ความยุติธรรมน่าจะหาได้ยาก เพราะขึ้นศาลก็ต้องใช้ทนายใช้เงิน

กระทู้คำถาม
พูดในฐานคนไม่ได้ใช้เงินกู้นะ เซ็นต์ด้วยความไม่รู้กฏหมายดีพอเพียงครั้งเดียว ต้องไม่มีทรัพย์ตลอดชีวิตเลยหรือต้องการถามสังคม

ความยุติธรรมน่าจะหาได้ยาก เพราะขึ้นศาลก็ต้องใช้ทนายใช้เงิน ไม่สามารถ ไปพูดเองตอบเองกับศาลไม่ได้เอง
เพราะวันนั้นเราก็ไปขึ้นศาลเราก็ส่งเอกสารกระดาษให้เผื่อได้ความเห็นใจบ้างก็ไม่แทบไม่มีผลอะไรเลยศาลไม่รู้เขาอ่านหรือเปล่าก็ไม่รู้

อยุธยาหรือกรุงรัตนโกสินคงไม่สิ้นคนดี คงมีผู้รู้ซักเมตตาตอบให้ได้ ถามผู้รู้ กลัวกับเข้ามาอ่านไม่เจอตอบผ่านwicha30@gmail.com  จะลองถามดูเผื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้าง(ถ้าคำถามไม่เป็นไม่ว่ากันนะ) 1ทรัพย์ต้นของลูกหนี้คือน้องชายถูกยึดบ้านแล้วกรมบังคับคีดขายทอดตลาดอยู่แต่ยังขายไม่ได้ในช่วงตั้งแต่บังคับคีดถึงขายนี้อยู่อำนาจได้10ปีไช่ไหมหรือมากกว่าจนกว่าจะขายได้ 2ยังขายทรัพย์ไม่ได้ดอกเบี้ยโหดเต็มที่ของเจ้าหน้นายทุนหรือธนาคารยังไม่หยุดไช่ไหม 3สมมุติหลังจากที่เขาทรัพย์แรกได้เงินไม่พอ ทรัพย์สองของเราผู้กู้ร่วมอายัดไว้นำมาทอดตลาดได้อีกมีระยะเวลาให้เขาอีก10ปีไช่ไหมดอกเบี้ยเต็มที่28%เขาหยุดหรือยัง 4ถ้าขายรวม2ที่แล้วไม่พอเพราะดอกเบี้ยมันมากถ้ายังไม่พออีกมันฟ้องเอาทรัพย์อื่นๆได้อีกหรือเปล่าเช่นอายัดบัญชีเงินฝากธนาคาร,เงินเดือนถ้ามี(ตอนนั้นอายัดของเราๆขอเขา700000บาทได้ไหมที่แรกว่าจะให้แต่หัวหน้าไม่ให้มากกว่านี้ก็ไม่มีคงเป็นไปตามกรรม ไปศาลเราก็ไปร่วมมือทุกอย่างเพราะ(เป็นหนี้ร่วมก็ต้องใช้เราเข้าใจแต่ต้องยุติธรรมด้วย)เพราะตอนไปเซ็นต์คนใน100ต้องมีซักคนที่ไม่รู้ว่าน่ากลัวหลังจากไปเซ็นต์เป็นผู้กู้ร่วมหรือผู้ค้ำประกัน และก็ไม่ได้ประโยชน์จากทรัพย์ถ้าลูกหนี้1ผ่อนสำเร็จเพราะทางธนาคารหรือนายทุนเขามีทนายติดตัวเขาอยู่แล้วมองอนาคตไว้แล้วแต่ถ้าวันนั้นเรามีทนายติดบ้างวันนั้นเราจะเซ็นต์ไหม

เราเป็นลูกหนี้กู้ร่วม นั้นจึงเอาความรู้ต่างๆมาลงไว้ให้ จะระวังป้องกัน 

ความคิดเห็นที่ 3(อันนี้เอาความรู้คนอื่นมาให้อ่านด้วย)  
ขั้นตอนคือ  ถ้าคุณพ่อหยุดผ่อนเมื่อไหร่  ดอกเบี้ยจะกลายเป็น 18% ทันทีค่ะ  หลังจากนั้น
ธนาคารก็จะฟ้องศาล  ถ้าศาลตัดสินว่าให้จ่ายหนี้และดอกเบี้ย  แล้วคุณพ่อไม่มีเงินจ่าย  ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนบังคับคดี
คือกรมบังคับคดี  จะเอาบ้านนี้ออกประมูล  ได้เงินเท่าไหร่ก็จ่ายแบงค์ไป   ถ้าจ่ายไม่พอ  เขาก็จะตามยึดทรัพย์สินอื่นๆ
ถ้าไม่มีทรัพย์  เขาก็ไปยึดทรัพย์คนค้ำแทน  (ถ้ามี)
ถ้าไม่มีทรัพย์สินให้ยึดอีก  เขาก็จะฟ้องล้มละลายผู้กู้และผู้กู้ร่วม  รวมทั้งคนค้ำ (ถ้ามี)  ดังนั้นการปล่อยไม่ใช่การแก้ปัญหา
อย่าคิดว่ามันจบง่ายๆ  ควรจะรีบขายบ้านให้เร็วที่สุด  ขายถูกๆ ก็ต้องขาย  แล้วเอาเงินไปชำระหนี้ธนาคารเสีย  ให้เหลือ
หนี้น้อยที่สุด  แล้วเจรจาผ่อนหนี้ที่เหลือกับแบงค์  จะง่ายขึ้นถ้าหนี้เหลือไม่มาก
ผลกระทบกับคุณก็ดังที่บอก  ถ้ามีทรัพย์เขาก็ยึด  ถ้าไม่มีให้เขายึด  เขาก็ฟ้องล้มละลาย  ต่อไปก็กู้ไม่ได้ไปอีกนาน
รีบบอกคุณพ่อคุณแม่ให้ขายบ้าน  ชำระหนี้ด่วน
ตอบกลับ
  Kadomatsu  
28 มิถุนายน 2558 เวลา 21:28 น.

ผมวิชาขอขอบคุณkadomatsu แนะนำได้ชัดเจนดีมาก ผมขอต่อให้เป็นความรู้ ไว้ว่ากม.มันเขียนไว้ให้คนรวย คนจนไม่สิทธิสู้ได้เพราะไม่มีหมดอายุความ
ดังตัวอย่างการกู้ร่วม แทบจะไม่ได้ประโยชน์จากการกู้ร่วมเพราะไม่รู้แต่แรกและจำเป็นเซ็นต์ช่วยญาติแต่ก็ไม่ได้ประโยน์จากทรัพย์เลยแต่สุดท้ายกว่าจะรู้ก็โดนใช้หนี้เต็มๆช่างไม่ยุดติธรรมเลย
ของผมไปกู้ร่วมให้น้องชายเพื่อให้ผ่าน โดนฟ้องยึดบ้านน้องชาย10ปีครบก็ยังไม่ขายหลังแรก แต่มาอายัดหลังเรานี้ก็จะใกล้20ปีแล้ว มันคงรอให้ดอกเบี้ยมากแล้วยังไม่ทราบเลยว่านายทุนมันจะเอาอะไรกับคนอย่างเราอีก เป็นความรู้ไว้กว่าเข้าใจก็ได้จำเป็นบทเรียนอย่าไปต้องเซ็นต์กู้ร่วมไว้กับใครแล้วเหมือนหนังก็ไม่รองนั่งแถมเอากระดูกแขวนคอ 

ขอบันทึกมาเก็บไว้เป็นความรู้ตรงนี้ด้วย
8. ถ้าเราไม่มีทรัพย์สินให้ยึดเลย?
ถ้าเราไม่มีทรัพย์สินให้ยึดหรืออายัดเลย เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็จะไม่มีอะไรให้ยึด หรืออายัดได้ ดังนั้น ก็จะได้แค่คำพิพากษาเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าไม่มีทรัพย์สินเหลือแล้วเราจะรอดตัวนะคะ เพราะถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้เริ่มกระบวนการบังคับคดีไม่ว่าวันใดแล้วก็ตามภายใน 10 ปีนับตั้งแต่วันมีคำพิพากษา และต่อมาลูกหนี้ได้ทรัพย์สินใดๆ มาในอนาคต หรือได้งานเริ่มมีเงินเดือนขึ้นมาไม่ว่าจะก่อน หรือหลัง 10 ปีนั้น (ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหนี้ (โจทก์ตามคำพิพากษา) ที่จะต้องสืบทรัพย์หรือสืบข้อเท็จจริงพวกนี้เองว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินใหม่ หรือได้เงินเดือนแล้ว) เจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะสามารถยึดทรัพย์ หรืออายัดเงินเดือนเหล่านั้นได้เสมอ เพราะกระบวนการบังคับคดีเริ่มนับหนึ่งแล้วภายในกำหนดเวลา 10 ปีที่กฎหมายกำหนด ส่วนวิธีการบังคับคดีต่อจากนั้น แม้จะพ้นเวลา 10 ปีหรือเสร็จภายหลังจากนั้น ก็ถือว่าทำได้ต่อไปเรื่อยๆ เสมอ ซึ่งหมายถึงว่า แม้เราจะแพ้คดีมา 10 ปีแล้ว เจ้าหนี้ก็ยังยึด หรืออายัดทรัพย์เราได้เสมอตราบใดที่หนี้เรายังชำระให้เขาไม่ครบ
9. เราจะล้มละลายไปด้วยเลยไหม?
การแพ้คดีสินเชื่อ หรือบัตรเครดิตในศาลต่อเจ้าหนี้ และโดนบังคับคดี ยังไม่ทำให้เราเป็นคนล้มละลายตามกฎหมาย เพราะขั้นตอนของการดำเนินคดีแพ่งเป็นคนละขั้นตอนกับการดำเนินคดีล้มละลาย ดังนั้น เราจะล้มละลายก็ต่อเมื่อเจ้าหนี้ฟ้องเราในคดีล้มละลายกับศาลล้มละลายกลาง และต่อมาศาลมีคำพิพากษาให้เราเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งจะทำให้เรากลายเป็นบุคคลล้มละลายโดยสมบูรณ์ อนึ่ง การที่เจ้าหนี้จะยื่นฟ้องเราในคดีล้มละลายได้ เรา (กรณีบุคคลธรรมดา) จะต้องเป็นหนี้ไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาทกับเจ้าหนี้ (ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้รายเดียว หรือหลายรายก็ตาม)
10. การบังคับคดีจะจบหรือหยุดลงได้เมื่อไร ?
ถ้าเราเบื่อเต็มทนกับการโดนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจ้องยึด หรืออายัดทรัพย์เรา แล้วเราอยากรู้ว่าการบังคับคดีของศาลจะจบ หรือหยุดลงชั่วคราวได้อย่างไรบ้างนั้น คำตอบจะเป็นดังนี้ค่ะ
เราจะต้องชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ให้ครบ ซึ่งกระบวนการบังคับคดีก็จะจบแบบถาวรไปเลย
เรามีการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน
หากบังเอิญเราดวงขึ้น เจ้าหนี้ดันลืม หรือไม่ได้ร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีภายในเวลา 10 ปีนับจากวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ตนชนะ ผลก็คือเจ้าหนี้จะหมดสิทธิในการบังคับคดีไปตลอดเลย ซึ่งจะทำให้เราสุดโชคดีหลุดพ้น ไม่โดนบังคับคดีอีกต่อไป
เราได้ยื่นฟ้องเจ้าหนี้เป็นคดีเรื่องอื่นในศาลเดียวกันนั้นอยู่ด้วย และเราก็สามารถพิสูจน์ให้ศาลเห็นได้ว่า ถ้าเราชนะ จะสามารถหักกลบลบหนี้กับเจ้าหนี้ได้ ศาลก็อาจอนุญาตให้มีการงดการบังคับคดีนี้ไว้ก่อนได้ ซึ่งผลก็คือเราก็จะต้องไปสู้คดีเรื่องนั้นกับเจ้าหนี้ต่อไป

คำถามนิดเดียว เผื่อผู้รู้ผู้มีจิตเมตตาสูง หรือ ศาล หรือทนาย หรือผู้รู้เมตตามาตอบให้แก่ทุกคนทราบ เขียนฝากไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้อ่านในอนาคต
1.เราผู้กู้ร่วมเพื่อให้น้องชายซื้อบ้านแต่โดนยึดทรัพย์แรกก็ยังไม่ขาย10ปีไปแล้วไม่ยอมขายปั่นดอกเบี้ยอยู่นั้น แต่ของเราก็มาโดนยึดของเราไว้ด้วยอีกไม่เป็นไปตามขั้นตอน และต่อไปเราจะโดนยึดทรัพย์อะไรอื่นๆต่ออีกหรือเปล่านะดอกเบี้ยของมันคงไม่หยุดลงหรือยังก็ไม่รู้และจะโดนฟ้องล้มละลายไหมหนอ เมื่อทรัพย์ที่มันยึดไม่พอ มันปั่นดอกเบี้ยเกินล้านแน่20ปีแล้ว (ตอนนั้นก็ไปคุยต่อรองแล้วนะ700,000บาทได้ไหมเขาก็ทำเรื่องให้แล้วที่แรกก็บอกจะยอม สุดท้ายหัวหน้าเขาไม่ยอมจะเอาเป็นล้าน (จากเงินต้นประมาณ5แสนดอกเบี้ย1ล้าน))
2.ดอกเบี้ยมันขึ้นเต็มที่ แล้วมันคิดต่อไปไม่หยุดเลยหรือ
3.ดีนะยังมีทรัพย์ให้เขายึด ไม่นั้นมันมายึดเงินเดือนคงจะไม่มี-พอเพียง
4.เป็นหนี้ก็ต้องใช้เขาถูกต้องเราเห็นด้วยยุติธรรมดี แต่มันก็ต้องยุตธรรมจำเลยที่2 ที่3ด้วยเพราะจริงๆแล้วก็ไม่ประโยชน์จากการกู้เลย

5.อยากให้นักพูดผู้ให้ความรู้ในยูทูปช่วยกันพูด สื่อถืงศาลหรือผู้มีส่วนแก้กฏหมายให้ดูและช่วยแก้ไขกฏหมายให้ด้วย
เช่นในกรณี อายัดเงินยังมีตั้งขั้นต่ำให้ดำรงชีวิตเงินตั้งแต่20000บาทหักได้30%
ท่านไม่มองเงินคนมีไม่เงินเดือนบ้าง เช่นเงินในบัญชีธนาคารเพื่อมีไว้กินไว้ใช้บ้างกรณีไม่เงินเดือนกิน น่าจะมีการกำหนดขั้นต่ำไว้ให้มี-บ้างยึดได้แค่ไหนไม่ไช่ให้ยึดได้หมดบัญชีเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่