลางวัน ก็เป็นไปตามอัธยาศัย ของแต่ละคน
เค้านอน............ ส่วนผม เลือกไปนอนที่เปล เปิดพัดลม ชิว บรรยายกาศรอบ ๆ เป็นสวน ออกจะร้อนนิดนึง แต่ก็ไม่ได้มากมาย เมื่อเทียบกับที่บ้านแล้ว ผมพกเอานิยาย เรื่อง Dark blue kiss มาอ่าน อย่างฟินนนนนน
เวลาล่วงเลยมา 16.30 น. ผมก็ไม่กล้าปลุก เลยมาจนถึงเกือบ 5 โมงเย็น เค้าก็ยังไม่มีทีท่า จะตื่นเลย ... ตอนนั้น ผมแค่คิดว่า เออ ปล่อยให้เค้านอนไป ผมไม่รู้ว่า ก่อนหน้านี้ เค้าเจออะไรมาบ้าง เค้าอาจจะเหนื่อยมาก ๆ ผมจึงปล่อยให้เค้านอนต่อไป แต่ใจนี่อยากไปปลุกมากเลย นอนอ่านนิยายต่อไป
ห้าโมงนิด ๆ ได้ยินเสียง กดน้ำในห้องน้ำ "Yeah.... ตื่น แล้วโว๊ย ลุ้นว่าจะไป ยอมไปทะเลมั๊ย"
เค้าถามว่า ทำไมไม่ปลุก และชวนไปทะเล กัน
แดดร่ม ลมตก แสงแดดอ่อนลง อากาศที่ไม่ร้อนมาก น้ำทะเลใส ๆ

น้ำทะเลที่นี่ใสมาก ๆ คลื่นทะเลก็ม้วนแบบบางเบา
เอาจริง ๆ นี่เป็นการลงเล่นน้ำทะเล อีกครั้ง (ไม่รวมดำน้ำที่เกาะช้าง) ในรอบ 30 กว่าปี เห็นจะได้ ผมโคตรมีความสุขเลย
เราต่างเล่นน้ำ กันอยู่ คนละมุม ไม่ใกล้กันเลย บางทีผมก็แอบคิดตั้งถามในเชิงลบเล็ก ๆ แต่มันก็จะมีคำปลอบใจเบา "ช่างเถอะ... ห่างกันก็ดีแล้วนี่ เราจะได้ไม่เพ้อไปไกล" ผมถ่ายรูปจนเย็น ดวงอาทิตย์ที่นี่ เวลาเย็น เป็นสีเหลืองทอง สำหรับผม วันนี้เป็นวันได้อยู่ด้วยกัน ผมมีความสุขน่ะ
หลังอาหารเย็น เราต่างคนต่างนอน
ตอน วันที่ 2 ต.ค. 62
"ตื่นเถอะ..... เจ็ดโมง กว่าแล้ว" ผมตัดสินใจ เอาใจกล้า ลองปลุกสักครั้ง
แต่ก็เงียบ พร้อมเสียงเบาๆ " แปดโมง ค่อยกินข้าว"
กว่าจะได้ออกไปกินข้าว กินข้าวเสร้จ กลับมาห้อง อาบน้ำ
โทร. หา ลุงที่จะให้เช่า รถมอไซด์
ที่เกาะกูด ดีอยู่อย่าง คือ ไม่ว่าคุณจะรวยมาก ๆ มีรถหรู ที่นี่ คุณก็ต้องมาใช้ได้แค่ มอไซด์ อย่างเท่าเทียมกัน เพราะเค้าไม่ให้เอารถยนต์มาที่เกาะนี้ เนื่องจากดูถนนล่ะ มันไม่ได้ขว้างมาก ทางก็เป็นเนิน เดียวขึ้น เดียวลง โค้งซ้าย โค้งขวา การใช้มอไซด์ที่นี่ จึงสะดวกสุด
ราคาใช้เช่า มอไซด์ ถ้าของรีสอร์ท คิดวันละ 400 บาท ข้างนอก 200-300 บาท แล้วแต่สภาพรถ ส่วนน้ำมันเติมเอง อย่าเติมเต็มน่ะ เติมทีละลิตร สองลิตรก็พอเที่ยวทั้งวันล่ะ
สำหรับเรา วันแรก เช่า 200 บาท สภาพก็ ท่อดังอย่างกับเครื่องปั่นไฟ
เราออกจาก รีสอร์ท ไป "น้ำตกคลองเจ้า"
เมื่อไปถึง เราต้องจอดรถไว้ ลานด้านบน เดินลงไปอีก ทางลงไปสภาพดินแบบทางบ้าน ๆ ข้างทางไปป่า เรามีหมานำทางเป็นไกด์เจ้าตูบ มันจะบอกให้เรารู้ว่า เราควรไปทางไหน ขอจงเชื่อมัน

นอกจากเราสองแล้ว เรามีเพื่อนร่วมเดินทาง ที่มาถึงพร้อมกันอีก 4 คน เป็น ผู้ชาย 3 คน และ ผู้หญิง อีก 1 คน
พอมาถึงมันมีเชือก ให้ไต่ไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวน้ำตก ทั้ง 4 คน ไต่เชือก ไปที่ตัวน้ำตก และเค้า ก็ไต่ตามไป ทิ้งผมไว้ ยืนดู.......... ผมก็ปลอบใจตัวเองว่า ผมตามไปไม่ได้ ผมว่ายน้ำไม่เป็น แต่ผมก็อายว่าตัวเองโดนทิ้ง เลยตะโกนถามความลึก ได้คำตอบว่ามิดหัว ผมจึงไม่กล้า ไต่เชือกตามเค้าไปแล้วน่ะ
ผมจึงมองไปทางขวา ก้มลงไปคุยกะหมาว่า "พี่อยากไปหาเค้า ทางโน้นอ่ะ ว่ายน้ำไม่เป็น ด้านข้าง ๆ มันพอไปได้มั๊ย พอพี่ไปหน่อยสิ น่ะ คนดี" ลูบหัวมัน
เออ หลังจากนั้น มันมีปฏิกิริยาโต้ตอบ มันเดินนำผม เดินเลาะไปด้านข้าง ตามโขดหิน ลำบากนิดหน่อย แต่ไปถึงน้ำตกได้
พอผมไปถึง ผมก็ถ่ายรูป เค้าเล่นไป สลับกันถ่าย ผมบ้าง เค้าบ้าง เข้าไปยืนใต้น้ำตก โคตรกลัวเลย กลัวน้ำมันพลัดผมลงไป ตายแน่ๆ แต่ก็เอาหว่ะ มาถึงนี้ละ ถอดเสื้อ เพราะ....กลัวเสื้อเปียก (???? ตรรกะ ประหลาดของผม) ได้ยินผู้ชายคนนึง ถามขึ้นมาว่า "ผมช่วยถ่ายรูปคู่ ให้มั๊ย" สำหรับผม มันคือเสียงสวรรค์ แต่สำหรับเค้า "ไม่ต้องครับ.... รูปคู่มีเยอะแล้ว" มีตอนไหนหว่ะ ???? ผมมองผู้ชายคนนั้นแบบขอบคุณมากน่ะที่เข้าใจผม หลังจากทีม 4 คนนั้น ว่ายออกไปแล้ว เค้าพูดว่า "แมร่ง กวนตีน" ผมคิดว่า ถ้าไม่อยากถ่ายรูปด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องด่าเค้า แต่พูดออกไปว่า "เหรอ"
น้ำตกคลองเจ้า ขนาดของน้ำตกกำลังพอดี สวยงาม ในน้ำมีปลามาตอดด้วย ผมนั่งของผมอยุ่ดีๆ "นั่งไกล ๆ ปลามันไม่มาตอดผม" อ่าวผมมานั่งก่อนอยู่แล้วป่ะหว่ะ บอกตรงเริ่มหงุดหงิด แต่เก็บไว้ ลืมๆ ไป
เราเล่นอยู่น้ำตก จนเที่ยง หิวข้าว เลยกลับมากินข้าวที่ รีสอร์ท และ เค้าก็นอน ส่วนผม ก็ ไปนอนอ่านนิยายพี่ เปล
เวลาสัก 16.30 น. เราออกจากรีสอร์ท เดินทางไป หาดคลองเจ้า หาดนี้ ทรายละเอียดสีขาว ทอดยาว จากซ้ายไปขวา เป็นหาดที่สวยงามมาก มีรีสอร์ท สวยๆ ตั้งอยู่มากมาก

เราเล่นกันอยู่ที่นี่จนอาทิตย์ ลับหายไปจากขอบฟ้า ผมมีความสุข กับความสวยงามของทะเล หาดคลองเจ้า มาก ผมได้ละจากดินแดนนึงที่ผมจากมาไกล ดินแดนที่ตัวผมต้องอยู่ แบบไร้วิญญาณ แต่ที่นี่นอกจากหาดทราย ทะเล ท้องฟ้า ที่สวยงาม ผมก็ยังมีร่างของเค้า อยู่ใกล้ ผมมีความสุข
เค้ากำลังเลือกรูปภาพ เพื่อเอาลงในพื้นที่ส่วนตัวของเค้า เป็นรูปที่เราถ่ายคู่กัน ปี 2016 ที่เราไปเกาะช้างด้วยกัน และ 2019 ที่เรามาเกาะกูดด้วยกัน ผมโคตรดีใจเลย แต่หลังคัดรูปและแต่งมันเสร็จ เค้าก็ไม่ยอมเอาลง เค้าบอกว่า ง่วง เดี่ยวค่อยเอาลง
หลังจากวันนั้น เค้าก็ไม่ลง มาอีกทีวันที่กลับมาจากเกาะกูดแล้ว ลงในกลุ่มไลน์ แปปนึง แล้วก็ลบออก
การถ่ายรูปคู่กัน มันต้องยากขนาดนี้เหรอ.....
ตอน วันที่ 3 ตุลาคม 2562
เค้าตื่นมา ถามผมว่า อยากไปไหนบ้างวันนี้
หลังจากที่เมื่อคืน ผมนั่งค้น google ผมก็ได้เลือกไว้ และเค้าบอกว่า จะพาไป ...... ในความเย็นชา ของเค้า ยังมีความใจดี อยู่เสมอ
อ่าวพร้าว
เป็นหาดที่เงียบมาก มีหมู่บ้าน ตั้งอยู่ทางปลายคลอง ก่อนคลองจะไหลลงทะเล ทางเข้าไป ก็ดูเหมือนจะมีเจ้าของไปซะหมด เลยหวั่น ๆ ไม่แน่ใจว่า จะเข้าไปได้มั๊ย แต่ด้วยความกล้าของเค้า พาผมดั้นด้น ไปจนได้

นับนักท่องเที่ยว ตรงนี้ถ้าไม่รวมผมก็เค้า ก็เห็นจะมีอยู่ 4 คนเท่านั้น น่ะจุดนี้ และเค้าก็ลงทะเล ไปเป็ยนายแบบให้ผมได้ลั่นกล้อง แดดตอน 10 โมง กว่า นี่มันร้อนจริง ๆ น้ำทะเลใสมาก ไม่แพ้ที่หาดคลองเจ้าเลย แต่ด้วยมีรีสอร์ท น้อย นักท่องเที่ยว เลยไม่ค่อยมี เหมาะมากกับการพักผ่อนแบบ นอนกินลม และแดด อ่านนิยาย คงจบหลายเรื่องล่ะ
อ่าวใหญ่
เป็นจุดที่สองที่เราไป เป็นอ่าวของหมู่บ้านชาวประมง ที่นี่ เห็นเค้าบอกว่า เป็นแหล่งประมงที่สำคัญมาก หมู่บ้านจะสร้างอยู่ในทะเลเลย มีสะพานปลา มีฝูงปลาเสือเต็มเลย

ที่นี่ มีเรือ ประมง ที่เค้าตั้งใจ จม ให้มันที่อยู่ของปลาด้วย มันสร้างบรรยากาศ ทำให้ที่นี่มีของแปลกตาสำหรับผมมาก

ก่อนไปกินข้าวเที่ยง เราแวะทีอีกหาดนึง
หาดคลองหิน
จากแยกถนน ตรงเข้ามาอีก เป็นพื้นที่ส่วนตัวของชาวบ้าน จึงไม่มีทางเข้าที่ชัดเจน อาศัยความกล้าหาญเลยทีเดียว
หาดนี้มีศาลเจ้าแม่คลองหิน เราพากันไปเคารพท่าน ที่หาดนี้ ไม่มีใครมาเลย เป็นหาดที่มีหินทอดยาวจาก เหนือไป ใต้กั้นระหว่างระดับลึกและตื้น

ผมขอให้เค้า พาผมมาที่นี่อีกครั้ง ช่วงเย็น คิดว่าจะโดนด่า
"อืม... ได้ แต่ตอนนี้ไปกินข้าวก่อน จะบ่ายสองล่ะ"
น้ำตกห้วงน้ำเขียว
หลังจากกินข้าวเสร็จ เค้าก็ถามว่า อยากไปไหนมั๊ย ผมก็บอกว่าอยากไปน้ำตกห้วงน้ำเขียว แต่ในรีวิวเค้าบอกว่า มันไกลมาก ทางไปก็ลำบากอยู่ ตกลงเค้าจะพาไป ก็ใจดีแบบนี้ตลอด เลยใจอ่อนทุกที
และไกลจริง จอดรถเดินเข้าไปใช้เวลา เกือบ 20 นาที และพบว่า เราหลงทาง เมื่อเราขับมาตั้งต้นใหม่ตรงทางแยกถึงเห็นป้ายน้อย ๆ ทางไปน้ำตก ฯ
เป็นทางเดียวกะไปดูไทรยักษ์ และตอนนี้รู้สึกร่างกายมีอะไรผิดปกติ ก้มลงไปดู เฮ๊ยยย ทากดูดเลือด ทำไงอ่ะ แน่นอนเค้าไม่มีอาการสนใจเป็นห่วงเลย ผมเอามือปัดมันหลุด มีนี้เลือดก็ไหลเป็นลิ่ม ๆ ไม่หยุด แต่ไม่มาก เลยทำเป็นไม่สนใจมัน แวะดูไทรยักษ์ ต้องเดินเข้าไปอีก เป็นทึบ ถึงจะมีทางเดินแต่ ก็ดูน่ากลัวอยู่ดี
พอมาถึงจุดต้นไม้ยักษ์ อีกต้น จุดนี้มองเห็นต้นไม้เลย และสุดทางคอนกรีต เป็นทางดิน น่าจะลื่นมาก เอามอไซด์ไปน่าจะอันตราย เลยลงเดิน เพื่อไปน้ำตก ระหว่างทางเสียงฟ้าร้อง และฝนตกพรำ ๆ เค้าเดินนำหน้าผม ไปไกลมาก จริง ๆ เราไม่เคยเดินข้าง ๆ กันเลย ผมตะโกนเรียกเค้าตลอด ใช้เวลา 30 นาที จนมาถึงป้ายน้ำตก และต้องเดินลงไปอีก ทางลงเทขั้นพื้นปูน มีราวเชือกจับตลอดทาง น้ำตกเล็กกว่าน้ำตกคลองเจ้า แต่ก็มีเสน่ห์ เราถ่ายรูปและพักหายเหนื่อย ก็เดินทางกลับ เพื่อไปหาดคลองหินให้ทันก่อนมืด
หาดคลองหินอีกครั้ง ก่อนมืด
ที่นี้เป็นแสงอาทิตย์ เย็นสุดท้าย ของทริปเรา
ผมมีความสุขมากกับการที่ได้ร่วมทริปกับเค้าอีกครั้ง
เอาจริงตั้งแต่แรกที่ชวน ผมไม่ไว้ใจเลยว่า ทริปนี้จะมีจริง เพราะที่ผ่านมา เค้าแทบจะไม่สนใจมาตามนัดเลย และผมเป็นฝ่ายรอเสมอ ครั้งนี้ผมต้องลุ้นว่าเค้าจะมารึป่าว จะทิ้งผมรึป่าวตลอดเวลา จนกระทั่งเราขึ้นรถไปด้วยกัน
ผมมีความคิด ความรู้สึกที่ไม่ตรงกันกับเค้า ผมอยากจะตัดความคิด ความรู้สึกของผมเองออกไป ให้มีพื้นที่ว่างของเราเหมือนเดิม การลบรูปภาพจากมือถือ บางทีมันก็อาจเป็นวิธีที่บ้า และเด็กมาก ๆ แต่ผมคิดได้เท่านี้ (มันถูกเก็บใน PC แทน)
แต่ผมยังมีบันทึกนี้ วันนึงผมก็อยากให้เค้ารู้ ที่เกาะกูด การเดินทางรวม 5 วัน ผมมีความสุขที่สุด
ขอบคุณน่ะ
คิดถึง.....เกาะกูด 365 วัน มี 5 วัน ที่เป็นของเรา (จบ)
ความเดิม
เราเดินทางจากเอกมัย เวลา 5.00 น. ขึ้นเรือเฟอรี่ รอบ 10.45 น. มาถึงที่รีสอร์ท เกือบเที่ยง
ขอย้อนกล่าวถึง ผู้หญิงสองคนที่ร่วมเดินทางมากับเรา สองคนนั้นเค้าดูเป็นมากกว่าเพื่อน ซึ่งผมรู้สึกดีน่ะ เค้าแสดงออกกันอย่างสนุกสนาน ถึงแม้จะนั่งแยกกันคนละฝั่งของเบาะรถสองแถว ต่างจากผม ผมเก็บความรู้สึกเหว่หว้า ใจไว้ลึก ๆ ผมยังยิ้ม ชวนคุย ถ่ายรูป
ตอนอยู่บนเรือ อยู่เค้าพูดถึง ผู้หญิงสองคนนั้นว่า "มันไม่ต้องสงสัยหรอกว่าเรา มาในสถานะกัน .... ก็เหมือนพวก นั่นแหละ" ....... สถานะ.. ?? อะไรหว่ะ ทำไมมาพูดให้ผมสับสน อีกแล้ว
ตอน เล่นน้ำตอนเย็น วันที่ 1 ตุลาคม
การพักผ่อนหลังจากทานข้าวกลางวัน ก็เป็นไปตามอัธยาศัย ของแต่ละคน
เค้านอน............ ส่วนผม เลือกไปนอนที่เปล เปิดพัดลม ชิว บรรยายกาศรอบ ๆ เป็นสวน ออกจะร้อนนิดนึง แต่ก็ไม่ได้มากมาย เมื่อเทียบกับที่บ้านแล้ว ผมพกเอานิยาย เรื่อง Dark blue kiss มาอ่าน อย่างฟินนนนนน
เวลาล่วงเลยมา 16.30 น. ผมก็ไม่กล้าปลุก เลยมาจนถึงเกือบ 5 โมงเย็น เค้าก็ยังไม่มีทีท่า จะตื่นเลย ... ตอนนั้น ผมแค่คิดว่า เออ ปล่อยให้เค้านอนไป ผมไม่รู้ว่า ก่อนหน้านี้ เค้าเจออะไรมาบ้าง เค้าอาจจะเหนื่อยมาก ๆ ผมจึงปล่อยให้เค้านอนต่อไป แต่ใจนี่อยากไปปลุกมากเลย นอนอ่านนิยายต่อไป
ห้าโมงนิด ๆ ได้ยินเสียง กดน้ำในห้องน้ำ "Yeah.... ตื่น แล้วโว๊ย ลุ้นว่าจะไป ยอมไปทะเลมั๊ย"
เค้าถามว่า ทำไมไม่ปลุก และชวนไปทะเล กัน
แดดร่ม ลมตก แสงแดดอ่อนลง อากาศที่ไม่ร้อนมาก น้ำทะเลใส ๆ
น้ำทะเลที่นี่ใสมาก ๆ คลื่นทะเลก็ม้วนแบบบางเบา
เอาจริง ๆ นี่เป็นการลงเล่นน้ำทะเล อีกครั้ง (ไม่รวมดำน้ำที่เกาะช้าง) ในรอบ 30 กว่าปี เห็นจะได้ ผมโคตรมีความสุขเลย
เราต่างเล่นน้ำ กันอยู่ คนละมุม ไม่ใกล้กันเลย บางทีผมก็แอบคิดตั้งถามในเชิงลบเล็ก ๆ แต่มันก็จะมีคำปลอบใจเบา "ช่างเถอะ... ห่างกันก็ดีแล้วนี่ เราจะได้ไม่เพ้อไปไกล" ผมถ่ายรูปจนเย็น ดวงอาทิตย์ที่นี่ เวลาเย็น เป็นสีเหลืองทอง สำหรับผม วันนี้เป็นวันได้อยู่ด้วยกัน ผมมีความสุขน่ะ
หลังอาหารเย็น เราต่างคนต่างนอน
ตอน วันที่ 2 ต.ค. 62
"ตื่นเถอะ..... เจ็ดโมง กว่าแล้ว" ผมตัดสินใจ เอาใจกล้า ลองปลุกสักครั้ง
แต่ก็เงียบ พร้อมเสียงเบาๆ " แปดโมง ค่อยกินข้าว"
กว่าจะได้ออกไปกินข้าว กินข้าวเสร้จ กลับมาห้อง อาบน้ำ
โทร. หา ลุงที่จะให้เช่า รถมอไซด์
ที่เกาะกูด ดีอยู่อย่าง คือ ไม่ว่าคุณจะรวยมาก ๆ มีรถหรู ที่นี่ คุณก็ต้องมาใช้ได้แค่ มอไซด์ อย่างเท่าเทียมกัน เพราะเค้าไม่ให้เอารถยนต์มาที่เกาะนี้ เนื่องจากดูถนนล่ะ มันไม่ได้ขว้างมาก ทางก็เป็นเนิน เดียวขึ้น เดียวลง โค้งซ้าย โค้งขวา การใช้มอไซด์ที่นี่ จึงสะดวกสุด
ราคาใช้เช่า มอไซด์ ถ้าของรีสอร์ท คิดวันละ 400 บาท ข้างนอก 200-300 บาท แล้วแต่สภาพรถ ส่วนน้ำมันเติมเอง อย่าเติมเต็มน่ะ เติมทีละลิตร สองลิตรก็พอเที่ยวทั้งวันล่ะ
สำหรับเรา วันแรก เช่า 200 บาท สภาพก็ ท่อดังอย่างกับเครื่องปั่นไฟ
เราออกจาก รีสอร์ท ไป "น้ำตกคลองเจ้า"
เมื่อไปถึง เราต้องจอดรถไว้ ลานด้านบน เดินลงไปอีก ทางลงไปสภาพดินแบบทางบ้าน ๆ ข้างทางไปป่า เรามีหมานำทางเป็นไกด์เจ้าตูบ มันจะบอกให้เรารู้ว่า เราควรไปทางไหน ขอจงเชื่อมัน
นอกจากเราสองแล้ว เรามีเพื่อนร่วมเดินทาง ที่มาถึงพร้อมกันอีก 4 คน เป็น ผู้ชาย 3 คน และ ผู้หญิง อีก 1 คน
พอมาถึงมันมีเชือก ให้ไต่ไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวน้ำตก ทั้ง 4 คน ไต่เชือก ไปที่ตัวน้ำตก และเค้า ก็ไต่ตามไป ทิ้งผมไว้ ยืนดู.......... ผมก็ปลอบใจตัวเองว่า ผมตามไปไม่ได้ ผมว่ายน้ำไม่เป็น แต่ผมก็อายว่าตัวเองโดนทิ้ง เลยตะโกนถามความลึก ได้คำตอบว่ามิดหัว ผมจึงไม่กล้า ไต่เชือกตามเค้าไปแล้วน่ะ
ผมจึงมองไปทางขวา ก้มลงไปคุยกะหมาว่า "พี่อยากไปหาเค้า ทางโน้นอ่ะ ว่ายน้ำไม่เป็น ด้านข้าง ๆ มันพอไปได้มั๊ย พอพี่ไปหน่อยสิ น่ะ คนดี" ลูบหัวมัน
เออ หลังจากนั้น มันมีปฏิกิริยาโต้ตอบ มันเดินนำผม เดินเลาะไปด้านข้าง ตามโขดหิน ลำบากนิดหน่อย แต่ไปถึงน้ำตกได้
พอผมไปถึง ผมก็ถ่ายรูป เค้าเล่นไป สลับกันถ่าย ผมบ้าง เค้าบ้าง เข้าไปยืนใต้น้ำตก โคตรกลัวเลย กลัวน้ำมันพลัดผมลงไป ตายแน่ๆ แต่ก็เอาหว่ะ มาถึงนี้ละ ถอดเสื้อ เพราะ....กลัวเสื้อเปียก (???? ตรรกะ ประหลาดของผม) ได้ยินผู้ชายคนนึง ถามขึ้นมาว่า "ผมช่วยถ่ายรูปคู่ ให้มั๊ย" สำหรับผม มันคือเสียงสวรรค์ แต่สำหรับเค้า "ไม่ต้องครับ.... รูปคู่มีเยอะแล้ว" มีตอนไหนหว่ะ ???? ผมมองผู้ชายคนนั้นแบบขอบคุณมากน่ะที่เข้าใจผม หลังจากทีม 4 คนนั้น ว่ายออกไปแล้ว เค้าพูดว่า "แมร่ง กวนตีน" ผมคิดว่า ถ้าไม่อยากถ่ายรูปด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องด่าเค้า แต่พูดออกไปว่า "เหรอ"
น้ำตกคลองเจ้า ขนาดของน้ำตกกำลังพอดี สวยงาม ในน้ำมีปลามาตอดด้วย ผมนั่งของผมอยุ่ดีๆ "นั่งไกล ๆ ปลามันไม่มาตอดผม" อ่าวผมมานั่งก่อนอยู่แล้วป่ะหว่ะ บอกตรงเริ่มหงุดหงิด แต่เก็บไว้ ลืมๆ ไป
เราเล่นอยู่น้ำตก จนเที่ยง หิวข้าว เลยกลับมากินข้าวที่ รีสอร์ท และ เค้าก็นอน ส่วนผม ก็ ไปนอนอ่านนิยายพี่ เปล
เวลาสัก 16.30 น. เราออกจากรีสอร์ท เดินทางไป หาดคลองเจ้า หาดนี้ ทรายละเอียดสีขาว ทอดยาว จากซ้ายไปขวา เป็นหาดที่สวยงามมาก มีรีสอร์ท สวยๆ ตั้งอยู่มากมาก
เราเล่นกันอยู่ที่นี่จนอาทิตย์ ลับหายไปจากขอบฟ้า ผมมีความสุข กับความสวยงามของทะเล หาดคลองเจ้า มาก ผมได้ละจากดินแดนนึงที่ผมจากมาไกล ดินแดนที่ตัวผมต้องอยู่ แบบไร้วิญญาณ แต่ที่นี่นอกจากหาดทราย ทะเล ท้องฟ้า ที่สวยงาม ผมก็ยังมีร่างของเค้า อยู่ใกล้ ผมมีความสุข
เค้ากำลังเลือกรูปภาพ เพื่อเอาลงในพื้นที่ส่วนตัวของเค้า เป็นรูปที่เราถ่ายคู่กัน ปี 2016 ที่เราไปเกาะช้างด้วยกัน และ 2019 ที่เรามาเกาะกูดด้วยกัน ผมโคตรดีใจเลย แต่หลังคัดรูปและแต่งมันเสร็จ เค้าก็ไม่ยอมเอาลง เค้าบอกว่า ง่วง เดี่ยวค่อยเอาลง
หลังจากวันนั้น เค้าก็ไม่ลง มาอีกทีวันที่กลับมาจากเกาะกูดแล้ว ลงในกลุ่มไลน์ แปปนึง แล้วก็ลบออก
การถ่ายรูปคู่กัน มันต้องยากขนาดนี้เหรอ.....
ตอน วันที่ 3 ตุลาคม 2562
เค้าตื่นมา ถามผมว่า อยากไปไหนบ้างวันนี้
หลังจากที่เมื่อคืน ผมนั่งค้น google ผมก็ได้เลือกไว้ และเค้าบอกว่า จะพาไป ...... ในความเย็นชา ของเค้า ยังมีความใจดี อยู่เสมอ
อ่าวพร้าว
เป็นหาดที่เงียบมาก มีหมู่บ้าน ตั้งอยู่ทางปลายคลอง ก่อนคลองจะไหลลงทะเล ทางเข้าไป ก็ดูเหมือนจะมีเจ้าของไปซะหมด เลยหวั่น ๆ ไม่แน่ใจว่า จะเข้าไปได้มั๊ย แต่ด้วยความกล้าของเค้า พาผมดั้นด้น ไปจนได้
นับนักท่องเที่ยว ตรงนี้ถ้าไม่รวมผมก็เค้า ก็เห็นจะมีอยู่ 4 คนเท่านั้น น่ะจุดนี้ และเค้าก็ลงทะเล ไปเป็ยนายแบบให้ผมได้ลั่นกล้อง แดดตอน 10 โมง กว่า นี่มันร้อนจริง ๆ น้ำทะเลใสมาก ไม่แพ้ที่หาดคลองเจ้าเลย แต่ด้วยมีรีสอร์ท น้อย นักท่องเที่ยว เลยไม่ค่อยมี เหมาะมากกับการพักผ่อนแบบ นอนกินลม และแดด อ่านนิยาย คงจบหลายเรื่องล่ะ
อ่าวใหญ่
เป็นจุดที่สองที่เราไป เป็นอ่าวของหมู่บ้านชาวประมง ที่นี่ เห็นเค้าบอกว่า เป็นแหล่งประมงที่สำคัญมาก หมู่บ้านจะสร้างอยู่ในทะเลเลย มีสะพานปลา มีฝูงปลาเสือเต็มเลย
ที่นี่ มีเรือ ประมง ที่เค้าตั้งใจ จม ให้มันที่อยู่ของปลาด้วย มันสร้างบรรยากาศ ทำให้ที่นี่มีของแปลกตาสำหรับผมมาก
ก่อนไปกินข้าวเที่ยง เราแวะทีอีกหาดนึง
หาดคลองหิน
จากแยกถนน ตรงเข้ามาอีก เป็นพื้นที่ส่วนตัวของชาวบ้าน จึงไม่มีทางเข้าที่ชัดเจน อาศัยความกล้าหาญเลยทีเดียว
หาดนี้มีศาลเจ้าแม่คลองหิน เราพากันไปเคารพท่าน ที่หาดนี้ ไม่มีใครมาเลย เป็นหาดที่มีหินทอดยาวจาก เหนือไป ใต้กั้นระหว่างระดับลึกและตื้น
ผมขอให้เค้า พาผมมาที่นี่อีกครั้ง ช่วงเย็น คิดว่าจะโดนด่า
"อืม... ได้ แต่ตอนนี้ไปกินข้าวก่อน จะบ่ายสองล่ะ"
น้ำตกห้วงน้ำเขียว
หลังจากกินข้าวเสร็จ เค้าก็ถามว่า อยากไปไหนมั๊ย ผมก็บอกว่าอยากไปน้ำตกห้วงน้ำเขียว แต่ในรีวิวเค้าบอกว่า มันไกลมาก ทางไปก็ลำบากอยู่ ตกลงเค้าจะพาไป ก็ใจดีแบบนี้ตลอด เลยใจอ่อนทุกที
และไกลจริง จอดรถเดินเข้าไปใช้เวลา เกือบ 20 นาที และพบว่า เราหลงทาง เมื่อเราขับมาตั้งต้นใหม่ตรงทางแยกถึงเห็นป้ายน้อย ๆ ทางไปน้ำตก ฯ
เป็นทางเดียวกะไปดูไทรยักษ์ และตอนนี้รู้สึกร่างกายมีอะไรผิดปกติ ก้มลงไปดู เฮ๊ยยย ทากดูดเลือด ทำไงอ่ะ แน่นอนเค้าไม่มีอาการสนใจเป็นห่วงเลย ผมเอามือปัดมันหลุด มีนี้เลือดก็ไหลเป็นลิ่ม ๆ ไม่หยุด แต่ไม่มาก เลยทำเป็นไม่สนใจมัน แวะดูไทรยักษ์ ต้องเดินเข้าไปอีก เป็นทึบ ถึงจะมีทางเดินแต่ ก็ดูน่ากลัวอยู่ดี
พอมาถึงจุดต้นไม้ยักษ์ อีกต้น จุดนี้มองเห็นต้นไม้เลย และสุดทางคอนกรีต เป็นทางดิน น่าจะลื่นมาก เอามอไซด์ไปน่าจะอันตราย เลยลงเดิน เพื่อไปน้ำตก ระหว่างทางเสียงฟ้าร้อง และฝนตกพรำ ๆ เค้าเดินนำหน้าผม ไปไกลมาก จริง ๆ เราไม่เคยเดินข้าง ๆ กันเลย ผมตะโกนเรียกเค้าตลอด ใช้เวลา 30 นาที จนมาถึงป้ายน้ำตก และต้องเดินลงไปอีก ทางลงเทขั้นพื้นปูน มีราวเชือกจับตลอดทาง น้ำตกเล็กกว่าน้ำตกคลองเจ้า แต่ก็มีเสน่ห์ เราถ่ายรูปและพักหายเหนื่อย ก็เดินทางกลับ เพื่อไปหาดคลองหินให้ทันก่อนมืด
หาดคลองหินอีกครั้ง ก่อนมืด
ที่นี้เป็นแสงอาทิตย์ เย็นสุดท้าย ของทริปเรา
ผมมีความสุขมากกับการที่ได้ร่วมทริปกับเค้าอีกครั้ง
เอาจริงตั้งแต่แรกที่ชวน ผมไม่ไว้ใจเลยว่า ทริปนี้จะมีจริง เพราะที่ผ่านมา เค้าแทบจะไม่สนใจมาตามนัดเลย และผมเป็นฝ่ายรอเสมอ ครั้งนี้ผมต้องลุ้นว่าเค้าจะมารึป่าว จะทิ้งผมรึป่าวตลอดเวลา จนกระทั่งเราขึ้นรถไปด้วยกัน
ผมมีความคิด ความรู้สึกที่ไม่ตรงกันกับเค้า ผมอยากจะตัดความคิด ความรู้สึกของผมเองออกไป ให้มีพื้นที่ว่างของเราเหมือนเดิม การลบรูปภาพจากมือถือ บางทีมันก็อาจเป็นวิธีที่บ้า และเด็กมาก ๆ แต่ผมคิดได้เท่านี้ (มันถูกเก็บใน PC แทน)
แต่ผมยังมีบันทึกนี้ วันนึงผมก็อยากให้เค้ารู้ ที่เกาะกูด การเดินทางรวม 5 วัน ผมมีความสุขที่สุด
ขอบคุณน่ะ