Joker (2019)
.
*** Spoil Alert ***
.
.
.
"ไม่มีใครเกิดมาเป็นวายร้าย ไม่มีใครอยากเป็นคนเลว"
.
.
.
หนังเรื่อง Joker มีกระแสเรื่องความดาร์ค มืดหม่น หดหู่ ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นหนังที่ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่อยู่ในสภาวะเครียดหรือเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ แต่ถามว่าหนังเรื่องนี้มันมีความรุนแรงมากขนาดไหน เอาจริงๆมันไม่ได้รุนแรงมากถ้าเทียบกับหนังที่มีความรุนแรงเรื่องอื่นๆ ตรงนี้ขอเปรียบเทียบกับเรื่อง Parasite เรารู้สึกว่าตอนที่เราดูเรื่องนั้นมันหดหู่และหัวใจเต้นแรงมากกว่าตอนที่ดู Joker แต่ถ้าเทียบกับความอันตรายแล้ว Joker นั้นล้ำเส้นคนดูไปมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีหนังที่มีฉากความรุนแรงมากกว่านี้เยอะ แต่เราไม่รู้สึกว่ามันเป็นหนังอันตราย อย่างเช่นหนังแอคชั่นอย่าง John Wick เหตุผลก็เพราะว่ามันเกินจริงไปนั่นแหละ
.
พูดถึงเรื่อง Parasite ถึงหนังจะสะท้อนเรื่องชนชั้น สะท้อนสังคม แต่มันก็เป็นหนังที่ประดิษฐ์ มันมีความแฟนตาซีและความบังเอิญอยู่มาก บท การกำกับ การตัดต่อ จังหวะการเล่าเรื่องนั้นดีแบบดีมากๆ นั่นจึงทำให้เรารู้สึกว่ามันประดิษฐ์เพื่อสื่อสารนัยยะบางอย่างกับคนดู แต่สำหรับเรื่อง Joker นั้นเรารู้สึกว่ามันเรียล มันจริง Joker นั้นเหมือนจะเกิดขึ้นจริงกับใครก็ได้ มันนำเสนอแบบตามติดชีวิตคนคนหนึ่งที่ไม่ได้อยากเป็นคนเลวจนกลายเป็นวายร้ายในที่สุด
.
ด้วยการแสดงที่ดีเยี่ยม เรารู้สึกอินและเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวละคร บวกกับสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นหนังใช้ทฤษฎีทางจิตวิทยามาบอกเล่าเรื่องราวว่าสภาพจิตใจของคนคนหนึ่งย่ำแย่ไปจนถึงจุดนั้นได้อย่างไร เราเชื่อนะว่าไม่มีใครอยากเป็นคนเลวหรอก แต่เมื่อสภาพแวดล้อมและสังคมแย่ๆมันนำพาไปทางนั้น... แม้แต่ผู้นำหรือชนชั้นคนรวยก็ไม่ได้แยแสกับปัญหาของคนชั้นล่างเลย (รายละเอียดเรื่องประเด็นการเมืองเราขอไม่พูดถึงนะ 55)
.
ความซวยอย่างแรกคืออาการป่วยของอาเทอร์ที่ทำให้เขาต้องประสบปัญหากับการใช้ชีวิต โดนวัยรุ่นอันธพาลรังแก โดนเพื่อนโกหกทรยศหักหลัง เพื่อนที่แสร้งทำเหมือนว่าหวังดีจะช่วยเหลือ แต่ต้องการกำจัดเขาออกไป โดนลงโทษอย่างหนักเกินไปกับความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยที่เขาเองไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น โดนล้อเลียนเหยียบย่ำทำร้ายร่างกาย จนเขาระเบิดความโกรธออกมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ จากจุดนั้นมาทำให้เขาเริ่มจมดิ่งเข้าสู่ด้านมืด ซึ่งอันที่จริงแล้วเขายังมีโอกาสที่จะหยุดความชั่วร้ายนั้นได้นะถ้าไม่โดนอะไรแย่ๆซ้ำเติมเข้าไปอีก แม้แต่หมอจิตแพทย์เองก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ เพราะหมอไม่ได้แม้แต่จะฟังและเข้าใจเขาจริงๆด้วยซ้ำ
.
จากที่เล่ามาพอจะเห็นภาพใช่ไหมครับ ถ้าเรื่องแย่ๆแบบนี้มันเกิดขึ้นกับเราบ้าง เป็นใครก็ต้องอยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่เหมือนกัน กับคนหนึ่งๆที่สู้ชีวิตอยากจะเป็นคนดี เราจะเห็นว่าอาเทอร์มีความพยายามและตั้งใจในอาชีพนักตลกของเขาจริงๆ แต่เขาก็ล้มเหลว เป็น Loser นั่นยังไม่แย่เท่ากับการที่พิธีกรรายการตลกคนที่เขานับถือเอาความผิดพลาดและน่าอับอายของเขาไป Bully ซ้ำเติมเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ มิหน่ำซ้ำยังเชิญเขาไปออกรายการเพื่อทำให้เขากลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมือง
.
ประเด็นเรื่องอาเทอร์เป็นลูกของ โทมัส เวย์น เราเชื่ออย่างนั้นเพราะหนังนำเสนอโทมัสเป็นตัวละครที่ไม่ใช่คนดี เราเห็นรูปแม่ของอาเทอร์และมีข้อความจีบของโทมัสเขียนอยู่ และในหนังมีมุขเรื่องผู้ชายมองผู้หญิงเหมือนลานจอดรถ ที่ว่าลานจอดรถถ้าว่างก็เอา ส่วนที่จอดคนพิการนั้นก็เอานะถ้าไม่มีคนเห็น เราเชื่อว่าโทมัสเคยได้กับแม่ของอาเทอร์จริงๆ แต่ด้วยอิทธิพลความรวยจึงสามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในเอกสารได้ ตรงจุดนี้เราว่าเจ็บเหมือนกันนะ อาเทอร์เป็นคนซื่อไม่ได้ต้องการอะไรจากโทมัสพ่อของเขา แค่ต้องการเจอพ่อและอยากได้รับความรักความอบอุ่น แค่อยากจะกอดเท่านั้นเอง แต่ทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่คิดมันเหมือนทุกอย่างพังทลาย หน่ำซ้ำโทมัสยังสร้างเรื่องให้แม่ของเขาเป็นโรคจิตที่รับอาเทอร์มาเลี้ยงและทำร้ายร่างกายอาเทอร์ตั้งแต่เด็กๆ อารมณ์แบบเขาไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจอีกแล้ว
.
เพื่อนที่โกหกทรยศหักหลังได้มาเยี่ยมอาเทอร์เหมือนจะหวังดีมาให้กำลังใจ แต่จริงๆแล้วแค่ต้องการมาหาคนผิด มาซ้ำเติมว่าเขาทำเรื่องเลวร้าย ในความคิดของอาเทอร์เรื่องเลวร้ายอาจไม่เกิดขึ้นถ้าเพื่อนคนนี้ไม่แทงข้างหลังเขาก่อน ความโกรธแค้นที่อัดอั้นไว้ของอาเทอร์ก็ได้ล้างแค้นในที่สุด ตัวละครดำดิ่งจนไม่สามารถหลุดออกจากความมืดหม่นได้แล้ว ทุกอย่างถาโถมเข้ามาแบบที่เขาไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว เป็นสาเหตุที่อาเทอร์วางแผนไปปลดปล่อยความรู้สึกในรายการสดที่เขาได้รับเชิญไป พร้อมกับพกปืนไปด้วย...
.
ฉากออกรายการสด ฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องนี่แบบ Joaquin Phoenix เล่นได้สุดมาก ความเศร้า ความโกรธ ความเครียดแค้น ความอัดอั้นตันใจสื่อสารออกมาได้แบบ เราอิน เราเชื่อว่าเขามาถึงจุดที่สุดๆแล้วจริงๆ หลังจากที่ระบายความรู้สึกออกไปเขากะว่าจะยิงตัวตายประชดสังคม ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่เล่ามากับอารมณ์ของอาเทอร์ที่ "ฉันไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว" แต่พิธีกรยั่วโมโห และที่ร้ายที่สุดคือจงใจเอาความอับอายต้อยต่ำของอาเทอร์มาประจานโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปด้วยซ้ำ อาเทอร์จึงตัดสินใจระเบิดอารมณ์ ปั้ง!! ยิงพิธีกรทิ้ง... และอาเทอร์ก็เป็นที่รู้จักในชื่อของ Joker ในที่สุด จากคนที่อยากทำให้คนอื่นมีความสุข กลายเป็นคนที่มีความสุขเมื่อได้เห็นเมืองลุกเป็นไฟ
.
เรื่องที่อาเทอร์ทำไปถ้าเราไม่รู้ที่มาที่ไปเราจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ชั่วร้ายมาก ข้อเท็จจริงยังไงก็เป็นเรื่องที่ชั่วร้ายอยู่ดี แต่เราเชื่อว่า น่าจะมีคนดูไม่น้อยรู้สึกปลดปล่อยที่อาเทอร์ได้ระเบิดอารมณ์ออกไปเสียที เหตุเพราะเราเข้าใจว่าทำไมอาเทอร์ถึงทำอย่างนั้น มันมีเหตุผลที่เกิดขึ้น และนั่นเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้อันตราย ไม่เหมาะกับผู้ชมอายุต่ำกว่า 18 และคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ มันอาจชี้นำไปในทางที่ไม่ดีได้ แต่อย่าลืมว่าการทำอะไรร้ายๆมันก็ส่งผลร้ายๆนั่นแหละ
.
ถึงแม้ในชีวิตจริงบางคนอาจจะมองว่าสิ่งที่อาเทอร์ทำไปนั้นมันไม่น่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ แต่อย่าลืมว่าสำหรับคนที่มีปัญหาแล้ว อาจเพราะโดนอะไรมาก็ตามแต่ เราคาดเดาไม่ได้หรอก เราไม่รู้ว่าชีวิตเขาเจออะไรมา ตัวอย่างการฆ่าปล้นชิงทรัพย์ การฆ่าข่มขืน หรือแม้แต่แค่มองหน้ากันก็ยิงกันตายได้ อะไรที่หล่อหลอมให้คนกลายเป็นคนเลวแบบนั้น? เป็นเรื่องที่น่าตั้งคำถามถึงปัญหา และควรหาทางแก้ไขอย่างไร
.
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่จรรโลงใจแต่อย่างใด แต่ก็เป็นงานศิลปะที่สื่อสารอะไรบางอย่างกับเรา ข้อคิดที่เราได้จากหนังเรื่องนี้มันสอนให้เรารู้ว่า เราควรใช้ชีวิตอย่างระวัง "เราไม่ควรทำร้ายคนอื่น" บางทีเรื่องร้ายๆคงไม่เกิดขึ้นถ้าคนไม่เจออะไรร้ายๆ มนุษย์เราเองนี่แหละที่กำหนดทิศทางเหล่านั้น ต้องเห็นใจและเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เพราะเราไม่รู้จริงๆว่าปัญหาบางอย่างอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเราแต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับบางคนก็ได้
.
ในแง่ของความบันเทิง เราคาดหวังที่จะได้เห็น Joker สร้างความวินาศสันตะโรมากกว่านี้ ก่อนดูเราคาดหวังว่าจะได้เห็นแผนการฉลาดๆและบ้าคลั่งเหมือนในเรื่อง The Dark Knight ในตอนจบ แต่หนังยังไม่ได้เล่าถึงตรงนั้น มันเป็นการเล่าจุดกำเนิดของ Joker เท่านั้นเอง ซึ่งเป็นความคาดหวังของเราเองไม่ใช่ความผิดของหนัง อันที่จริงแล้วการที่หนังเล่าแบบนี้ มันสมจริงดีนะ ข้อดีของมันคือมันสมจริงและสามารถเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้นี่แหละที่ทำให้คนดูอินและรู้สึกอึนๆหลังจากเดินออกจากโรงหนัง ซึ่งถือว่าหนังเรื่องนี้สื่อสารออกมาได้สำเร็จแล้วในความดราม่า โศกนาฏกรรม จิตวิทยา
9/10
by LuLight
[CR] Spoil รีวิว Joker 9/10 ไม่มีใครเกิดมาเป็นวายร้าย ไม่มีใครอยากเป็นคนเลว
Joker (2019)
.
*** Spoil Alert ***
.
.
.
"ไม่มีใครเกิดมาเป็นวายร้าย ไม่มีใครอยากเป็นคนเลว"
.
.
.
หนังเรื่อง Joker มีกระแสเรื่องความดาร์ค มืดหม่น หดหู่ ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นหนังที่ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่อยู่ในสภาวะเครียดหรือเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ แต่ถามว่าหนังเรื่องนี้มันมีความรุนแรงมากขนาดไหน เอาจริงๆมันไม่ได้รุนแรงมากถ้าเทียบกับหนังที่มีความรุนแรงเรื่องอื่นๆ ตรงนี้ขอเปรียบเทียบกับเรื่อง Parasite เรารู้สึกว่าตอนที่เราดูเรื่องนั้นมันหดหู่และหัวใจเต้นแรงมากกว่าตอนที่ดู Joker แต่ถ้าเทียบกับความอันตรายแล้ว Joker นั้นล้ำเส้นคนดูไปมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีหนังที่มีฉากความรุนแรงมากกว่านี้เยอะ แต่เราไม่รู้สึกว่ามันเป็นหนังอันตราย อย่างเช่นหนังแอคชั่นอย่าง John Wick เหตุผลก็เพราะว่ามันเกินจริงไปนั่นแหละ
.
พูดถึงเรื่อง Parasite ถึงหนังจะสะท้อนเรื่องชนชั้น สะท้อนสังคม แต่มันก็เป็นหนังที่ประดิษฐ์ มันมีความแฟนตาซีและความบังเอิญอยู่มาก บท การกำกับ การตัดต่อ จังหวะการเล่าเรื่องนั้นดีแบบดีมากๆ นั่นจึงทำให้เรารู้สึกว่ามันประดิษฐ์เพื่อสื่อสารนัยยะบางอย่างกับคนดู แต่สำหรับเรื่อง Joker นั้นเรารู้สึกว่ามันเรียล มันจริง Joker นั้นเหมือนจะเกิดขึ้นจริงกับใครก็ได้ มันนำเสนอแบบตามติดชีวิตคนคนหนึ่งที่ไม่ได้อยากเป็นคนเลวจนกลายเป็นวายร้ายในที่สุด
.
ด้วยการแสดงที่ดีเยี่ยม เรารู้สึกอินและเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวละคร บวกกับสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นหนังใช้ทฤษฎีทางจิตวิทยามาบอกเล่าเรื่องราวว่าสภาพจิตใจของคนคนหนึ่งย่ำแย่ไปจนถึงจุดนั้นได้อย่างไร เราเชื่อนะว่าไม่มีใครอยากเป็นคนเลวหรอก แต่เมื่อสภาพแวดล้อมและสังคมแย่ๆมันนำพาไปทางนั้น... แม้แต่ผู้นำหรือชนชั้นคนรวยก็ไม่ได้แยแสกับปัญหาของคนชั้นล่างเลย (รายละเอียดเรื่องประเด็นการเมืองเราขอไม่พูดถึงนะ 55)
.
ความซวยอย่างแรกคืออาการป่วยของอาเทอร์ที่ทำให้เขาต้องประสบปัญหากับการใช้ชีวิต โดนวัยรุ่นอันธพาลรังแก โดนเพื่อนโกหกทรยศหักหลัง เพื่อนที่แสร้งทำเหมือนว่าหวังดีจะช่วยเหลือ แต่ต้องการกำจัดเขาออกไป โดนลงโทษอย่างหนักเกินไปกับความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยที่เขาเองไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น โดนล้อเลียนเหยียบย่ำทำร้ายร่างกาย จนเขาระเบิดความโกรธออกมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ จากจุดนั้นมาทำให้เขาเริ่มจมดิ่งเข้าสู่ด้านมืด ซึ่งอันที่จริงแล้วเขายังมีโอกาสที่จะหยุดความชั่วร้ายนั้นได้นะถ้าไม่โดนอะไรแย่ๆซ้ำเติมเข้าไปอีก แม้แต่หมอจิตแพทย์เองก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ เพราะหมอไม่ได้แม้แต่จะฟังและเข้าใจเขาจริงๆด้วยซ้ำ
.
จากที่เล่ามาพอจะเห็นภาพใช่ไหมครับ ถ้าเรื่องแย่ๆแบบนี้มันเกิดขึ้นกับเราบ้าง เป็นใครก็ต้องอยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่เหมือนกัน กับคนหนึ่งๆที่สู้ชีวิตอยากจะเป็นคนดี เราจะเห็นว่าอาเทอร์มีความพยายามและตั้งใจในอาชีพนักตลกของเขาจริงๆ แต่เขาก็ล้มเหลว เป็น Loser นั่นยังไม่แย่เท่ากับการที่พิธีกรรายการตลกคนที่เขานับถือเอาความผิดพลาดและน่าอับอายของเขาไป Bully ซ้ำเติมเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ มิหน่ำซ้ำยังเชิญเขาไปออกรายการเพื่อทำให้เขากลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมือง
.
ประเด็นเรื่องอาเทอร์เป็นลูกของ โทมัส เวย์น เราเชื่ออย่างนั้นเพราะหนังนำเสนอโทมัสเป็นตัวละครที่ไม่ใช่คนดี เราเห็นรูปแม่ของอาเทอร์และมีข้อความจีบของโทมัสเขียนอยู่ และในหนังมีมุขเรื่องผู้ชายมองผู้หญิงเหมือนลานจอดรถ ที่ว่าลานจอดรถถ้าว่างก็เอา ส่วนที่จอดคนพิการนั้นก็เอานะถ้าไม่มีคนเห็น เราเชื่อว่าโทมัสเคยได้กับแม่ของอาเทอร์จริงๆ แต่ด้วยอิทธิพลความรวยจึงสามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในเอกสารได้ ตรงจุดนี้เราว่าเจ็บเหมือนกันนะ อาเทอร์เป็นคนซื่อไม่ได้ต้องการอะไรจากโทมัสพ่อของเขา แค่ต้องการเจอพ่อและอยากได้รับความรักความอบอุ่น แค่อยากจะกอดเท่านั้นเอง แต่ทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่คิดมันเหมือนทุกอย่างพังทลาย หน่ำซ้ำโทมัสยังสร้างเรื่องให้แม่ของเขาเป็นโรคจิตที่รับอาเทอร์มาเลี้ยงและทำร้ายร่างกายอาเทอร์ตั้งแต่เด็กๆ อารมณ์แบบเขาไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจอีกแล้ว
.
เพื่อนที่โกหกทรยศหักหลังได้มาเยี่ยมอาเทอร์เหมือนจะหวังดีมาให้กำลังใจ แต่จริงๆแล้วแค่ต้องการมาหาคนผิด มาซ้ำเติมว่าเขาทำเรื่องเลวร้าย ในความคิดของอาเทอร์เรื่องเลวร้ายอาจไม่เกิดขึ้นถ้าเพื่อนคนนี้ไม่แทงข้างหลังเขาก่อน ความโกรธแค้นที่อัดอั้นไว้ของอาเทอร์ก็ได้ล้างแค้นในที่สุด ตัวละครดำดิ่งจนไม่สามารถหลุดออกจากความมืดหม่นได้แล้ว ทุกอย่างถาโถมเข้ามาแบบที่เขาไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว เป็นสาเหตุที่อาเทอร์วางแผนไปปลดปล่อยความรู้สึกในรายการสดที่เขาได้รับเชิญไป พร้อมกับพกปืนไปด้วย...
.
ฉากออกรายการสด ฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องนี่แบบ Joaquin Phoenix เล่นได้สุดมาก ความเศร้า ความโกรธ ความเครียดแค้น ความอัดอั้นตันใจสื่อสารออกมาได้แบบ เราอิน เราเชื่อว่าเขามาถึงจุดที่สุดๆแล้วจริงๆ หลังจากที่ระบายความรู้สึกออกไปเขากะว่าจะยิงตัวตายประชดสังคม ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่เล่ามากับอารมณ์ของอาเทอร์ที่ "ฉันไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว" แต่พิธีกรยั่วโมโห และที่ร้ายที่สุดคือจงใจเอาความอับอายต้อยต่ำของอาเทอร์มาประจานโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปด้วยซ้ำ อาเทอร์จึงตัดสินใจระเบิดอารมณ์ ปั้ง!! ยิงพิธีกรทิ้ง... และอาเทอร์ก็เป็นที่รู้จักในชื่อของ Joker ในที่สุด จากคนที่อยากทำให้คนอื่นมีความสุข กลายเป็นคนที่มีความสุขเมื่อได้เห็นเมืองลุกเป็นไฟ
.
เรื่องที่อาเทอร์ทำไปถ้าเราไม่รู้ที่มาที่ไปเราจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ชั่วร้ายมาก ข้อเท็จจริงยังไงก็เป็นเรื่องที่ชั่วร้ายอยู่ดี แต่เราเชื่อว่า น่าจะมีคนดูไม่น้อยรู้สึกปลดปล่อยที่อาเทอร์ได้ระเบิดอารมณ์ออกไปเสียที เหตุเพราะเราเข้าใจว่าทำไมอาเทอร์ถึงทำอย่างนั้น มันมีเหตุผลที่เกิดขึ้น และนั่นเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้อันตราย ไม่เหมาะกับผู้ชมอายุต่ำกว่า 18 และคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ มันอาจชี้นำไปในทางที่ไม่ดีได้ แต่อย่าลืมว่าการทำอะไรร้ายๆมันก็ส่งผลร้ายๆนั่นแหละ
.
ถึงแม้ในชีวิตจริงบางคนอาจจะมองว่าสิ่งที่อาเทอร์ทำไปนั้นมันไม่น่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ แต่อย่าลืมว่าสำหรับคนที่มีปัญหาแล้ว อาจเพราะโดนอะไรมาก็ตามแต่ เราคาดเดาไม่ได้หรอก เราไม่รู้ว่าชีวิตเขาเจออะไรมา ตัวอย่างการฆ่าปล้นชิงทรัพย์ การฆ่าข่มขืน หรือแม้แต่แค่มองหน้ากันก็ยิงกันตายได้ อะไรที่หล่อหลอมให้คนกลายเป็นคนเลวแบบนั้น? เป็นเรื่องที่น่าตั้งคำถามถึงปัญหา และควรหาทางแก้ไขอย่างไร
.
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่จรรโลงใจแต่อย่างใด แต่ก็เป็นงานศิลปะที่สื่อสารอะไรบางอย่างกับเรา ข้อคิดที่เราได้จากหนังเรื่องนี้มันสอนให้เรารู้ว่า เราควรใช้ชีวิตอย่างระวัง "เราไม่ควรทำร้ายคนอื่น" บางทีเรื่องร้ายๆคงไม่เกิดขึ้นถ้าคนไม่เจออะไรร้ายๆ มนุษย์เราเองนี่แหละที่กำหนดทิศทางเหล่านั้น ต้องเห็นใจและเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เพราะเราไม่รู้จริงๆว่าปัญหาบางอย่างอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเราแต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับบางคนก็ได้
.
ในแง่ของความบันเทิง เราคาดหวังที่จะได้เห็น Joker สร้างความวินาศสันตะโรมากกว่านี้ ก่อนดูเราคาดหวังว่าจะได้เห็นแผนการฉลาดๆและบ้าคลั่งเหมือนในเรื่อง The Dark Knight ในตอนจบ แต่หนังยังไม่ได้เล่าถึงตรงนั้น มันเป็นการเล่าจุดกำเนิดของ Joker เท่านั้นเอง ซึ่งเป็นความคาดหวังของเราเองไม่ใช่ความผิดของหนัง อันที่จริงแล้วการที่หนังเล่าแบบนี้ มันสมจริงดีนะ ข้อดีของมันคือมันสมจริงและสามารถเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้นี่แหละที่ทำให้คนดูอินและรู้สึกอึนๆหลังจากเดินออกจากโรงหนัง ซึ่งถือว่าหนังเรื่องนี้สื่อสารออกมาได้สำเร็จแล้วในความดราม่า โศกนาฏกรรม จิตวิทยา
9/10
by LuLight
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้