เรา: ไปเที่ยวปากีกันไหม?
เพื่อน: ไปทำไมปากี ไม่มีที่อื่นเที่ยวหรือไง อันตราย น่ากลัวจะตาย
เรา: เอ่อ......ไปเหอะ ไม่น่ากลัวหรอก
เพื่อน : ปากีสถานอ่ะนะ มันมีอะไรเที่ยวหรอ
เรา : มีที่สวยๆเยอะแยะเลย เธอต้องไม่เชื่อแน่ๆ ไปนะ
เพื่อน : ไม่เอา ไม่ไป กลัวววววว
เรา : กลัวไรฟะ สวยจะตาย???????

.
.
.
.
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป กระทู้นี้เราจะมาเล่าเรื่องจากการที่เราได้ไปเที่ยวที่ประเทศปากีสถาน ซึ่งเรื่องที่เราจะเล่าก็เป็นสิ่งที่เราได้พบเห็นจากการเดินทางเป็นและเป็นความคิดเห็นส่วนตัว หากพาดพิงถึงใคร ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ทริปนี้เราได้สัมผัสทั้ง แดด ฝน หิมะ แล้วก็ใบไม้เปลี่ยนสี พวกเราก็เลยเรียกกันว่าทริป 4 ฤดู
ความน่าสนใจของประเทศนี้คือสถานที่ที่สวยงาม ยังมีความสด ความดิบแล้วก็เถื่อน (เส้นทางและถนนหนทางนอกจากคาราโครัมไฮเวย์แล้ว ที่เหลือเถื่อนจริงๆ) ผู้คนน่ารัก หน้าดุแต่ใจดีมีความเป็นมิตรมากกว่าในข่าว หรือที่เราได้ยินมา
.
.
.
ความยากในการไปเที่ยวปากีฯ คือการหาเพื่อนไปเที่ยวด้วยกัน เราเพียรหาข้อมูลและชวนเพื่อนอยู่เป็นปีก็ยังหาคนที่ไปด้วยไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องไปกับลุงจุ้ยสองคน ที่ต้องชวนเพื่อนเยอะๆ เพราะจริงๆแล้วเราก็กลัว ไม่มั่นใจในความปลอดภัยหรืออะไรหลายๆอย่าง ดังนั้นเราเลยคิดว่ามีเพื่อนไปเยอะๆน่าจะดีกว่า
ตอนแรกตั้งใจจะหาเพื่อนและหา Local Tour ไปกันเอง แต่ในเมื่อหาไม่ได้ดังนั้นเราจึงต้องไปจอยกับทัวร์แทน ซึ่งเราก็เหมือนกับหลายๆคนที่ไม่ชอบการไปกับทัวร์ เพราะเราจะมีอิสระน้อยลง ต้องมีกฎ ต้องทำตามตารางเวลา ต้องเสียเวลารอ แต่ แต่ หลังจากที่เราได้ไปกับทัวร์ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
กลับมาที่การหาทัวร์ ซึ่งมันยากและใช้เวลาในการหาข้อมูลและตัดสินใจมาก เนื่องจากความกลัวอะไรหลายๆอย่างและราคาที่ยังไม่เป็นที่พอใจ จนเราเจอทัวร์ที่มีเพื่อนๆในพันทิปแนะนำ จากนั้นก็ไปตามที่เฟสดูอยู่พักนึงก็ตัดสินใจไปกับทัวร์นี้ จริงๆมีทัวร์ที่เราเห็นว่าน่าสนใจอยู่ 2-3 ทัวร์ แต่เราเลือกอันนี้เนื่องจากเมื่อเปรียบเที่ยบทุกอย่างแล้วรวมๆคือโอเค แล้วโชคชะตาก็ทำให้พวกเราได้มาพบกัน

.
.
ตอนที่เราบอกเพื่อนๆว่าเราจะไปเที่ยวปากีฯ ทุกคนตกใจและมาพร้อมคำถามมากมาย ไปทำไมปากี? มีอะไรเที่ยว? ไม่มีที่อื่นจะเที่ยวหรือ? มันอันตราย อย่าไปเลย
ยิ่งลุงจุ้ยนี่ตัวดีเลย ไม่อยากไปมากๆ เรานี่ต้องต้องใช้พลังในการชักจุงขั้นสุด แต่ลุงแกก็ยังมีแว๊บๆว่าเราไปสวีตเชอร์แลนด์ กันไม่ดีกว่าหรือ เพิ่มเงินนิดหน่อย สวยแน่นอนไม่ต้องเสี่ยงภัยแถมไม่ต้องลำบากด้วย ไปปากีไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง? ไม่กลัวโดนจับไปเชือดหรือเรียกค่าไถ่หรือ? นี่พวกลุงๆที่สวนสาธารณะที่เราไปวิ่งกันทุกอาทิตย์เค้าบอกว่า มีญาติเค้าที่ไปมา โดนจับไปเรียกค่าไถ่ เรียกเงินเป็นล้านๆเลยนะ
เราเลยบอกว่าไม่จริงหรอก ถ้าจริงต้องมีข่าวแล้ว อย่ามา มโนนะลุง ฟังไว้แต่อย่าเชื่อมาก พวงลุงๆแกก็พูดกันไปเรื่อย เราหาข้อมูลอ่านกระทู้คนที่ไปมาแล้ว มีแต่คนบอกว่าน่าไปทั้งนั้น คนไม่เคยไปก็ฟังๆเค้ามา หรือได้ยินจากข่าว ซึ่งเราก็เห็นว่ามันพอมีข่าวบ้างแต่มันเป็นแค่บางจุด ลุงเข้าใจไหมเหมือนที่ประเทศเรานั่นแหละ ที่มันมีปัญหาแค่ 3 จังหวัดชายแดน
ลุงแกก็พยักหน้าหงึกๆ เหมือนจะเข้าใจ แต่......(แต่ใจจริงคงไม่ขี้เกียจเถียงแล้ว เถียงไปก็ไม่ชนะ)
.
.
.
เมื่อหาทัวร์ได้แล้วต่อมาก็เลือกวันเดินทาง ซึ่งสำหรับมนุษย์เงินเดือนวันลาน้อยนิดแล้ว ช่วงที่เหมาะสมที่จะไปดูใบไม้เปลียนสีคือช่วงที่ติดวันหยุดวันปิยะ แต่ทัวร์ที่เราเลือกไปดันไม่มีโปรแกรมเที่ยวที่ Fairy Meadow ช่วงวันปิยะ ที่อยากไปที่นี่เพราะทางไป Fairy Meadow ค่อนข้างอันตรายหวาดเสียว แต่สวยมาก เราชอบไปที่ๆที่มันลำบาก โหดๆหน่อย เพราะคนที่ไป คือคนที่เค้าคัดมาแล้วว่าลำบากได้ คนพวกนี้ความอดทนในการเที่ยวจะสูงกว่าคนปรกติ (ไม่รู้จริงหรือเปล่า) ดังนั้นเราจึงเลื่อนโปรแกรมไปอีก 1 อาทิตย์ จากโปรแกรมเดิม คือไปช่วงปลายตุลาคมค่อมไปต้นพฤศจิกายน ซึ่งก็กลัวๆอยู่ว่าจะทันใบไม้เปลี่ยนสีไหม หรือว่าจะล่วงหมดแล้ว ไปลุ้นๆกัน
เมื่อได้วันแล้วขั้นตอนต่อไปก็จองตั๋วเครื่องบินแล้วก็ไปทำ passport กัน
ทางทัวร์ที่เราจองจะส่งเอกสารจดหมายเชิญ LOI ให้กับลูกทัวร์ล่วงหน้าประมาณ 1-2 เดือน
เอกสารที่ใช้ในการยื่นวีซ่าปากีสถาน (ใช้เวลายื่นวีซ่าประมาณ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับ ช่วงเวลาที่จะท่องเที่ยว ) ค่าวีซ่า 1,300 บาท ยื่นด้วยตัวเองแต่รับแทนกันได้
1. หนังสือเดินทาง/ทั้งเล่มเก่าและเล่มใหม่ (ถ้ามี)/(พร้อมสำเนา)
2. รูปสีพื้นหลังขาว 2 นิ้ว/ 2 ใบ (รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมแว่นถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน)
3. จดหมายรับรองการทำงาน (ภาษาอังกฤษ) ระบุ ตำแหน่ง เงินเดือน และ วันเดือนปี ที่เริ่มเข้าทำงาน (ฉบับจริง)
4. จดหมายชี้แจงการทำงาน (ภาษาอังกฤษ)/(กรณีประกอบอาชีพโดยไม่มีใบทะเบียนการค้า) ระบุ ตำแหน่ง เงินเดือน
และ วันเดือนปี ที่เริ่มทำ
5. สำเนาหนังสือรับรองของบริษั ท (กรณีเป็นเจ้าของบริษั ท)/(แปลเป็นภาษาอังกฤษ) และ หลักฐานการเงินของบริษัท
6. สำเนาบัตรประชาชน
7. สำเนาทะเบียนบ้าน
8. สำเนาสมุดบัญชีออมทรัพย์ส่วนตัว + สเตทเมนท์ ย้อนหลัง 6 เดือนย้อนหลังถึงปัจจุบัน
9. สำเนาใบสมรส/ใบหย่า (ถ้ามี)/(แปลเป็นภาษาอังกฤษ)
10. สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)/(แปลเป็นภาษาอังกฤษ)
11. สำเนาใบสูติบัตร (กรณีเด็กอายุไม่ถึง 20 ปี)/(แปลเป็นภาษาอังกฤษ)
12. จดหมายเชิญจากปากีสถาน LOI (สำคัญที่สุด)
13. โปรแกรมทัวร์แนบเรื่องประกอบ
14. สำเนาตั๋วเครื่องบิน
สถานทูตปากีสถาน อยู่ติดกับ รพ. บำรุงราษฏร์ ซอย นานา ….จอดรถ รพ. เสียค่าจอดไป 50 บาท หรือจะนั่งรถไฟฟ้าลงสถานีเพลินจิต แล้วเดินเข้าซอยนานาประมาณ 100-200 เมตร
สถานทูตเปิดให้เข้า 9 โมงเช้าเราไปถึงประมาณเกือบ 10 โมง ต้องแลกบัตรเพื่อเข้าไปด้านใน น้องยามบอกว่าพี่โชคดีมากเลยที่มาวันนี้ ถ้ามาเมื่อวานช่วงนี้จะได้คิวที่ประมาณ 60 กว่าแล้ว แต่วันนี้เราได้คิวที่ 30 โอ้โห...เปิดมาก็ดีเลย
พอเข้าไปด้านใน ช่วงที่เข้าไปเค้าก็เรียกถึงประมาณเกือบคิวที่ 10 แล้ว แต่เป็นการเรียกที่เบามากต้องตั้งใจฟัง ซึ่งคิวที่อยู่ก่อนหน้าเราจะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ ยื่นปุ๊บก็รับใบไปจ่ายเงินเลย เร็วเวอร์ๆ
ช่วงที่นั่งรอเราสั่งเกตุเห็นป้าที่มาก่อนแกนั่งอยูนานแล้ว เราก็เลยสงสัยว่ายังไม่ถึงคิวแกอีกหรือ ก็เลยถามว่าแกคิวที่เท่าไหร่ แกบอกคิวที่ 5 เราก็อ่าว... มันผ่านไปแล้วนิ ทำไมไม่ไปบอกเจ้าหน้าที่เค้าล่ะ ป้าแกบอกว่า ไปบอกแล้วแต่เจ้าหน้าที่ให้รอก่อน เราจึงถามว่าแล้วเค้าจะให้รอถึงเมื่อไหร่ ป้าแกก็ว่าไม่รู้แต่ไม่อยากถามเยอะ เดี๋ยวโดนไล่อีก เราจึงแนะนำให้ป้าไปขอบัตรคิวใหม่ ดีกว่านั่งรอเฉยๆ ป้าแกก็กลัวไม่กล้าไปขอใหม่ บอกน้องยามเค้าจดเลขที่พาสปอร์ดไปแล้ว กลัวว่าจะซ้ำกัน เราเลยบอกป้าว่าให้ลองไปขอก่อนถ้าน้องยามไม่ให้เดี๋ยวเค้าก็บอกเราเอง ดีกว่านั่งรอไปเรื่อยๆไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ทำ ถ้าเลยเที่ยงเค้าก็ไม่รับแล้วนะ ป้าแกจึงไปขอบัตรคิวใหม่ได้คิวที่ 50 กว่า (เรามานึกในใจหรือว่าป้าแกจะไม่รีบอยากนั่งตากแอร์ไปนานๆ ฮ่าๆๆๆๆ)
รอประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงก็ถึงคิว ช่วงที่ยื่นเจ้าหน้าที่ไม่ถามสักคำ เรายื่นพร้อมลุงจุ้ย ยื่นเสร็จเจ้าหน้าที่ก็ไล่ให้ไปนั่งรอ เราก็งงเนื่องจากเห็นคิวก่อนหน้าเค้าได้ใบไปจ่ายเงินค่าวีซ่าเลย
เรารออยู่ประมาณ 15 นาที เห็นคนที่ยื่นที่หลังได้ใบไปจ่ายเงินแล้ว เราถึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่ อาบังแกก็ไล่อีก ถามอะไรก็ไม่บอก เราจึงกลับมานั่งรออีกประมาณ 15 นาที บังแกก็เรียกไปรับใบสำหรับไปจ่ายเงินที่ธนาคาร กรุงไทย (ออกจากสถานทูตเลี้ยวขวาแล้วเดินไปประมาณ 200 เมตร) ค่าวีซ่า 1,300 บาท แล้วนำใบเสร็จยื่นที่บังเพื่อรับใบนัดรับเล่มพาสปอร์ต ของเราประมาณ 2 อาทิตย์ถึงจะได้เล่มคืน
.
.
.
ช่วงที่มารับพาสปอร์ตได้คือบ่าย 2 – 4 โมงเย็น เราฝากให้ลุงจุ้ยมารับเล่มคืน ลุงแกกลัวรถติดจึงมาเร็วไปหน่อย ปรากฎว่ามาถึงตอนบ่ายโมง น้องยามเค้าไม่ให้เข้าด้านใน ต้องรอที่หน้าป้อม
ลุงจุ้ยเล่าว่าช่วงที่รอก็มีคนปากีมารับเล่มคืนรออยู่ด้วย จึงได้คุยกัน คุยไปคุยมา หนุ่มปากีก็ส่งขนมมาให้ลุงจุ้ยกิน บอกว่าอร่อยนะ ลุงจุ้ยแกประทับใจมากบอกคนปากีใจดี ไม่เห็นน่ากลัวเหมือนในข่าวเลย อีตาหนุ่มปากีได้ทีเลยบอกว่า ที่ปากีไม่น่ากลัว สถานที่ก็สวยงามเหมือนที่ทางสถานทูตเปิดวีดีโอให้ดูนั่นแหละ จะมีอันตรายก็แค่บางจุดซึ่งเราก็ไม่ควรจะเข้าไปแถวนั้น
พอบ่ายสองโมง น้องยามก็ให้เข้ามาด้านใน แล้วก็ต้องรออีก 1 ชั่วโมง กว่าบังแกจะแจกเล่มคืน (เพื่อนที่มารับเล่มหากไม่อยากรอ ไม่ควรมาก่อนบ่ายสองโมงนะคะ มาช่วงบ่ายสามโมงน่าจะโอเคกว่าจะได้ไม่ต้องรอนาน)
[CR] ไปเที่ยวปากีสถานกันไหม ชวนใครก็ไม่มีใครไป !
เพื่อน: ไปทำไมปากี ไม่มีที่อื่นเที่ยวหรือไง อันตราย น่ากลัวจะตาย
เรา: เอ่อ......ไปเหอะ ไม่น่ากลัวหรอก
เพื่อน : ปากีสถานอ่ะนะ มันมีอะไรเที่ยวหรอ
เรา : มีที่สวยๆเยอะแยะเลย เธอต้องไม่เชื่อแน่ๆ ไปนะ
เพื่อน : ไม่เอา ไม่ไป กลัวววววว
เรา : กลัวไรฟะ สวยจะตาย???????
.
.
.
.
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป กระทู้นี้เราจะมาเล่าเรื่องจากการที่เราได้ไปเที่ยวที่ประเทศปากีสถาน ซึ่งเรื่องที่เราจะเล่าก็เป็นสิ่งที่เราได้พบเห็นจากการเดินทางเป็นและเป็นความคิดเห็นส่วนตัว หากพาดพิงถึงใคร ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ทริปนี้เราได้สัมผัสทั้ง แดด ฝน หิมะ แล้วก็ใบไม้เปลี่ยนสี พวกเราก็เลยเรียกกันว่าทริป 4 ฤดู
ความน่าสนใจของประเทศนี้คือสถานที่ที่สวยงาม ยังมีความสด ความดิบแล้วก็เถื่อน (เส้นทางและถนนหนทางนอกจากคาราโครัมไฮเวย์แล้ว ที่เหลือเถื่อนจริงๆ) ผู้คนน่ารัก หน้าดุแต่ใจดีมีความเป็นมิตรมากกว่าในข่าว หรือที่เราได้ยินมา
.
.
.
ความยากในการไปเที่ยวปากีฯ คือการหาเพื่อนไปเที่ยวด้วยกัน เราเพียรหาข้อมูลและชวนเพื่อนอยู่เป็นปีก็ยังหาคนที่ไปด้วยไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องไปกับลุงจุ้ยสองคน ที่ต้องชวนเพื่อนเยอะๆ เพราะจริงๆแล้วเราก็กลัว ไม่มั่นใจในความปลอดภัยหรืออะไรหลายๆอย่าง ดังนั้นเราเลยคิดว่ามีเพื่อนไปเยอะๆน่าจะดีกว่า
ตอนแรกตั้งใจจะหาเพื่อนและหา Local Tour ไปกันเอง แต่ในเมื่อหาไม่ได้ดังนั้นเราจึงต้องไปจอยกับทัวร์แทน ซึ่งเราก็เหมือนกับหลายๆคนที่ไม่ชอบการไปกับทัวร์ เพราะเราจะมีอิสระน้อยลง ต้องมีกฎ ต้องทำตามตารางเวลา ต้องเสียเวลารอ แต่ แต่ หลังจากที่เราได้ไปกับทัวร์ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
กลับมาที่การหาทัวร์ ซึ่งมันยากและใช้เวลาในการหาข้อมูลและตัดสินใจมาก เนื่องจากความกลัวอะไรหลายๆอย่างและราคาที่ยังไม่เป็นที่พอใจ จนเราเจอทัวร์ที่มีเพื่อนๆในพันทิปแนะนำ จากนั้นก็ไปตามที่เฟสดูอยู่พักนึงก็ตัดสินใจไปกับทัวร์นี้ จริงๆมีทัวร์ที่เราเห็นว่าน่าสนใจอยู่ 2-3 ทัวร์ แต่เราเลือกอันนี้เนื่องจากเมื่อเปรียบเที่ยบทุกอย่างแล้วรวมๆคือโอเค แล้วโชคชะตาก็ทำให้พวกเราได้มาพบกัน
.
.
ตอนที่เราบอกเพื่อนๆว่าเราจะไปเที่ยวปากีฯ ทุกคนตกใจและมาพร้อมคำถามมากมาย ไปทำไมปากี? มีอะไรเที่ยว? ไม่มีที่อื่นจะเที่ยวหรือ? มันอันตราย อย่าไปเลย
ยิ่งลุงจุ้ยนี่ตัวดีเลย ไม่อยากไปมากๆ เรานี่ต้องต้องใช้พลังในการชักจุงขั้นสุด แต่ลุงแกก็ยังมีแว๊บๆว่าเราไปสวีตเชอร์แลนด์ กันไม่ดีกว่าหรือ เพิ่มเงินนิดหน่อย สวยแน่นอนไม่ต้องเสี่ยงภัยแถมไม่ต้องลำบากด้วย ไปปากีไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง? ไม่กลัวโดนจับไปเชือดหรือเรียกค่าไถ่หรือ? นี่พวกลุงๆที่สวนสาธารณะที่เราไปวิ่งกันทุกอาทิตย์เค้าบอกว่า มีญาติเค้าที่ไปมา โดนจับไปเรียกค่าไถ่ เรียกเงินเป็นล้านๆเลยนะ
เราเลยบอกว่าไม่จริงหรอก ถ้าจริงต้องมีข่าวแล้ว อย่ามา มโนนะลุง ฟังไว้แต่อย่าเชื่อมาก พวงลุงๆแกก็พูดกันไปเรื่อย เราหาข้อมูลอ่านกระทู้คนที่ไปมาแล้ว มีแต่คนบอกว่าน่าไปทั้งนั้น คนไม่เคยไปก็ฟังๆเค้ามา หรือได้ยินจากข่าว ซึ่งเราก็เห็นว่ามันพอมีข่าวบ้างแต่มันเป็นแค่บางจุด ลุงเข้าใจไหมเหมือนที่ประเทศเรานั่นแหละ ที่มันมีปัญหาแค่ 3 จังหวัดชายแดน
ลุงแกก็พยักหน้าหงึกๆ เหมือนจะเข้าใจ แต่......(แต่ใจจริงคงไม่ขี้เกียจเถียงแล้ว เถียงไปก็ไม่ชนะ)
.
.
.
เมื่อหาทัวร์ได้แล้วต่อมาก็เลือกวันเดินทาง ซึ่งสำหรับมนุษย์เงินเดือนวันลาน้อยนิดแล้ว ช่วงที่เหมาะสมที่จะไปดูใบไม้เปลียนสีคือช่วงที่ติดวันหยุดวันปิยะ แต่ทัวร์ที่เราเลือกไปดันไม่มีโปรแกรมเที่ยวที่ Fairy Meadow ช่วงวันปิยะ ที่อยากไปที่นี่เพราะทางไป Fairy Meadow ค่อนข้างอันตรายหวาดเสียว แต่สวยมาก เราชอบไปที่ๆที่มันลำบาก โหดๆหน่อย เพราะคนที่ไป คือคนที่เค้าคัดมาแล้วว่าลำบากได้ คนพวกนี้ความอดทนในการเที่ยวจะสูงกว่าคนปรกติ (ไม่รู้จริงหรือเปล่า) ดังนั้นเราจึงเลื่อนโปรแกรมไปอีก 1 อาทิตย์ จากโปรแกรมเดิม คือไปช่วงปลายตุลาคมค่อมไปต้นพฤศจิกายน ซึ่งก็กลัวๆอยู่ว่าจะทันใบไม้เปลี่ยนสีไหม หรือว่าจะล่วงหมดแล้ว ไปลุ้นๆกัน
เมื่อได้วันแล้วขั้นตอนต่อไปก็จองตั๋วเครื่องบินแล้วก็ไปทำ passport กัน
ทางทัวร์ที่เราจองจะส่งเอกสารจดหมายเชิญ LOI ให้กับลูกทัวร์ล่วงหน้าประมาณ 1-2 เดือน
เอกสารที่ใช้ในการยื่นวีซ่าปากีสถาน (ใช้เวลายื่นวีซ่าประมาณ 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับ ช่วงเวลาที่จะท่องเที่ยว ) ค่าวีซ่า 1,300 บาท ยื่นด้วยตัวเองแต่รับแทนกันได้
1. หนังสือเดินทาง/ทั้งเล่มเก่าและเล่มใหม่ (ถ้ามี)/(พร้อมสำเนา)
2. รูปสีพื้นหลังขาว 2 นิ้ว/ 2 ใบ (รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมแว่นถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน)
3. จดหมายรับรองการทำงาน (ภาษาอังกฤษ) ระบุ ตำแหน่ง เงินเดือน และ วันเดือนปี ที่เริ่มเข้าทำงาน (ฉบับจริง)
4. จดหมายชี้แจงการทำงาน (ภาษาอังกฤษ)/(กรณีประกอบอาชีพโดยไม่มีใบทะเบียนการค้า) ระบุ ตำแหน่ง เงินเดือน
และ วันเดือนปี ที่เริ่มทำ
5. สำเนาหนังสือรับรองของบริษั ท (กรณีเป็นเจ้าของบริษั ท)/(แปลเป็นภาษาอังกฤษ) และ หลักฐานการเงินของบริษัท
6. สำเนาบัตรประชาชน
7. สำเนาทะเบียนบ้าน
8. สำเนาสมุดบัญชีออมทรัพย์ส่วนตัว + สเตทเมนท์ ย้อนหลัง 6 เดือนย้อนหลังถึงปัจจุบัน
9. สำเนาใบสมรส/ใบหย่า (ถ้ามี)/(แปลเป็นภาษาอังกฤษ)
10. สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)/(แปลเป็นภาษาอังกฤษ)
11. สำเนาใบสูติบัตร (กรณีเด็กอายุไม่ถึง 20 ปี)/(แปลเป็นภาษาอังกฤษ)
12. จดหมายเชิญจากปากีสถาน LOI (สำคัญที่สุด)
13. โปรแกรมทัวร์แนบเรื่องประกอบ
14. สำเนาตั๋วเครื่องบิน
สถานทูตปากีสถาน อยู่ติดกับ รพ. บำรุงราษฏร์ ซอย นานา ….จอดรถ รพ. เสียค่าจอดไป 50 บาท หรือจะนั่งรถไฟฟ้าลงสถานีเพลินจิต แล้วเดินเข้าซอยนานาประมาณ 100-200 เมตร
สถานทูตเปิดให้เข้า 9 โมงเช้าเราไปถึงประมาณเกือบ 10 โมง ต้องแลกบัตรเพื่อเข้าไปด้านใน น้องยามบอกว่าพี่โชคดีมากเลยที่มาวันนี้ ถ้ามาเมื่อวานช่วงนี้จะได้คิวที่ประมาณ 60 กว่าแล้ว แต่วันนี้เราได้คิวที่ 30 โอ้โห...เปิดมาก็ดีเลย
พอเข้าไปด้านใน ช่วงที่เข้าไปเค้าก็เรียกถึงประมาณเกือบคิวที่ 10 แล้ว แต่เป็นการเรียกที่เบามากต้องตั้งใจฟัง ซึ่งคิวที่อยู่ก่อนหน้าเราจะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ ยื่นปุ๊บก็รับใบไปจ่ายเงินเลย เร็วเวอร์ๆ
ช่วงที่นั่งรอเราสั่งเกตุเห็นป้าที่มาก่อนแกนั่งอยูนานแล้ว เราก็เลยสงสัยว่ายังไม่ถึงคิวแกอีกหรือ ก็เลยถามว่าแกคิวที่เท่าไหร่ แกบอกคิวที่ 5 เราก็อ่าว... มันผ่านไปแล้วนิ ทำไมไม่ไปบอกเจ้าหน้าที่เค้าล่ะ ป้าแกบอกว่า ไปบอกแล้วแต่เจ้าหน้าที่ให้รอก่อน เราจึงถามว่าแล้วเค้าจะให้รอถึงเมื่อไหร่ ป้าแกก็ว่าไม่รู้แต่ไม่อยากถามเยอะ เดี๋ยวโดนไล่อีก เราจึงแนะนำให้ป้าไปขอบัตรคิวใหม่ ดีกว่านั่งรอเฉยๆ ป้าแกก็กลัวไม่กล้าไปขอใหม่ บอกน้องยามเค้าจดเลขที่พาสปอร์ดไปแล้ว กลัวว่าจะซ้ำกัน เราเลยบอกป้าว่าให้ลองไปขอก่อนถ้าน้องยามไม่ให้เดี๋ยวเค้าก็บอกเราเอง ดีกว่านั่งรอไปเรื่อยๆไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ทำ ถ้าเลยเที่ยงเค้าก็ไม่รับแล้วนะ ป้าแกจึงไปขอบัตรคิวใหม่ได้คิวที่ 50 กว่า (เรามานึกในใจหรือว่าป้าแกจะไม่รีบอยากนั่งตากแอร์ไปนานๆ ฮ่าๆๆๆๆ)
รอประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงก็ถึงคิว ช่วงที่ยื่นเจ้าหน้าที่ไม่ถามสักคำ เรายื่นพร้อมลุงจุ้ย ยื่นเสร็จเจ้าหน้าที่ก็ไล่ให้ไปนั่งรอ เราก็งงเนื่องจากเห็นคิวก่อนหน้าเค้าได้ใบไปจ่ายเงินค่าวีซ่าเลย
เรารออยู่ประมาณ 15 นาที เห็นคนที่ยื่นที่หลังได้ใบไปจ่ายเงินแล้ว เราถึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่ อาบังแกก็ไล่อีก ถามอะไรก็ไม่บอก เราจึงกลับมานั่งรออีกประมาณ 15 นาที บังแกก็เรียกไปรับใบสำหรับไปจ่ายเงินที่ธนาคาร กรุงไทย (ออกจากสถานทูตเลี้ยวขวาแล้วเดินไปประมาณ 200 เมตร) ค่าวีซ่า 1,300 บาท แล้วนำใบเสร็จยื่นที่บังเพื่อรับใบนัดรับเล่มพาสปอร์ต ของเราประมาณ 2 อาทิตย์ถึงจะได้เล่มคืน
.
.
.
ช่วงที่มารับพาสปอร์ตได้คือบ่าย 2 – 4 โมงเย็น เราฝากให้ลุงจุ้ยมารับเล่มคืน ลุงแกกลัวรถติดจึงมาเร็วไปหน่อย ปรากฎว่ามาถึงตอนบ่ายโมง น้องยามเค้าไม่ให้เข้าด้านใน ต้องรอที่หน้าป้อม
ลุงจุ้ยเล่าว่าช่วงที่รอก็มีคนปากีมารับเล่มคืนรออยู่ด้วย จึงได้คุยกัน คุยไปคุยมา หนุ่มปากีก็ส่งขนมมาให้ลุงจุ้ยกิน บอกว่าอร่อยนะ ลุงจุ้ยแกประทับใจมากบอกคนปากีใจดี ไม่เห็นน่ากลัวเหมือนในข่าวเลย อีตาหนุ่มปากีได้ทีเลยบอกว่า ที่ปากีไม่น่ากลัว สถานที่ก็สวยงามเหมือนที่ทางสถานทูตเปิดวีดีโอให้ดูนั่นแหละ จะมีอันตรายก็แค่บางจุดซึ่งเราก็ไม่ควรจะเข้าไปแถวนั้น
พอบ่ายสองโมง น้องยามก็ให้เข้ามาด้านใน แล้วก็ต้องรออีก 1 ชั่วโมง กว่าบังแกจะแจกเล่มคืน (เพื่อนที่มารับเล่มหากไม่อยากรอ ไม่ควรมาก่อนบ่ายสองโมงนะคะ มาช่วงบ่ายสามโมงน่าจะโอเคกว่าจะได้ไม่ต้องรอนาน)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้